Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 351 เงื่อนไขเข้าตระกูล ?
TXV –
หลังจากนั้นพวกเขาก็กลับเข้ามาในบ้านพร้อมกับเตรียมรับประทานอาหารในห้องอาหาร
จำเป็นจะต้องเป็นคนในชุมนุมถ่างงั้นเหรอ? ถึงจะสามารถเรียนรู้ทักษะลับได้ คำถามคือจะเป็นคนในชุมนุมถ่างจะต้องทำอย่างไรหล่ะ ขนาดเป็นลูกบุญธรรมยังไม่สามารถเรียนรู้ได้เลยเพราะถือว่าไม่ใช่คนในอย่างแท้จริง….
ดูเหมือนจะคิดได้อย่างเดียวว่าการจะเป็นคนในชุมนุมถ่างอย่างแท้จริงคือต้องเป็นลูกเขยของพวกเขาซึ่งเหมือนว่าจะต้องแต่งงานกับถ่างหยู่เหยี่ยเท่านั้น
อย่างไรก็ตามถ่างยุนห่ายยังไม่ได้พูดรายละเอียดที่ชัดเจนทำให้เซี่ยเหล่ยไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
เมืองชู่และชุมนุมถ่างพวกเขามีชื่อเสียงและอำนาจมากกว่าตระกูลกู๋ที่เป็นเช่นนี้เพราะชุมนุมถ่างมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่าตระกูลกู๋ทำให้พวกเขาเริ่มมาอำนาจมาก่อนนี่เป็นผลพลอยได้ที่ส่งผลมาถึงปัจจุบัน ดังนั้นหากใครมีโอกาสจะได้เป็นลูกเขยหรือสะใภ้ของบ้านนี้คงไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอนนั่นก็เพราะพวกเขามีทั้งอำนาจและก็เงินทอง แต่เซี่ยเหล่ยไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ซักเท่าไหร่!
”คุณเซี่ย ครอบครัวคุณเป็นอย่างไรบ้าง?” ในห้องอาหารจางหยู่เหม่ยมองหน้าเซี่ยเหล่ยและถามขึ้น
เซี่ยเหล่ยค่อนข้างอึดอัดที่จะพูดแต่สุดท้ายก็ตอบไปว่า “มีแค่ผมเท่านั้นแล้วก็….”
ถ่างหยู่เหยี่ยขัดจังหวะขณะที่เซี่ยเหล่ยพูดและพูดว่า “แม่เองก็เคยเป็นเจ้าหน้าที่ พี่เองก็เป็นเจ้าหน้าที่ แม้แต่ฉันเองก็เป็นเจ้าหน้าที่เหมือนกัน เรื่องค้นหาประวัติเป็นเรื่องง่าย คิดว่าแม่เองก็คงจะทำการบ้านมาบ้างแล้วว่าเขาเป็นคนอย่างไรและครอบครัวเป็นอย่างไร ดังนั้นจะไปถามทำไมล่ะ ? ”
จางหยู่เหม่ยจ้องไปที่ถ่างหยู่เหยี่ยก่อนพูดว่า “ลูกคนนี้อายุเท่าไหร่กันแน่ยังสิบขวบอยู่อย่างนั้นเหรอ? คุณเซี่ยคนนี้เป็นผู้ช่วยชีวิตลูกเอาไว้แล้วจะให้แม่เช็คประวัติของเขาได้อย่างไรหล่ะ? มันเป้นเรื่องที่หยาบคายมาก ”
เมื่อได้ยินที่แม่ตัวเองพูด เธอจึงได้หยุดพูดในที่สุด
จางหยู่เหม่ยตักเป็ดย่างให้กับเซี่ยเหล่ยพร้อมพูดว่า “คุณเซี่ย กินนี่สิ”
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “ขอบคุณครับ”
จางหยู่เหม่ยถามต่อว่า “คุณเซี่ย บริษัทของคุณทำงานเกี่ยวกับอะไรงั้นเหรอ?
เซี่ยเหล่ยถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินคำถาม….
