Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 356 วางแผนแก้แค้น !
TXV –
อเลน่ายังคงร้องเพลงและเต้นไปอย่างมีความสุข…….
เพลงที่กำลังเล่นอยู่ในตอนนี้ค่อนข้างจะถูกใจเซี่ยเหล่ยพอสมควร มันทำให้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เมื่อกลับมาถึงเมืองชิงตู เซี่ยเหล่ยยังไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนและเขาก็ยังไม่เจอบุคคลที่น่าสงสัยที่อาจจะเกี่ยวข้องกับอันซูฮยอนอีกเลยด้วย
จังหวะนี้เซี่ยเหล่ยก็หยุดคิดเพราะคิดไปก็ไม่ได้อะไร เขาจึงเดินไปหาอเลน่าพร้อมพาเธอไปยังห้องอาหารส่วนตัว
เมื่ออยู่ในห้องอาหารส่วนตัว
”ลูคัส” อเลน่าพูดเป็นภาษาเยอรมันและพูดต่ออีกว่า “งานนิทรรศการอาวุธที่จะจัดขึ้นที่กรุงมอสโคใกล้จะถึงแล้วดังนั้นเราต้องเร่งมือกันหน่อยเพื่อจะได้เตรียมการให้เรียบร้อย”
เซี่ยเหล่ยตอบกลับไปเป็นภาษาเยอรมันว่า “ผมได้ขอให้ถ่างถ่างหลงช่วยจัดการเรื่องใบสมัครแล้วตอนนี้ก็รอผลจากเขาอยู่”
อเลน่าพูดว่า “เรื่องปืนฉันเองก็ได้จัดการไว้เรียบร้อยหมดแล้ว”
เซี่ยเหล่ยยิ้มและตอบกลับไปว่า “อืม…ส่วนการเดินทางคุณก็สบายใจได้ แม้ว่าการจะไปยังประเทศตะวันตกจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากแต่ถ้าเป็นรัสเซียก็ไม่มีปัญหา”
”อื้ม…ฉันมีลางสังหรณ์ว่าปืนไรเฟิล XL2500 ของเราจะต้องมีชื่อเสียงในรัสเซีย มันจะต้องสร้างประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับเราได้อย่างแน่นอน”อเลน่าพูด
เซี่ยเหล่ยพยักหน้าเพราะเห็นด้วยกับคำพูดของเธอตอนนี้ปืนไรเฟิล XL2500 ถือว่าเป็นปืนไรเฟิลที่มีประสิทธิภาพและทันสมัยมากที่สุดในโลกนั่นก็เพราะสถิติปืนไรเฟิลที่ดีที่สุดในโลกก่อนหน้านี้เป็นของประเทศสหรัฐอเมริกาที่สามารถยิงได้ไกลถึงสองพันสองร้อยเมตรแต่ก็เทียบไม่ได้กับ XL2500 ของเซี่ยเหล่ยที่สามารถยิงได้ไกลกว่าสองพันหกร้อยเมตรและนี่ถือเป็นข้อแตกต่างอย่างมาก เหล่าทหารในสนามรบจะรู้กันดีเพราะแค่ระยะสิบเมตรในสนามรบก็มีความหมายอย่างมากกับชีวิตของพวกเขาแล้ว!
