Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่– 390 องค์กร FA
เสียงพูดดังมาจากลำโพงตัวเล็กที่ถูกติดตั้งไว้ใต้โต๊ะ ดูเหมือนนั่นจะเป็นผลงานของเยลเลน่า ลำโพงแบบเดียวกันกับในตู้คอนเทนเนอร์บนรถบรรทุก แต่ยังไงตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาจะมานั่งพิจารณาอะไรเรื่องลำโพงนั่น แทบจะทันทีที่คนในห้องได้ยินเสียงเยลเลน่า เซี่ยเหล่ยก็ลุกขึ้นยืนพร้อมสีหน้าวิตกทันที “คนของ CIA เหรอ?”
ในขณะเดียวกัน เซี่ยฉางห่ายก็ตรงปรี่ไปที่กำแพงแล้วพูดต่อ “ไม่น่าใช่นะ CIA ไม่กล้าทำอะไรในมอสโกหรอก น่าจะเป็นคนขององค์กร FA มากกว่า ตอนนี้พ่อคือคนที่พวกเขาต้องการตัวมากที่สุดแล้ว เขาอยากกำจัดพ่อมากกว่า CIA เสียอีก”
เซี่ยฉางห่ายส่งมือออกไปแตะกำแพง ก่อนที่กำแพงเรียบๆตรงหน้าเขาจะค่อยๆเลื่อนเปิดออก เผยให้เห็นตู้ที่ซ่อนอยู่ ภายในนั้นมีปืนหลายสิบกระบอก ระเบิดมือ เครื่องยิงลูกระเบิด และทุกอย่างที่จำเป็นมากพอให้พร้อมรบได้เลย!
นอกจากนั้นยังมีกล่องหน้าตาประณีตอยู่ใบหนึ่งที่มองไม่ออกว่าใส่อะไรเอาไว้ข้างใน
เซี่ยฉางห่ายหยิบกล่องใบนั้นมาแล้วส่งให้เซี่ยเหล่ยแต่เขาเลือกถามออกมาตรงๆแทนการใช้ตาซ้ายมองเข้าไปเอง “นี่อะไรครับพ่อ?”
”ของขวัญของลูกไง พ่อให้ลองเปิดดูสิแล้วใส่เลย” เซี่ยฉางห่ายเริ่มหยิบปืนขึ้นเตรียมตัวบ้าง
เซี่ยเหล่ยเปิดกล่องออกก่อนจะพบกับหน้ากากผิวมนุษย์ที่สวยงามมากภายใน มันดูสมจริงราวกับเป็นผิวที่ถูกลอกออกมาจากหน้าคนซึ่งยังมีชีวิตอยู่พร้อมด้วยเส้นผมยาว หนา สะอาดสะอ้านและเป็นเงางาม
”ใส่เลยลูก อย่าให้คนขององค์กร FA เห็นหน้าลูกเข้าล่ะไม่งั้นพวกมันได้ตามล่าลูกแน่” เซี่ยฉางห่ายกล่าว เซี่ยเหล่ยไม่ลังเลอะไรอีก เขาสวมหน้ากากในมือมันเหมือนเป็นเครื่องประดับบนหัวชิ้นหนึ่งทั้งยังใส่ง่ายมาก เซี่ยเหล่ยส่งมือขึ้นแตะผิวหน้าใหม่ของเขา มันไม่รู้สึกเลยว่าเป็นพลาสติกหรือซิลิโคนแต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนผิวหนังมนุษย์จริงๆ เพียงแต่ไม่มีอุณหภูมิเท่านั้น
เซี่ยฉางห่ายหยิบเอาปืน AK-12 และระเบิดใส่มือเซี่ยเหล่ย “ถือนี่ไว้แล้วรอพ่อกับเยลเลน่าคุ้มกันลูกออกไปและไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ลูกจะต้องไปจากที่นี่ให้ได้ เข้าใจนะ?”
