Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - 423 เรียกค่าไถ่ !
TXV– 423 เรียกค่าไถ่ !
ฟู่หมิงเหม่ยกำลังนอนอยู่บนเตียงผ่าตัดใบหน้าของเธอมีบาดแผลสาหัสริมฝีากของเธอก็บวมและช้ำเป็นสีม่วง ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยหน้าท้องและหน้าอกของเธอมีบาดแผลถูกฟันที่ขาของเธอก็มีเลือดไหลออกมามากเช่นกัน
ด้วยบาดแผลของเธอแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีใครจงใจทำร้ายเธออย่างแน่นอน!
หลังจากเห็นสภาพของฟู่หมิงเหม่ยแล้ว เซี่ยเหล่ยก็รู้สึกเป็นห่วงเฉินตูเทียนหยินมากขึ้นเนื่องจากจนถึงตอนนี้ยังไม่เห็นเธอเลยด้วยความร้อนใจเขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมกดเบอร์โทรออกไปหาเธอแต่ก็โทรไม่ติดเนื่องจากโทรศัพท์ของเธออยู่ในสถานะปิดเครื่องอยู่
ตรงทางเดินเซี่ยเหล่ยยังคงโทรหาเธอซ้ำอยู่เรื่อยๆ แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้อยู่ดี
ตอนนี้ฟู่หมิงเหม่ยนอนอยู่บนเตียงผ่าตัดเห็นได้ชัดว่าเธอยังไม่ได้สติจึงไม่สามารถบอกได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เมื่อไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เขาจึงลองโทรหาเฉินตูเหยิยนเมื่อเขารับสายเซี่ยเหล่ยก็พูดว่า “พ่อ…… ”
“เซี่ยเหล่ย มีอะไรงั้นเหรอ?” น้ำเสียงของเฉินตูเหยิยนดูมีความสุขมาก
เซี่ยเหล่ยพยายามสงบสติอารมและถามออกไปว่า “ผมโทรมาถามว่าเทียนหยินกลับถึงบ้านหรือยัง?”
เฉินตูเหยิยนตอบว่า “ไม่นะ.. เมื่อเช้าก็ออกไปด้วยกันนี่ ไม่ได้อยู่ด้วยกันงั้นเหรอ? “
เซี่ยเหล่ยตอบว่า “พอดีผมมีธุระเลยขอตัวก่อน”
เฉินตูเหยิยนพูดต่อว่า “อืม.. ตอนนี้เธอยังไม่กลับมาเลย ฟู่หมิงเหม่ยก็เช่นกัน ก่อนหน้านี้ลองโทรหาเธอแล้วด้วย แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้”
เซี่ยเหล่ยช็อคอย่างมาก เขาตระหนักได้ทันทีว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้ว เพราะโทรศัพท์ที่หมอใช้โทรมาหาเขานั้นภายในบันทึกเบอร์ของเขาไว้เพียงชื่อเดียว แน่นอนว่าฟู่หมิงเหม่ยไม่ได้ทำอย่างนั้นแน่นอน ดูเหมือนว่าจะมีคนจงใจลบเบอร์ติดต่อของทุกคนออกและเหลือเอาไว้เพียงแค่เบอร์ของเขาคนเดียวเท่านั้น
“เซี่ยเหล่ย มีอะไรหรือเปล่า?” เฉินตูเหยิยนถามด้วยความกังวล
เซี่ยเหล่ยเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบไปว่า ”ไม่มีอะไร พ่อไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ บางทีเธออาจจะอยู่ในพื้นที่อับสัญญาณก็ได้ ตอนนี้ผมจะรีบหาตัวเธอ หลังจากเจอเธอแล้ว ผมจะรีบโทรไปหาพ่อทันที”
“โอเค ขับรถระวังๆด้วยหล่ะ” เฉินตูเหยิยนพูดด้วยความเป็นห่วง
เซี่ยเหล่ยวางหูโทรศัพท์แม้ว่าจะไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมแต่ก็ทำให้รู้ว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่เธอจะถูกลักพาตัว!
