Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 383 แมลงวัน ?
TXV –
ใช้เวลากว่าเก้าชั่วโมงในการเดินทางจากประเทศจีนไปยังกรุงมอสโคประเทศรัสเซียแต่แม้ว่าจะเป็นการเดินทางที่ยาวนานแต่เซี่ยเหล่ยก็ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้าแต่อย่างใด หลังจากลงจากเครื่องบินเรียบร้อย ทุกคนก็ตรงไปยังโรงแรมที่พักทันที
โรงแรมที่พวกเขาใช้พักนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมากกับจตุรัสแดงและมอสโคเครมลิน มันสามารถไปทั้งสองที่ได้ภายในเวลาสิบนาทีเท่านั้น
เมื่อเข้าที่พักเรียบร้อย เซี่ยเหล่ยก็ตรงไปยังหน้าต่างพร้อมมองออกไปด้านนอกเพื่อชมวิวจากหน้าต่างห้องของเขาก็สามารถมองเห็นมอสโคเครมลินได้เลยเช่นกัน
“เรามาถึงกรุงมอสโคแล้ว ก่อนหน้านี้พ่อบอกว่าต้องการจะพบเราแต่จะเจอกันได้อย่างไรหล่ะ? เขาจะส่งเยเลน่ามาก่อนอีกไหมนะ? อืม…เยเลน่างั้นเหรอ? จะว่าไปรัสเซียก็เป็นบ้านเกิดของเธอนี่” เซี่ยเหล่ยมองออกไปนอกหน้าต่างพร้อมกับคิดเรื่องนี้
ในมอสโค เซี่ยเหล่ยไม่จำเป็นต้องกังวลว่า CIA จะมาจับกุมตัวเขาเหมือนตอนที่อยู่ในประเทศเกาหลีใต้นั่นก็เพราะรัสเซียไม่ได้เป็นเมืองในการปกครองของประเทศสหรัฐอเมริกา แถมพวกเขายังไม่ค่อยจะลงรอยกันซักเท่าไหร่แน่นอนว่าถ้า CIA ลักลอบเข้ามาภายในประเทศ พวกเขาก็คงจะไม่รอดพ้นการตรวจจับจากสายลับความมั่นคงแห่งชาติของประเทศรัสเซียที่เรียกกันว่า KGB อย่างแน่นอน
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูห้องเซี่ยเหล่ยดังขึ้นพร้อมกับประตูห้องที่เปิดจากภายนอก
เซี่ยเหล่ยหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นถ่างหยู่เหยี่ยที่เปิดประตูและยืนอยู่หน้าห้องพร้อมใส่ชุดราตรีสีน้ำเงินตัดกับดำ มันทำให้เธอดูเซ็กซี่อย่างมาก
เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นว่า “คุณเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็วมาก ว่าแต่…แต่งตัวแบบนี้จะออกไปไหนงั้นเหรอ?”
ถ่างหยู่เหยี่ยยิ้มและตอบกลับว่า “มันถือเป็นเรื่องยากสำหรับฉันที่จะได้มาประเทศรัสเซีย ดังนั้นเมื่อมีโอกาสแล้วฉันก็อยากจะพักผ่อนที่นี่ซะหน่อย เมื่อกี้ฉันสอบถามข้อมูลมาแล้ว ได้เรื่องว่าที่นี่มีห้องอาหารค่ำสไตล์ประเทศรัสเซียอยู่พอดีว่าตอนนี้ฉันก็หิวมากแล้วเหมือนกัน ดังนั้นฉันจะมาชวนคุณไปกินอะไรด้วยกัน ฉันเลี้ยงเอง คุณสนใจจะไปกับฉันไหม?”
เซี่ยเหล่ยตอบกลับไปว่า “ด้วยความยินดี”
เมื่อพูดจบพวกเขาก็เดินออกจากห้องไปยังห้องอาหารพร้อมกัน
ระหว่างทางเดินไปห้องอาหาร เซี่ยเหล่ยก็นึกอะไรขึ้นได้จึงพูดว่า “เราควรจะไปชวนคุณหลิง มาด้วยไหม?”
