Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - 437 สถานการณ์เลวร้าย !
TXV– 437 สถานการณ์เลวร้าย !
รถตำรวจสามคันขับอยู่บนถนนพร้อมกับเปิดเสียงสัญญาณไซเรนดังว่อนไปทั่ว
เซี่ยเหล่ยมองไปที่รถตำรวจเหล่านั้น ดูเหมือนมันกำลังมุ่งหน้าไปยัง Oasis of the Desert Hotel
หลางซือเหยาเองก็หันไปมองรถตำรวจด้วยความไม่สบายใจเช่นกัน
ถ่างหยู่เหยี่ยและหลงบิงเองก็รู้สึกไม่ชอบมาพากล พวกเธอเริ่มรู้สึกกังวลและไม่สบายใจ
“มีอะไรเกิดขึ้นกับด็อกเตอร์ชิงและเหล่านักวิจัยคนอื่นๆหรือเปล่านะ?” หลงบิงพูด
“เรารีบกลับไปดูกันเถอะ” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพร้อมเดินไปเรียกรถแท็กซี่ทันที
ทั้งสามคนเรียกแท็กซี่พร้อมกับขับตามรถตำรวจไป
พวกเขารักษาระยะห่างไว้พอประมาณเพื่อความปลอดภัยไม่กี่นาทีต่อมารถตำรวจก็หยุดที่ทางเข้าของโรงแรมตามที่คาดไว้ซึ่งตอนนี้ทางเข้าออกทั้งหมดก็ถูกบล็อกโดยตำรวจไว้หมดแล้ว
อย่างไรก็ตามไม่ได้มีเพียงแค่เจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้นแม้แต่ทหารอิสราเอลในเครื่องแบบก็เข้าร่วมเช่นกัน
หลงบิงขมวดคิ้วก่อนจะพูดว่า “ ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดคือด็อกเตอร์ชิงและนักวิจัยคนอื่นๆถูกเจอตัวเข้าแล้วแต่หวังว่าฉันจะคิดไปเองนะ”
“คุณคิดว่าไง?” ถ่างหยู่เหยี่ยหันไปถามเซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยยังคงมองไปที่ชั้นเจ็ดของโรงแรม เขากำลังมองหาห้องของชิงฉางจิง และนักวิจัยคนอื่นๆแต่ก่อนที่เซี่ยเหล่ยจะพบห้องของพวกเขา จู่ๆก็มีกระสุนหนึ่งนัดถูกยิงออกมาจากโรงแรม
ทันทีที่เสียงปืนดังขึ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารอิสราเอลซึ่งเตรียมตัวอยู่ก่อนแล้วในห้องพักได้เดินออกมาตรงทางเดินด้านหลังของพวกเขามีกองทหารนอกเครื่องแบบอีกสามคนเดินตามออกมาด้วย การเคลื่อนไหวของพวกเขารวดเร็วและคล่องแคล่วมากดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้รับการฝึกฝนการต่อสู้ในระดับที่สูงกว่าตำรวจและทหารอิสราเอลเสียอีก
เซี่ยเหล่ยแอบคิดในใจว่า ‘คนพวกนี้เป็นเจ้าหน้าที่ซีไอเอหรือไม่นะ?’
ปังปัง …
เสียงปืนจากในโรงแรมดังขึ้นอีกหลายนัด สถานการณ์เริ่มรุนแรงมากขึ้น
แขกที่เข้าพักหลายคนวิ่งออกมาจากโรงแรมพร้อมกับเสียงกรีดร้องโวยวาย สถานการณ์เริ่มโกลาหลมากขึ้นไปทุกที
ทันใดนั้นกระจกหน้าต่างที่ชั้นเจ็ดก็แตกเป็นเสี่ยงๆ พร้อมกับมีคนลอยออกมา เขาตกลงมาบนหลังคาของรถตำรวจด้วยแรงกระแทกทำให้ตัวหลังคายุบและกระจกหน้าต่างของตัวรถแตกกระจาย คนที่ตกลงมานั้นเป็นคนจีนทั่วร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือดและในสภาพนั้นเขาไม่มีทางรอดอย่างแน่นอน เขาตายแล้ว…..
