Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ – 400 ตัวจริง !
ตอนที่– 400 ตัวจริง !
ไม่กี่พันล้าน!
มันไม่สามารถออกมาจากปากของคนทุกคนได้เพราะมีเพียงแค่คนเฉพาะกลุ่มเล็กๆที่ร่ำรวยมากเท่านั้นถึงจะมีสิทธิพูด
อย่างไรก็ตามเมื่อคำพูดนี้ออกมาจากปากของเฉินตูเทียนหยินนั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่มีใครสงสัยว่าเธอกำลังโออ้วดเลยด้วยซ้ำเพราะสำหรับเธอห้าพันล้านนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่
ยิ่งไปกว่านั้นเฉินตูเทียนหยินเสนอที่จะให้เลยด้วยซ้ำไม่ใช่แค่ให้ยืม!
เธอยินดีที่จะให้เซี่ยเหล่ยห้าพันล้านหยวนโดยไม่มีข้อแม้!
ผู้หญิงที่เต็มใจให้เงินผู้ชายมากถึงห้าพันล้านหยวนนี้ต้องเป็นคนอย่างไรกัน?
ถ่างหยู่เหยี่ยที่ยังยืนอยู่ตรงประตูทางเข้ารู้สึกหม่นหมองอย่างมาก เธอต้องการช่วยเหลือเซี่ยเหล่ยแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลยถึงแม้ว่าตระกูลถ่างจะเป็นตระกูลที่มีอำนาจน่าเคารพนับถือแถมยังรุ่งเรืองอย่างมากแต่ด้วยกฏระเบียบของครอบครัวหลายอย่างที่เป็นข้อห้าม ทำให้ทุกคนไม่สามารถทำอะไรเองตามใจชอบได้ ยิ่งไปกว่านั้นเธอเป็นผู้หญิงในตระกูลเธอจึงไม่สามาถนำเงินมาช่วยเซี่ยเหล่ยได้เลย
สีหน้าของถ่างเทียนหลงไม่ค่อยจะดีนักเช่นกันเพราะเขาคิดถึงความรู้สึกของลูกสาวตัวเอง เขารู้ว่าถ่างหยู่เหยี่ยชอบเซี่ยเหล่ยซึ่งเขาเองก็รับได้หากได้เซี่ยเหล่ยเป็นลูกเขย อย่างไรก็ตามการที่เฉินตูเทียนหยินปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับข้อเสนอของเธอในขณะนี้ทำให้รู้ว่าลูกสาวของตัวเองจะรู้สึกน้อยใจมากแค่ไหน!
ผู้หญิงที่ดีมักจะมีผู้ชายมากมายต้องการ ผู้ชายที่ดีก็เช่นกันมักจะมีผู้หญิงมากมายต้องการเป็นเจ้าของ! เซี่ยเหล่ยยิ้มและพูดว่า “เทียนหยิน คุณมาได้ยังไงเนี่ย?”
เฉินตูเทียนหยินยิ้มและตอบว่า “ที่นี่ไม่ได้ใหญ่หนิ ฉันก็ถามไปเรื่อยๆนี่แหละ” เธอพูดและนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า “ที่ส่งข้อความกลับมาว่าอยู่ห้องเก็บศพนั้นฉันรู้อยู่แล้วว่าต้องไม่ใช่คุณอย่างแน่นอน”
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “เอาล่ะ เราไปที่อื่นกันดีกว่าเพราะที่นี่มีใครบางคนทำให้ผมไม่อยากจะทานข้าวซักเท่าไหร่”
เฉินตูเทียนหยินพยักหน้าพร้อมพูดว่า “งั้นไปที่บ้านของฉันกัน พ่อของฉันต้องการกินอาหารฝีมือคุณอยู่พอดีเลย”
นี่เป็นการแสดงความรักต่อที่สาธารณะหรือไม่?
มู๋เจียนเฟิงรู้สึกไม่พอใจในท่าทีของเซี่ยเหล่ยและเฉินตูเทียนหยินในขณะนี้อย่างมาก
“คุณเฉินตู” มู๋เจียนเฟิงพูดพร้อมแสดงสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย จากนั้นก็พูดต่ออีกว่า”คุณพูดว่าคุณจะให้เงินเซี่ยเหล่ยห้าพันล้านหยวน คุณจะให้เขาจริงๆงั้นเหรอ?”
