Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - 439 คำทักทายจากเซี่ยงไฮ้
TXV– 439 คำทักทายจากเซี่ยงไฮ้
ในเช้าตรู่ของวันต่อมา เซี่ยเหล่ยก็นำทีมสองสาวออกมาด้านนอก พวกเขาเรียกแท็กซี่ธรรมดาคันหนึ่งเพื่อเดินทางไปยังพิพิธภัณฑ์เยรูซาเล็ม
เสียงรถตำรวจที่ผ่านไปมาระหว่างทางไปปลายทางดูจะมีให้ได้ยินบ่อยไปสักหน่อยและนั่นเริ่มทำให้ทั้งสามคนวิตกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกแล้ว
หลิวเฉียงเองก็อยากตามมาด้วยเช่นกันแต่เซี่ยเหล่ยปฏิเสธ หลิวเฉียงต้องรออยู่ที่สถานีข่าวกรองและคอยรอสัญญาณเพื่อขับรถไปรับทั้งสามคนอีกทีโดยรถที่เขาจะขับไปนั้นมีอาวุธที่ทั้งสามคนใส่ไว้อยู่ด้วยนั่นคือสไนเปอร์ไรเฟิล XL2500 3กระบอก และไรเฟิลจู่โจม Gale อีก1กระบอก
เซี่ยเหล่ยคิดไตร่ตรองดีแล้วตอนที่เขาปฏิเสธไม่ให้ หลิวเฉียงตามมาด้วย เนื่องจากกลุ่มผู้เชี่ยวชาญถูกเปิดเผยตัวมาก่อนแล้ว ทั้งหลิวเฉียงเองก็อยู่ที่โรงแรมมาพักใหญ่ ดังนั้นกล้องวงจรปิดในโรงแรมจึงมีวิดีโอที่บันทึกใบหน้าเขาไว้แน่ๆ การจะให้หลิวเฉียงตามไปที่พิพิธภัณฑ์ด้วยภายใต้สถานการณ์แบบนี้จึงเป็นการตัดสินใจที่ไม่ดีนัก
ทั้งสามคนลงจากรถแท็กซี่แล้วจึงเดินเข้าพิพิธภัณฑ์มุ่งหน้าตรงไปยังส่วนโบราณคดีทันที โดยชื่อเต็มของที่นี่คือ Samuel and Saidye Bronfman Archaeology Wing ซึ่งเป็นชื่อจริงที่อ่านออกเสียงได้ยากมาก
เซี่ยเหล่ยพบกล้องวงจรปิดและสัญญาณเตือนเตือนภัยอยู่แทบทุกที่ระหว่างทางเดินไปที่แผนที่เป้าหมาย หน่วยรักษาความปลอดภัยก็เช่นกันถ้าจะขโมยอะไรที่นี่คงเป็นไปไม่ได้ เลยต่อให้คนขโมยเป็นเซี่ยเหล่ยกับฉิงเสวียงร่วมมือกันแล้วก็ตามแต่โชคดีที่ครั้งนี้เขาเพียงแค่ต้องการมองแผนที่โบราณนั่นเท่านั้น
เมื่อทั้งสามคนเข้ามาในโซนโบราณคดีแล้ว หญิงสาวสวมแว่นตาดูเป็นหนอนหนังสือก็เดินตรงเข้ามาหาด้วยท่าทีต้อนรับ เธอทักทายอย่างนุ่มนวล “นี่ฉันเอง ตามมาสิ”
ผู้หญิงคนนี้คือคนที่เฉียวปิงพูดถึงชื่อของเธอคือต้วนหนิงหนิงและเป็นคนที่ให้ข้อมูลพวกเขาเรื่องแผนที่โบราณนั่นด้วย
พวกเขาเดินตามต้วนหนิงหนิงลึกเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ จังหวะการเดินของพวกเขาไม่ได้เร็วนัก ทำทีเป็นชื่นชมวัตถุโบราณที่จัดแสดงภายในไประหว่างเดินด้วย ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีวัตถุโบราณกว่า 6,000 ชิ้น ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับเรื่องศาสนา โดยทุกชิ้นจะมีคำอธิบายเล็กๆถึงประวัติของมันแสดงอยู่ด้านหลัง