เซี่ยเหล่ยกำลังจะพูดว่าเขาไม่มีวันทิ้งพ่อแต่เมื่อมองสายตาที่เต็มไปด้วยศักดิ์ศรีของเซี่ยฉางห่ายแล้ว ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้นเป็นความรู้สึกเดียวกับตอนเขายังเด็ก เซี่ยเหล่ยจึงยอมพยักหน้าตกลง
ตอนนั้นเองเยลเลน่าก็กระแทกประตูเข้ามาพอดี เธอพูดอย่างตระหนก “ทำไมยังอยู่อีกล่ะเนี่ย? ไปเร็ว!” ”มากันเยอะแค่ไหน?” เซี่ยฉางห่ายถามนิ่งๆ ระหว่างที่ถามก็ส่งปืนลูกซองและปืนพกให้เยลเลน่าไปด้วย
”ฉันเจอ 4 คน แต่ไม่ได้มีแค่นี้แน่ๆ” เธอตอบพลางรีบเติมกระสุนใส่ปืนและรีบเดินออกไปด้วย “พวกมันไม่ได้อยู่แถวๆนี้ เราต้องหนีไปทางแม่น้ำ”
ทั้งสามคนรีบออกจากกระท่อมและวิ่งปรี่ไปยังแม่น้ำด้านหน้า
ระดับน้ำไม่ได้ลึกมากอาจจะสูงถึงแค่เข่าแต่รอบๆแม่น้ำมีวัชพืชที่ขึ้นอยู่หนาแน่น เอื้อต่อการซ่อนตัวเพียงแค่ข้ามแม่น้ำสายนี้และเข้าไปในไซต์ก่อสร้างอีกฝั่ง ก็จะหนีจากการตามฆ่าครั้งนี้ง่ายขึ้นอีกมาก
แต่ยังไม่ทันให้ทั้งสามคนข้ามแม่น้ำไปได้ เยลเลน่าที่อยู่ด้านหน้าก็สั่นสะท้าน กระสุนนัดหนึ่งพุ่งตรงมาและทิ้งรอยแผลไว้บนแขนซ้ายของเธอแม้ว่ากระสุนจะไม่ได้ฝังในแขนแต่มันก็ทำให้เธอเลือดออกพอสมควร
”มี……” เยลเลน่ากำลังจะพูดต่อแต่ถูกเซี่ยเหล่ยกดลงกับพื้นเสียก่อน เป็นจังหวะเดียวกับที่กระสุนนัดที่สองพุ่งมาตอนที่เธอนั่งลงกับพื้นพอดี เศษวัชพืชรอบๆที่ขาดวิ่นปลิวขึ้นในอากาศ พร้อมด้วยโคลนใต้ผืนน้ำที่กระเซ็นไปทั่ว
ปัง ปัง ปัง……
กระสุนล็อตใหม่ถูกยิงตามมาจากด้านหลัง เสียงกระสุนดังต่อเนื่องราวกับเสียงห่าฝน!
เซี่ยฉางห่ายเองก็รีบทิ้งตัวลงท่ามกลางหญ้าสูงไม่กล้าแม้จะลุกขึ้นและทันทีที่เขาลงถึงพื้น กระสุนหลายสิบนัดก็พุ่งผ่านศีรษะไปอย่างฉิวเฉียด ยอดหญ้าบางส่วนที่ถูกกระสุนตัดขาดก็ปลิวสู่อากาศ ลอยกระจัดกระจาย
”เราโดนล้อมแล้ว!” เยลเลน่าพูดอย่างเกรี้ยวกราด “มีสไนเปอร์ด้วย! พวกมันต้องมาดักซุ่มตั้งแต่ตอนเช้าแล้วแน่ๆ!”
เซี่ยฉางห่ายแตะบ่าเซี่ยเหล่ย “ลูกคลานหนีไปทางซ้ายนั่นแล้วรีบไปจากที่นี่ซะ พ่อกับเยลเลน่าจะจัดการพวกนี้เอง จำที่พ่อบอกก่อนหน้านี้ไว้ให้ดีล่ะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ลูกไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น”
”ไม่!” เซี่ยเหล่ยพูดอย่างเด็ดเดี่ยว “ตอนนี้ผมจะทิ้งพ่อไปได้ยังไง? พ่อคือพ่อของผมนะ!”
”นี่!” เซี่ยฉางห่ายยกมือขึ้นด้วยความโกรธแต่ก็ไม่ได้ลงมืออะไร ลูกคนนี้ไม่ใช่เด็กน้อยเหมือนหลายปีก่อนอีกแล้วแล้วเขาจะสอนเซี่ยเหล่ยเหมือนเมื่อก่อนได้ยังไง?