เฉินตูเทียนหยินตอบกลับอย่างเรียบง่ายว่า “ถ้าไม่มีเซี่ยเหล่ยในวันนั้นก็ไม่มีฉันในวันนี้และถ้าไม่มีเซี่ยเหล่ยในวันนั้นก็ไม่รู้ว่าสุขภาพพ่อของฉันตอนนี้จะเป็นอย่างไร ดังนั้นแม้ว่าเขาจะต้องการเงินจำนวนมากถึงหมื่นล้านหยวน ฉันก็จะให้เขา”
ความจริงแล้วเซี่ยเหล่ยไม่ได้ต้องการเงินของเฉินตูเทียนหยินเลย แต่เขาก็พอใจในคำพูดของเธอเอามากๆ เนื่องจากมันสามารถตอกกลับมู๋เจียนเฟิงได้อย่างซะใจ
“อืมม!” มู๋เจียนเฟิงพูดและพูดต่อว่า ”คุณเฉินตู คุณพูดได้ชัดเจนมากดังนั้นผมเองก็จะพูดให้ชัดเจนเช่นกัน ด้วยคำพูดของคุณเมื่อครู่นี้เท่ากับเป็นการประกาศสงครามกับกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีนและและบริษัทฮั่นพร้อมๆกันเลยนะ ผมรู้ว่าคุณเก่งและมีทรัพย์สินมากขนาดไหน อย่างไรก็ตามคุณไม่กลัวว่าจะมีใครมาโจมตีหุ้นของบริษัทเหวี้ยนเทียนบ้างงั้นเหรอ?”
นี่เป็นการขมขู่ของมู๋เจียนเฟิง…
เป็นที่รู้กันดีไม่ว่าจะรวยขนาดไหนแต่ก็ไม่ควรไปมีเรื่องกับเจ้าหน้าที่ระดับสูง!
เฉินตูเทียนหยินขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอไม่เคยท้าทายเจ้าหน้าที่ระดับสูงมาก่อน แต่เธอก็ไม่ใช่คนที่จะกลัวใครโดยไร้เหตุผลเช่นกัน เธอเป็นคนที่เข้มแข็งและแข็งแกร่ง ดังนั้นเธอจึงไม่กลัวคำขู่ของมู๋เจียนเฟิงเลย
อย่างไรก็ตามในขณะที่เฉินตูเทียนหยินต้องการจะพูดกับมู๋เจียนเฟิง เซี่ยเหล่ยได้จับมือของเธอพร้อมกับพูดขึ้นก่อนว่า “เทียนหยิน ไม่เป็นไรหรอก นี่เป็นเรื่องของผมกับกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีนและบริษัทฮั่น คุณเป็นคนดี ผมต้องขอบคุณความมีน้ำใจของคุณมากแต่ผมรับเงินของคุณไม่ได้หรอกนะ ผมไม่อยากจะเป็นผู้ชายที่รับความช่วยเหลือจากผู้หญิงโดยไม่ทำอะไรเลย และผมคิดว่าคุณก็คงไม่อยากให้ผมเป็นคนแบบนั้นเหมือนกันใช่ไหม?” เฉินตูเทียนหยินทำท่าเหมือนกับว่ากำลังจะพูดแต่ก็ลังเลอยู่เหมือนกัน เธอเป็นผู้หญิงฉลาด เธอเข้าใจและรู้ว่าเซี่ยเหล่ยไม่ต้องการให้บริษัทเหวี้ยนเทียนมีผลกระทบไปด้วยแต่อย่างไรก็ตามการที่เซี่ยเหล่ยปกป้องเธอเช่นนี้มันทำให้เธอรู้สึกอยากช่วยเขามากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
เซี่ยเหล่ยไม่รอให้เฉินตูเทียนหยินพูดอะไร เขารีบพูดขึ้นก่อนเลยว่า “เราไปกันเถอะ คืนนี้ผมไม่อยากพูดเรื่องธุรกิจและอีกอย่างผมก็ไม่ได้เจอลุงเหยิยนนานแล้วเหมือนกัน ผมอยากจะเจอเขาซักหน่อย”
เฉินตูเทียนหยินถอนหายใจพร้อมกับพูดขึ้นว่า “อื้ม แล้วแต่คุณเลย”
