Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - 434 รหัสลับ ‘ZD’
TXV– 434 รหัสลับ ‘ZD’
เขาที่มีหน้าที่เป็นที่ปรึกษาของสำนักงานลับ101 แต่กลับได้เป็นหัวหน้าภารกิจและมีอำนาจสั่งการเจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้าได้อีกนั้นถือเป็นเรื่องที่ดี แต่อย่างไรก็ตามอำนาจของเขาไม่เบ็ดเสร็จไปซักทีเดียว เนื่องจากเจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้าทั้งสองคนนี้คือถ่างหยู่เหยี่ยและเซี่ยเหล่ย เขารู้สึกไม่ค่อยแน่ใจซักเท่าไหร่ว่าจะออกคำสั่งกับเธอได้มากน้อยแค่ไหนดูอย่างเมื่อกี้นี้ถ่างหยู่เหยี่ยก็เพิ่งจะสั่งให้เขาทำหน้าที่บีบนวดให้เธออยู่เลย
เวลาผ่านไปทั้งสามก็เริ่มที่จะหิว พวกเขาจึงเลือกมารับประทานอาหารที่ห้องอาหารของโรงแรมซึ่งถ่างหยู่เหยี่ยที่พอจะพูดภาษาฮิบรูได้ เธอจึงทำหน้าที่ในการสั่งอาหาร ส่วนเซี่ยเหล่ยและหลงบิงก็ทำหน้าที่ในการหันซ้ายหันขวาเพื่อสังเกตการณ์รอบๆห้องอาหาร
ระหว่างนี้สายตาของเซี่ยเหล่ยก็หันไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งสวมชุดทหารอยู่ ข้างหลังของเธอสะพายปืนไรเฟิลจู่โจมอยู่กระบอกหนึ่ง เขารู้จักปืนไรเฟิลกระบอกนี้เป็นอย่างดีเนื่องจากมันเป็นปืนไรเฟิลจู่โจม TAR-21 รุ่นใหม่ล่าสุดจากความร่วมมือกันระหว่าง IMI และบริษัทบาร์เร็ตต์ ซึ่งปืนไรเฟิลจู่โจมรุ่นนี้เป็นที่รู้กันดีว่าทันสมัยที่สุดในโลก
หากปืนไรเฟิลจู่โจม Gust ของบริษัทของเซี่ยเหล่ยสร้างเสร็จ มันจะต้องเป็นคู่ต่อสู้กับปืนไรเฟิลจู่โจม TAR-21 อย่างแน่นอน
เนื่องจากว่าเขาเริ่มขยายธุรกิจเข้ามาเล่นในอุตสาหกรรมการผลิตอาวุธแล้ว แน่นอนว่าเขาจะต้องทำการบ้านหลายอย่าง ซึ่งมันรวมไปถึงผลิตภัณฑ์แต่ละรุ่นจากบริษัทอื่นๆ
‘สงสัยจริงๆว่าระหว่างปืนไรเฟิลจู่โจม Gust ของเรากับปืนไรเฟิลจู่โจม TAR-21 ของพวกเขา ปืนไรเฟิลจู่โจมของใครจะแน่กว่ากัน?’ เซี่ยเหล่ยคิดในใจพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย
ปืนไรเฟิลจู่โจม TAR-21 มีระยะการยิงหวังผลอยู่ในช่วง 300 ถึง 600 เมตร และอัตราการลั่นกระสุนได้สูงถึง 700 ถึง 900 นัดต่อนาที ความเร็วของกระสุนจะอยู่ที่ประมาณ 960 เมตรต่อวินาที ส่วนปืนไรเฟิลจู่โจม Gust มีระยะการยิงหวังผลอยู่ในช่วง 500 ถึง 800 เมตรอัตราการลั่นกระสุนอยู่ที่ 800 ถึง 1,000 นัดต่อนาที ส่วนความเร็วกระสุนจะอยู่ที่ 1,100 เมตรต่อวินาที แต่จุดเด่นที่สุดของปืนไรเฟิล Gust คือขนาดของมันเทียบได้กับปืนพกทั่วไปเท่านั้น!