กริ๊งง กริ๊งง กริ๊งง ……
โทรศัพท์ของเซี่ยเหล่ยดังขึ้น
เขารีบมองไปที่โทรศัพท์ พบว่าเป็นเบอร์แปลกที่เขาไม่รู้จักและไม่เคยเห็นมาก่อนโทรเข้ามา
เซี่ยเหล่ยหายใจเข้าลึกๆก่อนจะรับสายและพูดว่า “นั่นใคร?”
ปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงโทนต่ำว่า “เซี่ยเหล่ยใช่ไหม?”
“ผมเอง” เซี่ยเหล่ยตอบ เขาเข้าใจสถานการณ์ทันทีจึงพูดต่ออีกว่า “คุณต้องการเงินเท่าไหร่ว่ามาได้เลย”
“เฮ้เฮ้ ดูเหมือนว่าคุณจะรู้แล้วนี่ว่าเกิดอะไรขึ้น” ปลายสายพูดและยังพูดต่อว่า ”ฟังให้ดีหล่ะ ผมจะไม่พูดซ้ำเป็นครั้งที่สอง ตอนนี้เฉินตูเทียนหยินอยู่ในมือของเราแล้ว อย่าแจ้งตำรวจเด็ดขาด ตอนนี้คุณรีบไปเตรียมเงินสดจำนวนสองร้อยล้าน จากนั้นอีกสองชั่วโมงให้เดินทางไปที่ เขตเบ่าจิ่ง รอเวลาแล้วผมจะติดต่อไปอีกครั้ง”
เซี่ยเหล่ยตอบกลับไปทันทีว่า “เงินสดสองร้อยล้านภายในสองชั่วโมงอย่างนั้นเหรอ ผมจะหาให้คุณทันได้อย่างไร? ตอนนี้ธนาคารก็ปิดไปหมดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นผมยังต้องรีบไปที่ เขตเบ่าจิ่ง ซึ่งระยะทางไกลไม่ใช่น้อยเลย มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นผมขอเสนอเป็นการโอนเงินแทนได้หรือไม่? ผมสามารถโอนให้คุณได้ในทันที”
ผู้ชายคนนั้นเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับมาว่า “คุณสามารถโอนได้ แต่ต้องเป็นต่อหน้าเท่านั้น และอีกอย่างเมื่อเป็นการโอนเราจะเพิ่มค่าไถ่ตัวของเธอเป็นสามร้อยล้านหยวนแทน อีกสองชั่วโมงเราจะไปเจอกันที่ เขตเบ่าจิ่ง สุดท้ายอย่าแจ้งตำรวจเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นคุณจะไม่ได้เห็นหน้าเธออีกตลอดไป!”