ด้วยความช่วยเหลือของต้วนหนิงหนิง เซี่ยเหล่ยก็มองเห็นแผนที่โบราณได้อย่างรวดเร็ว มันไม่ได้เป็นแผนที่แผ่นเดียวอย่างแผนที่ทั่วไป แต่เป็นหลายแผ่นรวมเข้าด้วยกัน วัสดุของแผ่นแผนที่นั้นเป็นหนังสัตว์ มันจึงไม่เปื่อยยุ่ยและสลายไปอย่างกระดาษแต่ด้วยระยะเวลาที่นานแสนนานก็ได้หลอมรวมแผ่นหนังเหล่านั้นเข้าด้วยกันจนไม่มีทางลอกออกมาเป็นแผ่นๆได้ดังเดิมแล้ว มีเพียงแผ่นหนังชิ้นบนสุดเท่านั้นที่อ่านได้อย่างชัดเจน
ต้วนหนิงหนิงกระซิบ “อันนี้แหละ พวกเขาบอกว่ามันเป็นแบบนี้อยู่แล้วตอนที่พวกเขาขุดพบ แผนที่นั่นไม่มีทางแกะออกจากกันได้เลย แต่โชคดีที่แผ่นด้านบนสุดยังอ่านได้ชัดเจนอยู่ เข้าไปดูสิ นั่นใช่แผนที่ที่คุณต้องการรึเปล่า?”
เซี่ยเหล่ยจ้องมองไปยังแผนที่นั้นแล้วครุ่นคิด นี่เป็นแผนที่เมืองเก่าของเยรูซาเล็มจริงๆ ไม่มีใครรู้หรอกว่ามันเก่าแก่ขนาดไหนกันแน่
แผนที่โบราณมีภาพวาดของโบสถ์พระคูหาศักดิ์สิทธิ์อยู่ แต่โชคร้ายที่ไม่มีโดมแห่งศิลา (Dome of the Rock)อยู่ด้วย
เซี่ยเหล่ยเริ่มประมาณอายุของแผนที่โดยเริ่มจากขอบแผ่นที่หนาเตอะก่อน ‘โบสถ์พระคูหาศักดิ์สิทธิ์ถูกสร้างโดยจักรพรรดิคอนสแตนตินในคริสตศักราช 335 ในขณะที่โดมแห่งศิลาถูกสร้างขึ้นระหว่างปี 687 และ 691 โดยเคาะลีฟะฮฺอับดุลมาลิก ระยะเวลาก็ห่างกันกว่า 300 ปีระหว่างสิ่งก่อสร้างทั้งสองอย่างนี้ แต่ในแผนที่ไม่มีภาพวาดของโดมแห่งศิลา นั่นอาจหมายความว่าแผนที่นี้ถูกเขียนขึ้นไม่นานหลังจากโบสถ์พระคูหาศักดิ์สิทธิ์ถูกสร้าง ซึ่งนั่นก็คงมีอายุอย่างน้อย 1,600 ปีมาแล้ว’
ถ่างหยู่เหยี่ยพูดขึ้นบ้าง “แผนที่นี่เก่ามากเลยนะ แถมรายละเอียดก็มีไม่เยอะด้วย ไร้ประโยชน์ชะมัด”
เซี่ยเหล่ยไม่ได้พูดอะไร ตาซ้ายของเขายังคงโฟกัสอยู่บนแผนที่หลังกระจกกันกระสุนนั่น สายตามองทะลุของเขาค่อยๆทำให้แผ่นหนังชั้นบนเลือนหายไป แล้วปรากฏภาพเขียนข้างใต้นั่นแทน
แผ่นที่ชิ้นที่สองไม่มีภาพตึกหรือสิ่งก่อสร้างอยู่แต่มีเส้นสีดำหนาหลายเส้นและข้อความเขียนไว้เป็นภาษาฮิบรู
เส้นพวกนั้นภาษาฮิบรูพวกนั้น… สมองของเซี่ยเหล่ยเริ่มทำงานอย่างรวดเร็ว ดึงคำภาษาฮิบรูเป็นพันๆคำออกมาราวกับศัพท์พวกนั้นได้ปะทุออกมาจากความทรงจำ ระหว่างนั้นความคิดเขาก็ประมวลผลและเทียบคำฮิบรูที่เห็นอย่างรวดเร็วไปพร้อมๆกัน สมองเขากำลังทำงานเป็นเครื่องแปลภาษามีชีวิตได้อย่างน่าทึ่งทีเดียว!
