Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่– 397 เราเป็นแฟนกัน ?
หลังจากการท้าทายผ่านพ้นไปบริษัทอาชาสายฟ้าได้กลายเป็นบูธที่มีผู้เข้าเยี่ยมชมอย่างหนาแน่นตลอดเวลาซึ่งตลอดเวลานั้นมีทั้งผู้ที่ชื่นชอบและต้องการซื้อมากมายจนคำสั่งซื้อตอนนี้มีมากกว่าความสามารถในการผลิตของโรงงานไปแล้ว
ด้วยคำสั่งซื้อจำนวนมากทั้งในและนอกประเทศ เซี่ยเหล่ยเริ่มกังวลแล้วว่าหลิงฮั่นจะไม่เซ็นสัญญาคำสั่งซื้อจากพ่อค้าชาวต่างชาติแม้ว่าจะเป็นคำสั่งซื้อของพวกเขาที่น้อยนิดก็ตาม แต่ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงการกังวลแค่ชั่วคราวเพราะหลังจากผ่านไปไม่กี่วัน หลิงฮั่นก็ได้เซ็นสัญญาคำสั่งซื้อหลายสิบคำสั่งไม่ว่าจะเป็นทั้งที่มาจากปากีสถาน อิหร่าน อาร์เจนติน่า เวเนซูเอล่า บลาซิล แม็กซิโก ซึ่งทุกประเทศล้วนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อประเทศจีนทั้งนั้น เขาจึงเซ็นสัญญาได้ไม่ยากเย็น อย่างไรก็ตามแม้ว่าความกังวลเรื่องสัญญาคำสั่งซื้อจะคลี่คลายแล้วแต่ด้วยคำสั่งซื้อจำนวนมากในตอนนี้เมื่อดูจากกำลังผลิตของโรงงาน มันจะต้องใช้เวลามากถึงห้าปีกว่าจะผลิตและจัดส่งได้ครบทุกคำสั่งซื้อ!
ดูเหมือนว่าการขยายโรงงานจะใกล้เข้ามาแล้ว!
นอกจากนี้เซี่ยเหล่ยยังสงสัยสถานะของหลิงฮั่นมากขึ้นไปอีกเพราะการที่เขาเซ็นสัญญาคำสั่งซื้อเหล่านั้น เขาไม่ต้องปรึกษาใครเลยด้วยซ้ำนี่แสดงให้เห็นว่าเขามีอำนาจที่สูงมาก เขาเป็นใครกันแน่นะ?
หลายต่อหลายครั้งเซี่ยเหล่ยพยายามใช้ตาซ้ายมองทะลุเพื่อหาโอกาสในการค้นหาสถานะของหลิงฮั่นอย่างลับๆ แต่ก็ไม่เป็นผล เขาเป็นคนที่ระมัดระวังตัวมากจึงทำให้ไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมเลย
เจ็ดวันต่อมา งานแสดงสินค้าอาวุธนานาชาติมอสโกได้สิ้นสุดลงเซี่ยเหล่ยทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้โดยการพาถ่างหยู่เหยี่ยไปที่โบสถ์ จากนั้นก็ไปมอสโกเครมลินและสุดท้ายก็ไปช้อปปิ้งที่ถนนอาร์บัต
การต้องเดินช็อปปิ้งกับผู้หญิงถือเป็นเรื่องปวดหัวกับผู้ชายอย่างไม่ต้องสงสัย เซี่ยเหล่ยเองก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน ในขณะที่ถ่างหยู่เหยี่ยเลือกของและซื้อไปเรื่อยๆนั้น เซี่ยเหล่ยจำเป็นต้องรับภาระในการถือถุงช็อปปิ้งให้กับเธอโดยไม่มีทางเลือก
“ของเหล่านี้ที่ประเทศของเราก็มี คุณจะซื้อที่นี่ซึ่งแพงกว่าไปทำไมกัน ผมคิดว่าเราควรจะกลับกันได้แล้วนะ” เซี่ยเหล่ยพูดเพราะเขาไม่ต้องการเดินต่อแล้ว
ถ่างหยู่เหยี่ยตอบกลับว่า “คุณสัญญากับฉันแล้วนี่ คุณไม่ต้องการเดินต่อแล้วงั้นเหรอ?”