”ได้ยินว่าคุณสามารถดัดแปลงและปรับแต่งจนสามารถทำให้ปืนไรเฟิลยิงได้ไกลกว่าสามพันเมตรเลยนี่ คุณผลิตปืนไรเฟิลรุ่นนี้ในโรงงานของคุณจริงหรือไม่?” ถ่างยุนห่ายถามด้วยความสนใจ
เซี่ยเหล่ยพยักหน้าจากนั้นก็ตอบไปว่า “มันเป็นเรื่องจริง แต่ปืนที่โรงงานเราผลิตได้ตอนนี้จะมีประสิทธิภาพน้อยกว่านั้นระยะหวังผลของมันจะอยู่ที่ราวๆสองพันห้ารอยเมตรแต่อย่างไรก็ตามถึงแม้จะต้องลดความสามารถของมันลงมาบ้างแต่ก็สามารถผลิตมันได้อย่างรวดเร็วและอัตโนมัติ แถมมันยังสามารถสามารถลั่นกระสุนได้ไวกว่าปืนไรเฟิลทั่วไปอีกด้วย”
”เจ้าเด็กนี่…ฮ่าฮ่า…” ถ่างยุนห่ายหัวเราะพร้อมยิ้มให้กับทุกคนจากนั้นก็พูดต่อว่า “คุณเป็นคนที่มีพรสวรรค์จริงๆ ประเทศของเราต้องการคนแบบคุณนี่แหละ ถ้าเราสามารถผลิตปืนไรเฟิลที่ยิงได้ไกลถึงสองพันห้ารอยเมตรและลั่นกระสุนได้ไวกว่าปืนไรเฟิลทั่วไปได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะเป็นปืนไรเฟิลที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกจากเรื่องนี้จะทำให้ประเทศของเราเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นและพวกเขาคงจะได้รับรู้เทคโนโลยีที่ทัดเทียมกับโลกภายนอกของเรา ซึ่งไม่ล้าหลังเหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว”
”ท่านลุงก็ชมกันเกินไป” เซี่ยเหล่ยตอบด้วยความสุภาพ
”ปู่ ปืนของเซี่ยเหล่ยสามารถยิงได้ไกลถึงสามพันสองร้อยเมตร ปู่คิดว่ามันยอดเยี่ยมใช่ไหมหล่ะ?” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดด้วยรอยยิ้มพร้อมพูดต่อว่า “ปู่ไม่ได้เห็นเขาในสนามรบ เขาสามารถสังหารเจ้าหน้าที่ของ CIA มากมายด้วยปืนไรเฟิล”
จางหยู่เหม่ยได้เตะเท้าของถ่างหยู่เหยี่ยจากใต้โต๊ะอาหาร
ถ่างหยู่เหยี่ยที่ไม่รู้ว่าจางหยู่เหม่ยเตะเธอทำไมจึงได้มองกลับไปที่ จางหยู่เหม่ย ด้วยความสงสัย
จางหยู่เหม่ยมองตาขวางไปที่เธอพร้อมพูดกระซิบว่า “อย่าพูดอะไรแบบนั้นสิ ลูกเป็นผู้หญิงนะ แถมพูดอะไรแบบนี้ปู่ของลูกจะเป็นกังวลมากขึ้นไปอีก!”
แต่มันก็คงจะไม่แปลกเนื่องจากถ่างหยู่เหยี่ยตอนนี้ยังไม่ได้เป็นพ่อคนแม่คนจึงยังไม่รู้ถึงความรู้สึกของพวกเขาเพราะพ่อแม่ทุกคนล้วนเป็นห่วงลูก การที่เขาต้องรับรู้ถึงสถานการณ์ที่ลูกหรือหลานของตัวเองที่ต้องเสี่ยงอันตรายจะทำให้พวกเขารู้สึกเจ็บปวดไปด้วย ปู่ของเธอก็เช่นกัน….
”แต่ฉันไม่ได้เป็นคนกลัวการต่อสู้หรอกนะ ฉันเองก็สามารถฆ่าทั้งกองกำลังพิเศษของสหรัฐรวมถึงพวก FBI อีกด้วย ฮ่าฮ่า!” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดอย่างตื่นเต้น
”เซี่ยเหล่ย…” ถ่างถ่างหลงเรียกและพูดต่อว่า “คุณคงจะรู้สึกลำบากมากใช่ไหม? สำหรับการพัฒนาปืนไรเฟิลให้ดีที่สุดเพื่อประเทศของเรา”
เซี่ยเหล่ยตอบกลับไปว่า “ก็ลำบากอยู่พอสมควร อ้อใช่…ลุงถ่าง มีเรื่องที่ผมต้องการจะขอร้องคุณ”
ถ่างถ่างหลงหันหน้ามาที่เซี่ยเหล่ยพร้อมถามออกไปว่า “คุณบอกว่ามีเรื่องให้ผมช่วยใช่งั้นรึ ?”
