Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - 418 เจ็บตัว !
TXV– 418 เจ็บตัว !
เช้าวันรุ่งขึ้น เซี่ยเหล่ยและเฉินตูเทียนหยินได้ออกเดินทางไปยังเขตชานเมืองเพื่อไปยังย่านเขตอุตสาหกรรมซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตโทรศัพท์มือถือ
กลยุทธ์ของเฉินตูเทียหยินคือเริ่มจากสร้างโทรศัพท์มือถือขึ้นมาตีตลาดก่อน ต่อไปเมื่อแบรนด์ได้รับความนิยมก็จะค่อยๆหาทางเพิ่มยอดขายและค่อยๆขยายฐานการผลิตโดยตลอดเวลาที่จะปล่อยสินค้าออกมาสู่ตลาด สิ่งหนึ่งที่เธอให้ความสนใจมากเป็นพิเศษก็คือการรับประกันคุณภาพสินค้าและการบริการหลังการขายจากจุดนี้จะเห็นได้ว่าเธอป็นคนที่ละเอียดอ่อนและมีความทะเยอทะยานมากอย่างไรก็ตามแผนการของเธอก็ไม่ได้เป็นแผนการที่ผลีผลาม เพราะมันเป็นการเริ่มต้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปและระมัดระวัง
เซี่ยเหล่ยคิดว่าตอนแรกอันซูฮยอนจะไม่มาแต่เขาก็คิดผิดเพราะเมื่อมาถึงโรงงานผลิต อันซูฮยอนได้รออยู่ก่อนแล้ว
การพบกันระหว่างเซี่ยเหล่ยและอันซูฮยอนแน่ชัดว่าพวกเขาที่ไม่ชอบกันอยู่แล้วได้มองหน้ากันอย่างไม่พอใจแต่เพียงชั่วครู่เท่านั้นเพราะหลังจากนั้นพวกเขาก็แสร้งยิ้มให้กัน จากนั้นอันซูฮยอนก็ได้พูดว่า “ทั้งสองคน ผมคิดว่าพวกคุณต้องรอกันก่อนสักครู่หนึ่ง ผมไม่คิดว่าพวกคุณจะมากันเร็วขนานนี้”
เฉินตูเทียนหยินพยักหน้าเบาๆก่อนจะพูดว่า “คุณเองก็มาเร็วเหมือนกันนะ”
เธอพูดเพื่อทักทายเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเนื่องจากตอนนี้เธออยู่ในสถานะที่เป็นคู่หมั้นของเซี่ยเหล่ยและเธอก็ยังรู้อีกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเซี่ยเหล่ยและอันซูฮยอนนั้นยิ่งกว่าแย่เสียอีก เธอจึงไม่อยากที่จะพูดอะไรมากกับเขา
ผู้หญิงที่ฉลาดจะไม่ทำอะไรผิดพลาดง่ายๆ ซึ่งเธอคือหนึ่งในนั้น
จังหวะนี้จู่ๆอันซูฮยอนก็หันไปพูดกับเซี่ยเหล่ยว่า “เซี่ยเหล่ย คุณสบายดีมั้ย ?”
เซี่ยเหล่ยเองไม่ต้องการพูดคุยกับอันซูฮยอน เขาจึงหันไปหาเฉินตูเทียนหยินก่อนจะพูดว่า “เทียนหยิน ผมขอไปดูโรงงานพร้อมกับดูสายการผลิตก่อนดีกว่านะ”
“ดีเหมือนกัน” เฉินตูเทียนหยินพูดก่อนจะพูดอีกว่า “คุณเป็นวิศวกรทั้งเครื่องกลและไฟฟ้าที่เยี่ยมยอดและเก่งที่สุดในประเทศก็ว่าได้ หากคุณพบอะไรที่คิดว่าจะเป็นปัญหา คุณสามารถจัดการดำเนินการได้เลยนะ”
เซี่ยเหล่ยยิ้มพร้อมพูดว่า “ไม่มีปัญหา”
พูดเสร็จเซี่ยเหล่ยก็เดินไปทันที
อันซูฮยอนมองไปที่ด้านหลังของเซี่ยเหล่ยที่กำลังเดินออกไปพร้อมกับยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย มันเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ดูเหมือนเขามีความคิดที่จะทำอะไรบางอย่างอยู่ในใจและเห็นได้ชัดจากรอยยิ้มว่ามันไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ
“อันซูฮยอน” เฉินตูเทียนหยินเรียกก่อนจะพูดว่า ”ตอนนี้เซี่ยเหล่ยเป็นคู่หมั้นของฉัน หวังว่าคุณคงจะยอมรับเรื่องนี้ให้ได้และหวังว่าคุณจะไม่ก่อเรื่องอะไรอีกหล่ะ เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเขา มันจะส่งผลกระทบกับความร่วมมือของพวกเราทั้งสองบริษัทแน่นอน”
อันซูฮยอนยักไหล่เล็กน้อยก่อนจะตอบไปว่า ”ผมรู้ว่าอะไรควรทำหรืออะไรไม่ควรทำ ประเทศจีนเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่มาก ผมไม่ทำอะไรงี่เง่าหรอก คุณสบายใจได้”
เฉินตูเทียนหยินยิ้มและพูดว่า “ถ้าคุณคิดได้แบบนี้จริงๆก็ดีแล้ว ต่อไปในอนาคต คุณจะกลายเป็นผู้อำนวยการที่ใจกว้างและยอดเยี่ยมของบริษัทก็อดโดเมนอย่างแน่นอน”
อันซูฮยอนเองก็ยิ้มและพูดว่า ”เทียนหยิน แม้ว่าคุณจะหมั้นกับเขาแล้ว แต่พวกเราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้นะอย่างไรก็ตามทางผมเองอยากจะขอพูดอะไรซักหน่อยก็แล้วกัน ดูอย่างเมื่อกี้นี้สิ ผมทักทายเซี่ยเหล่ยแล้ว แต่เขาก็ไม่ตอบอะไรผมเลยแม้แต่น้อย ผมอยากให้คุณเตือนเขาซักหน่อยแม้ว่าเขาจะทำตัวไม่สุภาพกับผมแต่ผมก็ไม่ถือโทษโกรธอะไรหรอกนะ”
คิ้วของเฉินตูเทียนหยินเหี่ยวย่นเล็กน้อย เธอไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่อันซูฮยอนว่าเซี่ยเหล่ยนั้นไม่สุภาพ อย่างไรก็ตามเธอไม่อยากทำให้เรื่องแย่ไปกว่านี้เธอจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาจึงพูดว่า ”ตอนนี้ทั้งผู้สื่อข่าวและแขกผู้มีเกียรติยังไม่มากัน ฉันขอตัวไปดูที่เวิร์คช็อปก่อนก็แล้วกันนะ”
“โอเค ผมไปด้วย” อันซูฮยอนพูดพร้อมกับเดินตามเฉินตูเทียนหยินไป
หลังจากที่ทั้งสองคนเดินไปแล้ว กู๋เค่อเหวินและฟู่หมิงเหม่ยก็เดินตามพวกเขาไปที่เวิร์คช็อปด้วยเนื่องจากคนหนึ่งเป็นผู้ติดตามของเฉินตูเทียนหยิน ส่วนอีกคนหนึ่งก็เป็นคนดูแลจึงไม่แปลกที่พวกเธอทั้งสองจะตามไปด้วย
“เขาว่าผู้หญิงที่มีความรักแล้วจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด” ฟู่หมิงเหม่ยพูดกับกู๋เค่อเหวินแม้ว่าก่อนหน้านี้เธอไม่ต้องการที่จะพูดกับกู๋เค่อเหวินแม้เพียงคำเดียว แต่ตอนนี้มันได้เปลี่ยนไปแล้ว เธอเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อนและยังพูดต่ออีกว่า ”คุณว่าความรักนี้มีพลังอันยิ่งใหญ่จริงหรือไม่?”
“จริงสิ” กู๋เค่อเหวินพูดพร้อมรอยยิ้มและยังพูดต่ออีกว่า “คุณเคยมีความรักหรือไม่?”
ฟู่หมิงเหม่ยส่ายหัวก่อนจะตอบว่า “ไม่เลย ฉันเป็นที่ผู้หญิงที่ค่อนข้างจะแปลกๆหน่ะ”
นี่ถือเป็นการบอกเป็นนัยถึงความหมายของสิ่งอื่น(หมายถึงพูดกระทบกู๋เค่อเหวิน) แต่กู๋เค่อเหวินเองก็ไม่ได้สนใจ เธอพูดต่อว่า “ฉันคิดว่าเมื่อคืนทั้งคู่คงจะมีความสุขกันมาก วันนี้เธอจึงเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด”
“ก็เป็นไปได้ เอาหล่ะ…ถือว่าเราไม่ได้พูดคุยเรื่องนี้ก็แล้วกันนะ” ฟู่หมิงเหม่ยพูดพร้อมเร่งฝีเท้าเพื่อตามเฉินตูเทียนหยินและอันซูฮยอนให้ทัน
กู๋เค่อเหวินหัวเราะเล็กน้อยพร้อมเร่งฝีเท้าตามเช่นกัน
จู่ๆในเวลานี้อันซูฮยอนหันไปมองที่กู่เค่อเหวิน
เขาหันไปมองกู๋เค่อเหวินทำไมกันนะ?
