Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 368 เรื่องราวซับซ้อน !
TXV –
”ปู่….นั่นคืออะไร? ทำไมที่นี่มีนกมากมาย พวกมัน…..” เฉินเค่อเฉวียนพึมพัมออกมา
เขาเรียกใครว่าปู่?
ในห้องพยาบาลหวางเหล่ยหลงบิงและเซี่ยเหล่ยกำลังจ้องไปที่เฉินเค่อเฉวียน ด้วยความสงสัย
เฉินเค่อเฉวียนเองก็จ้องไปที่ทั้งสามคนเช่นกันหลังจากนั้นก็พูดขึ้นอีกว่า “ที่รัก กลับกันได้หรือยัง ฉันคิดถึงบ้าน ”
หวางเหล่ยส่ายหัวพร้อมกับพูดขึ้นว่า “บ้า…เขามันบ้าไปแล้ว มันน่าเสียดายจริงๆ ดร. เฉินเค่อเฉวียนอยู่ในทีมของเราและเขาก็ยังเป็นสมาชิกคนสำคัญของเราสำหรับโครงการนี้ด้วยแต่กลับเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับเขา น่าเสียดายจริงๆ”
”ทำไมเขาถึงเป็นบ้าไปหล่ะ?” หลงบิงถามและถามต่ออีกว่า “แล้วก่อนหน้านี้เคยมีอาการแบบนี้มาก่อนหรือปล่าว?”
”ไม่ ไม่เคยมีมาก่อนเลย” หวางเหล่ยพูดและพูดต่ออีกว่า “เรารู้ว่าเขาไม่เคยมีประวัติที่เกี่ยวข้องกับจิตเวชมาก่อนเลย ”
ในขณะที่หลงบิงและหวางเหล่ยกำลังคุยกันอยู่นั้นเซี่ยเหล่ยก็เอาแต่จ้องปฏิกิริยาของเฉินเค่อเฉวียนอย่างเงียบๆคนเดียว
เฉินเค่อเฉวียนเป็นบ้าไปแล้วแน่นอนจากมุมมองของคนทั่วไปอาการที่เขาแสดงออกมานั้นชี้ให้เห็นว่าเขาเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ แต่อย่างไรก็ตามหากเอาคำพูดของเขามาวิเคราะห์อย่างละเอียดทั้งหมดนั้นจะเห็นว่ามันเป็นเบาะแสของอะไรบางอย่าง
”การที่เขาพูดถึงทหาร พูดถึงเจ้าหญิงและพูดถึงนกนั้นมันไม่น่าจะใช่เรื่องบังเอิญ เจ้าหญิงที่เขาพูดขึ้นมาอาจจะเป็นเจ้าหญิงหยงเหม่ยในราชวงศ์หมิงก็ได้ นกที่เขาพูดขึ้นมานั้นอาจจะเป็นค้างคาวที่อยู่ตรงประตูสุสานก็ได้” เซี่ยเหล่ยกำลังวิเคราะห์เรื่องราวอยู่เงียบๆคนเดียว
จังหวะนี้หวางเหล่ยก็หันมาถามกับเซี่ยเหล่ยว่า “คุณเซี่ย คุณมีความเห็นว่าอย่างไรบ้าง? ”
เซี่ยเหล่ยตอบกลับไปว่า “ก็มีอยู่หรอกแต่ผมคิดว่าผมไม่ควรพูดอะไรไร้สาระออกไป”
หลงบิงมองไปที่เซี่ยเหล่ยตาโตพร้อมสกิดแขนของเขาและพูดขึ้นว่า “ทำไมคุณพูดแบบนั้นหล่ะ”
หวางเหล่ยยังคงถามต่ออีกว่า “คุณเซี่ย ถ้าคุณมีความเห็นอะไรก็บอกเรามาได้”
ในความเป็นจริงเซี่ยเหล่ยถูกห้ามไม่ให้มีส่วนร่วมในโครงการนี้แต่ตอนนี้เขาทั้งถูกถามความคิดเห็นและถูกขอให้เขียนรายงานอีก เขาคิดว่ามันไม่ยุติธรรมหากบอกออกไปทั้งหมดแต่ควรจะเกริ่นพอให้พวกเขามีความอยากรู้มากขึ้นเพื่อให้ตัวเองได้เข้ามามีส่วนร่วมในโครงการนี้ให้ได้
เซี่ยเหล่ยยิ้มและพูดขึ้นว่า “ผมมีความคิดบางอย่างและมันอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ดร. เฉินเป็นบ้า ”
หวางเหล่ยถามอย่างกังวลว่า “มันคืออะไร?”