เซี่ยเหล่ย หลงบิงและถ่างหยู่เหยี่ยมองหน้าของชาวจีนคนนั้น หัวใจของพวกเขาแทบจะหยุดเต้นเพราะชายที่ตกลงมาจากหน้าต่างชั้นเจ็ดคือโต้วหยง เขาเป็นเจ้าหน้าที่ของสำนักงานลับ101
มีบางอย่างเกิดขึ้นกับกลุ่มนักวิจัย!
“ก่อนจะออกไปพวกเขายังอยู่กันดีๆอยู่เลยนี่ ทำไมมันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับพวกเขาหล่ะ” เซี่ยเหล่ยพูดก่อนจะพูดว่า “แสดงว่าอาจจะมีคนทรยศอยู่ในกลุ่มของพวกเรา!”
“มีคนทรยศงั้นเหรอ?” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดด้วยอารมณ์โกรธที่พร้อมจะระเบิดออกมา
“อย่าเพิ่งรีบด่วนสรุปไป เรายังไม่มีข้อมูลอะไรเลย” หลงบิงพูดอย่างเรียบง่าย แม้แต่สถานการณ์ในตอนนี้เธอก็ยังดูสงบอย่างน่าประหลาดอย่างไรก็ตามเธอพูดต่อว่า “เจ้าหน้าที่ของเราที่เดินทางมากับกลุ่มนักวิจัยมีทั้งหมดสี่คน ตอนนี้ตายไปแล้วหนึ่งคน เรายังไม่เห็นอีกสามคนที่เหลือและก็ยังไม่เห็นว่ามีใครจับตัวพวกเขาไป ดังนั้นอย่าเพิ่งด่วนสรุปอะไรไปก่อน”
คำพูดของเธอดูเหมือนต้องการพูดปลอบใจทั้งเซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ย
สำหรับข้อมูลของภารกิจนั้นไม่มีทางที่จะหลุดออกมาจากปากของเจ้าหน้าที่สำนักงานลับ101อยู่แล้ว พวกเขาเป็นคนรักชาติและเต็มใจที่จะตายเพื่อประเทศชาติด้วยซ้ำดังนั้นถ้าเกิดข้อมูลจะรั่วไหลจริงๆ ความเป็นไปได้มากที่สุดก็คงจะเป็นจากเหล่านักวิจัยคนใดคนหนึ่ง พวกเขาไม่ใช่ทหาร พวกเขาไม่เคยผ่านการฝึกถ้าพวกเขาโดนสอบสวนหรือขมขู่ก็จะต้องเผยข้อมูลอยู่แล้ว!
และเมื่อมีคนสารภาพ ความลับก็จะไม่เป็นความลับอีกต่อไป!
ปังปัง …
เสียงปืนยังคงดังขึ้นอีกหลายนัดในโรงแรม
ทั้งสามคนต้องการจะเข้าร่วมการต่อสู้ในครั้งนี้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของพวกเขาแต่ก็ทำไม่ได้เนื่องจากเมื่อชั่งน้ำหนักความสำคัญเทียบกับภารกิจแล้ว พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้
อีกอย่างด้วยกำลังของพวกเขาตอนนี้ที่มีเพียงสามคนเท่านั้นแม้ว่าพวกเขาจะเก่งขนาดไหนแต่ศัตรูก็ไม่ใช่ว่าจะอ่อน ผลสุดท้ายอย่างเลวร้ายที่สุดพวกเขาก็อาจจะตายหรือไม่ก็ถูกจับ
นอกจากนี้ยังมีเหตุผลทางการเมืองอีกด้วยที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้เนื่องจากจีนได้ให้ที่พักพิงแก่ชาวยิวในสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งหลังจากสงคราม อิสราเอลช่วยจีนในการพัฒนาประเทศ ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศจึงดีมาตลอดจนถึงทุกวันนี้และอาจจะดีกว่านี้ด้วยซ้ำถ้าไม่มีแรงกดดันจากฝั่งอเมริกา เมื่อเป็นแบบนี้แล้วพวกเขาจะเข้าไปต่อสู้ได้อย่างไร?
นี่เป็นปัญหาที่ยากจะแก้!
