Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ – 415 คู่รักหวานชื่น
TXV– 415 คู่รักหวานชื่น
มันเป็นพวงอัญมณีสีแดงและน้ำเงินที่ถูกร้อยเข้าด้วยกันเป็นสร้อยแวววาวระยิบระยับโดยเฉพาะที่จี้ซึ่งขนาดเทียบเท่าไข่นกพิราบที่ฐานจี้มีเพชรติดประดับไว้ล้อมรอบซึ่งเพชรแต่ละเม็ดก็เกือบ 1 กะรัต ยิ่งไปกว่านั้นคือเพชรทุกเม็ดก็เป็นเพชรสีที่มีราคาแพงที่สุด ไม่ใช่เพชรธรรมดาทั่วไปเลย
สร้อยคอเส้นนี้เป็นสร้อยที่เจ้าหญิงหยงเหม่ยผู้งามนิรันดร์เคยใส่และเซี่ยเหล่ยก็ได้ของล้ำค่าชิ้นนี้มาจากโลงหยกของเธอ
สร้อยเส้นนี้มีค่ามากจนยากจะประเมินแต่แน่นอนว่าอันซูฮยอนเองก็มีแหวนเพชร 10 กะรัตเป็นของตัวเองเหมือนกัน
อันที่จริงตอนที่เซี่ยเหล่ยเอาสร้อยออกมา เขาก็คิดเอาไว้แล้วว่าจะเก็บมันไว้ให้ดีที่สุดเพื่อรอมอบให้เธอ
เสียงคนพูดคุยกันดังอย่างต่อเนื่องอยู่ภายในห้องประชุม
พระเจ้า โลกเรามันมีสร้อยที่สวยมากขนาดนี้อยู่ด้วยเหรอเนี่ย? ดูอัญมณีนี่สิ ดูเพชรพวกนี้สิ ราคามันจะสูงขนาดไหนกันนะ? แขกสุภาพสตรีคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น
ถ้ามีใครสักคนส่งสร้อยเส้นนี้มาให้ฉัน ฉันจะแต่งงานกับเขาแน่นอน ผู้หญิงอีกคนพูดต่อมองสร้อยในมือเซี่ยเหล่ยด้วยความอยากได้
ถ้าเธอไม่เลือกผู้ชายที่ขายอาวุธคนนั้นก็เสียของเลยน่ะสิ นักข่าวคนหนึ่งถอนหายใจ
ของปลอมรึเปล่า? คิดดูสิ โลกเรามีสร้อยแบบนี้ที่ไหนกัน แขกสุภาพบุรุษคนหนึ่งตั้งข้อสงสัย
เทียบแหวนกับสร้อยแล้ว อยากรู้จริงๆว่าเฉินตูเทียนหยินจะเลือกใคร แขกชายอีกคนแสดงความเห็น ทุกตัวเลือกก็เป็นผู้ชายที่ดีกันหมด ต้องตัดสินใจเลือกยากแน่ๆ
เลือกยากงั้นเหรอ? ชายอีกคนออกความเห็นบ้าง ถ้าเฉินตูเทียนหยินเป็นลูกสาวผม ผมคงให้เธอเลือกอันซูฮยอนอยู่แล้ว บริษัทก๊อดโดเมนน่ะเป็นหุ้นส่วนใหญ่ในเกาหลีใต้เลยนะ แถมอันกวนก็กำลังจะเป็นประธานาธิบดีในอนาคตด้วย ดีขนาดนี้ เซี่ยเหล่ยเทียบได้รึเปล่าล่ะ?
