Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 381 ต่อรอง !
TXV –
มู๋เจียนเฟิงพูดเสริมว่า “คุณคงจะไม่อยากให้เรื่องซ้ำรอยเหมือนตอนเรื่องจักรอัจฉริยะหรอกนะ”
เพียงแค่ได้ยินมู๋เจียนเฟิงพูดถึงเรื่องจักรอัจริยะ ภายในใจของเซี่ยเหล่ยก็หยุดความโกรธเอาไว้ไม่ได้ มันพวยพุ่งขึ้นมาเหมือนกับน้ำที่กำลังเดือดแต่อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้แสดงมันออกมา
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ เซี่ยเหล่ยและหลงบิงได้เสี่ยงต่อการจำคุกตลอดชีวิตหรือแม้แต่เสียชีวิตในประเทศเยอรมันเพื่อให้ได้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยจากเครื่องจักรอัจฉริยะของโยเซฟแต่อย่างไรก็ตามเมื่อกลับมายังประเทศจีนแล้ว เขาก็ต้องยกพิมพ์เขียวและลิขสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของเครื่องจักรฉัจฉริยะให้กับอุตสาหกรรมของประเทศจีนไปโดยที่เขาไม่มีแม้แต่สิทธิที่จะผลิตขึ้นเองเลยด้วยซ้ำ
แต่อย่างไรก็ตามการขายลิขสิทธิ์ให้กับพวกเขาก็ไม่ได้ถือว่าแย่ไปซะทั้งหมด เพราะในขณะนั้นเซี่ยเหล่ยเองก็จำเป็นต้องใช้เงินเพื่อขยายธุรกิจของเขาอย่างเร่งด่วน มันจึงทำให้เซี่ยเหล่ยต้องตัดสินใจแบบนั้นไปแต่ในตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว สถานการณ์มันเปลี่ยนไป เซี่ยเหล่ยไม่จำเป็นต้องการเงินของพวกเขาแล้วเพราะในอนาคตอันใกล้เขาเองก็จะได้กำไรอย่างมหาศาลจากปืนไรเฟิลที่ผลิตขึ้นมาเอง!
ดังนั้นเมื่อดูจากที่มู๋เจียนเฟิงพูด เขาต้องการให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย มันจึงเป็นธรรมดาที่เซี่ยเหล่ยจะรู้สึกโกรธ
เย่คุนพูดว่า “เซี่ยเหล่ย เบื้องต้นผมคิดว่าคุณควรจะขายเครื่องจักรอัจฉริยะกับกลุ่มอุตสาหกรรมจีนนะ มันถือว่าเป็นการช่วยเหลือประเทศของเราและมันจะยิ่งดีไปกว่านั้นถ้าคุณขายโรงงานผลิตอาวุธให้กับบริษัทฮั่นเพราะเราเป็นมืออาชีพในด้านนี้ เราจะให้ราคาที่ดีที่สุดสำหรับคุณ ดังนั้นว่ามาเลยว่าต้องการขายในราคาเท่าไหร่?”
อันซูฮยอนมองดูเซี่ยเหล่ยด้วยท่าทางเยาะเย้ย ดูเหมือนเขาก็พอจะรู้เรื่องราวในอดีตของเซี่ยเหล่ยเหมือนกัน
เฉินตูเทียนหยินมองไปที่เซี่ยเหล่ยด้วยความกังวล เธอไม่สามารถเข้าไปแทรกเพื่อช่วยเซี่ยเหล่ยในสถานการณ์นี้ได้เลย
“พูดจบแล้วหรือยัง?” เซี่ยเหล่ยพูดด้วยความเบื่อหน่ายก่อนจะพูดต่ออีกว่า ”ไม่ว่ายังไง….ผมก็ไม่ขาย”
“คุณควรจะเลือกทางที่ดีกว่านี้นะ!” เย่คุนพูดด้วยความโกรธ
เซี่ยเหล่ยหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะพูดอย่างเย็นชาว่า “ผมคิดดีแล้ว ไม่ขายก็คือไม่ขาย ยังต้องการอะไรอีก?”