ภายในเวิร์คช็อปเซี่ยเหล่ยพบปัญหาเข้าจริงๆ เขาจึงถามหาความรับผิดชอบเสียงดังว่า “ใครเป็นคนรับผิดชอบตรงส่วนนี้?”
เมื่อสิ้นสุดเสียงของเซี่ยเหล่ยก็มีชายวัยกลางคนหนึ่งคนและวัยรุ่นหนึ่งคนเดินไปหาเขา บนป้ายประจำตัวของพวกเขาเขียนไว้ว่า “หัวหน้าแผนกเทคโนโลยี ปักซังฮุง” ส่วนอีกคนหนึ่งเขียนไว้ว่า “ช่างเทคนิค”
รู้ได้ไม่ยากเลยว่าชายวันกลางคนคนนี้เป็นพนักงานของบริษัทก็อดโดเมนส่วนวัยรุ่นคนนั้นก็เป็นพนักงานของบริษัทเหวี้ยนเทียน
“คุณเป็นใคร?” ปักซังฮุงถามอย่างไม่พอใจก่อนจะพูดต่ออีกว่า “จะแหกปากโวยวายทำไม?”
ปักซังฮุงพูดภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่วจนไม่น่าเชื่อ
เซี่ยเหล่ยตอบไปว่า “คุณเป็นผู้รับผิดชอบในการติดตั้งสายการผลิตตรงนี้ใช่หรือไม่?”
“แล้วมันเรื่องอะไรของแก?” ปักซังฮุงพูดจาอย่างหยาบคายก่อนจะพูดต่ออีกว่า ”ชั้นถามว่าแกเป็นใคร ตอบคำถามมาซะ”
เซี่ยเหล่ยไม่ได้ตอบว่าเขาเป็นใครเขาพูดว่า “ผมพบปัญหาตรงส่วนนี้ ถ้าไม่แก้ไขต่อไปมันจะเป็นอันตรายด้านความปลอดภัยที่ใหญ่มาก”
“ไอบ้านี่…” ปักซังฮุงพูดอย่างไม่พอใจก่อนจะหัวเราะเยาะพร้อมกับพูดต่อว่า ”แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร รู้ดีนักหรือไง แกเข้ามาได้ยังไง ไหนป้ายอนุญาตหล่ะ?”
เซี่ยเหล่ยพยายามข่มอารมณ์โมโหเอาไว้ในใจ เขาพยายามตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ปกติที่สุดว่า “ผมไม่มี”
“ถ้าไม่มีก็ออกไปซะ!” ปักซังฮุงพูดพร้อมชี้ไปที่ประตูทางออกของเวิร์คช้อป
จังหวะนี้ชายวัยรุ่นของบริษัทเหวี้ยนเทียนได้ถามอย่างสุภาพว่า “คุณพบปัญหาอะไรงั้นเหรอ?”
เซี่ยเหล่ยตอบไปว่า “น็อตที่ยึดฐานรองของสายพานลำเลียงการขนส่งนี้ ขันไม่ได้มาตรฐาน ถ้าสายพานชุดนี้เริ่มเดินเครื่องขึ้นจริงๆละก็ คนงานจะต้องได้รับบาดเจ็บจากความผิดพลาดในครั้งนี้อย่างแน่นอน นี่พวกคุณไม่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียดเลยงั้นเหรอ?”
แม้ว่าวัยรุ่นคนนั้นจะยังไม่เห็นถึงความผิดปกติแต่เขาก็เดินไปตรวจสอบตามที่เซี่ยเหล่ยบอก
“ไอบ้านี่ ไม่ได้ยินที่ชั้นพูดงั้นเหรอ?” ปักซังฮุงพูดจาอย่างยโสโอหังก่อนจะตะคอกว่า ”ออกไปเดี๋ยวนี้!”
