Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - 435 ค่ำคืนสุขสันต์
TXV– 435 ค่ำคืนสุขสันต์
หลงบิงออกจากห้องโดยไม่ได้พูดอะไร เซี่ยเหล่ยเองก็ค่อนข้างจะงงเนื่องจากเธอสามารถต่อปากต่อคำกับถ่างหยู่เหยี่ยก็ได้แต่เธอก็เลือกที่จะไม่ทำ
ถ่างหยู่เหยี่ยเองก็ไม่ได้สนใจอะไร เธอถอดเสื้อแจ็คเก็ตออกทันทีที่หลงบิงออกจากห้องไป
“คุณ…” เซี่ยเหล่ยต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่สามารถพูดมันออกมาได้
ถ่างหยู่เหยี่ยเตรียมพร้อมที่จะนอนแล้ว
เซี่ยเหล่ยมองไปที่เธอพร้อมกับทำท่าเหมือนกับว่าต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง
ถ่างหยูเหยี่ยเห็นสายตาของเซี่ยเหล่ยที่มองมาเธอจึงพูดว่า “เอาหล่ะ ฉันอยากนอนแล้ว คุณจะห้ามไม่ให้ฉันแก้ผ้าใช่มั้ย? แต่อย่าลืมว่าตอนนี้เราเป็นสามีและภรรยาแล้วดังนั้นแค่ถอดเสื้อแจ็คเก็ตออกคงไม่เป็นอะไรหรอกนะ”
เซี่ยเหล่ยตอบกลับไปว่า “โอเค ถ้างั้นผมจะไปนอนที่โซฟา ส่วนคุณก็นอนบนเตียงแล้วกัน”
“คุณจะไม่นอนบนเตียงกับฉันงั้นเหรอ?” หลงบิงถามสายตาของเธอแสดงออกอย่างชัดเจนว่าผิดหวัง
“ผมจะนอนกับคุณได้อย่างไรหล่ะ? คุณนอนบนเตียงนั่นแหละ ผมจะนอนที่โซฟา” เซี่ยเหล่ยพูด
ริมฝีปากของถ่างหยู่เหยี่ยขยับเล็กน้อยดูเหมือนเธอต้องการจะพูดอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา การที่เซี่ยเหล่ยและเฉินตูเทียนหยินหมั้นกันแล้วนั้น ถ่างหยู่เหยี่ยรู้อยู่แก่ใจดีแม้ว่าเมื่อครู่นี้เธอจะพยายามหลอกล่อให้เซี่ยเหล่ยนอกใจคู่หมั้นแต่ก็ไม่สำเร็จอย่างไรก็ตามเธอก็เป็นผู้หญิงที่มีความมั่นใจในตัวเองดังนั้นเธอจึงไม่ดึงดันต่อถ้าเซี่ยเหล่ยไม่เล่นด้วย
เซี่ยเหล่ยเดินไปที่โซฟาและล้มตัวลงนอนแต่ยังไม่ได้หลับทันที เขาหยิบแผนผังสถาปัตยกรรมขึ้นมาดูอีกครั้ง
ถ่างหยู่เหยี่ยเองก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างไรก็ตามเมื่อเธอนอนบนเตียงแล้วเธอก็ถอดเสื้อผ้าออกจนหมดเหลือไว้แต่ชุดชั้นในเท่านั้น
ถ่างหยู่เหยี่ยที่ยังไม่ง่วง เธอจึงถามเซี่ยเหล่ยว่า “คุณรักเธอไหม?”