เนื่องจากว่าทำอะไรไม่ได้เลย พวกเขาจึงรู้สึกทรมานใจอย่างมาก!
แต่การทรมานใจครั้งนี้ก็จบลงพร้อมกับเสียงปืนนัดสุดท้ายในเหตุการณ์ครั้งนี้เมื่อจู่ๆก็มีคนตะโกนเข้าไปภายในโรงแรมเป็นภาษาอังกฤษว่า “ยอมแพ้ซะ! คุณไม่มีทางหนีไปไหนได้ ที่นี่ถูกล้อมไว้หมดแล้ว!”
“ถอยไป!” คนในล็อบบี้ตะโกนออกมาเป็นภาษาอังกฤษพร้อมกับตะโกนต่ออีกว่า “ไม่อย่างนั้นผมจะฆ่าเขาซะ!”
ตำรวจและทหารรวมถึงกองกำลังนอกเครื่องแบบในล็อบบี้ต่างถยอยถอยออกมาทีละนิดๆ
สายตาของเซี่ยเหล่ยหันไปมองที่พวกเขา เขาพบว่าชายหัวโล้นที่ถือโทรโข่งนั้นเป็นคนที่เขาเคยพบมาก่อน เขาเคยเห็นชายผู้นี้ในกรุงโซล ชายคนนี้เป็นผู้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่ซีไอเอ เยเลน่าได้เล่าเรื่องราวของเขาให้ฟังในตอนที่อยู่อัฟอานิสถาน เขาเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง เป็นถึงผู้อำนวยการของซีไอเอที่ชื่อว่า Middleson Goodson
จู่ๆชื่อของหลางซือเหยาก็ผุดขึ้นในหัวของเซี่ยเหล่ย ‘เธอกลับมาพร้อมกับ Goodson นี่คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ การที่ Goodson มาที่นี่แสดงว่าพวกซีไอเอรู้ว่าเราอยู่ที่นี่แล้ว พวกเขาจึงวางแผนการนี้ขึ้นมา’
ในขณะที่เซี่ยเหล่ยกำลังคิดอยู่นั้น ก็มีหนุ่มชาวจีนคนหนึ่งเดินออกมาจากประตูโรงแรมพร้อมกับชายผมสีบลอนด์ที่เขากำลังล็อคคอเอาไว้อยู่ ใบหน้าและร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือดและบาดแผล แววตาของเขาแสดงออกถึงความเด็ดเดี่ยว ในมือของเขาถือปืนอยู่กระบอกหนึ่งซื่งกำลังจ่อไปที่หัวของชายผมบลอนด์คนนั้นอยู่
“วางปืนลง!” Goodson พยายามพูดเพื่อต่อรองก่อนจะพูดต่อว่า “คุณบาดเจ็บและต้องรับรักษาโดยด่วน ดังนั้นวางปืนลงแล้วเราจะรักษาคุณให้ ผมสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีใครทำร้ายคุณได้ คุณจะได้รับการสอบสวนอย่างยุติธรรม บางทีถ้าคุณให้ข้อมูลที่สำคัญกับเรา เราสามารถตกลงเรื่องนี้กันได้ คุณเข้าใจที่ผมพูดใช่มั้ย?”
หลงบิงกระซิบว่า “เขาชื่อว่าหวางห่าย ฉันได้ยินมาว่าเขาเป็นลูกกตัญญูและแม่ของเขา … ”
เธอไม่สามารถพูดต่อได้
เซี่ยเหล่ยดูหน้าของหวางห่าย ในขณะนี้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเลือดแต่แววตาของเขายังแสดงให้เห็นถึงความเด็ดเดี่ยวและพร้อมที่จะสู้ ในตอนนี้เซี่ยเหล่ยรู้สึกประทับใจในตัวของเขามาก
“พี่น้อง!” หวางห่ายตะโกนออกมาเป็นภาษาจีนก่อนจะพูดต่ออีกว่า “เมื่อออกไปจากที่นี่ได้แล้ว แกะก็ต้องกลับไปที่คอกแกะ!(เป็นเหมือนรหัสลับ)”
“คุณพูดอะไร?” Goodson พูด เขาไม่เข้าใจภาษาจีนอย่างไรก็ตามเขาเดาว่า หวางห่าย คงวางแผนจะทำอะไรซักอย่างเขาจึงตะโกนต่อว่า “วางอาวุธของคุณเดี๋ยวนี้! อย่าทำอะไรโง่ๆ! ไม่อย่างนั้นผมจะยิงคุณซะ!”