อันที่จริงไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบปืนไรเฟิลจู่โจม Gust กับปืนไรเฟิลจู่โจม TAR-21 เลย เพราะจากประสิทธิภาพของพวกมันในตอนนี้ปืนไรเฟิลจู่โจม Gust ได้ทิ้งปืนไรเฟิล TAR-21 แบบไม่เห็นฝุ่นไปแล้ว
ถ่างหยู่เหยี่ยเมื่อสั่งอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วก็หันมาหาเซี่ยเหล่ย เป็นจังหวะเดียวกับที่เธอเห็นสายตาของเขากำลังมองทหารหญิงคนนั้นอยู่ เธอขมวดคิ้วทันทีก่อนจะพูดว่า “นี่ คุณกำลังมองก้นของเธออยู่ใช่ไหม?”
เซี่ยเหล่ยตอบกลับทันทีว่า “คุณพูดอะไรของคุณหน่ะ ผมกำลังมองปืนที่เธอสะพายอยู่ต่างหาก ดูสิ นั่นคือปืนไรเฟิลจู่โจม TAR-21 มันผลิตโดยบริษัท IMI และ บริษัทบาเร็ต ซึ่งเป็นที่รู้กันดีในตอนนี้มันเป็นปืนไรเฟิลจู่โจมที่ดีที่สุดในโลก”
ถ่างหยู่เหยี่ยพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดแซะว่า “โอ้ ฉันเกือบลืมไปแล้วว่าคุณกลายเป็นพ่อค้าอาวุธไปแล้วแต่อย่างไรก็ตามฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าคุณจะไม่ได้แอบเหลือบไปมองก้นของเธอเลย”
คำพูดของเธอทำเอาเซี่ยเหล่ยพูดไม่ออก
มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วที่จะเห็นก้นของเธอ เนื่องจากเธอสะพายปืนไว้ด้านหลังซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกันพอดี
อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าเธอต้องการหาเรื่อง!
หลงบิงเตะเท้าของเซี่ยเหล่ยใต้โต๊ะเบาๆก่อนจะกระซิบว่า “ไม่มีอะไรรับประกันได้เลยว่าที่นี่ตอนนี้จะไม่มีคนของสำนักข่าวกรองมอสสาดหรือเจ้าหน้าที่ซีไอเออยู่ ดังนั้นระมัดระวังคำพูดของคุณหน่อย เดี๋ยวก็ถูกจับได้หรอก”
เซี่ยเหล่ยพยักหน้าพร้อมกับพูดว่า “เอาหล่ะ อาหารมาพอดี เรามากินกันเถอะ”
ทั้งสามคนต่างรับประทานอาหารของตัวเองโดยที่ไม่ได้พูดกันแม้แต่น้อย
แต่ในระหว่างที่พวกเขากำลังรับประทานอาหารอยู่นั้น ก็มีผู้ชายสองคนและผู้หญิงอีกหนึ่งคนเดินเข้ามายังห้องอาหารของโรงแรม ผู้ชายคนหนึ่งอายุประมานสี่สิบต้นๆและแม้ว่าจะอยู่ในที่ที่มีแสดงน้อยแต่เขาก็ยังสวมแว่นดำเข้ามาด้วย ส่วนอีกคนอยู่ในช่วงอายุประมานยี่สิบถึงสามสิบปีท่าทางของเขาดูตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา หากเป็นนักสู้ด้วยกันก็จะพอมองออกว่าเขาเป็นคนอันตรายไม่น้อย ส่วนผู้หญิงคนนั้นอายุราวๆสามสิบต้นๆ เธอสวมแว่นสายตา เธอมีผิวขาวและเรียบเนียน จากลักษณะท่าทางของเธอ มีความเป็นไปได้สูงมากว่าเธอจะทำหน้าที่เป็นเลขา
เซี่ยเหล่ยมองไปยังพวกเขาตลอดเวลาที่เดินเข้ามาภายในห้องอาหาร เนื่องจากทั้งสามคนนี้เป็นชาวจีนที่กำลังทำภารกิจตามหาสมบัติที่ซ่อนอยู่ คนแรกคือด็อกเตอร์ ‘ชิงฉางจิง’ เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญส่วนอีกคนคือ ‘โต้วหยง’ เขาเป็นเจ้าหน้าที่ของสำนักงานลับ 101 และสุดท้ายคือ ‘หม่าลี่’ เธอเป็นนักโบราณคดี