เซี่ยเหล่ยยิ้มเล็กน้อยพร้อมพูดว่า “มันไม่ใช่ …… ”
“ถ้าไม่ใช่ฉันก็จะช็อปปิ้งต่อ” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดจบก็ดึงเซี่ยเหล่ยเข้าร้านเสื้อผ้าใกล้ๆทันที เซี่ยเหล่ยไม่มีทางเลือกจึงต้องตามเธอไป อย่างไรก็ตามนอกจากช่วยเธอถือของแล้วเขายังทำหน้าที่แปลภาษารัสเซียให้กับเธอและต้องคอยคุยกับคนขายเหมือนเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของเธออีกด้วย
ถ่างหยู่เหยี่ยเลือกชุดทำงานหนึ่งชุดพร้อมเข้าไปลองในห้องลองเสื้อผ้า
“แฟนของคุณดูมีความสุขจริงๆ” พนักงานขายพูดกับเซี่ยเหล่ยเพื่อต้องการให้เขาซื้อให้เธอ
เซี่ยเหล่ยได้แต่ยิ้มและไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แม้ว่าถ่างหยู่เหยี่ยจะไม่ใช่แฟนของเขา แต่เขาก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอธิบายให้คนขายฟัง
ถ่างหยู่เหยี่ยที่อยู่ในห้องลองเสื้อผ้าได้ตะโกนออกมาว่า “เหล่ย มานี่หน่อย”
เซี่ยเหล่ยถามว่า “ทำไมงั้นเหรอ?”
“มาช่วยฉันรูดซิปหน่อย” ถ่างหยู่เหยี่ยพูด เซี่ยเหล่ย ”…… ”
พนักงานขายพูดเสริมว่า “ไปช่วยเธอสิ แฟนของคุณหน่ะ”
เซี่ยเหล่ยยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเดินไปห้องลองเสื้อผ้า
ห้องลองเสื้อผ้ามีขนาดเล็กมาก ภายในมีเพียงกระจกและราวขนาดเล็กสำหรับแขวนเสื้อผ้า ถ่างหยู่เหยี่ยยืนอยุ่หน้ากระจกพร้อมกับสวมกระโปรงที่มีซิปอยู่ด้านหลังที่ยังไม่ได้รูด จึงเผยให้เห็นกางเกงในลายลูกไม้สีดำที่เธอใส่อยู่อย่างชัดเจน
เซี่ยเหล่ยมองไปที่หลังและสะโพกของถ่างหยู่เหยี่ย ส่วนถ่างหยู่เหยี่ยก็มองไปที่กระจกซึ่งสะท้อนภาพของเซี่ยเหล่ยซึ่งกำลังมองไปที่บั้นท้ายของเธอ
แม้ว่าทั้งคู่จะไม่ได้จ้องตากันแต่ภายในห้องก็มีบรรยากาศแปลกๆเกิดขึ้นและที่สำคัญตอนนี้ภายในห้องมีกลิ่มหอมตลบอบอวลอยู่ มันเป็นกลิ่นน้ำหอมของถ่างหยู่เหยี่ยนั่นเอง “ฉันเรียกคุณมาเพื่อขอให้ช่วยรูดซิป ไม่ใช่เรียกมาเพื่อให้คุณมองฉันนะ” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพร้อมใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดง
เซี่ยเหล่ยตื่นตัวและรีบเอื้อมมือออกไปและดึงซิปขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามเนื่องจากซิปขาดการหล่อลื่น ทำให้เมื่อรูดขึ้นไปได้แค่นิดเดียวก็เข้าไปเกี่ยวกับกางเกงในลายลูกไม้ของเธอจึงไม่สามารถดึงขึ้นต่อได้….
“คุณ ……” ถ่างหยุ่เหยี่ยพูดพร้อมหันหน้ากลับไปมองเซี่ยเหล่ยก่อนพูดต่อว่า “ทำไมคุณงี่เง่าได้ถึงขนาดนี้เนี่ย?”
เซี่ยเหล่ยพยายามแก้ไขสถานการณ์โดยการดึงซิปกลับลงมา อย่างไรก็ตามมันไม่เป็นไปตามที่เขาคิดเอาไว้ เนื่องจากเมื่อดึงซิปลงมาแล้ว ซิปดันแตกและเกี่ยวกับกางเกงในลายลูกไม้ของเธอจนขาด จึงทำให้เซี่ยเหล่ยสามารถมองเห็นเนื้อหนังสีขาวของเธอได้อย่างชัดเจน
ถ่างหยู่เหยี่ยเองก็รู้สึกได้ เธอจึงรีบเอามือมาปิดส่วนของกางเกงในที่ขาดไป และแม้ว่าปากของเธอจะขยับไปมาเหมือนกับว่าต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่ได้พูดมันออกมา
เซี่ยเหล่ยเองก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน
อย่างไรก็ตามมีเรื่องที่โชคร้านเกิดขึ้นกับถ่างหยู่เหยี่ยอีกครั้ง เมื่อกางเกงในลายลูกไม้ที่ขาดไปแล้วเกิดร่วงลงไปอยู่ที่ข้อเท้าของเธออย่างกระทันหันโดยที่เธอไม่ทันระวังตัว มันเผยให้เห็นสัดส่วนที่ลึกลับและเนื้อหนังสีขาวราวกับหิมะของเธอ
เซี่ยเหล่ยรีบปิดตาแล้วพูดขึ้นว่า “ผม …… ไม่เห็นอะไรเลยนะ”
ถ่างหยู่เหยี่ยยกหมัดขึ้นและต่อยไปที่หน้าอกของเซี่ยเหล่ย แต่ไม่รุนแรงมากนัก
เซี่ยเหล่ยไม่ได้หลบหมัดของเธอแม้แต่น้อยเพราะเขาคิดว่าสมควรโดน
ในขณะที่ต่อยออกไป กระดุมที่เธอติดไว้อย่างลวกๆก่อนหน้านี้ได้กระเด็นออกมา ทำให้เสื้อของเธอเปิดออกจนเซี่ยเหล่ยสามารถเห็นเนินหน้าอกของเธอได้อย่างชัดเจนอีกครั้ง….