”ปืนไรเฟิลที่มีประสิทธิภาพสูงสุดตอนนี้ของสหรัฐมีราคาอยู่ที่ราวๆหนึ่งล้านหยวน คุณคิดว่าปืนไรเฟิลของเราควรมีราคาเท่าไหร่ดีหล่ะ?” อเลน่าถาม
เซี่ยเหล่ยคิดอยู่ครู่หนึ่งและตอบกลับไปว่า “เนื่องจากประสิทธิภาพปืนไรเฟิลของเราตอนนี้ถือว่าดีที่สุดในโลกแล้วดังนั้นผมคิดว่าเราควรจะขายแพงกว่าราคาของปืนไรเฟิลที่ดีที่สุดของสหรัฐซักหน่อย ผมมองว่าเราควรที่จะตั้งราคาขายต่างประเทศอยู่ที่หนึ่งล้านสองแสนหยวนและสำหรับภายในประเทศอยู่ที่หนึ่งล้านหยวน”
”มันจะไม่ถูกเกินไปเหรอ?” อเลน่าถาม
เซี่ยเหล่ยยิ้มและตอบกลับไปว่า “เราเพิ่งจะเริ่มทำธุรกิจด้านอาวุธ พวกเรายังไม่มีชื่อเสียงหากเราขายแพงเกินไปคนอาจจะไม่สนใจอาวุธของเราซักเท่าไหร่”
”อืม ที่คุณพูดมาก็ถูก” อเลน่าพูด
ตอนนี้อาหารของเซี่ยเหล่ยและอเลน่าก็เตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว พนักงานเสิร์ฟก็ได้จัดแจงใส่รถอาหารและเข็นไปยังห้องอาหารส่วนตัวที่พวกเขารออยู่
ในเวลานี้ก็มีผู้ชายจากห้องอาหารข้างๆเรียกพนักงานเสริฟที่จะมาเสิร์ฟอาหารให้เซี่ยเหล่ยเป็นภาษาเกาหลี
จังหวะเดียวกันนี้ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยว่า ” อันซูจุน พนักงานเสิร์ฟที่นี่ไม่เข้าใจภาษาเกาหลีหรอกนะ คุณควรจะพูดภาษาจีนมากกว่า”
เซี่ยเหล่ยได้ยินเสียงของผู้หญิงคนนั้นก็ตัวแข็งในทันที
มันเป็นเสียงที่คุ้นเคยมากนั่นก็เพราะมันเป็นเสียงของเซี่ยเสวีย
“ทำไมเซี่ยเสวียถึงมาอยู่ที่นี่?” เซี่ยเหล่ยรู้สึกสงสัย
“แล้วคนเกาหลีคนนั้นเป็นใคร?” เซี่ยเหล่ยยังคงสงสัยอีก
ตาซ้ายของเซี่ยเหล่ยกระตุกเล็กน้อย หลังจากนั้นกำแพงไม้ที่กั้นระหว่างห้องก็หายไป ภาพที่ปรากฏขึ้นในสายตาของเซี่ยเหล่ยเป็นภาพของเซี่ยเสวียที่เดินมากับหนุ่มเกาหลีใต้ที่ดูหล่อมาก
เซี่ยเสวียและชาวเกาหลีใต้คนนั้นดูสนิทสนมกันมาก
หน้าผากของเซี่ยเหล่ยเหี่ยวย่นทันทีพร้อมกับพูดว่า “ผู้ชายคนนี้มีชื่อจริงว่า อันและดูเหมือนจะชื่อซูมันอาจจะเกี่ยวข้องกับอันซูฮยอนหรือไม่นะ? ”
แต่ความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะมีความเกี่ยวข้องกันเป็นไปได้สูง เมื่อคิดได้แบบนั้น เซี่ยเหล่ยก็โกรธขึ้นมาทันที
ในความคิดเห็นของเขา อันซูฮยอนจะต้องเกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนี้อย่างแน่นอน ซึ่งหากจะแก้แค้นเขาด้วยวิธีที่ดีที่สุด มันไม่ใช่การฆ่าเขา แต่เป็นการทำร้ายเซี่ยเสวีย น้องสาวของเขาแทน!
เซี่ยเสวียไม่รู้ว่าพี่ชายของเธอกำลังมองเธออยู่ในห้องถัดไปด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ
แต่การที่เซี่ยเหล่ยจะโกรธก็ไม่แปลกเพราะในความเป็นจริงเขาไม่ได้ห้ามให้เซี่ยเสวียมีความรักกับใครแต่มันต้องไม่ใช่กับชายเกาหลีคนนี้เพราะเขาอาจจะรู้จักกับอันซูฮยอนก็เป็นได้!
