Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 358 ล้วงความลับ !
TXV –
ในตอนนี้ตำรวจได้เข้ามาภายในและรวบตัวอันซูจุนที่กำลังบ้าคลั่ง
ส่วนอเลน่าก็ได้ขับรถ SUV พาเซี่ยเสวียกลับโรงงานผลิตอาวุธส่วนเซี่ยเหล่ยก็ออกมาด้านนอกพร้อมเรียกรถแท็กซี่และตรงไปยังสำนักงานลับ 101
เมื่ออยู่บนรถแท็กซี่แล้ว เซี่ยเหล่ยได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและพยายามที่จะโทรหาลู่เชิงแต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้นั่นก็เพราะโทรศัพท์ของเขาปิดเครื่อง
ในขณะนี้เซี่ยเหล่ยรู้สึกแปลกใจอย่างมาก
เซี่ยเหล่ยได้ให้เขาทำหน้าที่เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแต่ความหมายที่แท้จริงของตำแหน่งก็คือการให้เขาคอยปกป้องเซี่ยเสวียซึ่งครั้งนี้เขาควรจะอยู่กับเธอแต่เขากลับหายไปและไม่สามารถติดต่อได้
เซี่ยเหล่ยมีลางสังหรณ์ว่าจะเกิดอะไรบางอย่างที่ไม่ดีขึ้นกับลู่เชิง
ซึ่งถ้าหากมีลู่เชิงอยู่ เซี่ยเสวียจะไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายแบบนี้ นั่นก็เพราะเขามีประสบการณ์ในการเป็นกองกำลังพิเศษแถมยังศึกษาหมัดหวิงชุนมาหลายปีแล้วด้วย อันซูจุนไม่มีทางได้เข้าใกล้เธอแน่ๆ แผนของอันซูฮยอนและอันซูจุน ก็คงไม่มีทางเกิดขึ้นได้
การที่อันซูฮยอนและอันซูจุนเริ่มแผนในวันนี้ก็คงเป็นเพราะลู่เชิงไม่ได้อยู่กับเซี่ยเสวียด้วย!
ยิ่งคิดเรื่องนี้เท่าไหร่ เซี่ยเหล่ยก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้นเพราะสิ่งที่เขาไม่อยากให้เกิดมากที่สุดก็คือการที่มีคนอื่นมาทำร้ายน้องของเขาแต่อันซูจุนก็ได้ทำเรื่องนี้ขึ้น เขาจะต้องรับผิดชอบ!
เซี่ยเหล่ยนั่งรถมาเรื่อยๆ จนมาถึงสำนักงานลับ 101 เขาก็เจอเข้ากับหลงบิงตรงทางเข้า
”ฉันเพิ่งได้รับข่าว” ไม่ทันที่เซี่ยเหล่ยจะได้พูดหลงบิงก็ชิงพูดขึ้นมาก่อนและก็พูดต่ออีกว่า “ตอนนี้คุณใจเย็นๆก่อน”
เซี่ยเหล่ยตอนนี้คล้ายกับสัตว์ร้าย เขาพร้อมที่จะลงมือกับใครหน้าไหนก็ได้หากว่าคนๆนั้นมาทำร้ายเซี่ยเสวีย
เซี่ยเหล่ยตอบกลับไปว่า “ผมทำงานให้กับสำนักงานลับ 101 แต่ตอนนี้กลับมีศัตรูที่คิดแก้แค้นผมด้วยการใช้น้องสาวของผมเป็นเหยื่อ คุณจะให้ผมใจเย็นงั้นเหรอ แถมบอดี้การ์ดของน้องสาวผมก็หายไปและไม่สามารถติดต่อได้เลย คุณจะให้ผมใจเย็นได้อีกอย่างนั้นเหรอ? ”
หลงบิงเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า “ลู่เชิง แม้ว่าเขาจะเป็นคนมีความสามารถแต่ฉันคิดว่าเขาไม่เหมาะสมเท่าไหร่หรอกนะที่จะทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดให้กับน้องสาวของคุณ”
เซี่ยเหล่ยขมวดคิ้วและพูดอย่างไม่พอใจเล็กน้อยว่า “คุณต้องการจะพูดอะไรกันแน่”
”เอาล่ะ ฉันรู้ว่าคุณไม่พอใจแต่ก็ใจเย็นก่อน ” หลงบิงพูดต่อว่า “ฉันคิดว่าที่จริงแล้วลู่เชิงควรจะบอกคุณว่าตอนนี้น้องสาวของคุณกำลังมีความรักหรือคบอยู่กับใคร ” หลงบิงพูด
“เซี่ยเสวียเป็นคนที่รักอิสระมาก ผมเดาว่าเธอคงจะแอบคุยกับอันซูจุนโดยที่ลู่เชิงอาจจะไม่รู้เรื่องนี้ก็เป็นได้หรือไม่ก็ลู่เชิงอาจจะรู้เรื่องนี้แล้วแต่น้องสาวของผมก็บอกกับเขาว่าไม่ให้บอกผม ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้จริงผมก็ไม่โทษเขาหรอกนะ” เซี่ยเหล่ยพูด
หลงบิงยักไหล่ก่อนพูดขึ้นว่า “ฟังจากที่คุณพูดมา คุณเป็นคนแบบไหนกันแน่?”