เซี่ยเหล่ยจำพวกเขาได้ในทันทีที่เห็นเนื่องจากก่อนออกเดินทางเขาได้ดูโปรไฟล์ของเหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดรวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องคนอื่นๆ แม้ว่าจะมีเหล่าผู้เชี่ยวชาญและผู้ที่เกี่ยวข้องหลายคนก็ตามสำหรับภารกิจนี้
อย่างไรก็ตามในตอนนี้เซี่ยเหล่ยเจอแค่พวกเขาสามคนเท่านั้นนั่นอาจจะเป็นเพราะพวกเขาไม่อยากที่จะออกมาข้างนอกกันทีละหลายๆคน เลยแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อยๆเพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าสายตาและเป็นที่สังเกตและนี่เป็นวิธีที่ฉลาดมาก
“นั่นพวกเขา!” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดเบาๆ เธอเองก็เห็นพวกเขาเช่นกันจากนั้นก็พูดต่ออีกว่า “ตอนนี้พวกเขารู้ว่าจะมีทีมย่อยมาเสริมและรับช่วงต่อจากพวกเขาแต่พวกเขาไม่รู้ว่าเป็นพวกเรา ดังนั้นพวกเราต้องกินให้ช้าลงเพื่อที่จะได้เสร็จพร้อมพวกเขา หลังจากนั้นค่อยหาทางส่งสัญญาณก็แล้วกัน”
เซี่ยเหล่ยและหลงบิงพยักหน้า
ชิงฉางจิง โต้วหยงและหม่าลี่เลือกนั่งโต๊ะใกล้กับหน้าต่างทั้งสามคนเริ่มสั่งอาหารของตัวเอง เมื่อเสร็จแล้วชิงฉางจิงและหม่าลี่ก็หันหน้าและพูดคุยกันในระหว่างนั้นโต้วหยงก็คอยสังเกตการณ์รอบๆภายในห้องอาหาร เขาคอยมองคนทุกโต๊ะไม่ว่าจะเป็นทั้งผู้ที่รับประทานอาหารหรือแม้แต่บริกรหรือพนักงานเสิร์ฟก็ตาม
ขณะเดียวกันเซี่ยเหล่ยก็ตั้งใจอ่านริมฝีปากของ ชิงฉางจิง และ หม่าลี่ ว่ากำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่
“เราได้รับแจ้งว่ามาว่าจะมีทีมย่อยมารับช่วงต่อจากเรา ตอนนี้พวกเขาอาจจะอยู่ที่อิสราเอลแล้วก็ได้แต่จนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่ได้ติดต่อเรามา น่าเป็นห่วงเหลือเกิน” ชิงฉางจิงพูดด้วยความกังวล
“ไม่ต้องกังวลไปก่อนหรอกด็อกเตอร์ชิง บางทีการที่พวกเขายังไม่ได้ติดต่อเรามาในตอนนี้อาจจะเป็นเพราะพวกเขายังเดินทางมาไม่ถึงก็ได้นะ รอพวกเขาอีกหน่อยเถอะ” หม่าลี่พูด ไอลีนโนเวล
“ผมก็หวังให้เป็นแบบนั้นนะ อย่าให้เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาไปก่อนก็แล้วกัน นอกจากนี้ก็อย่าให้เกิดอะไรขึ้นกับพวกเราด้วยเลย ช่วงสองวันมานี้ผมไม่ค่อยสบายใจเลย” ชิงฉางจิงพูดด้วยความกังวล
“ด็อกเตอร์ชิง พวกเราไม่ใช่ทหาร พวกเราไม่ใช่สายลับ ฉันเองก็กังวลไม่ต่างไปจากคุณหรอกแต่ฉันเชื่อว่าพวกเราจะผ่านเรื่องราวนี้ไปได้อย่างปลอดภัย” หม่าลี่ พูดพร้อมกับยิ้ม
จังหวะนี้โต้วหยงก็เข้าร่วมการสนทนา เขารีบพูดทันทีว่า “พวกคุณสองคนอย่างเพิ่งพูดเรื่องที่ละเอียดอ่อนในสถานที่แบบนี้จะได้ไหม? มันอันตรายมากนะ”
ชิงฉางจิงและหม่าลี่ รีบหุบปากทันที
จากการอ่านปากและการสังเกตพวกเขานั้นเห็นได้ชัดว่าทั้ง ชิงฉางจิงและหม่าลี่ ขาดทักษะอีกหลายอย่างแถมพวกเขายังตื่นตัวง่ายอีกด้วยผิดกับโต้วหยง เขาสามารถจัดการเรื่องพวกนี้ได้อย่างดีนั่นก็เพราะเขาถูกฝึกมาแต่อย่างไรก็จะไปว่าพวกเขาไม่ได้ เพราะชิงฉางจิงและหม่าลี่มีความสามารถคนละด้านกัน