“เซี่ยเหล่ย” มู๋เจียนเฟิงเรียกชื่อเซี่ยเหล่ยก่อนจะพูดต่อว่า “ในวันนี้ ผมมายืนตรงนี้ในฐานะคนกลาง ผมจึงอยากแนะนำว่าให้คุณใจเย็นและค่อยๆคิดให้ดีเสียก่อน”
“ผมไม่ขาย คุณฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องใช่ไหม?” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมมองไปที่มู๋เจียนเฟิงก่อนจะพูดต่อว่า “ผู้อาวุโสมู๋ ผมเคารพคุณนะแต่ครั้งนี้ผมพูดอย่างชัดเจนแล้วว่าจะไม่ขายหวังว่าคุณคงจะเข้าใจและจะดีมากเลยถ้าต่อจากนี้เราไม่ต้องเจอกันอีก ”
คำพูดของเซี่ยเหล่ยสื่อออกมาอย่างชัดเจนถึงความตั้งใจจริงของเขา
มู๋เจียนเฟิงยิ้มอย่างขมขื่นก่อนจะส่ายหน้าพร้อมพูดว่า “ทำไมคุณยังดื้อหล่ะ หรือว่าต้องให้ผมใช้วิธีนั้น….”
เซี่ยเหล่ยถามว่า “วิธีอะไร?”
“เอาหล่ะ เย่คุนตาคุณแล้ว” มู๋เจียนเฟิงพูด
เย่คุนมองไปที่เซี่ยเหล่ยด้วยสายตาที่เคียดแค้นก่อนจะพูดว่า ”เซี่ยเหล่ย โรงงานผลิตอาวุธของคุณตอนนี้ทั้งกำลังผลิตและชื่อเสียงยังไม่มีเลย ไม่ช้าหรือเร็วคุณก็ต้องเปลี่ยนใจขายมันให้ผมอยู่ดีแต่ผมดูจากนิสัยของคุณแล้วก็มีโอกาสอยู่มากเหมือนกันที่คุณจะไม่ขายแต่ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะจะว่ายังไงดีหล่ะ…สิ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือ ถึงตอนนี้ผมจะไม่ใช่เจ้าของโรงงานของคุณแต่ผมก็มีอำนาจมากพอจะตรวจสอบโรงงานของคุณพร้อมกับสั่งระงับการผลิตได้ เมื่อผมได้ตรวจสอบไม่นานผมก็จะได้เทคโนโลยีของคุณ เมื่อถึงตอนนั้นโรงงานของคุณที่โดนผมสั่งระงับและโรงงานผมที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมด้านการผลิตอาวุธมาก่อน รวมถึงอำนาจที่ผมมี ผมจะเขี่ยโรงงานของคุณให้หายไปอย่างสิ้นเชิง โรงงานผลิตอาวุธของคุณก็จะไม่มีค่าอะไรเลย คุณจะขายมันทิ้งไม่ได้ด้วยซ้ำดังนั้นขายมันให้กับผมตอนที่มันยังมีราคาอยู่ซะดีกว่า”
อย่างไรก็ตามคำพูดของเย่คุนมีน้ำหนักมาก อำนาจของเขาสามารถทำได้ตามที่เขาพูดออกมาทุกอย่าง
มู๋เจียนเฟิงถอนหายใจก่อนจะพูดขึ้นว่า “เซี่ยเหล่ย ขายมันให้เราเถอะ ผมสัญญาว่าจะให้บริษัทฮั่นซื้อมันด้วยราคาที่คุณพอใจแน่นอน ด้วยความสามารถของคุณไม่จำเป็นจะต้องเหนื่อยให้เสียเวลาเลย เราจะช่วยตรงส่วนนั้นให้เอง คุณไปทำอย่างอื่นไม่ดีกว่าเหรอ?”
นี่คือวิธีที่พวกเขาต้องการจะไล่เซี่ยเหล่ยออกจากตลาดอุตสาหกรรมการผลิตอาวุธ
เซี่ยเหล่ยนึกกลับไปถึงคำพูดของถ่างหยู่เหยี่ย เธอพูดไว้ถูกทุกอย่างตลาดผูกขาดนี้แทบจะไม่มีพื้นที่ให้บริษัทเอกชนรายย่อยเข้ามามีส่วนร่วมได้เลย!
“เอ่อ….” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมถอนหายใจก่อนจะพูดต่อว่า “คุณพูดจนผมกังวลเลย…..ถ้าอย่างนั้นผมจะเสนอราคาก็ได้”
มู๋เจียนเฟิงและเย่คุนหันมามองหน้ากันทันที พวกเขายิ้มให้กันอย่างมีความสุข นั่นก็เพราะพวกเขารู้ว่าปืนไรเฟิล XL2500 นั้นจะทำกำไรให้พวกเขาขนาดไหน
”คุณเซี่ย เสนอราคามาได้เลย” เย่คุนพูดพร้อมรอยยิ้มก่อนจะพูดลองเชิงว่า “ถ้าคุณไม่ว่าอะไรก่อนอื่นผมขอเสนอให้คุณก่อนเลย สองพันล้านหยวนเป็นยังไง?”