ในโลกนี้มีผู้ชายที่ราชินีแห่งบริษัทเหวี้ยนเทียนจะยอมเชื่อฟังมีอยู่สองคนเท่านั้นคือหนึ่งเฉินตูเหยิยนและสองคือเซี่ยเหล่ย
ก่อนที่เซี่ยเหล่ยและเฉินตูเทียนหยินจะเดินออกจากห้องอาหารส่วนตัวไป มู๋เจียนเฟิงได้หยิบแก้วขึ้นมาและขว้างลงพื้นอย่างรุนแรง เพล้ง! แก้วไว้ตกถึงพื้นและแตกเป็นเสี่ยงๆ
“เซี่ยเหล่ย! ผมเสนอราคาที่สูงมากๆให้กับคุณแล้ว แต่คุณก็ไม่สนใจมันเลย คุณต้องการจะเป็นศัตรูกับผมงั้นเหรอ?” มู๋เจียนเฟิงพูดอย่างไม่พอใจท่าทางของเขาในตอนนี้ดูโกรธมาก
เซี่ยเหล่ยมองไปที่มู๋เจียนเฟิงที่กำลังโกรธ หงุดหงิดและไม่พอใจพร้อมกับพูดว่า “ผู้อาวุโสมู๋ ผมพูดไปอย่างชัดเจนก่อนหน้านี้แล้วว่าไม่ขาย ยังไงผมก็ไม่ขายถึงแม้คุณจะระงับการผลิตของโรงงานผมหรือแม้แต่ลดจำนวนคำสั่งซื้อของโรงงานผม นั่นเป็นเรื่องของคุณผมไม่สามารถห้ามความคิดคุณได้อย่างไรก็ตามผมขอแนะนำอะไรคุณหน่อยได้ไหม ด้วยอายุของคุณตอนนี้คุณควรจะอยู่ที่บ้านเพื่อพักผ่อนได้แล้ว ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคุณถึงยังดิ้นรนอยู่อย่างนี้ และการที่คุณบอกว่าจะทำเพื่อผลประโยชน์ของประเทศนั้นผมไม่รู้สึกว่ามันจะเป็นความจริงเลย หวังว่าคุณคงเข้าใจที่พูดนะ และอีกอย่าง…สุดท้ายไม่ว่าคุณจะทำอะไร ผมก็ไม่กลัวคุณหรอกนะ!”
“โอ้โห !!! คุณไม่กลัวเหรอ?” มู๋เจียนเฟิงหัวเราะและยังพูดต่ออีกว่า “แล้วผู้หญิงชาวเยอรมันคนนั้นกลัวผมหรือไม่หล่ะ?”
เซี่ยเหล่ยตกใจในทันทีที่ได้ยิน
เย่คุนหัวเราะเสียงดังก่อนจะพูดเสริมอย่างเยือกเย็นว่า ”ได้ยินว่าประเทศเยอรมันกำลังต้องการตัวเธออย่างมาก ถ้าส่งเธอกลับไปจะเกิดอะไรขึ้นกันน้า….”
เซี่ยเหล่ยทุบโต๊ะอย่างรุนแรง ทำให้อาหารกระเด็นเลอะเทอะเต็มโต๊ะไปหมด หลังจากนั้นก็พูดอย่างเกรี้ยวกราดว่า ”ลองดูสิ!”
เย่คุนส่ายหัวพร้อมกับพูดว่า “นี่เป็นวิธีที่นักเลงข้างถนนใช้กันใช่ไหม? เอาหล่ะ…ถ้าไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้น คุณก็แค่ขายโรงงานผลิตอาวุธให้กับกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีนไปก็สิ้นเรื่อง มันจะเป็นเรื่องดีสำหรับทุกฝ่าย”
“ผมว่ามันไม่ใช่ความคิดที่ดีหรอกนะ”เป็นเสียงของชายคนหนึ่งตรงประตูทางเข้า
เซี่ยเหล่ยหันหน้าไปก็พบว่าเป็นหลิงฮั่น…
เขาสวมชุดสูทสีดำพร้อมกับใส่แว่นสายตา ความรู้สึกแรกมันเหมือนกับว่าเขาดูเป็นคนที่อ่อนโยนอย่างมากแต่อย่างไรก็ตามเมื่อรวมกับน้ำเสียงและท่าทางของเขาทำให้รู้สึกได้ว่าเขาน่าเกรงขามอย่างมาก!
