Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่– 399 ไม่มีสมอง ?
พนักงานเสิร์ฟทยอยวางอาหารลงบนโต๊ะ ขณะเดียวกันทุกคนบนโต๊ะก็ไม่ได้รีบร้อนใช้ตะเกียบคีบอาหารขึ้นมากินในทันทีดูเหมือนทุกคนจะรู้มารยาทในการรับประทานอาหารเป็นอย่างดี
หลังจากเสิร์ฟอาหารจนเสร็จ พนักงานก็เดินออกไปบรรยาการศในห้องเริ่มกลับมาอึมครึมอีกครั้ง
เซี่ยเหล่ยเข้าใจสถานการณ์และวิธีการรับมือเป็นอย่างดี เขาจึงไม่จำเป็นจะต้องพูดอะไรก่อนเพียงแค่รอตอบโต้พวกเขาก็เท่านั้น
“อะแฮ่ม” มู๋เจียนเฟิงกระเอมขึ้นอีกครั้งพร้อมกับพูดว่า ”เซี่ยเหล่ย การที่ผมเชิญคุณมารับประทานอาหารในครั้งนี้ก็เพื่อต้องการจะคุยเกี่ยวกับโรงงานผลิตอาวุธของคุณ หวังว่าคุณคงจะไม่รังเกียจนะ?” เซี่ยเหล่ยยิ้มและตอบกลับว่า “อาวุโสมู๋ คุณจะสนใจความรู้สึกของผมทำไมหล่ะ? ในเมื่อคุณอยากจะทำอะไรก็ทำอยู่แล้ว”
มู๋เจียนเฟิงไม่โกรธแม้แต่น้อย เขาตอบกลับมาอย่างเรียบง่ายว่า “ก่อนที่ผมจะพูดรายละเอียด ก่อนอื่นผมขอแนะนำเพื่อนๆของผมก่อนดีกว่า” พูดเสร็จก็ชี้พร้อมกับแนะนำชื่อรายคนว่า “นี่คือประธานของ ICBR ชื่อ Mr. หม่า นี่คือประธานของธนาคารเพื่อการเกษตร ชื่อ Mr. เฉิงฮู นี่คือประธานของธนาคารแห่งประเทศจีน ชื่อ หวู๋เฉิงซิน และสุดท้ายเขาเป็นหัวหน้า Construction Bank ชื่อ Mr. เหยา”
ผู้นำทุกคนที่ถูกแนะนำตัวให้ต่างพยักหน้าในจังหวะที่มู๋เจียนเฟิงเรียกชื่อของตัวเอง ส่วนเซี่ยเหล่ยเองก็พยักหน้าตอบกลับพวกเขาทีละคนเช่นกันอย่างไรก็ตามการที่มู๋เจียนเฟิงเชิญระดับผู้บริหารของธนาคารยักษ์ใหญ่ทั้งสี่คนมา มันชัดเจนถึงวัตถุประสงค์ที่เขาต้องการจะพูดอยู่แล้ว! ในขณะที่มู๋เจียนเฟิงแนะนำผู้บริหารของธนาคารยักษ์ใหญ่ทั้งสี่แห่งให้เซี่ยเหล่ยรู้จักนั้น ใบหน้าของเย่คุนก็ได้แสดงท่าทางเยาะเย้ยออกมาตลอดเวลา มันไม่ได้ซ่อนความคิดที่น่ารังเกียจของเขาได้แม้แต่น้อย มันแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าต่อให้คุณมาที่นี่ก็ไม่มีเงินให้คุณกู้หรอกนะ!
หลังจากการแนะนำผ่านพ้นไป มู๋เจียนเฟิงได้พูดต่อว่า ”เซี่ยเหล่ย คุณได้รับคำสั่งซื้อมามากมายด้วยกำลังผลิตของคุณในตอนนี้ไม่มีทางส่งมอบสินค้าตามระยะเวลาที่กำหนดได้ทันอย่างแน่นอน ด้วยเหตุผลนี้คุณจำเป็นต้องขยายฐานการผลิตและเพิ่มกำลังการผลิต ดังนั้นคุณต้องการกู้เงินก้อนโตอย่างเร่งด่วน ผมจึงเชิญผู้บริหารของทั้งสี่ธนาคารยักษ์ใหญ่มาเพื่อช่วยเหลือคุณในครั้งนี้”
เซี่ยเหล่ยไม่อยากจะตอบเพราะเขารู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางที่จะกู้เงินได้ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องตอบอะไรไป
ถ่างเทียนหลงที่ก่อนหน้านี้เงียบมาตลอดได้พูดขึ้นว่า “ผู้อาวุโสมู๋ ตอนนี้อาหารมาพร้อมแล้ว ผมว่าเรามารับประทานก่อนที่มันจะเย็นดีกว่านะเพราะขณะเรารับประทาน เราก็สามารถพูดคุยกันต่อได้”
ถ่างหยู่เหยี่ยเองก็พูดเสริมว่า “ฉันเองก็รู้สึกหิวมาก เรามาเริ่มรับประทานอาหารกันเลยดีกว่าไหม?”