เซี่ยเหล่ยส่ายหน้า
“สามพันล้านหยวนงั้นเหรอ?” เย่คุนเลือกที่จะเสนอราคาเอง
เซี่ยเหล่ยส่ายหน้าอีกครั้ง
เย่คุนที่รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยได้พูดขึ้นว่า “คุณเซี่ย ผมไม่ใช่คนโง่ สามพันล้านถือเป็นราคาสูงสุดที่ควรจะเป็นแล้ว”
เซี่ยเหล่ยตอบกลับอย่างไม่แยแสว่า “ราคาที่คุณเสนอมานั้นห่างไกลกับที่ผมคิดเอาไว้มาก มันควรจะเติมศูนย์ไปอีกสองตัว”
สามพันล้านเติมศูนย์เข้าไปอีกสองตัวก็จะกลายเป็นสามแสนล้านหยวน
ด้วยราคาที่เซี่ยเหล่ยเสนอมา เย่คุนรีบพูดขึ้นอย่างไม่พอใจทันทีว่า “ เซี่ยเหล่ย นี่คุณต้องการจะปล้นผมงั้นเหรอ?!”
เซี่ยเหล่ยหัวเราะเยาะพร้อมตอบกลับไปอย่างเรียบง่ายว่า “ไม่มีเงินมากขนาดนั้นสินะ? ไม่มีเงินแต่ต้องการผูกขาดสินค้า คุณคิดว่าเราเล่นขายของกันอยู่งั้นเหรอ? ตอนที่ผมไม่ขาย คุณก็บังคับผมแต่พอผมขายคุณก็ไม่ซื้อ คุณต้องการอะไรกันแน่?”
“คุณ….” เย่คุนเรียกชื่อเซี่ยเหล่ยอย่างไม่พอใจ
การแสดงออกทางสีหน้าของมู๋เจียนเฟิงก็ไม่ดีนัก เขาขมวดคิ้วพร้อมกับชักสีหน้าไม่พอใจแต่อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะเขารู้ว่าจากราคาที่เซี่ยเหล่ยเสนอมานั้น เซี่ยเหล่ยไม่ได้ตั้งใจจะขายตั้งแต่ตอนแรกอยู่แล้ว
”คุณเย่” เซี่ยเหล่ยพูดก่อนจะพูดต่ออีกว่า “คุณบอกว่าคุณมีความสามารถปิดโรงงานของผม ผมเชื่อว่าคุณทำได้แต่ผมไม่เชื่อว่าประเทศของเราจะปล่อยให้คุณทำอะไรโดยพลการแบบนั้นได้หรอกนะ”
เย่คุนตะคอกอย่างเยือกเย็นว่า “เดี๋ยวคุณก็รู้!”
เซี่ยเหล่ยพูดต่อทันทีเช่นกันว่า “ในประเทศของเราไม่มีใครอยู่เหนือกฏหมายได้หรอกนะ และที่สำคัญผมจะไปรัสเซียในวันพรุ่งนี้พร้อมกับปืนไรเฟิลซุ่มยิง XL2500”
เย่คุนถึงกับพูดไม่ออก
เซี่ยเหล่ยยังคงพูดต่อว่า “การที่คุณบอกว่าคุณสามารถตรวจสอบโรงงานของผมพร้อมกับสั่งระงับการผลิตชั่วคราวได้นั้น มันก็อีกเรื่องหนึ่งแต่ถ้าเป็นไปตามที่ผมคาดไว้ปืนไรเฟิล XL2500ที่ตอนนี้เป็นปืนไรเฟิลที่ดีที่สุดและวันพรุ่งนี้เมื่อมันได้ประกาศประสิทธิภาพให้คนทั้งโลกได้เห็น มันจะต้องเป็นที่สนใจจากผู้คนจนคุณคาดไม่ถึงและเมื่อถึงช่วงเวลานั้นคุณก็คงจะสั่งระงับโรงงานของผมไม่ได้หรอกนะ!”