“ถุ้ย!” หวางห่ายถ่มน้ำลายลงบนพื้นก่อนจะพูดว่า “ถ้าผมจะตายผมจะพาพวกคุณไปกับผมด้วย!”
”คุณ…” Goodson หมดคำพูด
ปัง เสียงปืนดังขึ้นหวางห่ายยิงที่ศีรษะชายผมบลอนด์คนนั้น จากนั้นก็หันปากกระบอกปืนไปที่ Goodson และเตรียมจะยิงออกไป ไอลีนโนเวล
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ลั่นไก กระสุนนัดหนึ่งก็พุ่งตรงไปยังหัวของเขาก่อน
เลือดสาดกระเซ็นออกมาพร้อมกับ หวางห่ายที่ล้มลงไปนอนกองกับพื้น เขาตายในทันที
“หึ!” Goodson เดินไปที่ศพของเขาพร้อมกับพูดว่า “คุณมันก็แค่เศษขยะ ตายๆไปซะ! ในห้องพวกเขาอาจจะยังมีเบาะแสอะไรอยู่ ไปค้นหาเดี๋ยวนี้!”
ตัวแทนซีไอเอสองคนรีบเข้ามาไปในโรงแรมทันที
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจของอิสราเอลสองคนก็ย้ายศพของหวางห่ายไปเก็บ อีกสองคนก็ไปเก็บศพของโต้วหยงที่หลังคารถและอีกสองคนก็ไปเก็บศพของเจ้าหน้าที่สำนักงานลับ101ที่อยู่ในห้องพัก จนถึงตอนนี้เจ้าหน้าที่ของสำนักงานลับ 101 ตายไปแล้วทั้งหมดสามคน ยังเหลืออีกหนึ่งคนที่ไม่สามารถระบุอะไรได้
“ไปกันเถอะ ตอนนี้เราไม่ควรจะอยู่ที่นี่แล้ว” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดและยังพูดต่ออีกว่า “ดูเหมือนว่าถ้าเป็นตอนนี้เรายังพอที่จะทำอะไรได้บ้าง”
เซี่ยเหล่ยรู้ว่าเธอหมายถึงอะไร ตัวแทนของสำนักงานลับ 101 สามในสี่คนนั้นตอนนี้ตายแล้ว ซึ่งยังเหลืออีกหนึ่งคนที่ยังไม่สามารถระบุอะไรได้และจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่พบกลุ่มนักวิจัยเลยแม้แต่คนเดียว เป็นไปได้ว่าเจ้าหน้าที่คนสุดท้ายได้พานักวิจัยไปยังสถานที่ปลอดภัยแล้ว
“คุณจำสิ่งที่ หวางห่ายพูดได้หรือไม่?” เซี่ยเหล่ยพูดและยังพูดต่ออีกว่า “เขาบอกว่าแกะก็ต้องกลับไปที่คอกแกะ เขากำลังใบ้อะไรซักอย่างอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
หลงบิงตอบว่า “ก่อนอื่นเรารีบออกจากที่นี่กันก่อนเถอะ ฉันจะติดต่อเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของเราเพื่อยืนยันสถานการณ์ตอนนี้ดูอีกครั้ง”
เมื่อพูดจบทั้งสามคนก็รีบเดินจากไปทันที
ในขณะที่กำลังเดินออกไปนั้น เซี่ยเหล่ยได้หันกลับไปมองพวกเขาหนึ่งครั้ง Goodson ยังคงยืนอยู่ที่ประตูทางเข้าหลักของโรงแรม เขาคอยหันซ้ายขวาเพื่อมองสถานการณ์โดยรอบ ส่วนทหารอิสราเอลกลุ่มใหญ่ก็กำลังทำความสะอาดพื้นที่ รวมถึงรักษาความสงบในพื้นที่ให้เรียบร้อยเช่นกัน
จังหวะที่เขาจะหันกลับนั้น เขาก็สะดุดตาเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น เธอคือหลางซือเหยา!
