Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - 433 ภารกิจ 3 เส้า !
TXV– 433 ภารกิจ 3 เส้า !
ณ สนามบินนานาชาติเบนกูลเลี่ยน กรุงเยรูซาเล็ม
มีผู้ชายหนึ่งคนและผู้หญิงอีกสองคนกำลังลากกระเป๋าเดินทางไปยังจุดตรวจความปลอดภัยทั้งสามคนนี้คือเซี่ยเหล่ย หลงบิงและถ่างหยู่เหยี่ยที่เดินทางมาจากประเทศจีนอย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยในตอนนี้ไม่ใช่คนที่หล่อเหล่าจนเป็นที่สนใจด้วยหน้ากากที่เขาทำขึ้นนั้นทำให้เขาดูเหมือนกับคนหน้าตาธรรมดาทั่วไป ส่วนหลงบิงและถ่างหยู่เหยี่ยก็ดูเหมือนหญิงวัยกลางคนที่มีใบหน้าไม่สวยเลย นี่ก็เป็นเพราะหน้ากากของเซี่ยเหล่ยเช่นกัน
หนังสือเดินทางของพวกเขาถูกปลอมแปลงขึ้นใหม่เช่นกัน มันอย่างแนบเนียนอย่างมาก
อาวุธต่างๆที่พวกเขาจำเป็นต้องใช้ พวกเขาไม่ได้ใส่มาในกระเป๋าเดินทางเพราะรู้อยู่แล้วว่าจะต้องโดนตรวจสอบตอนผ่านด่านเข้าเมือง ดังนั้นพวกเขาจึงขนส่งอาวุธต่างๆผ่านทางช่องทางพิเศษแทน
ขณะที่ทั้งสามเดินผ่านจุดตรวจสอบความปลอดภัยไปแล้วนั้น จู่ๆชายวัยกลางคนที่เป็นชาวอาหรับคนหนึ่งถูกคว้าตัวเอาไว้และจับทุ่มลงพื้นอย่างแรงโดยตำรวจนอกเครื่องแบบชาวอิสราเอลสองคน จากนั้นผู้ชายคนนั้นก็โดนพาตัวไปที่ไหนซักแห่ง
เซี่ยเหล่ยตกใจกับสิ่งที่เห็น เขาสงสัยและพูดขึ้นว่า “ผู้ชายคนนั้นลักลอบขนสิ่งผิดกฎหมายเข้ามาหรือเปล่านะ?”
“คุณหมายถึงยาเสพติดงั้นเหรอ?” ถ่างหยู่เหยี่ยถามและพูดต่ออีกว่า “คนที่นี่เป็นชาวยิวแทบจะทั้งหมดและพวกเขาส่วนใหญ่จะไม่ค่องแวะกับยาเสพติดหรอกนะ”
หลงบิงเองก็พูดเสริมว่า “ตำรวจนอกเครื่องแบบทั้งสองคนนั้นน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ของมอสสาดนะ ดูเหมือนถ้าชาวอาหรับจะเข้ามาที่นี่จะต้องถูกซักประวัตินานเป็นชั่วโมงเลยด้วยหล่ะ”
เมื่อได้ฟังแล้วเซี่ยเหล่ยก็หัวเราะเจื่อนๆ เขาไม่ได้พูดอะไรต่อจากพวกเธอ
สงครามบนพื้นที่ตะวันออกกลางได้สู้รบกันอย่างโหมกระหน่ำมาหลายพันปีและยังไม่มีท่าทีว่าจะยุติลงได้นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆซึ่งทั้งสามคนจะต้องปรับตัวเข้ากับสถานกาณ์ที่ไม่เคยชินของที่นี่ให้ได้
ทั้งสามคนออกจากสนามบินนานาชาติ พวกเขามองหารถแท็กซี่เพื่อจะนั่งไปยังเมืองเยรูซาเล็ม
ถ่างหยู่เหยี่ยที่พอจะพูดภาษาฮิบรูได้เธอจึงทำหน้าที่สื่อสารกับคนขับแท็กซี่ ทั้งสามคนนั่งอยู่ที่เบาะหลังโดยมีเซี่ยเหล่ยนั่งอยู่ตรงกลาง เขากำลังอ่านหนังสือที่สอนภาษาฮิบรูอยู่และเนื่องจากทั้งหมดนั่งอยู่ที่เบาะหลัง จึงทำให้มันค่อนข้างจะอึดอัด
อย่างไรก็ตามเบาะหน้าข้างคนขับยังว่างอยู่ แต่ก็ไม่มีใครไปนั่งเลย เรื่องนี้ค่อนข้างน่าสนใจ!