เย่คุนเงียบ เขาไม่สามารถหาคำมาโต้เถียงเซี่ยเหล่ยได้เลย
เซี่ยเหล่ยยังคงพูดต่อว่า “สำหรับเรื่องที่คุณบอกว่าจะแย่งคนงานจากโรงงานของผมได้ตลอดเวลานั้น มันไม่เสมอไปหรอกนะ เพราะต่อให้คุณเสนอเงินเดือนที่สูงมากให้กับพวกเขา ผมก็เต็มใจที่จะให้พวกเขามากกว่าที่คุณเสนอให้กับพวกเขาอย่างไม่มีข้อแม้แต่อย่างไรก็ตามหากมีคนจากโรงงานของผมออกไป ผมก็ไม่เสียดายและพร้อมจะเลี้ยงอำลาให้แก่พวกเขาด้วย” ไอรีนโนเวล
“พอ!” เย่คุนที่ทนไม่ไหวได้พูดเสียงแข็งก่อนจะพูดอีกว่า “คอยดูก็แล้วกัน!”
มู๋เจียนเฟิงส่ายหน้าก่อนจะพูดขึ้นว่า “งั้นก็ลืมมันซะ ผมจะกลับละ เรื่องของคุณ คุณเลือกเอง”
สุนัขจิ้งจอกก็ยังเป็นสุนัขจิ้งจอกอยู่วันยังค่ำถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เซี่ยเหล่ยจะพูดจากดดันกลับไปแต่ปฏิกิริยาของมู๋เจียนเฟิงก็ไม่ได้มีท่าทีที่แสดงออกถึงความโกรธและความไม่พอใจแม้ว่าภายในใจเขาอาจจะรู้สึกอย่างนั้นแต่เขาก็ไม่ได้แสดงออกมาให้เห็นซึ่งเรื่องแบบนี้มันขึ้นอยู่กับประสบการณ์ดังนั้นแม้ว่าเย่คุนจะเป็นลูกศิษย์ของเขาแต่ก็ยังขาดประสบการณ์อีกมาก
เย่คุนเอง ก่อนที่จะเดินออกไปเขาก็ชี้นิ้วไปที่เซี่ยเหล่ยพร้อมกับมองหน้าอย่างไม่พอใจ
ก่อนหน้านี้อันซูฮยอนยังยิ้มเยาะเย้ยให้กับเซี่ยเหล่ยแต่ตอนนี้รอยยิ้มของเขาได้หายไปอย่างสื้นเชิงด้วยทักษะการเจรจาและต่อรองของเซี่ยเหล่ยเพิ่งจะทำให้เขาประจักษ์ว่าเซี่ยเหล่ยนั้นมีความสามารถด้านนี้มากแค่ไหน
จังหวะนี้เซี่ยเหล่ยก็หันไปมองอันซูฮยอนพร้อมยิ้มและพูดขึ้นว่า “คุณอัน เรามาเล่นกันอีกซักเกมไหม? คราวนี้เดิมพันกันที่สองร้อยล้านหยวน”
“เหอะ! ผมกลับละ” อันซูฮยอนพูดพร้อมเดินออกไปเช่นกัน
แคดดี้ชายชาวตะวันตกที่ผมสีบลอนด์และมีดวงตาสีฟ้าได้มองไปที่เซี่ยเหล่ยหนึ่งครั้ง จากนั้นก็หันไปมองอันซูฮยอนที่กำลังเดินออกไป
เซี่ยเหล่ยที่รู้สึกได้ว่าตัวเองถูกมองอยู่ก็ได้มองกลับไปที่แคดดี้ชายคนนั้น
“ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ” เฉินตูเทียนหยินพูดพร้อมหัวเราะเสียงดังก่อนจะพูดต่อว่า “ฉันคิดว่าคุณจะไม่สามารถทนรับแรงกดดันของพวกเขาและตัดสินใจขายมันไปซะแล้ว ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะตอกหน้าเขากลับได้อย่างเจ็บแสบขนาดนี้เพราะถ้าเป็นฉัน ฉันจะเสนอราคาที่ห้าพันล้านหยวนและฉันคิดว่าราคานี้ เย่คุน คงจะตอบตกลงอย่างแน่นอน”
เซี่ยเหล่ยส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “บางสิ่งบางอย่างก็ไม่สามารถใช้เงินซื้อได้หรอกนะ”
“ตัวอย่างเช่น…?” เฉินตูเทียนหยินพูดพร้อมมองไปที่เซี่ยเหล่ยอย่างคาดหวัง