เซี่ยเหล่ยยังไม่รู้สถานะที่แน่ชัดของเขาและไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆเขาถึงปรากฏตัวขึ้นที่นี่ได้ อย่างไรก็ตามต้องคอยจับตาดูเขาต่อไป
“คุณเป็นใคร?” มู๋เจียนเฟิงถามอย่างไม่สุภาพ ไอลีนโนเวล
หลิงฮั่นหยิบนามบัตรขึ้นมาพร้อมกับยื่นให้เขาดู
นามบัตรใบนี้มีสองด้าน ด้านหนึ่งเป็นรูปสัญลักษณ์ประจำชาติจีนส่วนอีกด้านหนึ่งมีข้อความเขียนว่า: สำนักงานเฟิส ตำแหน่งผู้ช่วย ‘หลิงฮั่น’
เมื่อมู๋เจียนเฟิงเห็นนามบัตรแล้วท่าทางและปฏิกิริยาที่หยาบคายของเขาก่อนหน้านี้ได้หายไปอย่างสิ้นเชิง
เซี่ยเหล่ยคิดในใจว่า “ผู้ช่วยของสำนักงานเฟิส ? คือสำนักงานอะไร? แล้วเป็นผู้ช่วยของใคร?”
แม้ว่าพอจะเดาได้ แต่ก็ยังไม่มั่นใจ!
หลิงฮั่นหยิบนามบัตรคืนพร้อมกับเดินไปตบไหล่เซี่ยเหล่ยและพูดว่า “นั่งลงและรับประทานอาหารพวกนี้ให้หมดกันดีกว่าคิดถึงชาวแอฟริกันที่ต้องอยู่อย่างอดอยากแล้วเราจะกินทิ้งกินขว้างอาหารพวกนี้ได้อย่างไรหล่ะ?”
เซี่ยเหล่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่สุดท้ายก็พยักหน้าจากนั้นก็เดินไปดึงเก้าอี้ออกมาเพื่อให้เฉินตูเทียนหยินนั่ง ส่วนเขาก็เดินไปนั่งด้านข้างเธอ เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าการที่หลิงฮั่นปรากฏตัวขึ้นที่นี่ สุดท้ายเรื่องนี้มันจะออกมาเป็นอย่างไร
”ผู้อาวุโสมู๋ คุณเองก็นั่งด้วยสิ” หลิงฮั่นพูดพร้อมกับนั่งและยังพูดต่ออีกว่า “คุณเองก็อายุมากขนาดนี้แล้วไม่ควรที่จะโกรธแล้วนะ เอาหล่ะนั่งลงก่อนแล้วค่อยคุยกันขณะที่รับประทานอาหารดีกว่า”
มู๋เจียนเฟิงและเย่คุนมองหน้ากันหนึ่งครั้ง แม้ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจซักเท่าไหร่แต่ก็นั่งลงในที่สุด
บนโต๊ะอาหาร จานค่อนข้างกระจัดกระจายและมีอาหารเลอะไปทั่วเนื่องจากเซี่ยเหล่ยทุบโต๊ะไปก่อนหน้านี้ มันค่อนข้างจะแปลกซักหน่อยที่จะกินแต่ถ้าคิดในแง่ดีมันก็น่าสนใจไปอีกแบบเช่นกัน
คนอื่นๆบนโต๊ะที่เห็นท่าทางของหลิงฮั่นกำลังใช้ตะเกียบคีบอาหารที่กระจัดกระจายก็รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่แปลกมากจริงๆ
อย่างไรก็ตามมู๋เจียนเฟิงที่ความอดทนใกล้จะหมดเต็มทีได้พูดขึ้นอย่างสุภาพว่า ”คุณหลิง คุณมาที่นี่ทำไม บอกผมมาตรงๆเลยดีกว่า”
“โอเค ผมจะพูดอย่างตรงไปตรงมา” หลิงฮั่นพูดพร้อมกับเช็ดปากตัวเองก่อนจะพูดต่อว่า ”ผมเป็นผู้ที่รับผิดชอบโดยตรงของบริษัทอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าซึ่งมีสิทธิขาดในการตัดสินใจในขณะที่อยู่ประเทศรัสเซีย ผมคิดว่าคุณเองก็น่าจะรู้แล้วเช่นกัน อีกอย่างผมทำงานให้กับใคร ผมคิดว่าคุณเองก็น่าจะรู้ดี…ใช่ไหม? ในกรณีนี้ผู้บริหารชื่นชมความสำเร็จของอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าเป็นอย่างมาก แถมเขายังชอบเซี่ยเหล่ยเป็นพิเศษด้วยเช่นกันที่สามารถเอาชนะบริษัทชั้นนำระดับโลกได้”
เมื่อได้ยินที่เขาพูดทั้งเซี่ยเหล่ยและเฉินตูเทียนหยินก็อดที่จะหันมามองหน้ากันไม่ได้แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่ก็อ่านความคิดจากสายตาได้ว่า “ผู้บริหารคนนั้นเป็นใครกันนะ?”