ฉันไม่คิดแบบนั้นนะ ภรรยาของเขาแย้ง ถ้าฉันเป็นเฉินตูเทียนหยิน ฉันคงเลือกเซี่ยเหล่ย เขาเริ่มต้นจากไม่มีอะไรเลยแต่ 2 ปีเขาก็สร้างเนื้อสร้างตัวมีทรัพย์สมบัติเป็นพันล้านได้แล้ว เขาอดทนผ่านเรื่องยากลำบากมาได้ตั้งเยอะ ถ้าได้อยู่กับคนแบบเขาคงมีความสุขน่าดู อันซูฮยอนเหรอ? ลูกคนรวยที่เกิดมาบนกองเงินกองทอง ความสำเร็จเดียวของเขาก็คือพ่อของเขาเท่านั้นแหละ
กว่าสิบชีวิตในห้องประชุมกำลังถกเถียงกันตามที่แต่ละคนคิด
ท่ามกลางเสียงพูดคุย เฉินตูเทียนหยินได้ตัดสินใจแล้ว มือเรียวขาวของเธอยื่นออกไปแตะเซี่ยเหล่ย ริมฝีปากเธอสั่นน้อยๆ ตอนนี้เธอใจเต้นแรงเกินกว่าจะพูดอะไรไหว
ตอนแรกเฉินตูเทียนหยินเคยไล่ตามเซี่ยเหล่ยแต่ก็พ่ายแพ้ให้กับหลางซือเหยา เธอจึงเลือกปิดกั้นตัวเองไปแต่หลายครั้งที่เซี่ยเหล่ยแสดงออกให้เห็นว่าเขาก็กำลังไล่ตามจีบเธออยู่เหมือนกันและในที่สุดตอนนี้ เซี่ยเหล่ยกำลังคุกเข่าต่อหน้าเธอแสดงทุกอย่างออกมาอย่างชัดเจน
ในขณะเดียวกัน ใบหน้าของอันซูฮยอนดูเย็นชาและอ่านยาก สายตาของเขาเต็มไปด้วยความกลัว
อย่างไรก็ตามเฉินตูเทียนหยินยังไม่ได้เอาสร้อยอัญมณีมาจากมือเซี่ยเหล่ย เธอน้ำตาเอ่อคลอ มือเรียวยังคงอยู่เหนือสร้อยเส้นนั้นเว้นระยะห่างไว้เพียงเล็กน้อย
เซี่ยเหล่ยนิ่งอึ้งคิดในใจ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการเหรอ? ทำไมตอนนี้เธอถึงได้ลังเลกันนะ?
ข้างๆกัน อันซูฮยอนดูเหมือนจะมีหวังขึ้นมานิดๆ เขาจึงพูดขึ้นทันที เทียนหยิน อย่าเลือกทางผิดเลย ผมนี่แหละคือคนที่ดีที่สุดสำหรับคุณแล้ว คิดถึงสมบัติของเราสองคนรวมกันสิ คิดถึงเวลาที่เราจะได้คุยกัน คิดถึงลูกที่เรากำลังจะมีในอนาคตสิ
คำพูดพวกนี้อาจจะทำให้ผู้หญิงหลายคนประทับใจได้
แต่ไม่ใช่กับเฉินตูเทียนหยินเธอไม่ได้มองเขาเลยด้วยซ้ำ สายตาเธอมีเพียงเซี่ยเหล่ยแม้ว่าเธอจะน้ำตาคลออยู่แต่ในน้ำตานั้นก็เต็มไปด้วยความสุขและความยินดี
เซี่ยเหล่ยนึกฉงนในใจว่าทำไมเธอถึงไม่รับสร้อยไปสักที?
ฟู่หมิงเหม่ยที่ทนดูไม่ได้จึงพูดขึ้น เซี่ยเหล่ย คุณนี่ทึ่มจริงๆ พูดอะไรหน่อยสิ! คุณจะขอแต่งงานจริงมั้ยเนี่ย? ถ้าคุณไม่พูดอะไร คนเขาจะรับของขวัญแต่งงานได้ไงเล่า?
ประโยคยาวๆของเธอเรียกสติเซี่ยเหล่ยได้ทันที
เขายิ้มเขินก่อนจะเริ่มพูด เทียนหยิน คุณ……แต่งงานกับผมนะ
เฉินตูเทียนหยินถอนหายใจแล้วจึงยื่นมือไปรับสร้อยอัญมณีมาจากเซี่ยเหล่ย ฉันรอคุณพูดแบบนี้มานานแล้วจริงๆ…… ฉันตกลงค่ะ!
ฟู่หมิงเหม่ยพูดเสียงดัง เซี่ยเหล่ย คุณยังพูดไม่ครบเลยนะ
เซี่ยเหล่ยหันกลับไปมองเฉินตูเทียนหยิน ซึ่งเธอกำลังเดาอยู่ในใจว่าเขาจะพูดอะไร
ท่าทางฟู่หมิงเหม่ยเริ่มดูโหดขึ้นไปอีก บอกไปสิว่าคุณรักเธอ!