เซี่ยเหล่ยตอบกลับไปว่า “ตอนนี้ความคิดของผมค่อนข้างจะสับสนให้เวลาผมหน่อย ผมขอจัดระเบียบความคิดของผมก่อนแล้วผมจะบอกคุณอีกครั้ง ”
หวางเหล่ยขมวดคิ้วทันทีตอนนี้เขารู้สึกหงุดหงิดในตัวของเซี่ยเหล่ยมาก
จังหวะนี้หลงบิงก็พูดขึ้นว่า “เซี่ยเหล่ย นักวิชาการหวางได้ขอให้คุณทั้งเขียนรายงานและขอความคิดเห็นของคุณดังนั้นเอาแบบนี้ดีไหม คืนนี้คุณพักอยู่ที่นี่พร้อมกับจัดระเบียบความคิดซะใหม่จากนั้นก็เขียนรายงานและความเห็นให้กับเขาพร้อมส่งในตอนเช้า คุณว่าดีหรือไม่? ”
”ตกลง ผมเอาตามนี้” เซี่ยเหล่ยพูด
”นักวิชาการหวาง คุณหล่ะติดขัดอะไรหรือเปล่า คุณคิดว่าแบบนี้ดีหรือไม่?” หลงบิงหันไปถามความคิดเห็นของหวางเหล่ย
แม้ว่าในความเป็นจริงหวางเหล่ยไม่ต้องการให้เรื่องเป็นแบบนี้แต่เขาก็พยักหน้าและพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ ผมจะให้คนจัดที่พักให้กับคุณแต่อย่างไรก็ตามผมจะเตือนคุณไว้ก่อนเลยว่าที่นี่ไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนหรือถามอะไรกับใครต่อใครก่อนได้รับอนุญาตได้หรอกนะ ”
”ไม่มีปัญหา” หลงบิงตอบพร้อมมองไปที่เซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยเองก็ตอบว่า “ไม่มีปัญหาเหมือนกัน”
เฉินเค่อเฉวียนยังคงพูดอะไรบางอย่างคนเดียวด้วยเสียงที่เบามาก ซึ่งเซี่ยเหล่ยให้ความสนใจกับคำพูดเหล่านั้นทุกคำ
ในช่วงเวลาที่พวกเขาคุยข้อตกลงกันอยู่เมื่อครู่นี้เซี่ยเหล่ยพบว่า เฉินเค่อเฉวียน ได้เปลี่ยนอัตลักษณ์ไปหลายตัวตนแล้วไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือแม้แต่เด็ก
ในใจของเซี่ยเหล่ยแอบคิดขึ้นว่าเฉินเค่อเฉวียนไม่ได้บ้า! แต่ทำไมเขาถึงมีอาการแบบนี้ได้หล่ะ มันเป็นเรื่องยากที่จะสรุปในตอนนี้
ตอนนี้หวางเหล่ยได้พาทั้งเซี่ยเหล่ยและหลงบิงออกจากห้องพยาบาลก่อนจะพาทั้งคู่ไปยังที่พักภายในห้องพักของเซี่ยเหล่ยมีอุปกรณ์พร้อมไม่ว่าจะเป็นทั้งคอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊ค พวกเขาเตรียมสิ่งเหล่านี้เพื่อให้เซี่ยเหล่ยสามารถเขียนรายงานได้อย่างสมบูรณ์และรวดเร็วที่สุดแต่ในความเป็นจริงเมื่อเซี่ยเหล่ยเดินเข้าไปในห้องพัก เขากลับล้มตัวลงนอนบนเตียงเลยทันทีโดยที่ไม่ได้มีความคิดที่จะแตะต้องคอมพิวเตอร์เลย