เซี่ยเหล่ยตอบกลับไปว่า “มันเยอะมาก ยกตัวอย่างเช่นประเทศสหรัฐมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในโลกอยู่ในครอบครองและประเทศของเรามีเงินมากพอที่จะซื้อเทคโนโลยีนั้นแต่คุณคิดว่าพวกเขาจะขายมันให้เรามั้ยล่ะ ? นี่ก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าถึงแม้จะมีเงินก็ไม่สามารถซื้อได้ทุกอย่าง”
เฉินตูเทียนหยินแปลกใจไม่น้อย เธอคิดว่าเซี่ยเหล่ยจะยกตัวอย่างเกี่ยวกับความรักหรือความเสน่หา เธอไม่ได้คิดเลยว่าเซี่ยเหล่ยจะยกตัวอย่างประเทศสหรัฐอเมริกา
จังหวะนี้ฟู่หมิงเหม่ยก็ได้พูดขึ้นว่า “การที่คุณยกตัวอย่างแบบนั้น มันค่อนข้างจะแปลกๆอยู่นะ แต่อย่างไรก็ตามฉันขอชื่นชมคุณเลยที่สามารถสั่งสอน เย่คุน ได้อย่างเจ็บแสบ”
เฉินตูเทียนหยินมองตาโตไปที่ฟู่หมิงเหม่ย
ฟู๋หมิงเหม่ยปิดปากทันทีแต่เธอยังแอบยกนิ้วโป้งให้กับเซี่ยเหล่ย
เฉินตูเทียนหยินพูดต่ออีกว่า “เหล่ย แต่ฉันก็อดห่วงไม่ได้จริงๆเลยทั้งมู๋เจียนเฟิงและเย่คุนไม่ใช่บุคคลธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาเองก็อยู่ในตลาดอุตสาหกรรมการผลิตอาวุธมาก่อนคุณ ฉันกลัวว่าในอนาคตคุณอาจจะพลาดท่าให้กับพวกเขาได้ ”
เซี่ยเหล่ยยิ้มก่อนจะตอบกลับไปว่า “ไม่ต้องกังวลอะไรไปมากหรอกนะ ตอนนี้ผมก็ไม่กลัวพวกเขาแล้วด้วย เพราะถ้าผมกลัวผมคงจะขายโรงงานให้กับพวกเขาไปแล้วและการที่ผมกล้าจะเผชิญหน้ากับพวกเขานั้นก็เพื่อสั่งสอนพวกเขาให้ลดความเย่อหยิ่งและความบ้าอำนาจในตัวเองลงบ้าง”
เฉินตูเทียนหยินถอนหายใจก่อนจะพูดว่า “แต่คุณก็เป็นแบบนี้ตลอดอยู่แล้วนี่ ฉันไม่เคยห้ามอะไรคุณได้เลย”
เซี่ยเหล่ยยิ้มก่อนพูดว่า “ดูเหมือนเราก็ไม่ต่างกัน เพราะผมเองก็โน้มน้าวคุณไม่ได้เช่นกัน”
จังหวะนี้ฟู่หมิงเหม่ยพูดแทรกขึ้นมาว่า “คุณทั้งคู่ก็เป็นคนที่เกลี้ยกล่อมไม่ได้เหมือนกันทั้งคู่นั่นแหละ ไม่ต้องคิดเลยว่าถ้าพวกคุณสองคนเถียงกันมันจะเป็นอย่างไร?”
“พอ…” เฉินตูเทียนหยินพูดพร้อมพูดต่อว่า “ตอนนี้ไปสั่งอาหารได้แล้ว เซี่ยเหล่ยจะไปรัสเซียในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นเราต้องเติมพลังให้กับเขาหน่อย”
“ได้เลย งั้นฉันขอตัวก่อน” ฟู่หมิงเหม่ยพูดพร้อมเดินออกไปรวมถึงเหล่าแคดดี้ก็เดินออกไปพร้อมเธอด้วย
ทำให้ในสนามกอล์ฟตอนนี้เหลือเพียงแค่เฉินตูเทียนหยินและเซี่ยเหล่ยเพียงสองคนเท่านั้น
จังหวะนี้พวกเขาก็หันมาสบตากันเป็นเวลานานพอสมควร
“เอ่อ…” เฉินตูเทียนหยินเริ่มพูดขึ้นก่อนและพูดต่อว่า “สอนฉันเล่นให้เก่งแบบคุณบ้างได้มั้ย ?”
เซี่ยเหล่ยยิ้มและตอบไปว่า “ก่อนหน้านี้คุณเป็นคนสอนผมนะ ทำไมจู่ๆมาให้ผมสอนได้หล่ะ?”
“คุณโกหกว่าเล่นกอล์ฟครั้งแรกนี่ ถ้าฉันรู้ว่าคุณเคยเล่นมาก่อนและเล่นเก่งขนาดนี้ฉันไม่เสียเวลาสอนคุณหรอก !” เฉินตูเทียนหยินตอบ
ติดตามตอนต่อไป………..