เซี่ยเหล่ยมองไปที่ร่างกายของเธอด้วยตาที่โตและไม่กระพริบเลย ไอลีนโนเวล
ในห้องลองเสื้อขนาดเล็กตอนนี้ดูเหมือนว่าเวลาจะหยุดไปชั่วขณะ
“ว๊ายยยย!” ถ่างหยู่เหยี่ยกรี๊ดพร้อมกับเอามือขึ้นมาปกปิดหน้าอกของตัวเอง
เซี่ยเหล่ยรีบขยับตัวเข้าไปปิดปากของเธอพร้อมกับกระซิบว่า “คุณ นี่คุณอย่ากรี๊ดสิ เดี๋ยวคนอื่นจะคิดว่าเรา….. ”
นอกห้องลองเสื้อพนักงานขายได้ตะโกนว่า “คุณลูกค้า เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?”
“ไม่มีอะไร” เซี่ยเหล่ยตอบอย่างเรียบง่าย
“แต่ …… ” พนักงานยังคงพูดด้วยความสงสัยจึงถามต่ออีกว่า “คุณผู้หญิง มีอะไรหรือเปล่า?”
เมื่อถึงจังหวะที่ถ่างหยู่เหยี่ยจะต้องตอบเซี่ยเหล่ยจึงปล่อยมือออกจากปากของเธอแต่อย่างไรก็ตามเมื่อปล่อยแล้วถ่างหยู่เหยี่ยก็กรี๊ดทันที
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” พนักงานเคาะประตูห้องลองเสื้อพร้อมพูดว่า “คุณผู้ชาย ได้โปรดเปิดประตูเดี๋ยวนี้!”
“โอเค โอเค” เซี่ยเหล่ยพูดอย่างเร่งรีบและพูดต่อว่า ”ขอเวลาครู่หนึ่ง แฟนของผมกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่”
ด้วยคำพูดของเซี่ยเหล่ย เมื่อถ่างหยู่เหยี่ยได้ยินเข้าก็ทำให้เธอชะงักและหยุดนิ่งไปในทันที
“คุณผู้หญิง เป็นอะไรหรือเปล่า?” พนักงานขายยังคงต้องการได้ยินคำตอบของถ่างหยู่เหยี่ย
แม้ว่าจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับการเปิดประตูออกไปและอธิบายแต่นั่นมันคือสถานการณ์ปกติไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขาทั้งคู่ นี่จึงทำให้เซี่ยเหล่ยไม่สามารถเปิดประตูห้องลองเสื้อออกไปตั้งแต่แรก จังหวะนี้ถ่างหยู่เหยี่ยได้กระซิบว่า “เอาหล่ะปล่อยมือได้แล้ว ฉันจะบอกเธอว่าฉันเห็นแมลงสาบ”
ถ่างหยู่เหยี่ยได้พูดเป็นภาษาอังกฤษออกไป ดูเหมือนพนักงานขายจะได้คำตอบที่เธอต้องการแล้วทำให้เธอไม่ถามอะไรขึ้นมาอีก
ตอนนี้เซี่ยเหล่ยรู้สึกโล่งใจและผ่อนคลายมากขึ้น อย่างไรก็ตามความรู้สึกเขินอายภายในจิตใจของเขายังคงมีอยู่
“ทำไมยังไม่หันกลับไปอีก” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดด้วยความอับอาย
เซี่ยเหล่ยหันหลังกลับไปทันทีอย่างไรก็ตามแถบแสตนเลสที่ติดอยู่ขอบประตูมันสะท้อนเรือนร่างของถ่างหยู่เหยี่ยอยู่ลางๆ นอกจากนี้ยังสามารถเห็นเธอสวมเสื้อผ้าผ่านทางขอบแสตนเลสได้เช่นกัน มันทำให้เซี่ยเหล่ยรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย….