“ผมไม่แจ้งตำรวจแน่นอน ตอนนี้ขอผมคุยกับเธอหน่อยได้ไหม?” เซี่ยเหล่ยร้องขอ
“อื้อ อื้อ……เซี่ยเหล่ย……อย่า…… “เสียงของเฉินตูเทียนหยินดังออกมาจากลำโพงของโทรศัพท์ มันเป็นเสียงขาดๆหายๆ ดูเหมือนว่าคนพวกนั้นจะไม่ต้องการให้เธอพูดมากไปกว่าส่งเสียงเล็กน้อยเท่านั้น
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ชายคนเดิมก็พูดต่อว่า “คงพอใจแล้วสินะ ดังนั้นรีบจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยซะ” พูดจบก็วางสายทันที
เซี่ยเหล่ยวางสายพร้อมกับรีบไปที่โรงจอดรถของโรงพยาบาล
ในค่ำคืนที่มืดมิด มีแสงไฟจากถนนส่องสว่างสลัวๆ บนถนนมีรถออฟโรตขับอย่างดุเดือดแซงซ้ายทีขวาที
ในรถเซี่ยเหล่ยรู้สึกเครียดและกังวลมาก เขาวางแผนที่จะขอความช่วยเหลือจากถ่างหยู่เหยี่ยหรือหลงบิงแม้ว่าความคิดนี้จะดูเหมือนเป็นทางเลือกที่ดีมาก แต่อย่างไรก็ตามเขาคิดให้ดีแล้วเขาก็รู้สึกว่าไม่โทรไปจะดีกว่า
เมื่อต้องเผชิญกับปัญหาที่จำเป็นจะต้องใช้ความคิดและการตัดสินใจ สมองของเขาก็เข้าสู่การใช้ความคิดที่รวดเร็วโดยอัตโนมัติ
ความคิดแรกที่ผุดเข้ามาหลังจากสถานะของสมองมีการเปลี่ยนแปลงความเร็วในการคิดและการตัดสินใจคือ ถ้านี่เป็นการลักพาตัวธรรมดา ด้วยความสามารถของฟู่หมิงเหม่ย เธอสามารถจัดการช่วยเฉินตูเทียนหยินได้อย่างแน่นอนอยู่แล้ว และอีกอย่างนอกจากเธอแล้วยังมีบอดี้การ์ดอีกสี่คนที่มีฝีมือไม่ธรรมดา แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ดังนั้นเหลือเพียงความคิดเดียวคือคนที่ลักพาตัวเธอไปคงไม่ใช่พวกปลายแถว และต้องมีไม่ต่ำกว่าห้าคนแน่นอน!
แล้วคนเหล่านั้นเป็นใครกัน?
ก่อนหน้านี้กับความคิดที่จะโทรไปขอความช่วยเหลือจากหลงบิงและถ่างหยู่เหยี่ยนั้นถือเป็นความคิดที่ไม่ดี เขาจึงไม่โทรไป!
‘การเตรียมเงินสดจำนวนสองร้อยล้านหยวนได้ทันนั้นเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วในเวลานี้ ดังนั้นการเปลี่ยนข้อตกลงเป็นการโอนเงินก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดตัวเลือกหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยการโอนเงินนั้นพวกเขาสามารถเรียกค่าไถ่เพิ่มได้มากถึงหนึ่งพันล้านดอลล่าแต่เขาก็ไม่ทำ เขาเพียงแค่เรียกค่าไถ่เพิ่มเพียงร้อยล้านหยวนเท่านั้น ทำไมกันหล่ะ?’ สมองของเซี่ยเหล่ยยังคงคิดและทำงานอย่างต่อเนื่อง
ด้วยความคิดที่รวดเร็ว เขายังคิดและวิเคราะห์ต่อว่า ‘ทำไมถึงต้องไปโอนเงินไกลถึง เขตเบ่าจิ่ง ด้วย? เพราะถ้าจะโอนเงิน ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ทำได้ หรือว่าพวกเขาต้องการหลีกเลี่ยงอะไรบางอย่าง? แล้วมันคืออะไรหล่ะ?’ ถึงจุดนี้ดูเหมือนเซี่ยเหล่ยจะพบเงื่อนงำเพิ่มเติมแล้ว เขายังคงคิดต่ออีกว่า ‘นี่จะไม่ใช่แค่การลักพาตัวเพื่อเรียกค่าไถ่ธรรมดา จุดประสงค์ที่ต้องไปโอนเงินไกลถึง เขตเบ่าจิ่ง ก็เป็นไปได้สูงเลยว่าเขารู้สถานะของเรา เขารู้ว่าเราทำงานให้กับสำนักงานลับ101 เห็นได้ชัดจากการที่เขาพูดว่าอย่าแจ้งตำรวจเด็ดขาดก่อนหน้านี้ จากคำพูดนี้มันเป็นทั้งคำขู่และคำเตือน เมื่อคิดอย่างนี้แล้วมันค่อนข้างสมเหตุสมผลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมาก!’