สองพ่อลูกพูดขึ้นเพื่อต้องการช่วยเหลือเซี่ยเหล่ยนี่เป็นหนทางเล็กๆน้อยๆที่พวกเขาพอจะทำเพื่อเซี่ยเหล่ยได้
มู๋เจียนเฟิงยิ้มจากนั้นก็หยิบตะเกียบขึ้นมาและพูดว่า “เอาหล่ะ…เราค่อยพูดขณะรับประทานอาหารก็ดีเหมือนกัน” ขณะที่พูดเขาก็มองไปยัง Mr. หม่าประธานของ ICBR พร้อมกับให้สัญญาณกับเขา
หลังจากได้รับสัญญาณMr. หม่า ได้กระแอมขึ้นจากนั้นก็พูดว่า “อัตราหนี้เสียธนาคารของผมตอนนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ผมไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับสถานการณ์ในตอนนี้ดีและเนื่องจากปัญหานี้ผมเองก็ไม่กล้าที่จะปล่อยเงินกู้ก้อนโตซักเท่าไหร่”
หวู๋เฉิงซิน ประธานของธนาคารจีนเองก็พูดอีกว่า ”สถานการณ์ของพวกเราก็คล้ายกันมาก ตอนนี้เศรษฐกิจเกิดการชะลอตัว ผมเองก็ลำบากใจเหมือนกันเพราะอาจจะไม่สามารถปล่อยเงินกูได้”
ประธานของธนาคารเพื่อการเกษตรและประธานของธนาคารแห่งประเทศจีนได้หันมาพูดกันเองเสียงดังเพื่อให้เซี่ยเหล่ยได้ยินด้วยว่า พวกเขาก็ไม่สามารถให้เซี่ยเหล่ยกู้ได้เช่นกัน!
พวกเขาเป็นผู้บริหารของธนาคารยักษ์ใหญ่ด้วยตำแหน่งของพวกเขาสามารถกดดันเซี่ยเหล่ยได้อย่างง่ายดาย!
อย่างไรก็ตามแผนการนี้มองออกได้ค่อนข้างง่าย ในมุมมองของถ่างเทียนหลง เขาคิดว่าการที่ทั้งสี่ผู้บริหารของธนาคารยักษ์ใหญ่ปฏิเสธที่จะให้เซี่ยเหล่ยกู้เงินนั้นก็เพื่อกดดันเซี่ยเหล่ยให้ได้มากที่สุด หากได้ผลเซี่ยเหล่ยจะไม่มีทางเลือก เขาก็ต้องขอความช่วยเหลือจากมู๋เจียนเฟิงเพราะเงินจำนวนนี้ไม่สามารถกู้ยืมจากใครที่ไหนก็ได้ และนั่นจะเป็นไปตามแผนของเขา!
ถ่างเทียนหลงเป็นคนที่ฉลาดเมื่อเขารู้ถึงแผนการของมู๋เจียนเฟิงแล้วก็อดไม่ได้ที่จะชักสีหน้าไม่พอใจใส่เขา เนื่องจากมันเป็นแผนการที่น่ารังเกียจ!
มู๋เจียนเฟิงยังคงเล่นตามแผนที่วางไว้อยู่ เขาจึงพูดขึ้นว่า ”ผมเคยได้ยินทุกคนบ่นเรื่องนี้กันหลายครั้งแล้ว แต่อย่างไรก็ตามผมอยากให้ทุกคนลองพิจารณาให้ดีอีกครั้งเพื่อช่วยเหลือเซี่ยเหล่ยด้วย”
จากเรื่องราวทั้งหมดนี้ทำให้บรรยากาศค่อนข้างจะอึมครึมขึ้นไปอีก
ในขณะนี้เซี่ยเหล่ยยังไม่ได้แสดงปฏิกิริยาตอบสนองหรือปฏิกิริยาที่อยากจะพูดอะไรออกมา เขายังคงรับประทานอาหารราวกับว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น….