”แม้ว่าผมจะไม่พอใจที่เขาหายตัวไปแต่ผมก็ไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล” เซี่ยเหล่ยพูดต่ออีกว่า “และการที่ผมมาที่นี่ก็เพราะต้องการให้อันซูจุนถูกสอบสวนและผมจะต้องเป็นคนสอบสวนเขาด้วยตัวเอง”
”นี่ …… ” หลงบิงพูดและพูดอีกว่า “ฉันต้องถามผู้บริหารฉือก่อน”
ประตูสำนักงานลับเปิดออกอย่างกระทันหันและฉือโบเหยิยนเป็นคนเปิดประตูออกมาเอง เขาเดินออกมาจากทางเข้าพร้อมพูดกับเซี่ยเหล่ยและหลงบิงว่า “มันจะเป็นการสอบสวนแบบตรงไปตรงมาหรือไม่? หากเป็นแบบนั้นก็ไม่มีปัญหา! แต่ห้ามทำอะไรเกิดกว่าเหตุเด็ดขาด!”
เซี่ยเหล่ยหันไปพูดกับฉือโบเหยิยนทันทีว่า “ขอบคุณ ผู้บริหารฉือ ”
ฉือโบเหยิยนได้หันมาพูดกับเซี่ยเหล่ยอย่างจริงจังว่า “แต่ผมจะบอกอะไรเอาไว้ก่อนเลยว่าหากคุณทำอะไรเกินกว่าที่ควรจะเป็นแล้วเรื่องมันมาถึงผมจนทำให้ผมตกงาน ผมจะคิดบัญชีกับคุณแน่”
บนใบหน้าของเซี่ยเหล่ยยังคงมีรอยยิ้มและพูดกลับไปว่า “ขอบคุณอีกครั้ง ผู้บริหารฉือ”
”เอาหล่ะ รีบไปกันได้แล้ว ” ฉือโบเหยินพูดพร้อมสะบัดมือให้พวกเขารีบไปได้แล้ว
จังหวะนี้ก่อนที่เซี่ยเหล่ยจะเดินไปเขาได้หันกลับมาพูดก่อนว่า “ผู้บริหารฉือ ความจริงเรื่องนี้ผมไม่ได้มีส่วนผิดเลยนะเพราะถ้าผมไม่ได้ไปเกาหลีใต้เพื่อขโมยดาบอาทิส์ล่ากลับมา ผมก็คงไม่กลายเป็นศัตรูกับอันซูฮยอน ”
ฉือโบเหยิยนจ้องไปที่เซี่ยเหล่ยเพราะอยากจะเถียงในสิ่งที่เขาพูดแต่ก็ไม่มีคำพูดใดลบล้างคำพูดของเซี่ยเหล่ยได้เพราะนั่นคือความจริงที่เกิดขึ้น
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป เซี่ยเหล่ยและหลงบิงได้หนังสืออนุญาตและกำลังเดินทางไปยังสถานีตำรวจที่คุมขังอันซูจุนเอาไว้
ผู้กำกับหลี่ได้รับหนังสืออนุญาตจากเซี่ยเหล่ยและหลงบิงเมื่อเขาทำความเข้าใจข้อความภายในหนังสืออนุญาตแล้วเขาก็พาเซี่ยเหล่ยและหลงบิงไปที่ห้องคุมขังของ อันซูจุน
ในขณะนี้อันซูจุนนั่งอยู่ภายในห้องขังเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เขาก็หันมาเห็นเซี่ยเหล่ยผู้ซึ่งกำลังเดินเข้ามา เขาก็รีบพุ่งตัวมาจับรั้วเหล็กพร้อมพูดอย่างฉุนเฉียวว่า “ไอ้สารเลว! ผมจะฟ้องคุณ! ”
ในขณะนี้เซี่ยเหล่ยไม่สนใจคำขู่ของอันซูจุนแม้แต่น้อย….