ถ่างหยู่เหยี่ยตอบกลับว่า “เขาโตแล้ว ถ้าเขาหิวเขาก็หาอะไรกินเองได้แหละหน่า”
เซี่ยเหล่ยพยักหน้าและไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
หลังจากเดินไปไม่นานพวกเขาก็ไปถึงห้องอาหารและตรงไปนั่งที่โต๊ะทันที
เมื่อได้โต๊ะแล้ว ถ่างหยู่เหยี่ยก็เลื่อนเก้าอี้ออกมาพร้อมกับนั่งในท่าทางที่ดูสง่า พร้อมกับยิ้มอย่างสดใสด้วยรูปลักษณ์และท่าทางรวมถึงเสื้อผ้าที่เธอใส่ในตอนนี้ ทำให้เธอทั้งน่าดึงดูดและน่าสนใจ
จังหวะนี้ก็มีหญิงสาวชาวรัสเซียคนหนึ่งเดินเข้ามาพูดกับเซี่ยเหล่ยด้วยภาษาอังกฤษที่ถูกๆผิดๆ เธอคือบริกรของห้องอาหารนี้
เมื่อเห็นการพูดภาษาอังกฤษที่ถูกๆผิดๆของเธอ ทำให้เซี่ยเหล่ยเลือกที่จะพูดภาษารัสเซียกลับไปว่า “สเต็กเนื้อวัวพันธ์บอร์ชอายุสิบปีสองที่ พร้อมกับไวน์แดงให้คุณผู้หญิงท่านนี้”
หญิงสาวชาวรัสเซียยิ้มให้เซี่ยเหล่ยก่อนจะตอบกลับเป็นภาษารัสเซียว่า “รับออเดอร์เรียบร้อยแล้ว โปรดรอซักครู่”
หลังจากที่หญิงสาวจากรัสเซียเดินออกไปแล้ว ถ่างหยู่เหยี่ยก็ได้ยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากก่อนจะพูดขึ้นว่า “คุณนี่จริงๆเลยนะ ขนาดมีผู้หญิงแปลกหน้าเดินเข้ามาคุยกับคุณ คุณไม่ประหม่าแม้แต่น้อยแถมยังตอบเธอไปอย่างลื่นไหลไม่มีสะดุดเลย”
เซี่ยเหล่ยตอบกลับอย่างงุ่มง่ามว่า “ก็เป็นเรื่องปกตินี่ คุณสงสัยอะไรงั้นเหรอ?”
“เธอขยิบตาให้คุณด้วยนะ บางทีถ้าฉันไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย เธอคงจะขอเบอร์โทรศัพท์ของคุณด้วยแล้วมั้งเนี่ย” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดแซว
เซี่ยเหล่ยรีบตอบกลับทันทีว่า “คุณพูดและฟังภาษารัสเซียได้ด้วยอย่างนั้นเหรอ?”
ถ่างหยู่ยเหยี่ยตอบว่า “ฉันมาที่รัสเซียเพื่อทำงาน ฉันจึงพอจะพูดได้อยู่บ้างนิดหน่อย แต่หู้ฮ่าวสามารถพูดและฟังภาษารัสได้อย่างคล่องแคล่ว”
เซี่ยเหล่ยมองไปรอบๆห้องอาหารก็ไม่เห็นหู้ฮ่าวอยู่ที่นี่
ถ่างหยู่เหยี่ยเห็นท่าทางของเซี่ยเหล่ยจึงได้ชี้ไปที่ดอกไม้ที่เธอติดไว้ที่หน้าอกพร้อมพูดขึ้นอีกว่า “เข็มกลัดดอกไม้นี้มีกล้องรูเข็มขนาดเล็กถูกติดตั้งไว้อยู่ซึ่งหู้ฮ่าวจะเห็นทั้งภาพและเสียงที่อยู่รอบๆตัวฉัน จากนั้นเขาก็คอยแปลภาษาและบอกให้ฉันได้รู้ถึงความหมายของคำหรือประโยคนั้นๆ”
เมื่อได้ยินถ่างหยู่เหยี่ยพูด ใบหน้าของเขาก็แสดงรอยยิ้มที่ขมขื่นออกมาทันที ในหัวเขาคิดว่า “ถ้าเธอคอยส่งภาพและเสียงไปแบบนี้ แล้วเราจะเจอพ่อกับเยเลน่าได้อย่างไรกัน?”