หลังจากนั้นอีกครึ่งชั่วโมงพวกเขาก็รับประทานอาหารเสร็จและลุกเดินออกจากห้องอาหารไปทันที
จังหวะเดียวกันนี้เซี่ยเหล่ย ถ่างหยู่เหยี่ยและหลงบิงเองก็ลุกขึ้นและตามพวกเขาไปทันทีเช่นกัน
ด็อกเตอร์ชิง ออกไปยังล็อบบี้เพื่อจะไปกดลิฟต์
เซี่ยเหล่ยเห็นว่าพวกเขากำลังจะเดินไปขึ้นลิฟต์ เขาก็รีบเดินให้เร็วขึ้นและเมื่อใกล้กับกลุ่มของด็อกเตอร์ชิง เซี่ยเหล่ยก็พูดกับโต้วหยง ว่า “ZD ไปที่บันได”
ZD คือตัวย่อของจักพรรดิซู่ตี๋เพราะในการหาสมบัติที่ซ่อนอยู่ชิ้นถัดไปจำเป็นจะต้องใช้เข็มทิศในการนำทาง ซึ่งมันจึงเป็นเหมือนภารกิจต่อเนื่องของราชวงศ์หมิง ดังนั้น ZD จึงกลายเป็นรหัสลับสำหรับการติดต่อกันในภารกิจนี้
ด้านโต้วหยงเมื่อได้ยินรหัสลับนี้ เขาชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะกลับมาอยู่ในสภาวะปกติและพยักหน้าเล็กน้อย
ชิงฉางจิงและหม่าลี่ก็ได้ยินรหัสลับนี้เช่นกัน พวกเขามองไปที่เซี่ยเหล่ยซึ่งกำลังเดินไปที่บันไดโดยมีหลงบิงแลถ่างหยู่เหยี่ยเดินตามหลังไป
หลังจากนั้นกลุ่มของด็อกเตอร์ชิง ก็ตรงไปที่บันได้เช่นกัน
กลุ่มของเซี่ยเหล่ยที่ขึ้นไปก่อนนั้นได้หยุดรอกลุ่มของด็อกเตอร์ชิงที่ชั้นหก
แขกที่เข้าพักของโรงแรมที่อยู่ชั้นแรกๆก็จะมีบ้างที่ใช้บันไดแทนลิฟต์ดังนั้นชั้นล่างๆจึงไม่เหมาะสำหรับการพูดคุยผิดกับชั้นหกซึ่งค่อนข้างสูงพูดได้ว่าคงไม่มึใครคิดจะเดินขึ้นบันไดชั้นหกโดยที่ลิฟต์ยังใช้ได้อย่างแน่นอน ดังนั้นที่นี่จึงเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยอย่างมาก แถมที่นี่ยังไม่มีกล้องวงจรปิดอีกด้วย
เมื่อกลุ่มของด็อกเตอร์ชิงขึ้นมาจนถึงชั้นที่หก เซี่ยเหล่ยก็พูดทันทีว่า “เราเป็นทีมที่จะมารับช่วงต่อ บอกเราหน่อยว่าเข็มทิศชี้ไปยังที่ใด?”
ชิงฉางจิงยังไม่ได้ตอบอะไร เขามองไปที่โต้วหยงเพื่อขอความเห็น
โต้วหยงเองก็ยังไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่มองไปที่เซี่ยเหล่ยและผู้หญิงที่ดูน่าเกลียดอีกสองคนด้านข้างเขาก็เท่านั้นจากสิ่งที่ฝึกมาเขาจำเป็นจะต้องยืนยันตัวตนของทั้งสามคนนี้เสียก่อน
หลงบิงที่เข้าใจสถานการณ์ดี เธอได้คลำที่คออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะดึงหน้ากากออก
“หลง…” โต้วหยงเผลอเกือบจะเรียกชื่อจริงของเธอออกมาเต็มๆด้วยความตกใจ ก่อนจะปิดปากตัวเองและหันไปพูดกับ ชิงฉางจิง ว่า “ไม่มีปัญหาด็อกเตอร์ชิง คุณสามารถบอกทุกอย่างให้พวกเขาได้”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นหลงบิงก็กลับไปสวมหน้ากากเช่นเดิม
ชิงฉางจิงพูดว่า “เข็มทิศนั้นชี้ไปยัง Church of the Holy Sepulchre พวกเราคิดว่ามันน่าจะอยู่ในหลุมศพของพระเยซูเนื่องจากเข็มทิศขี้ลงไปที่พื้นอย่างไรก็ตามเราพยายามค้นหาทางเข้าออกโดยทั่วแล้วแต่ก็ไม่พบ เรายังคิดว่ามันอาจจะมีทางลับซ่อนอยู่ แต่สุดท้ายก็พบว่าไม่มีเช่นกัน”
เนื่องจากเข็มทิศชี้ลงพื้นซึ่งมีความเป็นไปได้สูงมากที่มันจะอยู่ตรงหลุมศพของพระเยซู ทางเข้าออกก็ไม่มี มีทางเดียวก็ต้องขุดลงไป แต่…ใครจะกล้าทำเรื่องใหญ่ขนาดนี้ได้หล่ะ?