เซี่ยเหล่ยรู้ว่าเธอที่ถ่างหยู่เหยี่ยพูดนั้นหมายถึงเฉินตูเทียนหยิน เขาจึงตอบไปว่า “รักสิ ถ้าผมไม่รักผมจะขอเธอแต่งงานทำไมหล่ะ?” เซี่ยเหล่ยตอบ
ถ่างหยู่เหยี่ยยิ้มอย่างขมขื่นก่อนจะพูดว่า “อันที่จริงที่ฉันอยากให้คุณมานอนบนเตียงก็ไม่มีอะไรมากหรอกนะ ฉันแค่อยากจะเตะคุณตกเตียงได้ถนัดๆก็แค่นั้นเอง”
ถ่างหยู่เหยี่ยพูดแบบนี้ก็จริงแต่เซี่ยเหล่ยไม่รู้ว่าเธอพูดจริงหรือพูดเล่น
การพูดคุยระหว่างพวกเขาสิ้นสุดลง ทั้งห้องถูกเติมเต็มไปด้วยความความเงียบและความอึดอัดแทน
จู่ๆสายตาของเซี่ยเหล่ยก็เหลือบไปมองที่โต๊ะข้างเตียง เขาเห็นเงาเล็กๆที่เกิดขึ้นจากโคมไฟ ด้วยความสงสัยเขาจึงกระตุกตาซ้ายเล็กน้อยและใช้ความสามารถ มันทำให้เขาพบว่ามีเครื่องดักฟังขนาดเล็กถูกติดตั้งเอาไว้
เซี่ยเหล่ยรู้สึกกังวลทันที เขาจึงลุกขึ้นและเดินไปที่เตียง
“คุณ…” ถ่างหยู่เหยี่ยพูด เธอรู้สึกกระวนกระวายใจพร้อมกับใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดงกล่ำ เธอไม่ได้คาดหวังว่าเซี่ยเหล่ยจะเปลี่ยนใจและรุกเข้ามาในเวลาแบบนี้
เซี่ยเหล่ยยืนอยู่ข้างเตียงและมองไปที่ถ่างหยู่เหยี่ยอย่างไม่ละสายตา
“คุณจะทำอะไรหน่ะ? ฉันไม่ใช่ผู้หญิงง่ายๆแบบนั้นหรอกนะแต่ถ้าคุณต้องการจะทำอะไรที่ลามกกับฉัน คุณ …. คุณต้องรับผิดชอบ!” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดด้วยความตื่นเต้น
อย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยเอื้อมมือออกไปและปิดปากของถ่างหยู่เหยี่ย
แต่ทันใดนั้นถ่างหยู่เหยี่ยตอบสนองทันที เธอคว้าผ้าห่มจากนั้นก็โยนออกเผยให้เห็นเรือนร่างของเธอในชุดชั้นใน ขณะเดียวกันนั้นมือของเธอก็เอ้อมไปที่เข็มขัดของเขา เธอเตรียมที่จะปลดมันออก
“นั่นคุณจะทำอะไร?” เซี่ยเหล่ยพูดด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ
“หืม?” ถ่างหยู่เหยี่ยพยายามจะพูดแต่ก็พูดได้ไม่ถนัดเนื่องจากปากของเธอยังถูกมือของเซี่ยเหล่ยปิดไว้อยู่
เซี่ยเหล่ยใช้มืออีกข้างเอื้อมไปหยิบเครื่องดักฟังขนาดเล็กออกจากใต้โคมไฟก่อนจะโชว์มันต่อหน้าถ่างหยู่เหยี่ย
ถ่างหยู่เหยี่ยมองไปที่เครื่องดักฟังอย่างงุนงง ขณะเดียวกันมือของเธอก็ปล่อยเข็มขัดของเซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยมองดูเครื่องดักฟังอย่างละเอียด เขารู้สึกว่ามันคุ้นตามาก
ในทันใดนั้นถ่างหยู่เหยี่ยก็คว้าเครื่องดักฟังพร้อมกับตะโกนว่า “หลงบิง นังหญิงเลว! เธอกล้าติดเครื่องดักฟังข้างเตียงฉันได้ยังไง! เธออยากตายงั้นเหรอ? มานี่! มาสู้กับฉันเลย มา!”
อย่างไรก็ตามหลงบิงได้ยินทุกอย่างที่ถ่างหยู่เหยี่ยตะโกนแต่หลงบิงก็ไม่ได้ตอบสนองต่อคำพูดท้าทายของเธอ เนื่องจากมันเป็นเครื่องดักฟังไม่สามารถส่งเสียงกลับมาได้
เซี่ยเหล่ยเองก็หมดคำพูดเช่นกัน หลงบิงติดเครื่องดักฟังไว้ในห้องของเขาและถ่างหยู่เหยี่ย เซี่ยเหล่ยไม่รู้ว่าเธอต้องการที่จะได้ยินอะไรจากพวกเขากันแน่
“ฉันจะไปถามเธอ!” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดอย่างไม่พอใจพร้อมลุกขึ้นจากเตียง
เซี่ยเหล่ยกดไหล่ของเธอลงก่อนจะพูดว่า “ใจเย็นๆ คุณต้องการที่จะเปิดเผยสิ่งที่คุณเพิ่งจะพูดให้คนอื่นฟังงั้นเหรอ?”