“ต้าเปา นี่คุณกำลังเรียนรู้ภาษาฮิบรูอยู่ใช่มั้ย? คุณคิดว่าคุณจะพูดได้จริงในเวลาสั้นๆงั้นเหรอ?” หลงบิงพูดดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยพอใจกับความเงียบของเซี่ยเหล่ยเพราะเขามัวแต่อ่านหนังสือ
‘ต้าเปา’ เป็นชื่อปลอมของเซี่ยเหล่ยในภารกิจครั้งนี้ซึ่งชื่อเต็มของเขาตามหนังสือเดินทางคือ ‘หนิวต้าเปา’ ซึ่งนี่เป็นชื่อเชยมากสำหรับปัจจุบันแต่อย่างไรก็ตามมันก็เข้ากับตัวตนใหม่ของเขามาก
ตัวตนใหม่ของถ่างหยู่เหยี่ยคือ ‘หูเหม่ยเฉียน’ ส่วนตัวตนใหม่ของหลงบิงคือ ‘หยางเซี่ยวหง’ ซึ่งชื่อของพวกเธอก็เข้ากันดีกับตัวตนใหม่อย่างมากเช่นกัน
พวกเขาได้ระบุกับด่านตรวจสอบความปลอดภัยว่าต้องการมาท่องเที่ยวที่นี่ในช่วงวันหยุดของพวกเขาซึ่งนี่เป็นเรื่องปกติเพราะโดยทั่วไปแล้วจะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนมากมายเดินทางมาท่องเที่ยวที่นี่ นอกจากหนังสือเดินทางที่ปลอมแปลงอย่างแนบเนียนแล้ว เมื่อรวมกับเหตุผลข้อนี้ก็ทำให้พวกเขาผ่านด่านได้อย่างง่ายดาย
ในเอกสารยืนยันตัวตนระบุว่าเซี่ยเหล่ยนั้นเป็นสามีของถ่างหยู่เหยี่ย ส่วนหลงบิงนั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอ
อย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยไม่ได้สนใจที่จะตอบคำถามของหลงบิง เขามีสมาธิอย่างมากในการฝึกพูด
หลงบิงรู้สึกไม่พอใจมากขึ้นจึงได้เอื้อมมือไปที่ขาของเขาและหยิกอย่างแรงหนึ่งครั้ง
“โอ้ยย! คุณ…” เซี่ยเหล่ยร้องออกมาพร้อมกับจ้องไปที่หลงบิงอย่างไม่พอใจ ก่อนจะถามว่า “คุณทำอะไรของคุณหน่ะ?”
“ไม่มีอะไร แค่อยากกวนคุณเฉยๆ” หลงบิงตอบ
เซี่ยเหล่ยถึงกับพูดไม่ออก ไอรีนโนเวล
จังหวะนี้ถ่างหยู่เหยี่ยก็ได้พูดขึ้นว่า “ ต้าเปา คุณและคู่หมั้นของคุณจะแต่งงานกันเมื่อไหร่?”
“ทำไมจู่ๆถึงถามเรื่องนี้หล่ะ?” เซี่ยเหล่ยถามเขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อยที่จะต้องพูดเรื่องนี้กับเธอ
“อะไรกัน! ฉันถามไม่ได้งั้นเหรอ?” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดอย่างไม่พอใจ
เซี่ยเหล่ยหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “แน่นอนว่าคุณสามารถถามได้แต่คุณไม่ต้องรีบหรอก เมื่อถึงเวลาผมจะส่งการ์ดเชิญให้คุณแน่นอน”
“นี่คุณคิดว่าต่อให้ส่งการ์ดเชิญมา แล้วฉันจะไปร่วมงานด้วยงั้นเหรอ?” ถ่างหยู่เหยี่ยพูด
เซี่ยเหล่ยพูดไม่ออกอีกครั้ง
“เอาหล่ะ ตอนนี้ตอบฉันมาก่อนว่าพวกคุณจะแต่งงานกันเมื่อไหร่?” ถ่างหยู่เหยี่ยถามอีกครั้ง
แม้ว่าจะไม่อยากพูดเรื่องนี้ซักเท่าไหร่แต่เขาก็ตอบไปว่า “พ่อของเทียนหยินเลือกวันให้แล้วเป็นวันที่29เดือน12เรียบร้อยแล้ว”
”ว่าไงนะ? ทำไมมันเร็วอย่างนี้หละ?” ถ่างหยู่เหยี่ยถามอย่างประหลาดใจ
จังหวะนี้หลงบิงก็ได้พูดขึ้นว่า “เพราะคุณทำเธอท้องใช่มั้ย?”