ผู้กำกับหลี่ขมวดคิ้วก่อนพูดว่า “ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่หยิ่งมาก เขาพูดซ้ำๆเพียงแค่ว่าเขาเป็นคนเกาหลี เขาต้องการพบเจ้าหน้าที่จากสถานกงสุลและทนายความ เราได้เชิญล่ามเพื่อมาคอยแปลภาษาเพื่อต้องการสื่อสารกับเขาแต่เมื่อพูดภาษาเกาหลีกับเขาแต่เขาดันพูดภาษาอังกฤษตอบกลับมา ”
”คุณมาจับผมเรื่องอะไร คุณควรจะจับตัวผู้ชายคนนี้มากกว่า เขาเป็นคนร้าย เขาทำร้ายผมทำไมคุณไม่จับเขาหล่ะ คุณต้องจับเขาสิ!” อันซูจุนพูดอย่างไม่พอใจ
ผู้กำกับหลี่ยิ้มเล็กน้อยก่อนพูดว่า “พูดอะไรของคุณ? เขาเป็นเจ้าหน้าที่ที่จะมาจัดการเรื่องนี้โดยตรง ดังนั้นผมจะไม่ยุ่งกับเรื่องนี้อีกแล้ว”TXV – 359 หมดหนทางช่วย !
TXV– 359 หมดหนทางช่วย !
ในตอนนี้มีกลุ่มคนเดินเข้ามาหลายคน ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับหลี่หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่นๆก็ไม่สามารถหยุดกลุ่มคนเหล่านั้นไม่ให้เข้ามาไม่ได้นั่นก็เพราะมีคนใหญ่คนโตของสถานทูตเกาหลีและเจ้าหน้าที่ระดับสูงมากันหลายคน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไม่อาจออกตัวและทำอะไรผลีผลามได้
อย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยไม่ได้คาดหวังเอาไว้ว่าอันซูฮยอนจะอยู่ในกลุ่มคนเหล่านี้ แต่ในความเป็นจริงไม่เป็นอย่างที่คาดไว้เพราะอันซูฮยอน ชูคูรีและคิมจียอนก็มากับพวกเขาด้วย
อันซูฮยอนเดินออกมาด้านหน้ากลุ่มคนอย่างสง่าและองอาจพร้อมกับมองไปที่เซี่ยเหล่ยด้วยสายตาที่กำลังดูถูกและเหยียดหยามเขา
เซี่ยเหล่ยเองก็มองไปที่อันซูฮยอนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปมองชูคูรีและคิมจียอน เพียงแค่แว๊บแรกเขาก็สัมผัสได้ว่าทั้งสองคนไม่ใช่คนธรรมดาแม้ว่าจะไม่เห็นรังสีของการฆ่าฟันแต่สัญชาตญาณก็บอกได้ว่าต้องคอยระวังพวกเขาเอาไว้ให้ดี
”คุณทำอะไรของคุณ?” ทูตของเกาหลีพูดตะคอกพร้อมพูดต่ออีกว่า “ทำไมคนเกาหลีใต้ของเราถึงต้องคุกเข่าอยู่กับพื้น? ใครก็ได้อธิบายมาเดี๋ยวนี้! ”
คิ้วของหลงบิงย่นเล็กน้อย เธอเดินมาด้านข้างของเซี่ยเหล่ยพร้อมกระซิบกับเขาสั้นๆ “จำคำเตือนของผู้บริหารฉือได้มั้ย ว่าจะไม่ทำให้เขาเดือดร้อน”
เซี่ยเหล่ยพยักหน้าเล็กน้อย เขาเองก็รู้ว่าถ้าหากมีปัญหาเกิดขึ้นกับคนระดับนี้ มันจะทำให้ฉือโบเหยินมีปัญหาได้
”พวกเขาทำร้ายผม!” อันซูจุนรีบตะโกนขึ้นทันทีและยังพูดต่ออีกว่า “ผมได้รับบาดเจ็บและผมต้องการจะฟ้องพวกเขา!”