จังหวะนี้ก็มีบริกรสองคนเดินนำอาหารมาเสิร์ฟสองจานพร้อมกับไวน์สองแก้ว
ถ่างหยู่เหยี่ยหยิบแก้วไวน์แดงขึ้นมาพร้อมกับลิ้มรสพร้อมพูดว่า “อืม…ไวน์นี้รสชาติเยี่ยมมาก มันเรียกว่าอะไรงั้นเหรอ?”
“Luxuriant Lan Shan valley” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมพูดต่อว่า “มันเป็นไวน์ที่มีอายุประมานสิบปี รสชาติมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรกว่าไวน์ของฝรั่งเศสนะว่าแต่หู้ฮ่าวไม่ได้แปลให้คุณหรอกงั้นเหรอ?”
“ตอนนี้เขาไปเข้าห้องน้ำหน่ะ” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพร้อมหันไปมองเซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ย “………”
“ใช่แล้ว การจัดแสดงจะมีขึ้นในอีกสามวันต่อจากนี้ ดังนั้นเราต้องเข้าไปภายในฮอลก่อนสองวันเพื่อเตรียมตัวสำหรับจัดบูธให้เรียบร้อย ส่วนเรื่องเอกสารก็ไม่จำเป็นจะต้องกังวลอะไรเพราะหลิงฮั่นจะจัดการให้เราเอง” ถ่างหยู่เหยี่ยพูด
”อื้ม แบบนี้ก็ดีแล้ว” เซี่ยเหล่ยพูด
“ดังนั้นพรุ่งนี้และมะรืนนี้เราไม่สามารถจะนั่งว่างๆอยู่ที่โรงแรมได้” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพร้อมขยิบตาก่อนจะพูดต่อว่า “งั้นตอนนี้เรามาใช้เวลาที่เหลือเดินเล่นกันดีกว่า คุณสนใจไหม?”
เซี่ยเหล่ยไม่ได้พูดอะไร แต่ก็พยักหน้าเป็นคำตอบแทน เขาเห็นด้วยกับความคิดของเธอเพราะเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่อาจจะได้ติดต่อกับเยเลน่า
“แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว ไม่รู้ว่าที่นี่จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดและพูดต่อว่า “ฉันต้องการไปหลายที่มากๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้งจัตุรัสแดง มอสโคเครมลิน หรือแม้แต่วินเตอร์เพลสฉันก็อยากไปทั้งนั้น…”
อย่างไรก็ตามในขณะที่ถ่างหยู่เหยี่ยกำลังนึกชื่อสถานที่ที่อยากจะไปและกำลังพูดออกมานั้น จู่ๆสายตาของเซี่ยเหล่ยก็หันไปมองที่ประตูทางเข้าห้องอาหาร ขณะนี้กำลังมีผู้คนทยอยเดินเข้ามาภายในหนึ่งในนั้นคือเย่คุน ไอลีนโนเวล
เมื่อเซี่ยเหล่ยเห็นเย่คุนก็ขมวดคิ้วพร้อมนึกในใจว่า “เขามาที่นี่ทำไมกัน?”