แม้ว่าปักซังฮุงจะพูดจาอย่างหยาบคายหรือแม้แต่ตะคอกไปยังเซี่ยเหล่ย เขาก็พยายามข่มใจตัวเองเอาไว้ก่อนจะมองไปที่ช่างวัยรุ่นคนนั้นที่กำลังเดินไปตรวจสอบสายพานลำเลียงอย่างสงบนิ่ง ไอลีนโนเวล
“หืม? ไอเลวนี่!” ปักซังฮุงพูดพร้อมกับความรู้สึกสุดจะทนก่อนจะยกมือขึ้นมาเพื่อเตรียมจะตบไปที่หน้าของเซี่ยเหล่ย
แม้ว่าเซี่ยเหล่ยจะไม่ต้องการทะเลาะกับหัวหน้าแผนกเทคโนโลยีของบริษัทก็อดโดเมนคนนี้ เนื่องจากเขาไม่อยากทำให้เรื่องมันวุ่นวาย แต่เขาเองก็ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องโดนตบหน้าทำไม
เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาก็ใช้มือข้างซ้ายจับไปที่ข้อมือของปักซังฮุงก่อนที่ฝ่ามือจะกระทบเข้ากับใบหน้าของตัวเอง จากนั้นก็หักข้อมือของเขาซะ
“อ๊ากกก ก ก…” ปักซังฮุง ตะโกนออกมาอย่างน่าสังเวท
“ผมจะสอนมารยาทแทนพ่อแม่ของคุณเอง” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมตบไปที่หน้าของ ปักซังฮุง
อย่างไรก็ตามเสียงร้องโหยหวนยังดังขึ้นอีกหลายครั้ง เนื่องจากเซี่ยเหล่ยไม่ได้ตบหน้าเขาเพียงอย่างเดียว เขายังปล่อยหมัดไปที่ใบหน้าและร่างกายอีกหลายหมัด จนในที่สุดปักซังฮุงก็กระอักเลือดออกมา
“นี่แก…แก…” ปักซังฮุงตะโกนออกมาด้วยความโกรธอย่างสุดขีดแต่อย่างไรก็ตามเขาไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปหาเซี่ยเหล่ยเลยแม้แต่ก้าวเดียว
จังหวะเดียวกันนี้ก็มีพนักงานอีกหลายคนต่างพากินเดินมาอยู่ด้านหลังของปักซังฮุงในมือของพวกเขามีทั้งท่อเหล็ก ไขขวง หรือแม้แต่ประแจ
เมื่อเห็นว่ามีคนมาคอยหนุนมากมายขนาดนี้ เขาก็ฟ้องพรรคพวกทันทีเลยว่า “ เขา เขาทำร้ายผม!”
“ไอบ้านี่ มันกล้าดียังไงมาทำร้ายคนของบริษัทก็อดโดเมน!” ช่างวัยรุ่นเกาหลีใต้คนหนึ่งตะโกนออกมาพร้อมกับวิ่งเข้าหาเซี่ยเหล้ยและเตรียมจะง้างท่อเหล็กในมือไปฟาดหัวของ
แต่มันไม่ได้ผล เซี่ยเหล่ยคว้าท่อเหล็กเอาไว้ก่อนจะปัดทิ้งและต่อยไปหนึ่งหมัด ช่างวัยรุ่นคนนั้นลอยขึ้นฟ้าและกระเด็นไปตกลงพื้นเสียงดังชัดเจน
จากสิ่งที่เห็นทำให้พนักงานของบริษัทก็อดโดเมนหลายคนจ้องไปที่เซี่ยเหล่ย พร้อมกับเตรียมตัวจะกรูไปจัดการเซี่ยเหล่ยให้ได้
“ทุกคนหยุดเดี๋ยวนี้!” ตรงทางเข้าของเวิร์คช็อปมีเสียงลอยเข้ามา มันเป็นเสียงของเฉินตูเทียนหยิน
อย่างไรก็ตามเหล่าพนักงานชาวเกาหลีใต้เหล่านั้นมองไปที่เธอแต่ก็ไม่ได้สนใจคำพูดของเธอแม้แต่น้อย พวกเขายังคงวิ่งเข้าไปหาเซี่ยเหล่ยพร้อมกับพยายามจะล้อมเซี่ยเหล่ยไว้
แต่ด้วยทักษะของเซี่ยเหล่ยทำให้เขาสามารถหลีกเลี่ยงการล้อมจากพนักงานเหล่านั้นได้
“หยุดเดี๋ยวนี้!” เสียงของอันซูฮยอนดังขึ้น
ทันทีที่ได้ยินเสียงของอันซูฮยอน พนักงานชาวเกาหลีเหล่านั้นก็หยุดนิ่งทันที
เฉินตูเทียนหยินแสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างมาก เนื่องจากพนักงานชาวเกาหลีเหล่านั้นไม่ได้สนใจที่จะฟังคำสั่งของเธอที่มีตำแหน่งเดียวกับอันซูฮยอนแม้แต่น้อย
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” อันซูฮยอนแสร้างทำเป็นโกรธและตะโกนออกไปเพื่อจะตำหนิพนักงานของบริษัทก็อดโดเมนก่อนจะแสร้งทำเป็นไม่พอใจและพูดต่ออีกว่า ”ไม่รู้หรอว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร เขาเป็นคู่หมั้นของคุณเทียนหยินนะ!”