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “ปืนไรเฟิลของบริษัทผมต้องการเข้าร่วมงานอาวุธที่กรุงมอสโคว์ซึ่งผมไม่ทราบว่าจะต้องขอการอนุมัติจากใคร ผมไม่เคยมีประสบการณ์ในด้านนี้มาก่อน คุณสามารถช่วยผมในเรื่องนี้ได้มั้ย?”
”ได้เลย เรื่องนี้ผมช่วยจัดการได้แต่อย่างไรก็ตามเมื่อคุณได้ไปที่งานนิทรรศการแล้วต้องสร้างชื่อเสียงให้กับเราให้ได้หล่ะ” ถ่างถ่างหลงพูด.ไอลีนโนเวล.
เซี่ยเหล่ยตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้มว่า “เรื่องนี้ไม่มีปัญหา ผมจะต้องสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศของเราให้ได้”
”เฮ้เฮ้…จะว่าไปทำไมคุณถึงได้พูดสุภาพขนาดนั้นหล่ะ?” ถ่างถ่างหลงพูดพร้อมทำหน้าไม่ค่อยพอใจ
จางหยู่เหม่ยพูดเสริมว่า “ใช่…ไม่จำเป็นต้องสุภาพขนาดนั้นหรอกนะ เพราะที่นี่ก็เหมือนเป็นบ้านของคุณเอง”
จังหวะนี้ถ่างหยู่เหยี่ยก็เตะเท้าแม่ของตัวเองใต้โต๊ะอาหาร
หลังจากนั้นจนจบการรับประทานอาหารก็ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีก
โดยทั่วไปแล้วกังฟูสามารถเรียนรู้ได้ไม่ยากเพราะมีโรงเรียนเปิดสอนมากมายแต่ในความเป็นจริงแล้วที่โรงเรียนสอนเหล่านั้นไม่ได้สอนอย่างมีประสิทธิภาพมากพอตามที่เซี่ยเหล่ยต้องการ ทักษะอาวุธลับก็เช่นกันไม่ได้มีสอนกันทั่วไปตามโรงเรียนยิ่งเป็นของตระกูลถ่างที่มีชื่อเสียงแล้วด้วยการลอกเลียนแบบและนำมาเปิดสอนคงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นหากไม่ได้เรียนรู้ตามที่ตั้งใจไว้ เซี่ยเหล่ยก็ทำใจล่วงหน้าเอาไว้แล้ว
ตอนนี้ถ่างหยู่เหยี่ยเดินออกมาส่งเซี่ยเหล่ยหน้าบ้านส่วนคนที่เหลือก็เดินขึ้นไปชั้นสองเพื่อต้องการปรึกษาหารือกันในเรื่องนี้
ในตอนนี้ใกล้กับหน้าต่างตรงชั้นสองของบ้าน คนในตระกูลถ่างยังคงถกเถียงและพูดคุยกันถึงเรื่องนี้
”เซี่ยเหล่ยคนนี้ มีธุรกิจเป็นของตัวเองแถมไม่เคยแต่งงานมาก่อนและยังเป็นคนที่มีเสน่ห์อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้ช่วยชีวิตถ่างหยู่เหยี่ยเอาไว้อีก! “จางหยู่เหม่ย พูดพร้อมรอยยิ้มในขณะที่มองไปที่เซี่ยเหล่ยที่พูดคุยอยู่กับถ่างหยู่เหยี่ยหน้าบ้าน
”เจ้าหมอนี่โดยรวมแล้วทุกอย่างก็ดีอยู่ เขาค่อนข้างจะเจียมเนื้อเจียมตัว” ถ่างยุนห่ายพูด
จางหยู่เหม่ยมองตาโตไปที่ถ่างยุนห่ายพร้อมพูดว่า “แล้วความเจียมเนื้อเจียมตัวไม่ใช่ข้อดีงั้นเหรอ?”