ถ่างหยู่เหยี่ยสวมเสื้อผ้าของเธอจนเสร็จเรียบร้อยเหลือแต่กางเกงในลายลูกไม้ที่ขาดจนไม่สามารถใส่กลับได้แล้ว เธอจึงยัดมันใส่ในกระเป๋ากางเกงของเซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยมองกลับไปที่ถ่างหยู่เหยี่ยด้วยความตะลึกและตกใจก่อนจะพูดว่า ”ทำไมคุณเอามาใส่กระเป๋ากางเกงผมหล่ะ?”
ถ่างหยู่เหยี่ยมองตาโตไปที่เซี่ยเหล่ยก่อนจะพูดว่า ”ก็เสื้อผ้าของฉันไม่มีกระเป๋าที่พอจะใส่ได้เลยดังนั้นถ้าฉันจะใส่มันไปที่กระเป๋าของแฟนฉันทำไมจะไม่ได้หล่ะ” เธอพูดและพูดต่อว่า “ คุณต้องเก็บไว้จนกว่าฉันจะถึงบ้าน จากนั้นคุณค่อยคืนให้ฉัน”
เซี่ยเหล่ยมองไปที่กระเป๋ากางงเกงของเขาก็รู้สึกอยากร้องไห้ออกมาแต่อย่างไรก็ตามมันก็เป็นแค่ความรู้สึกเพราะจริงๆแล้วไม่มีน้ำตาไหลออกมาแม้แต่น้อย
หลังจากที่ทุกอย่างกลับมาสู่สภาพเดิม เซี่ยเหล่ยก็รีบเดินออกจากร้านทันที
บนถนนอาร์บัตที่มีผู้คนหนาแน่นพร้อมกับแสงแดดที่สวยงาม ทำให้เซี่ยเหล่ยคิดกลับไปในขณะที่ตัวเองอยู่ในห้องลองเสื้อผ้า เขายังคงนึกถึงเรือนร่างของถ่างหยู่เหยี่ยที่เปลือยเปล่าอยู่ตลอดเวลา
ตลอดทางบนถนนอาร์บัต พวกเขาทั้งคู่ไม่คุยกันเลยแม้แต่น้อยแต่ก็มีบางครั้งที่พวกเขาบังเอิญสบตากัน มันเต็มไปด้วยความอึดอัดใจ
เมื่อเดินออกจาถนนอาร์บัตก็เจอกับถนนใหญ่ เซี่ยเหล่ยเดินไปข้างถนนเพื่อเตรียมตัวเรียกรถแท็กซี่จังหวะเดียวกันนี้ถ่างหยู่เหยี่ยได้ดึงแขนของเซี่ยเหล่ยเอาไว้ ก่อนจะพูดว่า ”จากเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้ คุณไม่มีอะไรจะพูดเลยงั้นเหรอ?”
เซี่ยเหล่ยเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “พูดอะไรงั้นเหรอ?”
ถ่างหยู่เหยี่ยได้ใช้ศอก ศอกไปที่เอวของเซี่ยเหล่ยก่อนจะพูดว่า “เมื่อกี้นี้คุณบอกว่าฉันเป็นแฟนคุณ”
“ผม….” เซี่ยเหล่ยพยายามจะอธิบาย แต่ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี
ถ่างหยู่เหยี่ยขยับเข้าไปใกล้เซี่ยเหล่ยพร้อมกับใช้หัวพิงไปที่แขนของเขาก่อนจะพูดอย่างแผ่วเบาว่า ”ฉันเป็นให้ได้นะ……ถ้าหากคุณต้องการ”
ในกรณีนี้พวกเขาถือว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมาก ไม่ว่าจะเป็นในด้านใดก็ตาม
อย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยรู้สึกลังเลใจอย่างมากในหัวของเขานึกถึงผู้หญิงหลายๆคนในชีวิตไม่ว่าจะเป็นเฉินตูเทียนหยิน เจียงหยูยี่ แคนลามี่ อเลน่าหรือแม้แต่หลางซือเหยา
“ขอเวลาผมหน่อย” เซี่ยเหล่ยตอบเธอไป
คำพูดนี้ดูเหมือนจะดีที่สุดสำหรับสถานการณ์ในตอนนี้แน่นอนว่ามันดีกว่าการปฏิเสธหรือการให้สัญญากับเธอ
ถ่างหยู่เหยี่ยยิ้มพร้อมกับพยักหน้าอย่างอ่อนโยนให้กับเซี่ยเหล่ย….
ติดตามตอนต่อไป……