เพียงจบประโยค เซี่ยเหล่ยก็เริ่มพูดคำสั้นๆกับอีกคน เทียนหยิน ผมรัก……คุณ
เซี่ยเหล่ยเป็นหนุ่มขี้อายและค่อนข้างหัวโบราณถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นก็อาจจะพูดได้ทันทีที่เปิดปากแต่มันช่างยากสำหรับเซี่ยเหล่ยจริงๆ ถ้าครั้งหนึ่งเขาพูดไปแล้วเซี่ยเหล่ยจะรับผิดชอบคำพูดนั้นและจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงง่ายๆแน่นอน
เฉินตูเทียนหยินดึงเซี่ยเหล่ยเข้ามาและกอดเขาไว้ในอ้อมแขนนิ่ม
ฮึ่ม! อันซูฮยอนทนดูต่อไปไม่ไหว เขายืนขึ้นแล้วเดินออกไป นักข่าวที่ขวางทางเขาอยู่ก็ถูกเขาผลักออกอย่างหยาบคาย
เซี่ยเหล่ย จูบเธอเลย! ฟู่หมิงเหม่ยตะโกนเชียร์
จูบเธอ จูบเธอ! ทั้งแขกและนักข่าวจึงตะโกนเชียร์ตามไปด้วย
ภายในห้องนั้นเต็มไปด้วยบรรยากาศที่ชวนให้ยิ้มจนแก้มปริ
เฉินตูเทียนหยินมองเซี่ยเหล่ยด้วยรอยยิ้ม เธอกำลังรอให้บางอย่างเกิดขึ้น
เซี่ยเหล่ยและเฉินตูเทียนหยินเคยจูบกันมาก่อนแล้วแต่ครั้งนั้นมันเป็นการจูบเพื่อเฉินตูหยี่ส่วนตอนนี้มันต่างออกไป การจะจูบเธอต่อหน้าคนมากมายแบบนี้ หนุ่มหัวโบราณก็เป็นต้องลำบากใจอยู่บ้าง
อย่างไรก็ตาม เขาขอเธอแต่งงานไปแล้วทุกคนก็เห็นด้วย งั้นการจูบมันจะเป็นอะไรไป?
ความคิดนี้วาบผ่านเข้ามาในความคิดเซี่ยเหล่ย เขาจึงปล่อยการยึดติดธรรมเนียมไป รวบรวมความกล้าแล้วจึงจูบลงบนริมฝีปากของผู้หญิงตรงหน้า ริมฝีปากของเฉินตูเทียนหยินทั้งนุ่มนิ่ม ชุ่มชื้น และหอมหวาน เป็นรสสัมผัสที่มีเสน่ห์ การจูบเธอครั้งนี้ เซี่ยเหล่ยรู้สึกได้ว่ามันต่างไปจากครั้งแรกนั่นเพราะว่าตอนนี้เขากำลังจูบคู่หมั้นของตัวเองอยู่ ไอลีนโนเวล
แขนแข็งแรงของเซี่ยเหล่ย ริมฝีปากของเขา รสสัมผัสของเขา ทั้งหมดล้วนทำให้เฉินตูเทียนหยินหวั่นไหว เธอหลับตาลง ท่าทางเขินอายแต่ก็เผยอปากรับจูบจากเขาลิ้นเรียวถูกส่งเข้าไปในโพรงปากของชายหนุ่ม ให้เขาหยอกล้อ ให้เขาลิ้มรส