คำพูดของเซี่ยเหล่ยเปรียบได้เหมือนกับน้ำเย็นที่สาดเข้าหน้าเธอเลยก็ว่าได้ เธอใจเย็นลงทันที
เมื่อเซี่ยเหล่ยเห็นเธอสงบเลย เขาก็ค่อยๆปล่อยมือจากไหล่ของเธอ
ถ่างหยู่เหยี่ยคิดย้อนกลับไป เธอรู้สึกอับอายอย่างมากกับการกระทำและคำพูดของเธอ
เซี่ยเหล่ยต่อพูดว่า “จริงๆแล้วผมว่ามันไม่ได้มีอะไรหรอก เธอคงอยากจะเล่นพิเรนกับเราเพื่อดูว่าเราจะทำอะไรเกินเลยไปหรือเปล่าก็เท่านั้น เอาหล่ะ…ผมจะไปนอนแล้ว คุณเองก็เหมือนกัน นอนได้แล้ว”
ถ่างหยู่เหยี่ยหยิบผ้าหุ่มและคลุมโปงทันที
ในห้องถัดไปหลงบิงนอนหัวเราะอยู่เงียบๆคนเดียว เธอพูดกับตัวเองว่า “ คุณจะทำอะไรหน่ะ? ฉันไม่ใช่ผู้หญิงง่ายๆแบบนั้นหรอกนะ แต่ถ้าคุณต้องการจะทำอะไรที่ลามกกับฉัน คุณ …. คุณต้องรับผิดชอบอย่างนั้นเหรอ?! ฮ่า ๆ ๆ ๆ !” Aileen-novel
มันน่าประหลาดใจที่หลงบิงเองก็มีด้านนี้เหมือนกัน
แม้ว่านี่จะเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ แต่ถ้าหลงบิงได้นอนห้องเดียวกับเซี่ยเหล่ย มั่นใจได้เลยว่าถ่างหยู่เหยี่ยเองก็จะทำแบบนี้เหมือนกัน
เช้าวันรุ่งขึ้น เซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยเดินออกมาจากห้องตั้งแต่เช้า ถ่างหยู่เหยี่ยเองก็เดินออกมาพร้อมพวกเขาเช่นกัน เธอจ้องตาโตไปที่หลงบิงทันทีแต่อย่างไรก็ตามหลงบิงได้แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะพูดทักทายพวกเขาไปว่า “ น้องเขย พี่ใหญ่ สวัสดีตอนเช้า”
ถ่างหยู่เหยี่ยยังคงจ้องตาโตไปที่หลงบิงอย่างไม่ลดละ
“เรารีบไปกินข้าวกันเถอะ” เซี่ยเหล่ยรีบพูดทันทีเนื่องจากเขาเห็นว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่
“เดี๋ยวก่อน” หลงบิงพูดพร้อมกับยื่นกระเป๋าให้กับเซี่ยเหล่ยพร้อมกับพูดต่อว่า “ เมื่อคืนฉันได้สิ่งนี้มา มันเป็นของที่จำเป็นสำหรับการไปสำรวจ The Church of the Holy Sepulchre”
เซี่ยเหล่ยมองดูในกระเป๋าพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย สิ่งที่อยู่ภายในคือเข็มทิศราชวงศ์หมิง
“หึ!” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้หลงบิงและใช้เท้าเตะไปที่ข้อพับขาของหลงบิงก่อนจะพูดว่า “คุณสมควรโดน”
หลงบิงขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้และพูดอย่างเรียบง่ายว่า “ จริง ๆ แล้วฉันทำเพื่อพวกคุณนะ ฉันไม่อยากให้พวกคุณทำอะไรพลาดไป ”
“ไปตายซะ” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดเสียงแข็งอย่างไรก็ตามเธอทั้งรู้สึกอับอายและไม่พอใจในเวลาเดียวกัน
เซี่ยเหล่ยเห็นท่าทางไม่ดีจึงพูดแทรกขึ้นก่อนว่า “เอาหล่ะ เราไปกินข้าวกันได้แล้ว”
ทั้งสามคนเดินออกจากโรมแรมและไปยังห้องอาหารเพื่อรับประทานอาหารเช้า หลังจากนั้นก็จะเตรียมตัวเดินทางไปยัง The Church of the Holy Sepulchre
ด้านกลุ่มของผู้เชี่ยวชาญไม่ได้ตามมาด้วยเนื่องจากพวกเขาได้ทำตามคำแนะนำของหลงบิงอย่างเคร่งครัด พวกเขายังคงอยู่ในโรงแรมต่อไป