”ลูคัสทำไมคุณไม่กินหล่ะ? ที่กำแพงมีอะไรงั้นเหรอ? หรือว่าเป็นแมงมุม? เห็นคุณจ้องอยู่ตั้งนานแล้ว” อเลน่าถามด้วยความสงสัย
”มันเป็นแมลงสาบ!” เซี่ยเหล่ยพูดด้วยความโกรธ
“แมลงสาบงั้นเหรอ? อยู่ที่ไหนหล่ะ? ” อเลน่าพูด
”คุณอยู่ที่นี่ก่อนนะ ผมขอไปห้องน้ำหน่อย” เซี่ยเหล่ยพูดและลุกขึ้นเดินออกไปทันทีโดยไม่รอให้อเลน่าพูดตอบอะไร
อเลน่ามองไปที่เซี่ยเหล่ยในขณะที่กำลังเดินออกจากห้องอาหารจากนั้นก็พึมพัมกับตัวเองว่า “เขาเป็นอะไรของเขาไปหล่ะเนี่ย? เมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลย”
แม้ว่าเซี่ยเหล่ยจะไม่ได้พูดอะไรแต่อเลน่าก็สังเกตท่าทางที่ผิดปกติของเซี่ยเหล่ยได้
เซี่ยเหล่ยเดินไปห้องอาหารที่ติดกับห้องของตัวเอง เขายืนอยู่หน้าห้องอยู่ซักพักเพราะลังเลว่าจะเปิดประตูเข้าไปเลยดีไหม
เขาคิดว่าหากเปิดประตูเข้าไปและเข้าไปจัดการกับหนุ่มเกาหลีใต้คนนี้เลยโดยที่เซี่ยเสวียไม่รู้เหตุผล มันคงจะทำให้เธอโกรธและไม่พอใจอย่างแน่นอนและผลลัพธ์คงจะออกเลวร้ายอย่างแน่นอน
ดังนั้นเซี่ยเหล่ยเลยเลือกที่จะกระตุกตาซ้ายก่อนจะมองทะลุเข้าไปในห้องอีกครั้งและคอยสังเกตสถานการณ์อยู่เงียบๆ…..
”น้องเสวีย เธอเป็นคนที่น่าสนใจจริงๆ” อันซูจุนมองไปที่เซี่ยเสวียพร้อมพูดอย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน
เซี่ยเสวียที่อายจนเขิลหน้าแดงได้ตอบกลับไปว่า “คุณก็พูดอะไรกันเนี่ย….”
อันซูจุนยกมือขึ้นพร้อมชูสามนิ้วและพูดขึ้นว่า “น้องเสวีย ผมสาบานเลยว่าผมจะรักคุณแค่เพียงคนเดียวในชีวิตนี้ผมไม่เคยรักใครมากเท่าคุณมาก่อนเลย ผมจะรักคุณไปจนวันตาย”
”เราเพิ่งจะรู้จักกันได้เพียงหนึ่งเดือนเองนะ แล้วฉันจะเป็นคนที่คุณรักมากที่สุดได้อย่างไร?” แม้เซี่ยเสวียจะพูดออกมาแบบนี้แต่ใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่สดใส
แม้คำพูดหวานๆที่หลายๆคนอาจจะรู้สึกเลี่ยนแต่ไม่ใช่กับเซี่ยเสวียเพราะดูเหมือนเธอจะชอบมันไม่น้อย
อันซูจุนจับมือของเซี่ยเสวียพร้อมพูดว่า “น้องเสวี่ย ผมต้องควักหัวใจของผมออกมาก่อนหรือเปล่าคุณถึงจะเชื่อ”
เซี่ยเสวียตอบว่า “ลองเอามันออกมาให้ฉันดูซิ”
อันซูจุนได้ปลดกระดุมเม็ดบนออกเล็กน้อยก่อนจะเปิดอกด้านซ้ายเพื่อให้เห็นตัวหนังสือที่สักไว้ตรงหัวใจว่า “ชีวิตนี้จะรักแค่เซี่ยเสวียเท่านั้น!”
”คุณ …… มันคงเจ็บหน้าดู” เซี่ยเสวียพูด
”น้องเสวีย ผมรักคุณจริงๆ” อันซูจุนพูด.ไอลีนโนเวล.