เซี่ยเหล่ยขมวดคิ้วทันที ก่อนจะพูดว่า “พวกคุณแน่ใจใช่ไหมว่ามันอยู่ในหลุมศพของพระเยซู?”
“ถ้าจะให้พูดจริงๆก็ยังไม่มั่นใจ 100% แต่มันก็มีความเป็นไปได้มากถึง 70 ถึง 80% เลยทีเดียว เราลองสำรวจโดยรอบก็พบแผนผังสถาปัตยกรรมของ Church of the Holy Sepulchre ซึ่งหลุมฝังศพของพระเยซูอยู่ใต้ดินแต่อย่างไรก็ตามมันไม่มีทางเข้าออกหรือทางลับซ่อนอยู่เลย นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้เราคงทำภารกิจสำเร็จและกลับประเทศจีนไปตั้งนานแล้ว” ชิงฉางจิงพูด
เซี่ยเหล่ยเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ ด็อกเตอร์ชิง ขอผมดูแผนผังที่คุณได้มาหน่อยได้หรือไม่?”
”ไม่มีปัญหา หม่าลี่ ส่งมันให้กับเขาหน่อย” ชิงฉางจิงพูด
หม่าลี่เปิดกระเป๋าของเธอพร้อมกับหยิบเอกสารซองหนึ่งออกมาจากนั้นก็ส่งให้กับเซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยไม่ได้เปิดมันทันที เขาเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงก่อนจะพูดว่า “ตอนนี้พวกคุณกลับไปที่ห้องได้แล้วจากนี้ก็รอไปก่อนแล้วผมจะบอกอีกครั้งว่าต้องทำอะไร” พูดจบเขาก็เดินไปทันที
“เขาเป็นใครงั้นเหรอ…?” โต้วหยง ถามพร้อมมองไปที่หลงบิง
“อย่าถามอะไรทั้งนั้น เอาหล่ะ…ตอนนี้ก็กลับไปที่ห้องของตัวเองได้แล้วและถ้าไม่จำเป็นก็อย่าออกไปไหนเด็ดขาด บอกคนอื่นๆด้วย” หลงบิงพูด
โต้วหยง ด็อกเตอร์ชิงและหม่าลี่พยักหน้า
หลงบิงพูดจบก็เดินไปทันที ถ่างหยู่เหยี่ยก็เช่นกัน
เมื่อกลับห้องไปแล้วเซี่ยเหล่ยก็หยิบแผนผังขึ้นมาและกางบนโต๊ะเล็กๆ หลงบิงและถ่างหยู่เหยี่ยเองก็เดินมาดูแผนผังด้วยเช่นกัน
มันเป็นภาพวาดที่เก่ามากแล้ว บางส่วนก็เลือนลางจางหายไปแต่ก็ยังเห็นภาพรวมได้อยู่
ภาพแผนผังนั้นไม่ได้ซับซ้อนมากทำให้เซี่ยเหล่ยจดจำได้ภายในเวลานิดเดียวจากนั้นเขาก็พูดว่า “ผมเองก็ไม่เห็นทางเข้าเช่นกัน ผมเชื่อว่าด็อกเตอร์ชิง คงจะหาทางหลายครั้งแล้ว”
หลงบิงมองไปที่เซี่ยเหล่ยก่อนจะพูดว่า “งั้นคุณมีแนวคิดอะไรไหม?”
เซี่ยเหล่ยคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “คืนนี้เราแยกย้ายกันไปพักผ่อนกันก่อนก็แล้วกัน ส่วนพรุ่งนี้เราค่อยไปสำรวจที่ Church of the Holy Sepulchre”
ในขณะนี้หลงบิงยังคงมองแผนยังอยู่ต่อไป
ถ่างหยู่เหยี่ยเห็นจึงได้พูดว่า “เฮ้…. ห้องของคุณไม่ได้อยู่ที่นี่นะ!”
ติดตามตอนต่อไป………