ดูเหมือนว่าทั้งมู๋เจียนเฟิงและเย่คุนจะรู้ว่าผู้บริหารที่หลิงฮั่นพูดถึงนั้นคือใคร มันทำให้สีหน้าของเย่คุนค่อยๆเปลี่ยนเป็นไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
หลิงฮั่นยังพูดต่ออีกว่า “เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ผมก็ต้องสนับสนุนเซี่ยเหล่ยให้ถึงที่สุดหากสิ่งที่เขาต้องการคือที่ดินและเงินจำนวนห้าพันล้านหยวนก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะผมมาที่นี่ก็เพื่อจัดการสิ่งนี้ ดังนั้นผมคิดว่าควรจะหยุดการขัดแย้งพวกคุณเองได้แล้ว ไม่อย่างนั้นคุณคงจะเดาได้นะว่าถ้าผู้บริหารโกรธขึ้นมาผลจะเป็นอย่างไร? ผมคงไม่ต้องพูดต่อแล้วใช่ไหม?”
”คุณหลิง พวกเรา….” เย่คุนพูดอย่างสุภาพทันทีและพูดต่ออีกว่า “พวกเราแค่พูดคุยกันเกี่ยวกับธุรกิจเท่านั้น ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยนะ”
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดี ดีแล้วแหละ” หลิงฮั่นพูด
มู๋เจียนเฟิงไม่ได้พูดอะไรแต่ในใจของเขาก็รู้สึกได้ว่าเรื่องนี้ใกล้จะจบแล้ว
“อีกสิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะพูดก็คือผู้หญิงที่ทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้า เธอไม่ใช่ชาวรัสเซียแต่เป็นชาวอังกฤษ ผมว่าพวกคุณเข้าใจผิดกันไปหมดแล้ว ผมยืนยันได้ว่าเธอเป็นชาวอังกฤษ ไม่ใช่ชาวเยอรมันอย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่ควรไปถึงหูของประเทศเยอรมันเพราะอาจจะเกิดข้อพิพาทระหว่างประเทศขึ้นมาซึ่งผมจะเตือนไว้ก่อนเลยว่า ถ้าใครที่พยายามจะสร้างเรื่องขึ้นมาจนกลายเป็นข้อพิพาทแล้วละก็ แม้แต่พระเจ้าก็ช่วยเหลืออะไรคนๆนั้นไม่ได้” หลิงฮ่นพูดเสร็จก็ยิ้มและพูดต่ออีกว่า “เข้าใจที่ผมพูดใช่ไหม?”
ทั้งห้องเงียบ ไร้เสียงตอบรับ…..
“เอาหล่ะ เมื่อทุกคนเข้าใจแล้วก็เชิญรับประทานอาหารกันต่อได้เลย ส่วนผมต้องขอตัวก่อน” หลิงฮั่นพูดพร้อมเดิมไปตบไหล่เซี่ยเหล่ยก่อนจะพูดขึ้นอีกว่า ”ผู้บริหารของธนาคารยักษ์ใหญ่หลายคนอยู่ที่นี่แล้ว คุณควรจะคุยกับพวกเขาเรื่องกู้เงินนะ”
เซี่ยเหล่ยยิ้มพร้อมตอบว่า “เข้าใจแล้ว”
เมื่อหลิงฮั่นเดินออกจากห้องไป เหล่าผู้บริหารของธนาคารยักษ์ใหญ่ทั้งสี่ก็รีบเดินเข้ามาหาเซี่ยเหล่ย โดยที่เซี่ยเหล่ยยังไม่ทันจะได้พูดอะไรเลยด้วยซ้ำ ”คุณเซี่ย ห้าพันล้านหยวนใช่ไหม? ผมจะจัดการให้เอง” ผู้บริหารของ ICBR พูด
”คุณเซี่ย ถ้าคุณต้องการอย่างเร่งด่วน ผมสามารถอนุมัติให้ได้ภายในหนึ่งนาที” ผู้บริหารของธนาคารเพื่อการเกษตรพูด
”คุณเซี่ย ผมก็สามารถอนุมัติให้ได้” ผู้บริหารของธนาคารแห่งประเทศจีนพูด
”คุณเซี่ย ผมเองก็เช่นกัน” หัวหน้า Construction Bank พูด
“กลางคืนไม่เหมาะที่จะพูดคุยเรื่องธุรกิจซักเท่าไหร่ เราค่อยคุยกันใหม่ในวันพรุ่งนี้นะ” เซี่ยเหล่ยพูดจบก็จับมือของเฉินตูเทียนหยินเดินออกจากห้องอาหารทันที…
ติดตามตอนต่อไป……