ดูเหมือนจะมีพนักงานชาวเกาหลีใต้สองสามคนที่ไม่ได้ตกใจกับสิ่งที่เพิ่งจะได้ยินไป กลับกันพวกเขากลับแสดงสีหน้าไม่พอใจและกำลังดูถูกเหยียดหยามเซี่ยเหล่ยอย่างมาก
มันค่อนข้างจะชัดเจนมากว่าอันซูฮยอนคิดแผนการนี้ขึ้นมา
เฉินตูเทียนหยินพูดอย่างเย็นชาไปว่า “เกิดอะไรขึ้น? อันซูฮยอน…ฉันต้องการคำอธิบายเดี๋ยวนี้!”
อันซูฮยอนยักไหล่ก่อนจะตอบไปว่า “คิดว่าคงเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันหน่ะ ดูเหมือนว่าคุณเซี่ยจะไม่มีบัตรอนุญาติ พวกเขาจึงทำตามกฏโดยจะไล่คุณเซี่ยออกไป แต่คุณเซี่ยไม่ออกไป พวกเขาจึงใช้กำลังเล็กน้อย ถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็แล้วกันนะเพราะนี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด”
เห็นได้ชัดว่าข้อสรุปของอันซูฮยอนในตอนนี้เป็นที่พอใจของพนักงานบริษัทก็อดโดเมนเป็นอย่างมาก
จังหวะนี้เฉินตูเทียนหยินนต้องการจะพูดอะไรบางอย่างแต่เซี่ยเหล่ยได้จับไหล่ของเธอก่อนจะพูดว่า ”คุณบอกกับผมว่าถ้าเจอปัญหาให้จัดการได้เลย ซึ่งผมก็เจอปัญหานั้นจริงๆ มันเป็นปัญหาที่ร้ายแรงมากด้วยซ้ำ ผมพยายามจะอธิบายให้พวกเขาเข้าใจแต่พวกเขาไม่ฟังผมเลย นี่มันอะไรกัน? ผมว่านี่มันไม่ถูกต้องเลยนะ”
จังหวะเดียวกันนี้อันซูฮยอนก็ตั้งใจฟังเหมือนกันว่าเซี่ยเหล่ยพูดอะไรกับเฉินตูเทียนหยิน
และทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็วิ่งตรงไปยังกลุ่มพนักงานของบริษัทก็อดโดเมนทันที
ด้วยความเร็วของเซี่ยเหล่ยทำให้ ช่างของบริษัทก็อดโดเมนคนหนึ่งไม่ทันจะได้ป้องกันตัว เท้าของเซี่ยเหล่ยก็ตรงเข้าหน้าอกไปก่อนแล้ว ชายคนนั้นลอยกระเด็นไปด้านหลังหลายเมตร เขาจุกและเจ็บจนไม่ลุกขึ้นมาหรือส่งเสียงร้องเลยด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามเมื่อเท้าของเซี่ยเหล่ยถึงพื้นอีกครั้งเขาก็ไม่รอช้าที่จะโจมตีคนต่อไป เขาต่อยไปยังพนักงานเกาหลีที่อยู่ใกล้กับชายคนเมื่อกี้ต่อทันที
หลังจากนั้นเพียงแค่สิบวินาทีเท่านั้น เซี่ยเหล่ยสามารถจัดการพวกเขาล้มลงไปนอนกองที่พื้นโดยไม่สามารถลุกขึ้นมาสู้ต่อได้อีกเกือบสิบคน ร่างกายและใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำมากมาย….
ติดตามตอนต่อไป…….