กงสุลราชทูสถานทูตเกาหลีใต้ถามขึ้นว่า “พวกเขาบังคับให้คุณคุกเข่าใช่มั้ย?”
”พวกเขาบังคับให้ผมคุกเข่าลงและยังเตะ …เอ่อ…ด้านล่างของผมด้วย!” อันซูจุน พูด
”โอเค!” กงสุลสถานทูตเกาหลีพูด เขายิ่งโกรธมากขึ้นไปอีกและเขายังพูดต่ออีกว่า “คุณต้องอธิบายมาเดี๋ยวนี้ ถ้ามันไม่สมเหตุสมผลละก็ เราจะได้ไปเจอกันในศาล!”
อันซูฮยอนหัวเราะเยาะก่อนจะพูดว่า “คราวนี้พยานหลักฐานชัดเจนอย่างมาก ถ้าเขายังไม่โดนจับประเทศจีนจะยังเป็นประเทศที่ปกครองด้วยกฏหมายได้อย่างนั้นเหรอ? ”
อันซูจุนในตอนนี้ก็ฉลาดมาก เขาเริ่มจะร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดแต่มันไม่ใช่การแสดงทั้งหมดเพราะในความเป็นจริงนั้น เขาก็รู้สึกเจ็บมากจริงๆ เพียงแค่ร้องออกมาเพื่อเพิ่มความเห็นใจ
เซี่ยเหล่ยจับไหล่ของอันซูจุนพร้อมกับบีบและพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ไม่มีใครทำร้ายคุณ ไม่มีใครบอกให้คุณคุกเข่า มันเป็นสิ่งที่คุณทำเองเพราะรู้สึกผิดนี่”
”คุณพูดอะไรไร้สาระ!” อันซูจุนพูดพร้อมลุกขึ้นยืนความกลัวที่มีก่อนหน้านี้ได้หายไปแล้ว
จังหวะนี้เซี่ยเหล่ยก็ไม่ได้สนใจอันซูจุนแล้ว เขาเดินออกไปด้านหน้ากลุ่มคนและเผชิญหน้ากับอันซูฮยอนซึ่งๆหน้า
”คุณต้องการจะทำอะไร?” อันซูฮยอนพูดและยังพูดอีกว่า “ถ้าคุณกล้าที่จะแตะต้องตัวผมที่นี่ล่ะก็ ก็เตรียมรับผลที่จะตามมาได้เลย”
เมื่ออันซูฮยอนพูดจบเซี่ยเหล่ยก็ยกมือขึ้นและจับไปที่ไหล่ของเขาพร้อมกับพูดว่า “แบบนี้หรือเปล่าที่เรียกว่าแตะต้อง?”
”คุณ …… ” พูดแต่ก็พูดออกมาไม่หมด เขากลืนคำพูดลงไปในคอเรียบร้อยแล้ว
เซี่ยเหล่ยตบไหล่ของอันซูฮยอนหนึ่งครั้งก่อนจะพูดว่า “อันซูฮยอน ในความเป็นจริงแล้วพวกเราก็ไม่ได้ลงรอยกันซักเท่าไหร่แต่เรื่องนี้คุณล้ำเส้นเกินไป จริงๆแล้วคนๆนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องกับคุณหรือไม่? ”
”แล้วยังไงหล่ะ?” อันซูฮยอนพูดพร้อมผลักมือของเซี่ยเหล่ยออกจากไหล่ตัวเอง และยังพูดต่ออีกว่า “คุณบอกว่าผมล้ำเส้นเกินไป ผมไม่รู้ว่าคุณหมายความว่ายังไงแต่ที่ผมบอกได้เลยก็คือมันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด จากเรื่องราวที่ผมได้ยินมาคือลูกพี่ลูกน้องของผมกำลังมีความรักกับน้อสาวของคุณ พวกเขารักกันมากและอาจจะเกิดเรื่องโรแมนติกขึ้นบนเตียง แต่จะว่ายังไงดีผมก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่า….. ”