”เฮ้เฮ้เฮ้…ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย ผมเองก็รู้หรอกหน่าว่าเขาเป็นผู้มีพระคุณของเราแต่ไม่ว่ายังไงหากเขาต้องการเรียรรู้ทักษะลับของเรา เขาก็ต้องผ่านเงื่อนไขของเราให้ได้เสียก่อน “ถ่างยุนห่ายพูดพร้อมรอยยิ้ม
จางหยู่เหม่ยกล่าวว่า “แม้ว่าตอนนี้เขาจะยังไม่ใช่คนในตระกูลถ่างของเราแต่อนาคตก็ไม่แน่หรอก ไม่ต้องรีบร้อน ฮ่าฮ่า…”
ถ่างยุนห่ายมองไปที่ถ่างถ่างหลงแล้วพูดขึ้นว่า “มีความคิดเห็นอย่างไรบ้างหล่ะ? ไม่ชอบเซี่ยเหล่ยงั้นเหรอ?”
ถ่างถ่างหลงเงียบอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “ก็มีอยู่หรอกนะ”
ถ่างยุนห่ายและจางหยู่เหม่ยต่างมองไปที่เขาพร้อมด้วยท่าทางอยากรู้อยากเห็น
ถ่างถ่างหลงได้พูดขึ้นว่า “น้องชายคนนี้ เป็นคนที่แปลกมาก”
”หมายความว่าไง?” ถ่างยุนห่ายและจางหยู่เหม่ย อุทานออกมาพร้อมกัน
”เมื่อหนึ่งปีที่แล้ว เขาเป็นเพียงคนงานธรรมดาๆทั่วไปเท่านั้นแต่หลังจากวันนั้นจนถึงวันนี้เขากลับกลายเป็นนักธุรกิจที่มีมูลค่าทรัพย์สินมากกว่าหนึ่งพันล้านแถมยังเป็นเจ้าหน้าที่คนสำคัญของสำนักงานลับ 101 อีกด้วย เรื่องนี้ไม่แปลกงั้นเหรอ? ”
”มันก็เป็นเรื่องแปลกนั้นแหละแต่ยังไงซะการที่เขามาถึงจุดนี้ได้ก็ไม่ใช่เพราะไม่ขโมยหรือโกงใครเขามาแถมเขายังทำผลงานให้กับประเทศอีกด้วย คุณสมบัติแบบนี้ไม่ดีงั้นเหรอ? “ถ่างยุนห่ายพูดในมุมมองของเขา
ถ่างถ่างหลงถอนหายใจและพูดต่อว่า “ก็จัดว่าดีมากเลยหล่ะ แต่ด้วยความเป็นจริงที่ว่ามานี้ ทำให้มีคนจับตามองเขามากมาย ถ้าเขาไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเราก็ถือว่าดีไปแต่ถ้าเขาเป็นปัญหาแล้วละก็อาจจะทำให้ตระกูลถ่างของเราที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเป็นร้อยปีต้องด่างพร้อยไปด้วย ข้อนี้ก็น่าคิด? ”
ถ่างยุนห่ายเงียบลงครู่หนึ่งและทำท่าเหมือนกำลังคิดเพราะคำพูดของถ่างถ่างหลงมีเหตุผล
จางหยู่เหม่ยพูดว่า “ถ่างหลง คุณจะบอกว่าเซี่ยเหล่ยมีปัญหาอะไรอยู่งั้นเหรอ? คนแบบเขาจะไปมีปัญหากับใครได้? ”
ถ่างยุนห่ายส่ายหัวและพูดว่า “ผมเองก็ไม่รู้แต่สัญชาติญาณของผมบอกว่าเขายังมีความลับอีกมากมายที่ไม่ได้บอกใคร”
จางหยู่เหม่ยพูดขึ้นว่า “งั้นก็ลืมเรื่องนี้ไปก่อน เพราะไม่มีแม้แต่หลักฐานอะไรบ่งชี้เลยหากเรามัวแต่รอช้าลูกสาวของฉันไม่ต้องแต่งงานหลังอายุสามสิบปีเลยงั้นเหรอ ฉันไม่ยอมให้เกิดเรื่องนี้หรอกนะ! ”