ด้วยความสามารถของสมองเซี่ยเหล่ยตอนนี้ทำให้เขาไม่จำเป็นต้องไปนั่งเรียนภาษาให้เหนื่อยเลย เขาเพียงแค่ต้องอ่านพจนานุกรมของภาษานั้น เพียงแค่นี้เขาก็แปลทุกอย่างในภาษานั้นได้แล้วอย่างตอนนี้ก็เช่นกันแม้เซี่ยเหล่ยจะไม่ได้เก่งภาษาฮิบรู แต่เขาก็สามารถแปลแผนที่นั่นได้เพียงเหลือบมอง ตราบใดที่มันยังเป็นภาษาฮิบรูอยู่
ตอนนี้เซี่ยเหล่ยก็เปรียบได้กับเครื่องแปลภาษามีชีวิตอาจจะมีช่องโหว่ของการแปลข้อความยาวๆเป็นย่อหน้าอยู่บ้างแน่นอนว่ามันยุ่งเหยิงซับซ้อนมากแต่กับวลีหรือประโยคสั้นๆนั้นไม่มีปัญหาเลย
เซี่ยเหล่ยยิ่งตื่นเต้นหลังจากแปลได้แล้วว่าคำภาษาฮิบรูพวกนั้นเขียนไว้ว่าอะไรบ้าง ‘เจอแล้ว! มันคือระบบระบายน้ำของเยรูซาเล็มโบราณ! มีท่อระบายน้ำอยู่ใต้โบสถ์พระคูหาศักดิ์สิทธิ์!’ เซี่ยเหล่ยหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาคิดในใจ ‘เดี๋ยวนะ มันมีทั้งหมด 3 แผ่นติดอยู่ด้วยกันนี่นา บนแผ่นสุดท้ายมีอะไรกันนะ?’
ตาซ้ายเริ่มทำหน้าที่ของตัวเองต่อ แผนหนังสัตว์แผ่นที่สองจึงค่อยๆเลือนหายไป
เซี่ยเหล่ยยังคงจ้องมองแผนที่หลังกระจกไม่วางตา หลงบิงและถ่างหยู่เหยี่ยจึงอดมองหน้ากันไม่ได้ สายตาของสองสาวเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจและสงสัยงุนงง
”หวัดดี? คุณเจออะไรเหรอ?” หลงบิงถามขึ้น
”เขาได้สติรึยังน่ะ?” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดบ้าง
ตอนนั้นเองการ์ดรักษาความปลอดภัยในเครื่องแบบสองคนก็เดินตรงเข้ามาหาพวกเขา หนึ่งในนั้นกำลังคุยผ่านวิทยุอยู่
ต้วนหนิงหนิงเริ่มวิตก “รีบไปเร็ว เราทำพวกเขาสงสัยแล้ว”
แต่เซี่ยเหล่ยยังคงยืนอยู่หน้ากระจกแสดงแผนที่ ไม่ขยับ และไม่แม้กระพริบตา ตัวเขาในตอนนี้ราวกับติดอยู่ในภวังค์ของอะไรบางอย่างที่ไม่มีทางหลุดออกมาได้
หลงบิงผลักเซี่ยเหล่ยเบาๆเรียกสติ แต่เซี่ยเหล่ยก็ยังไม่ตอบสนองอะไรเช่นเดิม เขาดูราวกับถูกแผนที่ตรงหน้ากลืนสติเข้าไปแล้ว
ถ่างหยู่เหยี่ยตัดสินใจอย่างรวดเร็ว “คุณต้วน ไปเถอะ เดี๋ยวพวกเรารับมือเองค่ะ”
ตำแหน่งของถ่างหยู่เหยี่ยนั้นสูงกว่าเธอมากอยู่แล้ว เอเจนท์สาวจึงหันแล้วเดินออกไปอย่างไม่ลังเล
การ์ดทั้งสองคนเดินเข้ามาก่อนที่หนึ่งในนั้นจะถามขึ้นเป็นภาษาอังกฤษ “กำลังทำอะไรอยู่น่ะ?”
หลงบิงตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษ “ไม่มีอะไรค่ะ แค่ดูวัตถุโบราณเฉยๆ”
ในระหว่างที่หลงบิงกำลังรับมือกับการ์ด ถ่างหยู่เหยี่ยก็เหยียบเท้าเซี่ยเหล่ยอย่างแรงขู่ฟ่อราวกับงู “นี่คุณทำอะไรอยู่เนี่ย?” ไอรีนโนเวล
เซี่ยเหล่ยดึงสายตากลับมา เขาหลับตาลงแล้วส่ายหัวเบาๆ
”พวกคุณทุกคนมาจากจีนรึเปล่า?” การ์ดคนหนึ่งถาม
”ใช่ค่ะ พวกเราชอบอิสราเอลมาก มีปัญหาอะไรรึเปล่าคะ?” หลงบิงตอบ
”ขอดูพาสปอร์ตหน่อยครับ” เขาพูดต่อ
”ทำไมล่ะ?” หลงบิงเลิกคิ้ว
”ไม่ทำไมหรอกครับ แค่การตรวจสอบทั่วไป” การ์ดคนเดิมกล่าวก่อนจะเสริมต่อ “เร็วหน่อยก็ดีนะครับ อย่าทำให้มีปัญหาเลย”
ดูเหมือนประโยคเมื่อครู่จะเป็นคำเตือน
หลงบิงกำลังจะหยิบพาสปอร์ตให้พวกเขาดูแล้วแต่เซี่ยเหล่ยก็เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มเสียก่อน “สวัสดีครับคุณสุภาพบุรุษ อยากเป็นเพื่อนกับเรามั้ย? พวกเราเป็นคนจีนมาจากเซี่ยงไฮ้ คุณรู้จักเซี่ยงไฮ้มั้ย?” เขากระแอมให้คอโล่งก่อนจะพูดวลีหนึ่งในสำเนียงเซี่ยงไฮ้ออกมา “พ่กเหลาและอัลเลาะห์เปนเพื่อนที่ดี๋ต่อกั๋น”
สำเนียงเซี่ยงไฮ้ทะแม่งๆนั่นทำเอาหลงบิงแทบอยากจะยกเท้าถีบเซี่ยเหล่ยแรงๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็รู้สึกประทับใจในความหัวไวของเขาอยู่ด้วย
นาซีเยอรมันคอยตามจองล้างจองผลาญชาวยิวในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง และไม่ใช่ทุกคนที่จะเต็มใจแบ่งพื้นที่ของตัวเองให้ชาวยิวได้พักพิงแต่จะประเทศจีนทำ มีพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นของชาวยิวผู้ลี้ภัยไปตั้งถิ่นฐานอยู่ในเซี่ยงไฮ้และในปัจจุบันก็ยังคงมีชาวยิวที่รอดชีวิตมาได้คอยแวะเวียนไปที่เซี่ยงไฮ้เพื่อแสดงความกตัญญูต่อชาวจีนที่ได้ช่วยเหลือพวกเขาเอาไว้ในช่วงเวลานั้นอยู่ ด้วยเหตุผลนี้เอง เซี่ยเหล่ยถึงได้ยกประเด็นเรื่องเซี่ยงไฮ้และแกล้งทำตัวเป็นคนที่นั่นอย่างเมื่อครู่
แน่นอนว่าต้องมีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของการ์ดเมื่อเขาได้ยินว่าทั้งสามคนมาจากเซี่ยงไฮ้ “ท่านครับ ผมรู้จักเซี่ยงไฮ้แน่นอน คุณปู่กับคุณย่าของผมเคยอยู่ที่นั่นช่วงหนึ่ง ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือที่พวกเขาได้รับนะครับ”
“คุณพระคุณเจ้า บังเอิญจริงๆ” เซี่ยเหล่ยพูดยิ้มๆ “ปู่ย่าผมเองก็เคยช่วยคนยิวดีๆไว้มากมายเลยล่ะครับ คุณย่าผมคอยบอกบ่อยๆเลยว่าชาวยิวช่วงนั้นลำบากกันแค่ไหนแต่เธอใจดีมากๆ เธอไม่กล้าแม้แต่จะกินไข่ที่เก็บมาจากรังไก่เลยล่ะครับ แต่เธอเอาไข่พวกนั้นทั้งหมดไปให้ชาวยิวแทน”
“คุณย่าของคุณช่างเป็นคนที่ยอดเยี่ยมจริงๆ” การ์ดรักษาความปลอดภัยที่คุยกับเซี่ยเหล่ยเดินเข้าไปใกล้เขาแล้วกอดเขาอย่างขอบคุณ
หลังจากการกอด เซี่ยเหล่ยก็ลอบถามต่ออย่างละเอียด “คุณครับ ตำรวจที่ถนนก็เรียกเราไปขอดูพาสปอร์ตเหมือนกัน แถมยังถามคำถามเยอะแยะอีก ในฐานะคนจีนแล้ว ผมรู้สึกเหมือนพวกเขาจะไม่ต้อนรับเราเท่าไหร่ นี่ใช่เหตุผลที่คุณเข้ามาถามเรารึเปล่าครับ?”