เซี่ยเหล่ยขัดจังหวะพูดของอันซูฮยอนด้วยคำพูดว่า “ต้องการยั่วให้ผมโกรธงั้นเหรอ? มันยังไม่พอหรอกนะ และผมจะบอกอะไรคุณไว้ก่อนเลยว่า ลูกพี่ลูกน้องของคุณได้กระทำผิดทางอาญา และตอนนี้ก็กำลังรอการลงโทษจากกฎหมาย คุณคิดว่าจะพาเขาไปได้งั้นเหรอ? ตลกจริงๆ คุณคิดว่าที่นี่คือที่ไหนกันหล่ะ? ”
”คดีอาญาอะไร?” กงสุลสถานทูตเกาหลีใต้พูดขัดจังหวะและยังพูดต่ออีกว่า “คุณอย่ามาพูดอะไรไร้สาระ ผมจะพาเขาไปจากที่นี่และเดี๋ยวนี้”
เซี่ยเหล่ยหัวเราะเยาะเย้ยก่อนจะตอบกลับไปว่า “เขาอยู่ในสถานที่ที่เป็นสาธารณะพร้อมกับเปลือยกายและข่มเหงผู้หญิงอย่างไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด มันเป็นการกระทำที่อุกอาจและถือเป็นการกระทำที่ดูหมิ่นศักดิ์ศรีของพวกผู้หญิงเหล่านั้น หากไม่มีใครเข้าไปห้ามมันอาจจะร้ายแรงถึงขึ้นข่มขืนก็ได้ โชคดีที่ตำรวจได้เข้ามาจับกุมตัวเขาได้ทันเวลาและอีกอย่างเราก็พบว่าในตัวเขามียาเสพติดชนิดใหม่จำนวนหนึ่ง คุณรู้หรือไม่ว่าประเทศของเราเข้มงวดกับเรื่องนี้มากขนาดไหนและที่สุดแล้วแม้ว่าในชั้นศาลจะให้ความเห็นใจบ้าง แต่ผมเองก็ไม่รู้ว่าบทสรุปของเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปหรอกนะ ”
จู่ๆใบหน้าของอันซูจุนก็ซีดทันทีนั่นก็เพราะว่าเขาเองรู้ดีว่าตัวเองได้ใส่ยาเสพติดลงไปในแก้วไวน์ ซึ่งถ้าตรวจสอบก็จะพบอย่างแน่นอน
”คุณโกหก!” กงสุลสถานทูตเกาหลีพูดต่อว่า “ผมเตือนไว้ก่อนเลยว่า ถ้าหากไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดและมาพูดลอยๆแบบนี้ ผมจะฟ้องคุณในข้อหาหมิ่นประมาท! ”
”เจ้าคนโง่ ผมขี้เกียจเกินกว่าที่จะอธิบายให้คุณฟัง” เซี่ยเหล่ยพูดอย่างเฉยชาและหันไปพูดกับอันซูจุนต่ออีกว่า “คุณอาจจะกลบเกลื่อนเรื่องที่เกิดขึ้นกับพวกผู้หญิงเหล่านั้นได้ แต่คุณไม่มีทางที่จะกลบเกลื่อนเรื่องยาเสพติดชนิดใหม่ที่คุณใช้ได้หรอกนะ ผลที่ตามมามันจะทำให้คุณไม่สามารถไปที่ไหนได้อีกเหลยหล่ะ!!”