ถ่างหยู่เหยี่ยเองก็หันไปตรงประตูทางเข้า เธอเห็นทั้งเย่คุนและผู้ติดตามของเขากำลังเดินเข้ามาจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไม่รู้มาก่อนเลยว่า เขาเองก็เข้าร่วมงานนิทรรศการในครั้งนี้ด้วย”
“นี่… บริษัทฮั่นมีส่วนร่วมในการแสดงอาวุธในงานนิทรรศการด้วยหรือเปล่า?” เซี่ยเหล่ยถาม
ถ่างหยู่เหยี่ยส่ายหน้าก่อนพูดว่า “ฉันไม่แน่ใจแต่ก็อาจจะเป็นไปได้เพราะเขานำพนักงานของบริษัทฮั่นมาด้วย”
จังหวะนี้เองเย่คุนก็หันมาทางเซี่ยเหล่ยและเห็นว่าเขานั่งอยู่กับถ่างหยู่เหยี่ย เย่คุนยิ้มออกมาหนึ่งครั้งพร้อมกับเดินไปหาพวกเขาทั้งคู่
“คุณถ่าง คุณดูสวยเป็นอย่างมากในค่ำคืนนี้” เย่คุนพูดพร้อมส่งยิ้มให้กับถ่างหยู่เหยี่ย
“ขอบคุณ” ถ่างหยู่เหยี่ยตอบ
หลังจากนั้นเย่คุนก็หันไปมองที่เซี่ยเหล่ยก่อนจะพูดว่า “คุณเซี่ยนี่ ยังไงซะคุณก็มาจนได้นะ”
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “คุณต้องการอะไรงั้นเหรอ? ถ้าไม่มีอะไรก็อย่าขัดจังหวะการรับประทานอาหารของผมเพราะผมกำลังหิวมาก”
เย่คุนตอบกลับอย่างไม่แยแสว่า “เซี่ยเหล่ย ถึงแม้ว่าคุณจะไม่เคารพอาจารย์ของผมและทำกิริยาหยาบคายกับเขารวมถึงบางครั้งก็ทำกับผมด้วยแต่ผมยินดีที่จะให้โอกาสคุณแก้ตัวอีกครั้งในความผิดพลาดของคุณก่อนหน้านี้ ผมจะถามอีกครั้งว่าคุณจะขายโรงงานผลิตอาวุธของคุณให้กับผมมั้ย ?”
เซี่ยเหล่ยยิ้มพร้อมตอบไปว่า “ผมเองก็เสนอราคาไปให้คุณแล้วถ้าคุณสามารถจ่ายให้ผมได้ ผมก็พร้อมจะขายให้คุณทันที”
เย่คุนรู้สึกผิดหวังกับคำตอบของเขาอย่างมากอย่างไรก็ตามก่อนจะได้ยินคำตอบเขาก็พอจะรู้คำตอบอยู่แล้วเพียงแต่ในใจยังหวังว่าเซี่ยเหล่ยจะขายให้ในราคาที่เขาสามารถจับต้องได้
หลังจากที่เซี่ยเหล่ยพูดจบผู้ติดตามของเย่คุนก็ได้พูดขึ้นว่า “เด็กเหลือขอคนนี้เป็นใครกันแน่ ทำไมถึงได้พูดจาไร้มารยาทแบบนี้? แม่เขาไม่ได้สอนมารยาทให้เขางั้นเหรอ?”
เซี่ยเหล่ยหันไปมองผู้ติดตามที่เป็นบอดี้การ์ดคนนั้นทันทีพร้อมกับใช้ส้อมจิ้มไปยังเนื้อสเต็กและขว้างใส่หน้าบอดี้การ์ดคนนั้น
“แพร๊ะ” เสียงชิ้นเนื้อกระทบกับใบหน้า มันเป็นเสียงที่ค่อนข้างดังแต่จริงๆแล้วบอดี้การ์ดคนนั้นไม่ได้รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อยเพราะมันไม่ใช่การขว้างที่รุนแรงอะไรแต่อย่างไรก็ตามน้ำซอสที่ราดอยู่บนสเต็กชิ้นนั้นได้เลอะเปอะเปื้อนเต็มหน้าของบอดี้การ์ดคนนั้น มันสร้างความสกปรกและความอับอายให้กับเขาอย่างมาก
“ไอ้สารเลว!” บอดี้การ์ดคนนั้นพูดขึ้นอย่างบ้าคลั่งทันทีพูดเสร็จก็ตรงไปหาเซี่ยเหล่ยอย่างรวดเร็ว
แต่ยังไม่ทันจะถึงตัวเซี่ยเหล่ย ถ่างหยู่เหยี่ยก็ลุกขึ้นยืนพร้อมใช้มีดที่อยู่ในมือโฉบผ่านลำตัวและขึ้นไปหยุดอยู่ตรงบริเวณคอของเขา
บอดี้การ์ดคนนั้นรับรู้ได้ถึงช่วงเวลาความเป็นความตายของตัวเอง มันทำให้เขาหยุดนิ่งอยู่กับที่และไม่แม้แต่จะขยับตัวไปไหน
ถ่างหยู่เหยี่ยพูดขึ้นว่า “คุณเย่ คุณต้องการจะให้เรื่องมันเลวร้ายไปกว่านี้มั้ย ?”