เขาไม่ได้วางแผนจะส่งรายงานและเขียนรายงานภายในคืนนี้เพราะเขารู้ว่าถ้าเขียนจนเสร็จและส่งเลยในพรุ่งนี้เช้า พวกเขาก็จะไล่ให้เซี่ยเหล่ยกลับทันทีนั่นก็เพราะว่าเขาหมดประโยชน์แล้วจึงไม่มีความจำเป็นจะต้องอยู่ต่อ
เมื่อเขานอนลงบนเตียงเรียบร้อยแล้ว เขาก็กระตุกตาซ้ายเล็กน้อยก่อนจะมองทะลุไปยังห้องที่อยู่ซ้ายมือของเขา
มันเป็นห้องสำหรับจัดเก็บอุปกรณ์ต่างๆสำหรับการทดลองและสำหรับการวิจัย เมื่อเห็นว่าไม่มีประโยชน์อะไรเซี่ยเหล่ยก็เพิ่มความเข้มของมุมมองในการมองทะลุ ภายในหนึ่งวินาทีต่อไปเขาก็สามารถมองไปยังห้องถัดไปอีกสองห้องทางซ้ายได้
ห้องที่อยู่ถัดไปทางด้านซ้ายอีกสองห้อง ภายในเป็นเหมือนห้องทำงาน มันมีทั้งคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่จำเป็นอื่นๆอีกมากมาย บนโต๊ะมีป้ายชื่อวางอยู่เขียนไว้ว่า หวางเหล่ย Aileen-novel
”ห้องทำงานของหวางเหล่ยงั้นเหรอ?” เซี่ยเหล่ยตื่นเต้นทันทีนั่นก็เพราะหวางเหล่ยเป็นผู้จัดการโครงการโดยตรงแน่นอนว่าเขาจะต้องเก็บข้อมูลทุกๆอย่างไว้ไม่ว่าจะเป็นทั้งในกระดาษหรือในคอมพิวเตอร์ก็ตาม…… ”
แม้ว่าจะอยู่ห่างออกไปถึงสองห้องแต่ดวงตาของเซี่ยเหล่ยก็พยายามค้นหาข้อมูลที่มีค่ามากที่สุดเท่าที่จะหาได้
หลังจากสอดส่องไปเรื่อยๆ เขาก็พบกับแฟ้มกระดาษต้องสงสัยหนึ่งแฟ้มอยู่ภายในลิ้นชักของเขา
หน้าปกแฟ้มเขียนว่า “Memorandum โครงการ Mystery Metal X” และมีลายเซ็นของหวางเหล่ยกำกับอยู่
”โครงการ Mystery Metal Xงั้นเหรอ? เป็นชื่อที่แปลกมาก” เซี่ยเหล่ยคิดอยู่ในห้วและด้วยความอยากรู้อยากเห็นทำให้เขาพยายามอ่านข้อมูลภายในแฟ้มนั้นทันที
จนถึงวันนี้ความสามารถในการมองทะลุของเขาก็มีมานานแล้วทักษะประยุกต์การใช้งานในการมองทะลุของเขาก็ถือว่าสมบูรณ์แบบทำให้ตอนนี้เขาไม่จำเป็นจะต้องพลิกหน้าหนังสือเองเลยด้วยซ้ำ เขาเพียงแค่ใช้ดวงตาของเขาพลิกหนังสือทีละหน้า โดยใช้การควบคุมจิตใจควบคู่กับการมองทะลุเท่านั้น
เรื่องนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับพลังในการพัฒนาสมองของเขาด้วยแต่มันยังเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยืนยันได้