“เซี่ยเหล่ย!” เย่คุนที่รู้สึกไม่พอใจกับปฏิกิริยาของเซี่ยเหล่ยได้พูดเสียงแข็ง ก่อนจะพูดต่อว่า “ที่ผู้อาวุโสมู๋พูด คุณไม่ได้ยินงั้นเหรอ? การที่คุณแสดงกิริยาแบบนี้ออกมาไม่คิดว่ามันหยาบคายเกินไปเลยใช่ไหม? ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณเอาซะเลย!”
ถ่างหยู่เหยี่ยเองก็พูดขึ้นเช่นกันว่า “คุณพูดอะไรของคุณหน่ะ?”
“หยู่เหยี่ย! หุบปาก!” ถ่างเทียนหลงตะคอกออกมา
“พ่อ!” ถ่างหยู่เหยี่ยเรียกเพราะเธอรู้สึกอึดอัดและไม่พอใจ
ถ่างเทียนหลงมองไปที่ถ่างหยู่เหยี่ยอย่างเย็นชาก่อนจะพูดกับเธอว่า “กลับบ้านไปก่อน”
”ฉัน…… ” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดอย่างสับสนเพราะเธอไม่อยากที่จะขัดใจพ่อตัวเอง แต่ก็ไม่อยากทิ้งเซี่ยเหล่ยเอาไว้ลำพังเช่นกัน ไอรีนโนเวล
“กลับไปได้แล้ว!” ถ่างเทียนพูดเสียงแข็งอีกครั้ง
ถ่างหยู่เหยี่ยลุกขึ้นจากโต๊ะและเดินตรงไปที่ประตูห้องอาหารส่วนตัว
ถ่างเทียนหลงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ในความเป็นจริงเขาเองก็ต้องการช่วยเซี่ยเหล่ยแต่ก็ไม่สามารถทำได้ อย่างไรก็ตามเขาเองก็ไม่อยากให้ถ่างหยู่เหยี่ยอยู่นานกว่านี้ เพราะกลัวว่าเธอจะทำอะไรที่ขาดสติอย่างเช่นการต่อปากต่อคำกับพวกเขาเพราะมันไม่ใช่แค่จะส่งผลกระทบต่อหน้าที่การงานแต่มันจะรวมไปถึงตระกูลถ่างด้วย
เซี่ยเหล่ยเองเข้าใจสถานการณ์ของถ่างเทียนหลงดี เขาจึงไม่ตำหนิอะไรในเรื่องนี้ ในฐานะผู้นำของตระกูลถ่าง เขาจำเป็นจะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของตระกูลเป็นหลักอยู่แล้ว
มู๋เจียนเฟิงที่เห็นการตัดสินใจและการกระทำของถ่างเทียนหลงก็รู้สึกว่าเขาทำได้ดีจึงยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองที่เซี่ยเหล่ยและพูดขึ้นว่า “เซี่ยเหล่ย วันนี้คุณเป็นอะไรไป ทำไมไม่ค่อยพูดอะไรเลยหล่ะ?”
เซี่ยเหล่ยมองกลับไปที่มู๋เจียนเฟิงอย่างรวดเร็วก่อนจะตอบกลับไปว่า “อาวุโสมู๋ ผมเข้าใจที่คุณพูดมาทั้งหมดและผมก็ยังรู้ความต้องการของคุณด้วย คุณไม่ได้แค่จะแค่ปิดกั้นการกู้เงินจากพวกเขาทั้งหมด แต่ยังมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงอยู่ด้วย ในสถานการณ์เช่นนี้คุณจะให้ผมพูดอะไรอีกงั้นเหรอ?”
มู๋เจียนเฟิงยิ้มก่อนจะตอบว่า “เมื่อคุณพูดแบบนี้ ผมจะพูดตรงไปตรงมาเลยดีกว่า” พูดจบก็นิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่ออีกว่า “ในครั้งนี้ไม่ใช่บริษัทฮั่นที่ต้องการซื้อโรงงานผลิตอาวุธของคุณหรอกนะแต่เป็นกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีน”
เซี่ยเหล่ยยิ้มและตอบกลับอย่างรวดเร็ว “เพียงแค่คุณต้องการจะซื้อ ผมจำเป็นจะต้องขายด้วยงั้นเหรอ?”