แก้มของเซี่ยเสวียยังคงเป็นสีแดงอยู่ตลอดเวลาด้วยความเขิน
อันซูจุนได้ขยับเข้าไปใกล้กับเซี่ยเสวียและทำท่าเหมือนกำลังจะจูบเธอ
เซี่ยเสวียขยับตัวถอยหลังพร้อมพูดขึ้นว่า “หากพี่ฉันรู้ ฉันจะโดนว่าแน่ๆ”
“พี่ชายของคุณ พี่ชายของคุณ พี่ชายของคุณ อะไรอะไรก็พี่ชายของคุณ” อันซูจุนพูดซ้ำอย่างไม่พอใจและพูดต่ออีกว่า “อะไรกัน นี่คุณก็โตแล้วมันจะเป็นอะไรไป คุณจะให้พี่ชายอยู่กับคุณไปตลอดชีวิตเลยอย่างนั้นเหรอ? เราไม่สามารถแสดงความรักให้กันได้เลยอย่างนั้นใช่มั้ย? แล้วแบบนี้อนาคตพวกเราจะอยู่ด้วยกันได้อย่างไร”
เซี่ยเสวียตอบกลับไปว่า “ฉันยังไม่ได้บอกว่าเราไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ เพียงแค่เรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลา….. ”
เซี่ยเหล่ยที่อยู่นอกห้องรู้สึกผ่อนคลายอยู่เงียบๆคนเดียว ที่รู้ว่าน้องของเธอยังคงรักนวลสงวนตัวอยู่
”เอาล่ะ ผมเคารพการตัดสินใจของคุณและผมก็หวังว่าเมื่อได้เจอพี่ชายของคุณ เขาคงจะชอบผมและอนุญาตให้ผมได้คบกับคุณนะ ไม่อย่างนั้นผมคงได้ขาดใจตายแน่ๆ” อันซูจุนพูด
”ไม่หรอก พี่ชายของฉันไม่ได้เป็นคนหัวโบราณ เขาไม่ว่าอะไรหรอก” เซี่ยเสวียพูดพร้อมกับรอยยิ้มและพูดขึ้นอีกว่า “พี่ชายของฉันเป็นคนตรงๆ และมีความสามารถในหมัดหวิงชุนดังนั้นอย่าทำอะไรไร้สาระหล่ะไม่อย่างนั้นคุณได้เจ็บตัวแน่ ”
อันซูจุนคว้ามือของเซี่ยเสวียและพูดอย่างอ่อนโยนว่า “น้องเสวีย ต่อจากนี้ไปแม้ว่าจะไม่มีพี่ชายของคุณคอยดูแลแล้วแต่ผมจะเป็นคนปกป้องและดูแลคุณต่อจากนี้เอง ผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายคุณได้!”
ตรงทางเดินตอนนี้มีพนักงานเสิร์ฟเข็นรถอาหารตรงมาที่เซี่ยเหล่ยดูเหมือนเขาจะเข้าไปเสิร์ฟในห้องของเซี่ยเสวียเมื่อเห็นเขายืนอยู่หน้าประตูห้องอาหารก็พูดขึ้นว่า “คุณผู้ชาย ขอทางให้ผมหน่อยได้ไหม?”
เซี่ยเหล่ยตอบกลับไปว่า “ขอโทษที” พูดเสร็จเซี่ยเหล่ยก็เบี่ยงตัวหลบ
เซี่ยเหล่ยปล่อยให้พนักงานเสิร์ฟเปิดประตูและเข็นรถเข้าไปภายในห้อง หลังจากนั้นเขาก็ได้กลับมายืนอยู่ในตำแหน่งเดิมเพื่อดูสถานการณ์ต่อไป
จู่ๆพนักงานเสิร์ฟก็เสิร์ฟอาหารลงบนโต๊ะจนเกือบจะหมดจนเหลือแต่ไวน์อยู่หนึ่งขวด เขาก็หันไปมองที่ประตูและพบว่าเซี่ยเหล่ยยังคงยืนอยู่ที่เดิมด้วยความสงสัยเขาจึงถามออกไปว่า “คุณผู้ชาย ต้องการให้ผมช่วยอะไรไหม? ”
เซี่ยเหล่ยรีบตอบกลับไปอย่างรวดเร็วว่า “ไม่เป็นไร ไม่รบกวนดีกว่า”
พูดเสร็จเขาก็เบี่ยงตัวหลบไปจากประตูเพื่อไม่ให้พนักงานเสิร์ฟเห็นว่าเขายังยืนอยู่ตรงนั้น
ด้านพนักงานเสิร์ฟเมื่อเทไวน์ลงในแก้วเสร็จก็เข็นรถออกจากห้องไปเมื่อเห็นว่าพนักงานเสิร์ฟกำลังเดินออกมาเซี่ยเหล่ยก็รีบไปหลบตรงซอกข้างๆห้องเมื่อเห็นว่าเขาเดินผ่านไปแล้วเซี่ยเหล่ยก็ค่อยออกมายืนสังเกตสถานการณ์ในตำแหน่งเดิม