เย่คุนมองหน้าถ่างหยู่เหยี่ยหนึ่งครั้งก่อนจะหันไปพูดกับบอดี้การ์ดของตัวเองว่า “ถอยออกมา!!”
ทันทีที่พูดจบ เขาก็รีบเดินออกไปทันที
ถ่างหยู่เหยี่ยกลับมานั่งที่เก้าอี้ตามเดิมพร้อมพูดขึ้นว่า “คุณเย่ คุณไปนั่งที่อื่นได้ไหม?”
“หยู่เหยี่ย ผมและปู่ของคุณไม่ใช่สิ…รวมถึงพ่อของคุณด้วยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ผมไม่อยากให้เรามามีเรื่องบาดหมางกันเพราะคนไร้ค่าแบบนี้ดังนั้นครั้งนี้ผมจะเห็นแก่คุณ ผมจะไปที่อื่น” เย่คุนพูดเสร็จก็เดินไปมุมอื่นของห้องอาหารทันที
การที่เย่คุนปรากฏตัวขึ้นที่นี่ มันทำให้เซี่ยเหล่ยรู้ได้ทันทีว่าเรื่องยุ่งๆกำลังจะเกิดขึ้น
“ผู้ชายคนนี้เหมือนแมลงวันซะจริงๆ” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพร้อมกระแทกส้อมและมีดลงกับจานสเต็กตัวเองก่อนจะพูดอย่างไม่พอใจต่อว่า “บรรยากาศและความอยากอาหารของฉันถูกทำลายหมดแล้ว ทั้งหมดเป็นเพราะเขา !!”
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “เมื่อกี้ ขอบคุณนะ”
“ขอบคุณฉันทำไมหล่ะ?” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดและพูดต่อว่า “เปรียบเทียบกับสิ่งที่คุณทำให้ฉันในตอนที่อยู่ในอัฟกานิสถานแล้ว สิ่งนี้มันเทียบกันไม่ได้เลย”
เซี่ยเหล่ยยิ้มและพูดว่า “ถ้าคุณไม่อยากกินแล้ว เราไปกันเลยไหม?”
ถ่างหยู่เหยี่ยส่ายหน้าและพูดว่า “ถ้าคุณสั่งกุ้งมังกรให้ฉันซักหนึ่งจานบางทีความอยากอาหารของฉันอาจจะกลับมาก็ได้นะ”
เซี่ยเหล่ย “….”
ในเวลานี้หลิงฮั่นก็ได้เดินเข้ามาในห้องอาหารทั้งเขาและเซี่ยเหล่ยหันมาสบตากันหนึ่งครั้งแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อกัน ด้านหลิงฮั่นเมื่อเข้ามาในห้องอาหารแล้วเขาก็เลือกที่จะนั่งตรงเคาน์เตอร์แทนที่จะร่วมโต๊ะกับเซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ย
เซี่ยเหล่ยที่เห็นท่าทางของหลิงฮั่นในตอนนี้ เขามั่นใจว่าหลิงฮั่นจะต้องเห็นเย่คุนอยู่ในร้านด้วยแน่ๆ นั่นจึงทำให้เขาสงสัยว่าทำไมพวกเขาทั้งสองถึงไม่ทันทายกัน
เซี่ยเหล่ยคิดในใจว่า “หรือว่าสองคนนี้ไม่รู้จักกันงั้นหรอ? เดี๋ยวก่อน…..นี่มันยังไงกันแน่นะ?”
ติดตามตอนต่อไป………