มู๋เจียนเฟิงตอบกลับว่า “คุณจะต้องขายอย่างแน่นอน เหมือนกับก่อนหน้านี้ตอนที่คุณขายเครื่องจักรอัจฉริยะให้กับผม มันก็จะเป็นแบบนั้นเช่นกัน”
เซี่ยเหล่ยตอบว่า “นั่นจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย ผมไม่โง่พอที่จะให้เกิดเหตุการณ์แบบเดิมซ้ำเป็นครั้งที่สองหรอกนะ”
“ผมไม่เคยคิดว่าคุณเป็นคนโง่ อีกอย่างผมคอยบอกทุกคนด้วยซ้ำว่าคุณเป็นคนฉลาดมาก” มู๋เจียนเฟิงพูดและพูดต่อว่า ”แต่หากคุณฉลาดพอ คุณควรจะรู้จักกับบริษัทอุตสาหกรรมจีนให้มากกว่านี้หน่อยนะ การที่เราต้องการซื้อกิจการโรงงานผลิตอาวุธของคุณนั้นมีเป้าหมายและเจตนาที่ดี ที่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติอย่างเดียวเท่านั้น”
“ไม่ขาย” เซี่ยเหล่ยตอบกลับสั้นๆเพียงแค่สองคำเท่านั้น
มู๋เจียนเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า ”เซียเหล่ย ผมยังยืนยันคำเดิมว่าที่ทำไปทั้งหมดไม่ใช่เพื่อตัวเองแต่เป็นผลประโยชน์ของประเทศชาติ ดังนั้นการขายมันให้กับกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีนจะเป็นการสร้างผลประโยชน์ได้รวดเร็วที่สุด เพราะผมมีกำลังมากพอที่จะขยายการผลิต โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องเหนื่อยเลยด้วยซ้ำ”
เซี่ยเหล่ยพูดเหยียดหยามกลับไปว่า “อาวุโสมู๋ การบังคับให้ขายแบบนี้เท่ากับเป็นการปล้นนะ ผมคิดว่าคุณก็น่าจะรู้ดีแต่การที่คุณเอาผลประโยชน์ของประเทศชาติมาอ้างแบบนี้ ผมชื่นชมจริงๆ คุณเป็นโจรที่น่านับถือสุดๆไปเลย”
สีหน้าของมู๋เจียนเฟิงเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นทันที เขาไม่คิดมาก่อนว่าเซี่ยเหล่ยจะไร้เดียงสาเช่นนี้ ครั้งสุดท้ายที่เจอกันคือที่สนามกอล์ฟพร้อมกับเย่คุน ซึ่งบริษัทฮั่นต้องการพูดคุยกับเขาเพื่อที่จะซื้อโรงงานผลิตอาวุธสุดท้ายก็ไม่ประสบผลสำเร็จแต่นั่นก็คือบริษัทฮั่นของเย่คุน มันไม่เหมือนกับครั้งนี้ที่เป็นกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีนของมู๋เจียนเฟิง แม้มู๋เจียนเฟิงจะรู้อยู่แล้วว่าเซี่ยเหล่ยจะต้องไม่พอใจแต่เขาก็คิดไม่ถึงเลยว่าเซี่ยเหล่ยจะกล้าพูดว่าเขาเป็นโจร แถมยังเป็นต่อหน้าผู้บริหารระดับสูงอีกต่างหาก!