เซี่ยเหล่ยรู้สึกสับสนทันที เขาสังสัยและคิดในใจว่า ’หลางซือเหยาไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของซีไอเอแล้วอย่างนั้นเหรอ? ทำไมตอนนี้เธอถึงแอบดูสถานการณ์อย่างลับๆในฝูงชนหล่ะ? หรือว่าเธอไม่ได้มีส่วนร่วมในภารกิจครั้งนี้? หรือว่าเธอถอนตัวไปแล้ว? หรือเธอได้รับคำสั่งให้ทำภารกิจอื่น?’
ในหัวของเซี่ยเหล่ยมีคำถามมากมายผุดขึ้นมา
อย่างไรก็ตามทุกคำถามไม่มีทางรู้ได้ หากไม่ได้ถามจากปากของเธอเอง
เซี่ยเหล่ยทิ้งความสงสัยเอาไว้และเดินจากไป เมื่อเดินพ้นมาไกลแล้ว หลงบิงได้หยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เบามากว่า “สถานการณ์ของเราอันตรายมาก เราต้องการการคุ้มครองนอกจากนี้ฉันยังต้องการรู้สถานการณ์และความเคลื่อนไหวล่าสุดด้วย”
เซี่ยเหล่ยกำลังดูหลงบิงคุยโทรศัพท์ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ยินเสียงที่เธอพูดเลยเนื่องจากว่ามันเบามากอย่างไรก็ตามแม้ว่าเซี่ยเหล่ยจะเป็นหัวหน้าทีมในภารกิจครั้งนี้ แต่เขาไม่มีสิทธิพูดคุยกับหน่วยข่าวกรองของสำนักงานลับ 101 โดยตรง
ไม่กี่นาทีต่อมาหลงบิงก็วางสายโทรศัพท์ เธอหันมาพูดกับเซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยว่า “เราจะไปที่สถานีข่าวกรอง ตัวแทนที่ยังมีชีวิตอยู่ชื่อหลิวเฉียงเขาเป็นเจ้าหน้าที่คนสุดท้ายและเขาได้พานักวิจัยทั้งหมดไปยังสถานีข่าวกรองเรียบร้อยแล้ว ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ของเราได้ร้องขอความช่วยเหลือในขณะที่พวกเรายังอยู่ที่โบสถ์ โชคดีที่พวกเขาให้ความช่วยเหลือได้ทันเวลาพวกเขาจึงช่วยเคลื่อนย้ายนักวิจัยได้ทัน แต่โชคร้ายที่เราต้องเสียสละเจ้าหน้าที่บางส่วนไป”
เซี่ยเหล่ยถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะพูดว่า “นี่คงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ไม่งั้นเราคงต้องจบภารกิจตั้งแต่ตอนนี้เลย”
ถ่างหยู่เหยี่ยมองไปที่เซี่ยเหล่ยก่อนจะพูดว่า “คุณกำลังจะบอกว่าเรายังมีโอกาสทำภารกิจของเราให้สำเร็จอีกงั้นเหรอ?”
“ผมไม่รู้ว่าซีไอเอรู้ได้ยังไงว่าเรามีทีมนักวิจัยอยู่ที่นี่ แต่ผมเชื่ออย่างนี้…แม้ว่าพวกเขาจะได้รับข้อมูลบางอย่างมาก็ตามแต่พวกเขาก็คงจะไม่รู้ว่านักวิจัยมาทำอะไรที่นี่มีจุดประสงค์หลักอะไร เนื่องจากกลุ่มนักวิจัยอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน ดังนั้นถ้าพวกเขาจะลงมือทำอะไรคงลงมือไปก่อนแล้ว ไม่รอให้เวลาล่วงเลยมาจนถึงตอนนี้อย่างแน่นอน” เซี่ยเหล่ยตอบ
”หยุดพูดได้แล้ว ไว้กลับไปที่สถานีข่าวกรองแล้วค่อยพูดกันใหม่” หลงบิงพูดเสียงแข็งก่อนจะเดินไปเรียกรถแท็กซี่
ติดตามตอนต่อไป……..