“นี่คุณ…” เซี่ยเหล่ยพูดไม่ออกอีกครั้ง
หลงบิงหัวเราะก่อนจะพูดอีกว่า “ดูคุณตกใจนะ ฮ่าฮ่าฮ่า…”
“พอ หยุดได้แล้ว!” เซี่ยเหล่ยพูดอย่างเขินอายและพูดต่ออีกว่า “เธอยังไม่ได้ท้อง และผมว่าเราอย่ามาพูดถึงเรื่องนี้กันเลยดีกว่านะ”
ครึ่งชั่วโมงต่อมาแท็กซี่ก็ขับมาจนถึงเมืองเยรูซาเล็มและไปส่งพวกเขาที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ทั้งสามคนเช็คอินที่โรงแรมแห่งนี้ มันมีชื่อเป็นที่แปลจากภาษาฮิบรูได้ว่า ‘โอเอซิสแห่งทะเลทราย’ การออกแบบทางสถาปัตยกรรมนั้นชวนให้นึกถึงสไตล์จาฟฟาโบราณ แม้ว่าตัวโรงแรมไม่ได้มีความหรูหรามากมายแต่อย่างไรก็ตามมันเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก
มีเพียงเหตุผลเดียวที่พวกเขาเลือกโรงแรมนี้นั่นก็เพราะกลุ่มผู้เชี่ยวชาญก็พักอยู่ที่โรงแรมแห่งนี้เช่นกัน
พวกเขาจองห้องพักท้องหมดสองห้องโดยที่เซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยอยู่ห้องเดียวกันและอีกห้องเป็นของหลงบิงที่ต้องทำเช่นนี้ก็เพื่อความแนบเนียนในการปลอมตัว หากมีการตรวจสอบและพบว่าสามีภรรยาไม่ได้นอนห้องเดียวกันมันจะเป็นที่น่าสงสัยได้ดังนั้นเซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยจะต้องนอนห้องเดียวกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าเขาจะรู้สึกอึดอัดกับเรื่องนี้ก็ตาม
หลังจากนั้นพวกเขาก็แยกย้ายกันเข้าห้องของตัวเอง
ถ่างหยู่เหยี่ยเมื่อเข้าห้องแล้วเธอก็รีบวางกระเป๋าและกระโดดลงไปนอนบนเตียงพร้อมกับครางออกมาเบาๆว่า “อ่าห์ เหนื่อยจริงๆเลย”
ผิดกับเซี่ยเหล่ย เมื่อเข้าไปในห้องแล้ว เขาก็เปิดใช้ความสามารถของตาซ้ายพร้อมกับมองไปรอบๆห้องเพื่อหาว่ามีเครื่องบันทึกภาพหรือเครื่องดักฟังหรือไม่?
“ต้าเปา มาหาฉันแล้วนวดไหล่นวดคอให้หน่อยสิ ไม่รู้ว่าทำไมแต่ฉันรู้สึกเจ็บมากเลย” ถ่างหยู่เหยี่ยพูด
“ถ่างหยู่เหยี่ย ผม…” เซี่ยเหล่ยพูดแต่ก็ไม่พูดทั้งหมดออกไป เขาต้องยั้งตัวเองเอาไว้เพราะกลัวว่าสิ่งที่พูดออกไปจะทำเธอเสียความรู้สึก
ถ่างหยู่เหยี่ยเหลือบไปมองเซี่ยเหล่ยก่อนจะพูดว่า “ตอนนี้คุณหมั้นกับเฉินตูเทียนหยินแล้ว คุณคงจะทำอะไรแบบนี้ให้ฉันไม่ได้ใช่มั้ย?”