“เซี่ยเหล่ย!” มู๋เจียนเฟิงที่ค่อนข้างจะควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้พูดด้วยน้ำเสียงขึงขังพร้อมกับพูดต่ออีกว่า “ผมจะบอกคุณไว้เลยว่า คุณจะไม่สามารถกู้เงินจำนวนห้าพันล้านหยวนจากที่ไหนได้ อีกอย่างผมจะลดจำนวนคำสั่งซื้อของคุณที่มีซะ ผมอยากจะรู้จริงๆเลยว่าถ้าปลาที่ขาดน้ำแล้วมันจะยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรต่อไป แต่กลับกัน ถ้าคุณขายให้กับผม ผมจะจ่ายเงินจำนวนห้าพันล้านหยวนทันที”
เซี่ยเหล่ยยิ้มแต่ไม่ได้ตอบอะไร
“คุณยิ้มอะไร?” มู๋เจียนเฟิงถามอย่างเย็นชา
เซี่ยเหล่ยยังคงยิ้มอยู่พร้อมกับตอบไปว่า “การที่ผมยิ้มก็เพราะว่า ด้วยอายุของคุณในตอนนี้นอกจากฟันจะไม่ดีแล้ว สมองของคุณเองก็ไม่ดีด้วยเหมือนกัน”
“เซี่ยเหล่ย!” เย่คุนทุบโต๊ะพร้อมเรียกชื่อด้วยความไม่พอใจ
เซี่ยเหล่ยหัวเราะและพูดขึ้นว่า “ผมก็เป็นคนแบบนี้ คุณจะทำไมหล่ะ? จะต่อยผมงั้นเหรอ เอาซิ…ต่อยเลย”
มู๋เจียนเฟิงตะโกนขึ้นว่า “เย่คุน ปล่อยให้เขาพูดต่อ”
เย่คุนมองไปที่เซี่ยเหล่ยอย่างไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
มู๋เจียนเฟิงพูดต่ออีกว่า “เซี่ยเหล่ย ผมเองก็แก่แล้ว แต่การที่คุณบอกว่าสมองของผมไม่ดีแล้วนั้น คุณช่วยขยายความหน่อยได้ไหมว่ามันหมายความว่าอย่างไร?”
เซี่ยเหล่ยตอบว่า “เราไม่ได้อยู่เพียงลำพังบนโลกใบนี้ ธนาคารก็เช่นกัน มันไม่ได้มีแค่ธนาคารในประเทศจีนอย่างเดียวเท่านั้น ธนาคารต่างประเทศก็มีมากมาย ดังนั้นการที่คุณพยายามขัดขวางการหาเงินทุนของผมนั้นไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดเลยเพราะผมสามารถไปกู้เงินจากธนาคารต่างประเทศเอาก็ได้ ส่วนเรื่องการอนุมัติผมก็คิดว่าคงไม่ยาก เพราะบริษัทของผมเพื่งไปสร้างชื่อเสียงในประเทศรัสเซียมา ทุกอย่างมันไม่เป็นไปตามแผนของคุณหรอกนะ แบบนี้จะไม่ให้ผมบอกว่าไม่มีสมองได้อย่างไรหล่ะ?”
มู๋เจียนเฟิงและเย่คุนมองหน้ากันทันที แม้ว่าพวกเขาจะสามารถติดสินบนธนาคารต่างๆภายในประเทศได้แต่พวกเขาไม่สามารถติดสินบนธนาคารต่างประเทศได้ทั้งหมดอีกอย่างเซี่ยเหล่ยเพิ่งจะไปเปิดตัวปืนไรเฟิล XL2500 และได้รับความสนใจมากมายมันจะยิ่งช่วยให้สามารถก็เงินได้ง่ายมากขึ้น
เซี่ยเหล่ยยิ้มและพูดต่ออีกว่า “ยังไม่หมด เรื่องคำสั่งซื้อแม้ว่าคุณจะพยายามขัดขวางอย่างไรก็ไม่สามารถขัดขวางคำสั่งซื้อจากต่างประเทศได้เพราะพวกเขารู้และเห็นประสิทธิภาพของปืนไรเฟิล XL2500 ด้วยตาของพวกเขาแล้ว ถ้าพวกเขาต้องการซื้อเงินของคุณก็ไม่สามารถห้ามพวกเขาได้หรอกนะ เว้นเสียแต่คุณจะเป็นพระเจ้า…เรื่องเหลือเชื่อแบบนั้นก็อาจจะเกิดขึ้นได้”
ทั้งห้องอาหารเงียบสนิท ไม่มีเสียงของใครพูดขึ้นเลยซักคน
ในเวลานี้จู่ๆประตูห้องอาหารส่วนตัวก็ได้เปิดออกพร้อมกับใบหน้าของใครคนหนึ่งที่โผล่เข้ามา
“เพียงแค่ไม่กี่พันล้าน ทำไมจะต้องไปกู้ที่ธนาคารหละ ฉันจะให้คุณเอง” เธอคนนั้นพูดขึ้นทันทีที่โผล่เข้ามา
แน่นอนว่าเธอคือเฉินตูเทียนหยิน…. !
ติดตามตอนต่อไป…….