จากจูบเบาๆเริ่มไต่ระดับไปเป็นจูบดูดดื่ม เป็นความเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องที่นุ่มนวลและเป็นธรรมชาติ แขกและนักข่าวรอบข้างต่างพากันยิ้มและปรบมือยินดี แน่นอนว่ากล้อง DSLR ของนักข่าวจะต้องไม่พลาดฉากนี้ไปแน่ๆ เสียงชัตเตอร์ดังขึ้นพร้อมกับแสงแฟลชที่สาดไปยังเหตุการณ์เบื้องหน้า
นาทีต่อมา เซี่ยเหล่ยและเฉินตูเทียนหยินก็ผละออกจากกันแก้มของทั้งสองคนแดงระเรื่อ สีหน้าเขินอายอย่างเห็นได้ชัด
ณ ที่นี่วันนี้ ฉันขอแจ้งข่าวว่า เราอยากเชิญทุกท่านเข้าร่วมเป็นแขกในงานฉลองซึ่งไม่เคยมีมาก่อนที่โรงงานของเราในวันพรุ่งนี้ค่ะ ฟู่หมิงเหม่ยเริ่มพูดเพื่อเคลียร์แขก
บรรดาแขกและนักข่าวจึงค่อยๆทยอยกันเดินออกไป เฉินตูเทียนหยินรับหน้าที่เดินไปส่งแขกด้วยความสุภาพและเป็นมิตร
หลังจากส่งแขกกลับจนครบทุกคนแล้ว ฟู่หมิงเหม่ยก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม ยินดีด้วยนะ ในที่สุดพวกคุณสองคนก็ลงเอยกันได้สักที ฉันไม่กวนพวกคุณแล้วล่ะ คุยกันไปเถอะนะ ไม่ต้องห่วง
เฉินตูเทียนหยินและเซี่ยเหล่ยหันขวับมามองเธอพร้อมกันทันที จ้องเขม็งเหมือนกัน ขยับไปพร้อมกันราวกับว่าซ้อมกันมาก่อน
ฮ่าฮ่าฮ่า…… ฟู่หมิงเหม่ยหัวเราะก่อนจะเดินออกไป
กู๋เค่อเหวินยกยิ้มโดยไม่ได้พูดอะไรแล้วจึงเดินตามฟู่หมิงเหม่ยไป เมื่อออกไปนอกประตูแล้วก็ปิดประตูห้องให้เสร็จสรรพ
ภายในห้องจึงเหลือเพียงแค่เซี่ยเหล่ยและเฉินตูเทียนหยิน ผมมองคุณ คุณมองผม บรรยากาศที่นั่นจึงเต็มไปด้วยความหวานและการอายม้วนต้วน
สำหรับเซี่ยเหล่ยตอนนี้มันราวกับความฝันกลายเป็นจริงเพราะเขาได้อยู่กับคนในฝันจริงๆแล้ว
สำหรับเฉินตูเทียนหยิน ความสัมพันธ์ของเธอและเขาก็ผ่านอะไรมาหลายอย่าง และตอนนี้เธอก็ได้อยู่กับชายที่เธอรัก ความรู้สึกตอนนี้มันช่างล้ำค่ามากจริงๆ
คอยมองฉันอยู่ตลอดเลยสิ? เฉินตูเทียนหยินพูดขึ้นแหวกความเงียบ เธอยกยิ้มมุมปาก คุณซื้อสร้อยอัญมณีเส้นนี้มาจากไหนเหรอ? มันสวยมากเลย ฉันเดาว่าหลายสิบล้านเลยสิ ทำไมคุณถึงซื้อของขวัญที่แพงขนาดนี้ให้ฉันกันล่ะ?