รถออฟโรดขับขึ้นไปบนทางด่วนด้วยความเร็วสูงเพื่อไปยังเขตเบ่าจิ่ง
หลังลงจากทางด่วน เซี่ยเหล่ยได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรไปหากู๋เค่อเหวิน
กู๋เค่อเหวินรับโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว ไอรีนโนเวล
“เซี่ยเหล่ย มีอะไรงั้นเหรอ?” กู๋เค่อเหวินพูดผ่านโทรศัพท์มือถือ
“คุณรู้ไหมว่าตอนนี้เทียนหยินไปไหน?” เซี่ยเหล่ยสอบถามเธอ
กู๋เค่อเหวินตอบว่า “ไม่รู้เหมือนกัน เพราะฉันกลับบ้านทันทีหลังจากการเจรจากับอันซูฮยอน”
“เจรจาแล้วงั้นเหรอ?” เซี่ยเหล่ยถามด้วยความแปลกใจ
“ใช่?” กู๋เค่อเหวินตอบ
“คณะกรรมการของบริษัทก็อดโดเมนได้เข้าร่วมการเจรจาครั้งนี้ด้วยหรือไม่?” เซี่ยเหล่ยถาม
“แน่นอน คุณคิดว่าอันกวนจะปล่อยให้อันซูฮยอนจัดการเรื่องนี้เพียงคนเดียวอย่างนั้นเหรอ?” กู๋เค่อเหวินตอบ
“เดิมทีมันก็ควรจะเป็นแบบนี้อยู่แล้ว” เซี่ยเหล่ยพูดและพูดต่อว่า “เอาหล่ะ ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?”
“ฉันก็บอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่าฉันกลับบ้าน ฉันก็ต้องอยู่ที่บ้านสิ” กู๋เค่อเหวินพูดและพูดต่ออีกว่า “วันนี้คุณพูดอะไรแปลกๆนะ”
“ไม่มีอะไร ตอนนี้คุณยุ่งอยู่หรือเปล่า?” เซี่ยเหล่ยพูด
“ไม่เลย ฉันกำลังนั่งชมวิวอยู่ที่ริมระเบียง แต่เอ๊ะ! ตอนนี้ดูเหมือนว่ามีแขกมาที่บ้านฉันหน่ะ” กู๋เค่อเหวินพูด
“อืม… งั้นผมไม่กวนคุณแล้ว” เซี่ยเหล่ยพูดเสร็จก็วางสายทันที
กู๋เค่อเหวินบอกว่าเธออยู่ที่ระเบียงแต่เขากลับไม่ได้ยินเสียงสภาพแวดล้อมโดยรอบเลย แม้แต่เสียงลมพัดก็ไม่ได้ยิน ดูเหมือนเธอกำลังปิดบังอะไรบางอย่างอยู่
“หรือว่ากู๋เค่อเหวินและอันซูฮยอน จะมีส่วนร่วมในการลักพาตัวเฉินตูเทียนหยินด้วย? หึ! ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงพวกมันจะต้องได้รับบทเรียนที่สาสม!” เซี่ยเหล่ยพูดกับตัวเองด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียวและเกรี้ยวกราด
อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงแค่การคาดเดา!
สิ่งที่เซี่ยเหล่ยเกลียดมากที่สุดในโลกก็คือการที่มีคนมายุ่งกับคนรอบข้างของเขา ครอบครัวหรือแม้แต่คนรู้จัก เขาเกลียดมันมาก แต่สำหรับเฉินตูเทียนหยินที่ตอนนี้มีสถานะเป็นคู่หมั้นของเขา มันยิ่งเพิ่มความเกลียดและความโกรธให้กับเขาในระดับสูงสุด เขาพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยเธอและล้างแค้น!