การ์ดคนเดิมรีบโบกมือปฏิเสธด้วยท่าทางรู้สึกผิดทันที “ไม่ครับ ไม่ใช่แบบนั้น แต่เป็นเพราะเราโดนโจมตีเมื่อวันก่อน เบื้องบนเลยสั่งให้พวกเราตรวจสอบตัวตนของคนจีนที่ดูน่าสงสัยและถามถึงเหตุผลที่พวกเขามาที่นี่กันน่ะครับ จริงๆแล้วมันไม่ใช่สิ่งที่พวกเราชาวอิสราเอลอยากทำหรอกครับ แต่มันคือ…”
“คือ?” เซี่ยเหล่ยถามต่อแม้จะรู้คำตอบอยู่แล้ว
“อ้อ ช่างมันเถอะครับ เชิญชมพิพิธภัณฑ์ต่อเถอะ ขออภัยที่มารบกวนคุณด้วยนะครับ” การ์ดที่กอดเซี่ยเหล่ยหันไปมองเพื่อนร่วมงานตัวเองก่อนจะพากันเดินออกไป
“ขุนต้องหมาเซี่ยงไฮ้ให้ได้เลยหน่า!” เซี่ยเหล่ยทิ้งท้าย
การ์ดทั้งสองคนหันกลับมาแล้วยิ้มให้เขา ดูค่อนข้างเป็นมิตรกว่าตอนแรกมากๆ แต่ถึงอย่างนั้น จริงๆแล้วสำเนียงเซี่ยงไฮ้ของเซี่ยเหล่ยที่พูดกับพวกเขามันไม่ใช่เลยต่างหาก
หลงบิงกลอกตาใส่เขา “อะไรล่ะนั่นน่ะ? คนเซี่ยงไฮ้? คุณทำฉันขนลุกไปหมดแล้วนะ”
“พวกเขาเคยได้ยินสำเนียงเซี่ยงไฮ้จริงๆรึเปล่าล่ะ? ถ้าผมบอกว่าผมเป็นคนเซี่ยงไฮ้ งั้นมันก็ต้องเป็นภาษาเซี่ยงไฮ้สิ” เซี่ยเหล่ยกล่าว
“คุณนี่ฉลาดจริงๆ สองคนนั้นกำลังทำตามคำสั่งอยู่ ฉันว่าก็คงเป็นคำสั่งของ CIA อีกนั่นแหละ” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดขึ้นบ้าง
“ปล่อยพวกเขาค้นหาไปเถอะ เราโฟกัสกับงานของเราก็พอ เอาไว้เราไปขุดจนเจอของแล้ว เราค่อยกลับมาคิดบัญชีกับพวกเขาทีหลัง” เซี่ยเหล่ยกล่าว
หลงบิงทึ่ง “คุณเจออะไรเหรอ?”
เซี่ยเหล่ยหัวเราะ “ไปกันเถอะ เดี๋ยวผมบอกระหว่างทาง”
ก่อนหน้านั้น เซี่ยเหล่ยได้มองทะลุผ่านแผ่นหนังแผ่นที่สองและได้เห็นเนื้อหาแผนที่โบราณอันลึกลับแผ่นที่สามแล้ว ซึ่งสิ่งที่เขียนอยู่บนนั้นอาจเป็นสิ่งที่แม้แต่พิพิธภัณฑ์โบราณคดีอิสราเอลเองก็ยังไม่รู้เลย
ติดตามตอนต่อไป……….