หน้าแรกของบันทึกเขียนไว้ว่า: หลังจากได้ทำการวิเคราะห์และประเมิน Mystery Metal X มากว่าหนึ่งพันครั้ง ผลการวิเคราะห์ที่ออกมายังคงเป็นปริศนาแต่ก็มีเรื่องลึกลับเกิดขึ้นมากมายในระหว่างการทดลอง จู่ๆเหล่าสมาชิกของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญบางคนก็ได้ยินเสียงแปลก ๆ มันเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายว่าทำไม บางคนก็ได้ยินเสียงแว่วของผู้หญิง บางครั้งก็ได้ยินเสียงแปลกๆต่างๆมากมาย แถมบางคนยังมีอาการผิดปกติเกิดขึ้นกับร่างกายไม่ว่าจะเป็นทั้งโรคผิวหนังหรือมีอาการคลื่นไส้เอาเจียนแต่เมื่อได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี อาการเหล่านี้ก็หายไป เรื่องนี้ก็ยังเป็นปริศนาอยู่. …
เมื่อได้อ่านแฟ้มข้อมูลเซี่ยเหล่ยก็รู้สึกแปลกใจมาก
”ที่อัฟกานิสถาน เราเองก็ได้ยินเสียงแปลกๆเหมือนกันและตอนนี้เหล่าผู้เชี่ยวชาญก็ยังได้ยินเสียงแปลกๆเหมือนกันด้วย มันจะเป็นไปได้อย่างไรเพราะอัลลอยโบราณงั้นเหรอ?” เซี่ยเหล่ยสงสัยอย่างมาก
จู่ๆตอนนี้การมองเห็นของเซี่ยเหล่ยก็ค่อยๆหายกลายเป็นภาพเบลอขึ้นมาแทนที่
หัวของเขาเองก็เบลอตามเช่นกันแต่ก็เกิดขึ้นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้นเพราะหลังจากนั้นอาการของเขาก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนเป็นหันไปมองทางห้องทางด้านขวาแทน
ห้องนั้นคือห้องของหลงบิง
“เมื่ออยู่ที่นี่แล้วหลงบิงจะทำอะไรนะ?” เซี่ยเหล่ยรู้สึกสงสัยอยู่ในใจ
ด้วยความคิดนี้มันไปปลุกความสามารถของดวงตาซ้ายขึ้นมา จากนั้นผนังห้องก็หายไปจากการมองเห็นของเซี่ยเหล่ย
ภายในห้องหลงบิงกำลังดันพื้นอยู่ เธอใส่ชุดผ้าฝ้ายทั้งเสื้อและกางเกงในขณะที่กำลังออกกำลังกายแน่นอนว่าเหงื่อจะต้องไหลออกมามากและเมื่อมันไหลออกมามากและไปรวมเข้ากับผ้าฝ้าย ทำให้ผ้าฝ้ายกลายเป็นผ้าโปร่งใสเล็กน้อยทันที มันเผยให้เห็นส่วนที่น่าสนใจของเธออย่างชัดเจน มันดูเซ็กซี่อย่างมาก
เซี่ยเหล่ยยิ้มก่อนคิดจะจบความสามารถในการมองทะลุแต่จังหวะเดียวกันนี้หลงบิงก็ได้หยุดออกกำลังกายและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแทน
การกระทำของเธอทำให้เซี่ยเหล่ยยังคงมองทะลุต่อด้วยความอยากรู้ เขาจ้องไปที่ริมฝีปากของเธอเพื่อจะอ่านว่าเธอกำลังพูดอะไรไปบ้าง
เซี่ยเหล่ยลองมองไปที่โทรศัพท์ของหลงบิงก็พบว่ามันเป็นโทรศัพท์ภายในของที่นี่ เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังโทรหาใครบางคน
“กำลังคุยกับหวางเหล่ยงั้นเหรอ?” เซี่ยเหล่ยรู้สึกสงสัย