เซี่ยเหล่ยเริ่มกระอักกระอ่วนใจ ผมไม่ได้ซื้อมาหรอก ผมขุดมาจากหลุมศพโบราณในอัฟกานิสถาน อืม คุณอาจจะไม่เชื่อก็ได้นะ มันเป็นของเจ้าหญิงในราชวงศ์หมิง เธอชื่อซูเสวียเหยี่ยเป็นเจ้าหญิงผู้งามนิรันดร์
หา? มีเรื่องอะไรแบบนั้นด้วยเหรอ? งั้นนี่ก็เป็นสมบัติล้ำค่าเลยสิ? เฉินตูเทียนหยินถามด้วยความประหลาดใจ
เซี่ยเหล่ยยิ้มรับ ถ้าคุณใส่แล้วต้องดูดีมากแน่ๆ เดี๋ยวผมใส่ให้นะ
ค่ะ เฉินตูเทียนหยินตอบเสียงนุ่มก่อนจะส่งสร้อยอัญมณีกลับคืนให้เซี่ยเหล่ย
เขาเดินอ้อมไปด้านหลังเธอรวบผมเธอไว้ด้วยกันและบรรจงใส่สร้อยที่คอของเธอ คอระหงขาวเนียนตัดกับอัญมณีสีแดงและน้ำเงินใส อีกทั้งเพชรแวววาวหลากสีที่จี้นั่นเมื่อสร้อยเส้นนี้อยู่บนร่างกายเธอ มันยิ่งดูหรูหราและสวยจนน่าตกตะลึง ช่างเป็นการจับคู่ที่เหมาะสมมากจริงๆ
คุณต้องมีแหวนให้ฉันด้วยนะ เฉินตูเทียนหยินหันกลับมามองเซี่ยเหล่ยที่อยู่ห่างกันแค่เอื้อม ขอแต่งงานนี่นา เราคงแต่งงานกันด้วยสร้อยไม่ได้หรอกนะ ฉันอยากได้แหวนสักวงน่ะ
เซี่ยเหล่ยพยักหน้า อื้ม ผมจะไปเลือกแหวนมาให้คุณนะ
เฉินตูเทียนหยินคว้าแขนเซี่ยเหล่ยไว้ก่อนจะจูบที่ริมฝีปากเขาอีกครั้ง……
ผ่านไปพักใหญ่ทั้งสองคนถึงผละออกจากกัน ต่างฝ่ายต่างมีกลิ่นและรสสัมผัสของอีกคนเคลือบทับตัวเองอยู่ ในขณะเดียวกันก็เรียกได้ว่าพวกเขาผสานรวมกันเป็นหนึ่งไปแล้ว
ก่อนหน้านี้…… เซี่ยเหล่ยกระซิบ เทียนหยิน ถ้าผมไม่ขอคุณแต่งงาน คุณจะตอบตกลงอันซูฮยอนรึเปล่า?
เพียงฟังจบรอยยิ้มก็ปรากฏที่มุมปากของเธอ ฉันก็จะรอให้คุณขอฉันอีกอยู่ดี คุณคิดว่าฉันจะตกลงกับเขาเหรอ?
เซี่ยเหล่ยยิ้มตาม เขารู้สึกว่าตัวเองออกจะทึ่มๆไปนิดแต่ความรู้สึกนั้นก็ทำให้เขาสบายใจ ดังนั้นมันจึงไม่เป็นไรเลย
กลับบ้านกับฉันนะ ฉันอยากบอกพ่อเรื่องของเรา ถ้าเขารู้เขาต้องมีความสุขมากแน่ๆ เฉินตูเทียนหยินพูดด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความสุข
อือ งั้นไปบ้านคุณกัน เซี่ยเหล่ยตอบรับพลางนึกถึงพ่อตัวเองบ้างถ้าลูกชายเขามีคู่หมั้นแล้ว เรื่องพวกนี้เขาก็ต้องบอกพ่อด้วยเช่นกันแต่ว่าตอนนี้พ่อของเซี่ยเหล่ยอยู่ที่ไหนกันล่ะ?
เมื่อคิดถึงเซี่ยฉางห่ายในใจเซี่ยเหล่ยก็เริ่มกังวลเพียงแต่เขาไม่แสดงออกมา วันนี้เป็นวันดี เขาไม่อยากให้เฉินตูเทียนหยินรู้สึกเสียใจในวันสำคัญแบบนี้
เฉินตูเทียนหยินจัดการเก็บของเล็กน้อยแล้วจึงคล้องแขนเซี่ยเหล่ยเดินออกจากห้องไปพร้อมกันตลอดทางเดินก็มีเหล่าพนักงานในตึกยิ้มยินดีให้ทั้งสอง พนักงานหญิงบางคนก็มองเซี่ยเหล่ยและกระซิบคุยกันเบาๆ ซึ่งเบาเกินกว่าที่เขาจะได้ยิน ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนไม่ใช่ความลับอีกต่อไปแล้ว
แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นสื่อจะเริ่มทำข่าวนี้ ผู้บริหารโรงงานทหารอาชาสายฟ้าจะกลายเป็นผู้มีอิทธิพลกับทั้งแผ่นดินจีนและข่าวการประกาศหมั้นสายฟ้าแลบของเฉินตูเทียนหยิน!
ติดตามตอนต่อไป……….