”ไม่ต้องห่วง ผมรับมือได้” เซี่ยเหล่ยตอบก่อนจะเริ่มใช้ความสามารถของตาซ้าย สมองเริ่มประมวลผล วิเคราะห์และคำนวณทุกอย่างรอบตัว
แต่เซี่ยฉางห่ายยังมองไม่ออกเขาพูดต่อ “ลูก คนพวกนี้ไม่ใช่ CIA แต่เป็นนักฆ่าของ FA พวกเขาแข็งแกร่งกว่าและเลือดเย็นกว่าศัตรูทุกคนที่ลูกเคยประมือมาเลย!”
เซี่ยเหล่ยไม่รอให้พ่อเถียงอะไรไปมากกว่านี้ เขาหยิบระเบิดขึ้นมาดึงสลักออกแล้วขว้างมันออกไปกลางกองหญ้าสูงฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำ
ตู้ม! เสียงระเบิดดังขึ้น เศษหญ้าวัชพืชและโคลนดินกระจายไปทั่วบริเวณ
”ทำอะไรน่ะ?” เยลเลน่าถามเซี่ยเหล่ยด้วยความงุนงง “ตรงนั้นไม่มีใครด้วยซ้ำ นี่คุณตั้งใจจะฆ่าสไนเปอร์ด้วยระเบิดงั้นเหรอ?”
เซี่ยเหล่ยไม่ได้อธิบายอะไรในขณะเดียวกัน ไฟจากระเบิดลุกโหมขึ้นบนหญ้าแห้งและลามไปทั่วบริเวณอย่างรวดเร็ว คลื่นควันหนาลอยตัวขึ้นบดบังพวกเขาจากสไนเปอร์อีกฝั่งแม่น้ำ
เยลเลน่าไม่ถามต่อเพราะตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าเซี่ยเหล่ยกำลังทำอะไรอยู่
เซี่ยเหล่ยหยิบปืน AK-12 ไว้กับตัวแล้วคลานไปทางกระท่อม
เพราะหญ้ารกชันเองก็มีผลต่อการมองเห็นของเขาเช่นกัน เซี่ยเหล่ยมองทะลุผ่านหญ้านับต้นไม่ถ้วนพวกนี้ไปหาเป้าหมายไม่ไหว ดังนั้นเขาจึงต้องลดระยะห่างลงอีกหน่อย ปังปังปัง ปังปังปัง……
ฝั่งตรงข้ามยิงต่อไปแบบสุ่มสี่สุ่มห้าทั้งที่มองไม่เห็น พวกเขายังคงยิงอยู่ใกล้แม่น้ำ ม้ว่านักฆ่าขององค์กร FA ที่ล้อมที่นี่อยู่เป็นนักฆ่าที่มากประสบการณ์แต่เพราะมากประสบการณ์นั่นเองที่ทำให้พวกเขาตัดสินสถานการณ์ผิดไป พวกเขาคิดว่าเซี่ยเหล่ยจงใจเผาหญ้าสร้างควันบดบังการมองเห็นเพื่อข้ามไปอีกฝั่ง แต่เปล่าเลย เซี่ยเหล่ยไม่ได้ตั้งใจจะหนี แต่จะฆ่าพวกเขาต่างหาก!
เซี่ยฉางห่ายและเยลเลน่ามองหน้ากัน ทั้งสองคนต่างทึ่งและประหลาดใจ พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมเซี่ยเหล่ยถึงทำแบบนั้นแต่เมื่อถูกฝ่ายศัตรูเจอตัวพร้อมด้วยอาวุธพวกนั้นแล้ว โอกาสรอดของพวกเขาก็แทบไม่มีเลย!