จังหวะนี้อันซูจุนมองไปที่เซี่ยเสวียเพื่อดูปฏิกิริยาของเธอก่อนจะพูดว่า “น้องเซี่ย ดูนั่นสิ” พูดเสร็จก็ชี้นิ้วออกไปด้านหลังของเธอ
เซี่ยเสวียหันหน้าตามทันที
จังหวะที่เซี่ยเสวียหันหน้าไปทางอื่น อันซูจุนก็ได้ใส่ยาเม็ดสีขาวลงไปในแก้วไวน์ของเธอหนึ่งเม็ดระยะเวลาที่ใช้ใส่ยาลงในแก้วไวน์เพียงแค่สองวินาทีเท่านั้น
ด้านเซี่ยเสวียที่หันไปมองและไม่เห็นว่ามีอะไรเลยก็ได้หันกลับมาหาอันซูจุน และพูดด้วยท่าทางที่โมโหว่า “คุณหลอกฉันนี่ ไม่เห็นมีอะไรเลย”
ถึงแม้ว่าเซี่ยเสวียจะหันไปมองทางอื่นไม่นานแต่เมื่อเธอหันกลับมา เธอก็ไม่เห็นว่าในแก้วของเธอนั้นถูกใส่ยาเสพติดลงไปภายในเรียบร้อยแล้วแต่การกระทำทั้งหมดของอันซูจุน เซี่ยเหล่ยสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน
”ผมจะหลอกคุณทำไมหล่ะ? จริงๆแล้วผมแค่อยากให้คุณแปลกใจ” หลังจากพูดจบอันซูจุนก็หยิบอัญมณีสีแดงออกมาจากกระเป๋าเสื้อและส่งมันให้กับเซี่ยเสวีย
”สวยมากเลย” เซี่ยเสวียพูดด้วยความตื่นเต้น
”ถ้ามันไปอยู่กับคุณแล้ว มันจะต้องทำให้คุณสวยและสง่ามากกว่าตอนนี้แน่นอน” อันซูจุนพูดพร้อมยกแก้วไวน์ขึ้นเพื่อต้องการชนแก้วกับเธอ
เซี่ยเสวียเองก็ยกแก้วไวน์ของตัวเองขึ้นมาเช่นกัน
”กิ๊ง…” เสียงแก้วของทั้งคู่ชนกัน
เซี่ยเสวียกำลังจะดื่มไวน์หลังจากชนแก้วทันที…
ปัง!! จังหวะนี้ประตูห้องอาหารของเธอก็ถูกเปิดออกอย่างแรงพร้อมกับเซี่ยเหล่ยที่เดินเข้ามาอย่างฉุนเฉียว
”พี่?” เซี่ยเสวียอุทานออกมาด้วยความตกใจ
”นี่พี่ชายของคุณงั้นเหรอ?” อันซูจุนพูดพร้อมกับมองไปที่เซี่ยเหล่ยด้วยสายตาที่เคียดแค้นแต่เพียงครู่เดียวเท่านั้นเพราะหลังจากนั้นไม่นานเขาก็รีบแสดงสีหน้ายิ้มแย้มออกมาและเดินไปหาเซี่ยเหล่ยพร้อมพูดขึ้นว่า “คุณเซี่ย ผมเป็นแฟนกับเซี่ยเสวีย ผมควรจะเรียกคุณว่า….. ”
ยังไม่ทันที่อันซูจุนจะได้พูดจนจบเซี่ยเหล่ยก็ยกมือขึ้นมาพร้อมตบไปที่ใบหน้าของเขาอย่างรุนแรง
เพี๊ยะ ! เสียงตบดังสนั่นห้อง
อันซูจุนเซเล็กน้อยก่อนจะตั้งหลักและหันกลับมาพูดอย่างโมโหออกไปว่า “คุณทำบ้าอะไรของคุณ?”
”พี่!” เซี่ยเสวียเองก็เรียกพี่ชายเสียงดังด้วยความงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
แม้ว่าเซี่ยเหล่ยจะตบหน้าอันซูจุนไปอย่างแรงแล้วแต่ภายในใจของเขาก็ยังโกรธอยู่ดังนั้นเขาจึงตรงไปหาอันซูจุนอีกครั้งพร้อมกับใช้เข่าตีไปที่ท้องของเขาอย่างแรงอีกหนึ่งครั้ง อันซูจุนที่ทนความเจ็บปวดไม่ไหวจึงล้มลงไปคุกเข่าอยู่ที่พื้น
“นี่พี่! ทำอะไรของพี่หน่ะ! ” เซี่ยเสวียพูดพร้อมรีบวิ่งไปห้ามเซี่ยเหล่ยที่กำลังทำร้ายอันซูจุน
ติดตามตอนต่อไป……………