หลังจากหนึ่งชั่วโมง เซี่ยเหล่ยก็ขับรถมาถึงเขตเมือง เขตเบ่าจิ่ง เขาจอดรถข้างถนนพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรกลับไปหาชายคนนั้น แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ ดูเหมือนเขาจะปิดโทรศัพท์ไว้ เซี่ยเหล่ยตระหนักได้อีกว่าฝ่ายนู้นมีการเตรียมการที่พร้อมมาก พวกเขาอยู่ในที่มืด ส่วนเซี่ยเหล่ยอยู่ในที่สว่าง สถานการณ์ไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่!
เพื่อความปลอดภัย เซี่ยเหล่ยได้หันหลังไปเปิดกล่องพลาสติกพิเศษสีดำที่วางอยู่เบาะหลัง ก่อนจะหยิบปืนไรเฟิลซุ่มยิง XL2500 ที่ได้รับการดัดแปลงแล้วขึ้นมาเช็คความเรียบร้อย ก่อนไม่ลืมที่จะนำมันมาด้วย
ก่อนหน้านี้เมื่อเขาได้จับปืนไรเฟิลซุ่มยิงคู่ใจกระบอกนี้ เขาจะมีรู้สึกปลอดภัยและมีความมั่นใจมาก แต่สำหรับคราวนี้มันแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เขาไม่รู้สึกถึงความปลอดภัยและไม่มั่นใจเลย
เซี่ยเหล่ยเก็บปืนไรเฟิลกลับเข้าไปพร้อมกับลงจากรถและมุ่งหน้าเข้าร้านสะดวกซื้อ เขาซื้อมีดขนาดเล็กและเข็มจากที่นั่น หลังจากซื้อเรียบร้อย เขาซ่อนมีดไว้ที่ขาหนึ่งเล่มและเหน็บที่เอวอีกหนึ่งเล่ม ส่วนเข็มที่ซื้อมาเขาเก็บไว้ใต้ฝ่าเท้า
หลังจากนั้นเขาก็กลับไปที่รถและรออยู่ที่เดิมหลังจากรออยู่สิบนาทีโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
มันเป็นเบอร์แปลก แต่เซี่ยเหล่ยก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นชายคนนั้น
“ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?” ชายคนนั้นถามทันทีที่เซี่ยเหล่ยรับสาย
เซี่ยเหล่ยตอบว่า “ ตอนนี้ผมอยู่ในเขตเมือง เขตเบ่าจิ่ง แล้ว”
“ขับรถออกจากเขตเมือง เขตเบ่าจิ่ง ไปทางทิศตะวันออก ขับไปจนสุดทางคุณจะเจอกับโรงงานร้าง ผมจะรออยู่ที่นั่น” ชายคนนั้นพูด
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “เฉินตูเทียนหยินเป็นอย่างไรบ้าง ผมต้องการได้ยินเสียงเธอ!”
“อื้อ อื้อ…… เซี่ยเหล่ยอย่ามา!” เป็นเสียงของเฉินตูเทียนหยินที่เต็มไปด้วยความกลัวและสิ้นหวัง
“ไม่เป็นไรนะ ผมจะพาคุณกลับบ้านเอง” เซี่ยเหล่ยพูดผ่านโทรศัพท์
จากนั้นเสียงจากโทรศัพท์ก็เป็นเสียงของชายคนนั้นอีกครั้ง เขาพูดว่า ”เอาหล่ะ อย่าเล่นตุกติดเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นผมฆ่าเธอแน่!”
“ผมไม่ตุกติกอยู่แล้ว ผมจ่ายเงินให้คุณ ส่วนคุณก็ส่งเธอมา” เซี่ยเหล่ยพูด
“หึ!” ชายคนนั้นทำเสียงในลำคอก่อนจะวางสายไปเลย
เมื่อคุยกันเสร็จเรียบร้อย เซี่ยเหล่ยก็ออกรถมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกทันที
ครึ่งชั่วโมงต่อมาภายใต้การนำทางของ GPS เซี่ยเหล่ยก็มองเห็นโรงงานร้าง
ติดตามตอนต่อไป………….