คนเหล่านี้ที่มาพร้อมกับอันซูฮยอนก็เพราะพวกเขาเล็งเห็นถึงผลประโยชน์ที่จะตามมาในอนาคตหากให้ช่วยเหลือเขาไว้ในตอนนี้แต่ถ้าหากเรื่องนี้มีความเสี่ยงที่จะพลอยโดนร่างแหไปด้วย พวกเขาก็ไม่อยากที่จะให้ความช่วยเพราะจะทำให้ตัวเองเสี่ยงไปด้วย
หลงบิงพูดว่า “ผู้กำกับหลี่ ได้มอบอำนาจให้เราเป็นคนจัดการเรื่องนี้แล้ว”
ผู้กำกับหลี่พูดว่า “เอาหล่ะ ผมยกเขาให้กับพวกคุณ” เมื่อพูดเสร็จเขาก็เดินออกไปทันที
จังหวะนี้อันซูจุนก็ตะโกนออกมาว่า “กลับมาเดี๋ยวนี้! เฮ้…กลับมา! ไอ้บ้าเอ๊ยยย! แล้วมึงจะต้องเสียใจในวันหลัง! ”
”คุณใจเย็นๆก่อน” ลองบิงพูดพร้อมกับหยิบกุญแจขึ้นมาและไขประตูห้องขัง
”เฮ้…คนสวย คุณมีเงินเดือนปีนึงเท่าไหร่? ผมจะให้เงินคุณเป็นสองเท่าหากคุณมานอนกับผมหนึ่งคืน ” อันซูจุนพูดด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่หยาบคายพร้อมจ้องไปที่หลงบิง
จังหวะนี้หลงบิงก็ได้ใช้เข่ากระแทกไปที่หน้าท้องของ อันซูจุน อย่างรุนแรง เขาล้มลงคุกเข่ากับพื้นทันที
เซี่ยเหล่ยขมวดคิ้วเล็กน้อยเขารู้สึกว่าอันซูจุนเป็นคนที่โง่มากแม้ในเวลานี้เขาก็ยังทำอะไรโง่ๆอยู่
”เอามือมา” หลงบิงพูดอย่างเยือกเย็น เธอต้องการให้เขายื่นมือมาเพื่อจะปลดกุญแจมือ
อันซูจุนลุกขึ้นยืนแน่นอนว่าเขาไม่ได้ทำตามที่เธอสั่ง เขาปิดปากและพร้อมที่จะยั่วอารมณ์ของหลงบิงอีกครั้ง
แต่เขายังไม่ทันจะได้พูดอะไร หลงบิงที่เห็นว่าเมื่อเขาไม่ยอมทำตามคำสั่ง เธอจึงเตะไปที่ระหว่างขาของเขาทำให้เขาจุกอย่างมากและล้มลองไปนอนกองกับพื้นอีกครั้ง
หลังจากอันซูจุนล้มลงไปแล้ว หลงบิงก็จับขาทั้งสองข้างของเขาแยกออกจากกันและใช้เท้าเหยียบไปเต็มแรงตรงเป้าของเขา
”อ๊ากกกก !” อันซูจุนร้องออกมาเสียงดังเสียงมันเหมือนกับหมูกำลังจะโดนเชือด
”เอามือมา” หลงบิงพูดและยังพูดอีกว่า “ฉันจะพูดอีกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ถ้ายังขัดขืนคุณได้เจ็บมากกว่านี้แน่ ”
ตอนนี้อันซูจุนก็หลั่งน้ำตาออกมา มันเป็นน้ำตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความไม่พอใจแต่ถึงอย่างนั้นหลงบิงก็ไม่อ่อนข้อและยอมปล่อยเขา เธอยังคงเหยียบอยู่ที่เดิมและยังขยี้เป็นบางครั้ง
อันซูจุนเองก็ยังคงร้องด้วยความเจ็บปวด
เซี่ยเหล่ยเริ่มสงสัยว่าส่วนลับของอันซูจุนยังใช้การได้อยู่อีกไหมเมื่อโดนหลงบิงเหยียบอย่างรุนแรงซะขนาดนั้น
ตอนนี้หลงบิงก็ได้ปล่อยขาทั้งสองข้างของอันซูจุน พร้อมกับเอื้อมมือไปปลดกุญแจมือก่อนที่จะจิกผมของเขาพร้อมกับพูดอย่างเยือกเย็นว่า “ฉันจะเตือนเพียงแค่ครั้งเดียว ถ้ายังมาล้อเล่นกับฉันอีก ฉันจะทำให้มันใช้เข้าห้องน้ำไม่ได้อีกตลอดไป”
บนใบหน้าของอันซูจุนซีดทันที มันแสดงให้เห็นถึงความกลัว
”คุกเข่าเดี๋ยวนี้!” หลงบิงตะคอกเสียงดัง
อันซูจุนรีบคุกเข่าทันทีแม้ว่าจะยังเจ็บไม่หาย
กลายเป็นว่าตอนนี้อันซูจุนกลับมายอมทำตามทุกอย่างที่เธอสั่ง
หลงบิงมองไปที่เซี่ยเหล่ยหนึ่งครั้งก่อนพูดว่า “ตอนนี้เขาเป็นของคุณแล้ว เริ่มจัดการเลย”
เซี่ยเหล่ยพยักหน้าและลากเก้าอี้มาตั้งด้านหน้าอันซูจุนจากนั้นก็ถามเขาไปอย่างเยือกเย็นว่า “ผมมีคำถามง่ายๆเพียงไม่กี่คำถาม คุณจะตอบผมไหม?”