แต่อย่างไรก็ตามความคิดนั้นได้ถูกปฏิเสธอย่างรวดเร็วนั่นก็เพราะว่าในตอนที่อ่านปากของเธอคำแรกที่เธอพูดคือคำว่า “ผู้บริหารฉือ”
”ใช่แล้ว…คืนนี้ฉันกับเซี่ยเหล่ยต้องพักอยู่ที่นี่” หลงบิงพูดเสร็จก็พูดขึ้นอีกว่า “อืม ขอโทษด้วยที่พาเขามา………ฉันขอให้เขาเขียนรายงานฉบับสมบูรณ์เพื่อหวังจะช่วยแก้ปัญหาให้กับเหล่าผู้เชี่ยวชาญ……… ปฏิกิริยาของเซี่ยเหล่ยงั้นเหรอ?………ก็ยังปกติอยู่ ……แต่ฉันก็ไม่ได้ถามอะไรเขาหรอกนะ….. โอเค…ฉันจะสังเกตเขาต่อไป”
“คอยสังเกตงั้นเหรอ?” เซี่ยเหล่ยรู้สึกแปลกใจทันที
หลังจากพูดจบหลงบิงก็วางสาย เธอไม่ได้กลับไปออกกำลังกายต่อแต่เธอเดินไปเลือกชุดชั้นในก่อนจะหยิบผ้าขนหนูและเดินไปที่ห้องน้ำ
แม้ว่าฉากต่อไปจะเป็นภาพที่ชวนให้จินตนาการแต่เซี่ยเหล่ยกลับไม่สนใจ เพราะสิ่งที่เขาสนใจในตอนนี้คือคำพูดสุดท้ายของหลงบิงจากการที่เธอพูดแบบนี้แสดงว่าตอนนี้สำนักงานลับ101กำลังสงสัยอะไรในตัวเราอย่างนั้นเหรอ?
ยิ่งคิดเท่าไหร่ เซี่ยเหล่ยก็ยิ่งไม่พอใจมากขึ้นเท่านั้น
”เราไปเสี่ยงชีวิตในอัฟกานิสถาน เรายังใช้เงินอีกมากมายเพื่อให้ภารกิจสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ยอมทำร้ายคนมากมายรวมถึงแคนลามี่ด้วยแต่สุดท้ายผลที่ได้คือความไม่เชื่อใจ ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการวิจัยนี้ต่อได้แถมตอนนี้ยังมาสงสัยและโดนตรวจสอบอีก หึ!! ดูเหมือนเวลาที่จะตัดขาดกับสำนักงานลับ101คงมาถึงจริงๆแล้ว” เซี่ยเหล่ยยังคงโกรธมาก
ด้านหลงบิงที่ไม่รู้อะไรเลยก็เดินเข้าห้องน้ำไปเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เซี่ยเหล่ยหยุดความสามารถในการมองทะลุและกลับมาอยู่ในสภาวะปกติแม้ว่าเขาจะรู้ว่าตอนนี้หลงบิงกำลังคอยสังเกตปฏิกิริยาและพฤติกรรมของเขาอยู่แต่เขาก็ไม่ได้โกรธหรือโทษเธอแม้แต่น้อยนั่นก็เพราะเขารู้ความจริงความจริงที่ว่าเธอจะทำทุกอย่างตามที่ได้รับคำสั่งจากสำนักงานลับ101
จู่ๆก็มีคนมาเคาะประตูห้อง
เซี่ยเหล่ยลุกขึ้นและเดินไปเปิดประตูเมื่อพบว่าเป็นหวางเหล่ย เขาก็พูดขึ้นมาว่า “คุณหวาง มีอะไรงั้นเหรอ?”
”บางคนกำลังกลายเป็นคนเสียสติอีกแล้ว! คุณต้องรีบไปดูเดี๋ยวนี้!” พูดเสร็จก็วิ่งไปที่ห้องของหลงบิงจากนั้นก็พูดว่า “หัวหน้าหลง….”
ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ติดตามตอนต่อไป……