แต่ถึงจะไม่เข้าใจ เซี่ยฉางห่ายและเยลเลน่าก็คลานตามเซี่ยเหล่ยไปทางกระท่อมเพราะพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชื่อใจเซี่ยเหล่ยเท่านั้น Aileen-novel
เมื่อเข้าไปใกล้ขึ้น ใกล้ขึ้น ในที่สุดตาซ้ายของเซี่ยเหล่ยก็เห็นเป้าหมายคนแรก เป็นชายผิวขาว ตัวสูง กับหมวกสีดำ ทั้งยังใส่ชุด battle suit สีดำ เสื้อกันกระสุน และมีอาวุธหลายชนิด เขาติดอาวุธแม้กระทั่งฟันก็ด้วย
เซี่ยเหล่ยนั่งลงท่ามกลางพงหญ้า มองสังเกตบริเวณแม่น้ำด้วยความระมัดระวัง
เซี่ยเหล่ยเลื่อนสายตาไปทางซ้ายของชายคนเดิมและพบกับนักฆ่าอีกคนห่างออกไป 10 เมตร เป็นคนผิวดำที่มีอาวุธพร้อมพอๆกับคนแรกหลังจากนั้นเขาก็พยายามใช้ตาซ้ายเพ่งมองจนพบกับนักฆ่าคนอื่นที่เหลือ
นักฆ่าทั้งหมดมี 6 คน กระจายกันอยู่ทุกๆ 10 เมตรทั่วทุ่งหญ้านี้ คอยระวังให้กันพวกเขาเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า นักฆ่าทั้ง 6 รวมถึงพลซุ่มยิงในไซต์ก่อสร้างร้างนั่นถือว่าประมาทไม่ได้เลย
เว้นเสียแต่คนที่พวกเขากำลังเผชิญหน้าอยู่ตอนนี้ คือเซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยหยิบปืน AK-12 ออกมาก่อนจะเล็งไปที่นักฆ่าผิวขาวตรงหน้าเขา ไร้ซึ่งความลังเล เมื่อตาซ้ายของเขาล็อคเป้าหมายแล้วเขาก็เหนี่ยวไกทันที
ปัง! เสียงปืนดังขึ้น กระสุนจาก AK-12 พุ่งตรงเข้าเจาะศีรษะเป้าหมายอย่างแม่นยำแม้ว่าเขาจะใส่เสื้อกันกระสุนแต่บนศีรษะกลับไม่มีหมวกกันกระสุนเลย เขาตายทันทีที่นัดนั้นเข้าเป้า เซี่ยเหล่ยไม่เปิดโอกาสให้เขาได้สู้แม้แต่น้อย
”นั่น!” ใครบางคนตะโกน
ปัง! ตามมาด้วยเสียงปืนดังสนั่น
แต่ยังไม่ทันที่คนตะโกนจะได้เหนี่ยวไกปืน กระสุนของเซี่ยเหล่ยก็พุ่งเข้าเจาะจมูกของเขาก่อน แรงยิงระเบิดจมูกเขาจนเกิดเป็นหลุมแหว่งน่ากลัว สมอง เลือด กระดูกและอื่นๆถูกฉีกออกด้วยแรงกระสุน กระทั่งใบหน้าเขากลายเป็นภาพที่น่าสยดสยองเกินบรรยาย
ปังปังปัง……
เหลือนักฆ่าอีก 4 คนอยู่เบื้องหน้า เพียงแต่คนพวกนั้นยังคงมองไม่เห็นว่าเซี่ยเหล่ยอยู่ตรงไหน
เซี่ยฉางห่ายและเยลเลน่ายิงตอบโต้บ้าง แต่ยังไม่โผล่พรวดพราดขึ้นมาจากพงหญ้า พวกเขาทำได้เพียงยิงสกัดกั้นอีกฝ่ายไปมาเท่านั้น
ในระหว่างที่เซี่ยฉางห่ายและเยลเลน่ากำลังช่วยยิง เซี่ยเหล่ยก็อาศัยจังหวะนั้นเปลี่ยนตำแหน่งตัวเอง มองหาเป้าหมายคนอื่นแล้วปลิดชีวิตพวกเขา ทุกนัดที่เซี่ยเหล่ยยิงจะมีร่างคนขององค์กร FA ร่วงลงกับพื้นเสมอและภายในทุ่งหญ้ารกชันแห่งนี้ นักฆ่า FA ที่ควรจะเป็นนักล่ากำลังกลายเป็นเหยื่อ เหยื่อที่ถูกล่าและตาบอดสนิท การต่อสู้ในสถานที่แบบนี้แม้ว่าพวกเขาจะเก่งแค่ไหนก็ยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเซี่ยเหล่ยอยู่ดี
นักฆ่าคนสุดท้ายขององค์กร FA ล้มลงกับพื้นหญ้าพร้อมด้วยกระสุนจาก AK-12 ของเซี่ยเหล่ยที่ยิงเข้าเบ้าตา เขายังไม่รู้เลยว่าใครฆ่าเขากระทั่งวินาทีที่เขาตาย เขาไม่รู้แม้แต่ตำแหน่งของศัตรูตัวเองเลยด้วยซ้ำ! เมื่อจัดการกับคนสุดท้ายได้แล้ว สายตาเซี่ยเหล่ยก็เลื่อนไปที่ไซต์ก่อสร้างฝั่งตรงข้าม ควันยังคงลอยโขมงในอากาศ ตาซ้ายของเขาเพ่งมองทะลุผ่านอาคารที่ไม่สมบูรณ์ไปจนพบกับใครบางคนกำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วพร้อมกับแบกกล่องเครื่องมือพลาสติกไปด้วย ชัดเจนเลยว่านั่นคือมือสไนเปอร์อีกคนที่ตอนนี้ได้ยอมแพ้กับภารกิจตัวเองไปแล้ว
เมื่อพิจารณาสถานการณ์ดีแล้ว เซี่ยเหล่ยก็ตัดสินใจลุกขึ้นยืนจากดงหญ้า
”ทำอะไรน่ะ?” เซี่ยฉางห่ายตะโกนออกมา “ยังมีสไนเปอร์อีกคนนะ!”