อันซูจุนจ้องไปที่เซี่ยเหล่ยอย่างเย็นชาและทำสีหน้าไม่พอใจ
หลงบิงจิกหัวของอันซูจุนให้เชิดขึ้นจากด้านหลังพร้อมกับตะคอกอีกว่า “พูดเดี๋ยวนี้!”
”ผม……ผมจะทำตามทุกอย่าง” อันซูจุนพูดโดยอัตโนมัติเห็นได้ชัดว่าเขากลัวหลงบิงมาก
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “เอาล่ะ งั้นคำถามแรก คุณเริ่มติดต่อกับน้องสาวของผมนานแค่ไหนแล้ว? ”
”ผมและน้องสาวของคุณ…… ” อันซูจุนทำท่าทางคิดและพูดขึ้นว่า “เป็นเวลาหนึ่งเดือน”
”คุณทำอะไรไปแล้วบ้างในเวลาที่ผ่านมา?” เซี่ยเหล่ยถามต่อ
”ผมยังไม่ได้ทำอะไรน้องคุณเลย น้องคุณเป็นคนหัวโบราณ ผมใช้เวลากว่ายี่สิบวันจึงจะเริ่มสานความสัมพันธ์ต่อจากคำว่าเพื่อนกับเธอได้ ”
เขาประสบความสำเร็จโดยใช้เวลาเพียงแค่ยี่สิบวันในการเข้าไปกุมหัวใจของเซี่ยเสวียได้จนในที่สุดเขาก็กลายเป็นแฟนหนุ่มของเธอ
”คำถามที่สองของผมคือ ปกติน้องสาวของผมจะมีบอดี้การ์ดอยู่ใกล้ๆตลอดเวลาแล้วคุณมาใกล้ชิดและทำความรู้จักกับเธอได้อย่างไร?” เซี่ยเหล่ยถามต่อ
”ผมย้ายโรงเรียนมาจากเกาหลีใต้และได้มาอยู่ห้องเดียวกับเซี่ยเสวีย เรากลายเป็นเพื่อนร่วมห้องกันในตอนแรกแถมตอนนั้นน้องสาวของคุณเองก็ระวังตัวมากด้วย ดังนั้นบอดี้การ์ดเลยไม่สงสัยในความสัมพันธ์ระหว่างผมและเธอ ”
”ผมจะถามคุณอีกสองข้อเป็นคำถามสุดท้าย” เซี่ยเหล่ยพูดต่อทันทีว่า “คุณมีความสัมพันธ์ยังไงกับอันซูฮยอน? แล้วตอนนี้บอดี้การ์ดของน้องสาวผมอยู่ที่ไหน? ”
”ผม…… ” อันซูจุนพูดออกมาได้นิดเดียวก็เอามือมาปิดปากตัวเองไว้
เซี่ยเหล่ยเดินไปหาอันซูจุนพร้อมกับใช้ทั้งสองมือตบไปที่ไหล่ของเขาอย่างแรงและกำลังจะพูดว่า “….…”
จู่ๆในขณะนี้ก็มีเสียงฝีเท้าหลายเสียงเดินอยู่ด้านหน้าห้องขัง เซี่ยเหล่ยยังไม่ทันจะได้พูดก็รีบหันไปดู
”คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะกักตัวประชาชนของประเทศเราไว้!” เป็นเสียงของผู้ชายคนหนึ่งพูดออกมาและยังพูดต่ออีกว่า “ผมมีสิทธิ์ในการปกป้องเขาและผมขอใช้สิทธินั้นเดี๋ยวนี้!”
”ผมเป็นทนายความ!” เป็นเสียงของผู้ชายอีกคนที่พูดขึ้นและยังพูดต่ออีกว่า “ถ้าคุณไม่ทำตามขั้นตอนทางกฏหมาย ผมมีสิทธิ์ที่จะยื่นฟ้องร้องต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงเพื่อให้คุณรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น!”
จังหวะนี้เซี่ยเหล่ยก็คลายมือที่จับไหล่ของ อันซูจุนออกพร้อมกับเดินถอยหลังไปหนึ่งก้าว….
ติดตามตอนต่อไป…………..