ในตอนแรกเซี่ยเหล่ยกังวลว่าถ่างหยู่เหยี่ยและหลงบิงจะโกรธกันมากจนไม่อาจร่วมงานกันได้ เขากลัวว่าเรื่องมันจะเลยเถิดไปกันใหญ่จึงพยายามเป็นตัวกลางหยุดพวกเธอไว้แต่อย่างไรก็ตามในขณะที่กำลังเดินทางไปยัง The Church of the Holy Sepulchre นั้น ทั้งคู่กลับมาพูดคุย หัวเราะกันตามปกติเหมือนกับว่าไม่เคยมีเรื่องอะไรกันมาก่อน
นี่อาจจะเป็นเพราะทั้งคู่เป็นเพื่อนร่วมรบกันในสงครามมาก่อนก็ว่าได้ ทุกนาทีเป็นตายเท่ากันดังนั้นเรื่องราวเมื่อคืนคงไม่สามารถทำลายความสัมพันธ์ของพวกเธอลงได้
ครึ่งชั่วโมงต่อมาพวกเขาก็เดินทางมาถึง The Church of the Holy Sepulchre เป็นที่เรียบร้อย ระหว่างทางพวกเขาผ่านโบสถ์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกมากมายไม่ว่าจะเป็น Holy Sepulcher, Dome of the Rock, มัสยิด Al-Aqsa, และ Temple Mount ทั้งหมดในครั้งเดียว พื้นที่หนึ่งตารางกิโลเมตรบริเวณนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มากมายและครอบคลุมสามศาสนาหลักในโลก
หลงบิงหยิบเข็มทิศออกมาจากกระเป๋าจากนั้นก็ยื่นออกไปข้างหน้าครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “มันชี้มาที่นี่จริงๆ”
“เราเข้าไปดูข้างในกันดีกว่า” ถ่างหยูเหยี่ยพูด
เซี่ยเหล่ยคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ไม่ต้องรีบ เราไปเดินดูรอบๆกันก่อนดีกว่า บางทีเราอาจจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่มมากขึ้น”
หลงบิงและถ่างหยู่เหยี่ยพยักหน้า พวกเธอก็เห็นด้วยกับแนวคิดนี้
ทั้งสามคนเริ่มออกสำรวจพื้นที่โดยรอบ ขณะที่เซี่ยเหล่ยเดินอยู่นั้นตาซ้ายของเขาก็ทำงานตลอด มันทำหน้าที่เหมือนกับกล้องเอ็กซเรย์ที่คอยมองเข้าไปยังโครงสร้างของตัวโบสถ์ จากนั้นก็เก็บภาพที่ได้ไว้ในหัวและค่อยๆสร้างมันทีละเล็กทีละน้อยเพื่อให้มันกลายเป็นภาพสามมิติ!
เนื่องจากต้องใช้ความสามารถพร้อมกันถึงสองอย่างเป็นเวลานาน มันจึงทำให้เซี่ยเหล่ยดูอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด
ถ่างหยู่เหยี่ยและหลงบิงก็เดินข้างเขาแต่พวกเธอไม่ได้สังเกตเห็นอาการของเซี่ยเหล่ยเลยเพราะพวกเธอคอยแต่สังเกตและเก็บรายละเอียดต่างๆโดยรอบตัวโบสถ์และทางเดิน
หลังจากเดินดูรอบๆจนวนกลับมาที่ประตูหลัก The Church of the Holy Sepulchre แล้ว เซี่ยเหล่ยยืนหลับตาอยู่ครู่หนึ่ง สมองของเขาค่อยๆแสดงภาพโครงสร้างทั้งหมดที่เก็บได้จากดวงตาข้างซ้ายขึ้นในหัวอย่างช้าๆ มันเป็นภาพจำลองสามมิติที่ไม่ใช่มีแค่ตัวอาคารของโบสถ์เท่านั้นแต่มันยังแสดงสภาพแวดล้อมอื่นๆโดยรอบตัวโบสถ์อีกด้วย!
“คุณกำลังทำอะไร?” ถ่างหยู่เหยี่ยถามเนื่องจากเห็นท่าทางของเซี่ยเหล่ยดูแปลกไป
เสียงของถ่างหยู่เหยี่ยทำให้ภาพจำลองสามมิติในหัวของเขาหายไปในทันที เซี่ยเหล่ยลืมตาพร้อมกับตอบไปว่า “ไม่มีอะไร พวกเราเข้าไปดูข้างในกันเถอะ”
ติดตามตอนต่อไป………