แต่เซี่ยเหล่ยตอบอย่างเรียบนิ่ง “พ่อ เขาหนีไปแล้ว”
คนฟังนิ่งอึ้งเพราะอาคารฝั่งตรงข้ามที่มือสไนเปอร์อยู่นั่นห่างจากตำแหน่งของเขาไปกว่า 800 เมตรแต่เซี่ยเหล่ยกลับรู้สถานการณ์ชัดเจนแถมควันของระเบิดยังคงบังสายตาอยู่แล้วเซี่ยเหล่ยมองเห็นมือสไนเปอร์หนีไปได้ยังไงกัน? เซี่ยเหล่ยเดินตรงไปข้างเซี่ยฉางห่ายแล้วกระซิบเบาๆ “แคปซูล AE ทำให้ผมเปลี่ยนไปแบบผิดปกติมากๆ ผมมองทะลุผ่านกำแพงได้แต่เรื่องนี้ผมบอกแค่พ่อคนเดียวนะ”
เซี่ยฉางห่ายไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน เซี่ยเหล่ยจึงไม่จำเป็นต้องปิดเรื่องนี้เป็นความลับกับเขาและไม่ต้องพูดถึงเรื่องแคปซูลเลย เพราะคนที่ให้มาก็คือพ่อเขาเอง
”ฮ่าฮ่าฮ่า……” เซี่ยฉางห่ายหัวเราะออกมา “เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว” เขาพูดก่อนจะกอดเซี่ยเหล่ยแน่น “นี่คือโชคชะตาของลูกจริงๆ พ่อมีความสุขและภูมิใจในตัวลูกนะ”
จู่ๆ เยลเลน่าที่เดินไปตรวจดูศพนักฆ่าพวกนั้นก็พูดขึ้น “คนพวกนี้เป็น ไนท์วอกเกอร์”
”ไนท์วอกเกอร์” เซี่ยเหล่ยเพิ่งเคยได้ยินชื่อนี้เป็นครั้งแรก
เยลเลน่าแค่นยิ้ม “เป็นองค์กรนักฆ่าขององค์กร FA อีกทีน่ะเป็นกลุ่มคน แต่ฉันยังไม่เคยเจอหัวหน้าพวกเขาเลย” หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เธอก็พูดต่อ “หวังว่าจะไม่ใช่ โมนาร์ไนท์ นะ”
”โมนาร์ไนท์? เธอน่ากลัวมากมั้ย?” เซี่ยเหล่ยอดถามออกมาไม่ได้
”เคยมีคนบอกว่า บนโลกนี้ไม่มีใครที่เธอฆ่าไม่ได้เลยล่ะ” เยลเลน่าตอบ “เธอคือหนึ่งในนักฆ่าที่แข็งแกร่งที่สุดในองค์กร FA แต่ทั้งพ่อของคุณหรือฉันก็ยังไม่เคยเห็นเธอมาก่อน”
เซี่ยฉางห่ายเสริม “แต่ลูกไม่ต้องห่วงเรื่องนี้หรอก เยลเลน่า ไปส่งเซี่ยเหล่ยที่สถานทูตหน่อยสิ”
เซี่ยเหล่ยกล่าว “พ่อ แล้วเราจะได้เจอกันอีกมั้ย?”
”ต้องมีโอกาสได้เจอกันอีกสิ” คนเป็นพ่อยกยิ้ม “สักวันหนึ่งครอบครัวเราจะได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง”
เซี่ยเหล่ยพยักหน้า ก่อนจะตามเยลเลน่าออกไป ติดตามตอนต่อไป………