ถ่างถ่างหลงยิ้มอย่างขมขื่นพร้อมมองไปที่เซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยที่อยู่หน้าบ้าน จากนั้นก็เดินออกจากห้องไป
”ไม่จำต้องไปส่งผมหรอก” เซี่ยเหล่ยพูดต่อว่า “ผมจะหารถกลับเอง ”
ถ่างหยู่เหยี่ยพูดว่า “คุณเป็นอะไรรึป่าว? ให้ฉันไปส่งคุณดีกว่า”
”ผมต้องการไปที่ตึกเหวี้ยนเทียนผมกลับมาที่นี่ซักพักแล้วแต่ก็ไม่ได้ไปทักทายเธอเลย ” เซี่ยเหล่ยพูด
ถ่างหยู่เหยี่ยเข้าใจทันทีพร้อมพูดว่า “คุณต้องการเจอเฉินตูเทียนหยินสินะ ไม่ใช่ปัญหาเลย ฉันช่วยไปส่งคุณได้นะ” เธอพูดต่อว่า “หลังจากส่งเสร็จแล้วฉันจะกลับทันที สบายใจได้ฉันไม่รบกวนเวลาของพวกคุณแน่นอน”
เซี่ยเหล่ยยิ้มแต่ไม่ได้พูดตอบอะไรไป ความสัมพันธ์ของเขาและเฉินตูเทียนหยินแม้จะยังไม่ชัดเจนแต่เขาก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องอธิบายอะไรให้ถ่างหยู่เหยี่ยฟัง
ทั้งคู่เดินไปขึ้นรถของถ่างหยู่เหยี่ย หลังจากนั้นก็ออกเดินทางไปยังตึกเหวี้ยนเทียนบรรยากาศในรถตอนนี้เงียบมาก ถ่างหยู่เหยี่ยจึงเริ่มพูดขึ้นว่า “แม่ของฉันเป็นคนพูดไปเรื่อยดังนั้นอย่างใส่ใจคำพูดของแม่ฉันเลย”
เซี่ยเหล่ยยิ้มพร้อมพูดว่า “ป้าจาง หน่ะเหรอ? ผมชอบท่านนะ”
”จริงๆแล้วฉันอายจนไม่กล้าพูดถึงวิธีการที่จะต้องมาเป็นคนในชุมนุมถ่างก่อนหน้านี้ ดังนั้นเรื่องที่คุณต้องการเรียนรู้ทักษะของพวกเราคิดว่าคงจะเป็นไปไม่ได้หรอกนะ” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดขอโทษด้วยความเสียใจ
เซี่ยเหล่ยตอบกลับไปว่า “ก็ดีแล้ว การที่ครอบครัวของคุณมีกฏเช่นนี้จะทำให้ความสามารถและทักษะของพวกคุณจะไม่ไปตกอยู่ในมือคนนอกตระกูล มันเป็นเรื่องที่ดีสำหรับพวกคุณ”
ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “คุณยังคงพูดอย่างมีเหตุผลเหมือนเดิมเลยแต่ถ้าคุณต้องการจะเรียนรู้จริงๆ ฉันสามารถสอนบางอย่างให้คุณได้”
”อืม…ขอบคุณนะ” เซี่ยเหล่ยพูด
ในตอนนี้รถของถ่างหยู่เหยี่ยที่ทั้งคู่นั่งมาได้ขับมาถึงตึกเหวี้ยนเทียนแล้ว เซี่ยเหล่ยพูดลาถ่างอยู่เหยี่ยในรถและเดินลงจากรถ
หลังจากเซี่ยเหล่ยลงไปแล้ว ถ่างหยู่เหยี่ยก็ขับรถออกไปทันที
ตรงหน้าเขาเป็นตึกเหวี้ยนเทียนซึ่งมันมีขนาดใหญ่มาก รูปร่างของตึกถูกแบ่งแยกออกเป็นสองส่วน มันมีลักษณะคล้ายกับปีกขนาดเล็กหากดูจากมุมมองด้านบนจะรู้ว่ามันสวยมาก
เมื่อมองภายนอกของตึกเรียบร้อยแล้ว เซี่ยเหล่ยก็เดินเข้าไปภายในและตรงไปยังล็อบบี้ทันที
ติดตามตอนต่อไป………..