คำพูดของเธอแม้จะมองออกว่าเธอรู้สึกไม่พอใจแต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด อาจจะเป็นเพราะส่วนหนึ่งเธอก็รู้สึกพอใจอยู่บ้างเพราะในขณะนี้เธอมีสถานะเป็นภรรยาของเขา
อย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปนวดให้ถ่างหยู่เหยี่ย
‘เขาจะแต่งงานกับเฉินตูเทียนหยินจริงๆงั้นเหรอ?’ ถ่างหยู่เหยี่ยคิดในใจ
ระหว่างนี้เองในขณะที่เซี่ยเหล่ยกำลังนวดอยู่ ในหัวของเขาก็เกิดคำถามมากมายว่า ‘เราควรจะนวดให้เธอต่อดีไหมนะ? ถ้าเทียนหยินรู้เธอจะรู้สึกไม่ดีหรือเปล่า? เราควรจะหยุดใช่ไหม? ใช่…เราควรจะหยุด! แต่จะอ้างยังไงดีหล่ะ?‘
ขณะที่เซี่ยเหล่ยกำลังวุ่นวายกับการหาข้ออ้างอยู่นั้น จู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูห้องดีงขึ้นสามครั้ง
“พี่สะใภ้ พี่เขย หลับแล้วงั้นเหรอ?” เป็นเสียงของหลงบิงเธอยังพูดต่ออว่า “ เปิดประตูหน่อย นี่ฉัน เซี่ยวหงเอง”
รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจของถ่างหยู่เหยี่ยที่มีก่อนหน้านี้หายไปในทันทีที่ได้ยินเสียงของหลงบิง
ผิดกับเซี่ยเหล่ยเขารู้สึกโล่งใจมาก เขาถอนหายใจเบาๆก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า“ เหม่ยเฉียนนั่งอยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวผมไปเปิดประตูให้เอง”
“ถามเธอว่าต้องการอะไร? ถ้าไม่มีอะไรก็ไล่เธอกลับไปซะ” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดเสียงแข็ง
เซี่ยเหล่ยชะงักทันทีจู่ๆก็มีความคิดหนึ่งแล่นมาในหัวของเขาว่าควรจะไปขอห้องเพิ่มอีกห้องดีไหมนะ?
เซี่ยเหล่ยลุกขึ้นจากเตียงเพื่อเดินไปเปิดประตู จังหวะนี้ถ่างหยู่เหยี่ยเองก็ลุกขึ้นจากเตียงมานั่งที่เก้าอี้ให้เรียบร้อยเช่นกัน
“อะไรกัน นี่ฉันมาขัดขวางความสนุกของคุณงั้นเหรอ?” หลงบิงพูดขึ้นทันทีที่เข้ามาในห้องเนื่องจากเธอสังเกตเห็นรอยแดงบริเวณลำคอของถ่างหยู่เหยี่ย เธอเองก็เป็นผู้ใหญ่แล้วดังนั้นเธอจึงรู้ว่ารอยแดงนั้นเกิดขึ้นได้ยังไง
“ไม่นี่ พวกเราไม่ได้ทำอะไรกันซักหน่อย” เซี่ยเหล่ยรีบปฏิเสธทันที
ถ่างหยู่เหยี่ยเองก็พูดต่อทันทีว่า “มีอะไรงั้นเหรอ? ถ้าไม่มีก็กลับห้องของคุณไปได้แล้ว ฉันอยากพักผ่อน ฉันอยากนอน” พูดเสร็จเธอก็ทำท่าหาวนอนและบิดขี้เกียจเพื่อให้สมจริง
หลงบิงพูดว่า “นี่คิดว่าพวกเรามาพักร้อนกันจริงๆอย่างนั้นเหรอ? อย่าลืมเรื่องภารกิจของเรา ตอนนี้สิ่งที่เราต้องทำคือหาทางติดต่อกับเหล่าผู้เชี่ยวชาญให้ได้ภายในคืนนี้”
ถ่างหยู่เหยี่ยถามว่า “คุณมีแผนแล้วงั้นเหรอ?”
“คิดว่าฉันมาตอนนี้เพราะอะไรหล่ะ? ก็เพื่อมาหารือกับพวกคุณยังไง!” หลงบิงพูดก่อนจะหันไปมองที่เซี่ยเหล่ยและพูดต่อว่า “คุณเป็นผู้นำสำหรับภารกิจนี้ คุณมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง?”
เซี่ยเหล่ยคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เอาหล่ะ ตอนนี้พักเรื่องทุกอย่างเอาไว้ก่อน สิ่งแรกที่เราควรจะทำก็คือไปหาอะไรกินกัน…”
ติดตามตอนต่อไป…………