Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - 448 ชิ้นส่วนที่หายไป ?
TXV– 448 ชิ้นส่วนที่หายไป ?
ณ จอร์แดน เมืองอัมมาน
เมืองนี้อยู่ไม่ไกลจากเมืองเยรูซาเล็มแต่การที่จะไปถึงที่นั่นได้ก็จำเป็นจะต้องข้ามชายแดนปาเลสไตน์ไปก่อนดังนั้นพวกเขาจึงถึงอัมมานในช่วงค่ำของวัน เมืองนี้เป็นเมืองหลวงของประเทศจอร์แดน นอกจากนี้ที่นี่ยังถือเป็นโอเอซิสแห่งสันติภาพที่หาได้ยากในตะวันออกกลางอีกด้วย
เซี่ยเหล่ยใช้เวลาหาโรงแรมที่จะเข้าพักในอัมมานไม่นานก็ได้ตามที่ต้องการ พวกเขาเช็คอินและเข้าพักทันทีหลังจากเข้าพักเรียบร้อย หลงบิงก็หยิบโทรศัพท์ดาวเทียมขึ้นมาเพื่อโทรกลับไปยังประเทศจีนและรายงานสถานการณ์ของพวกเขา
พรุ่งนี้จะมีคนมารับเรา หลงบิงพูดหลังจากที่วางสายโทรศัพท์ดาวเทียมกับฉือโบเหยิยนก่อนจะพูดต่ออีกว่า เขาบอกให้เราพักที่นี่ในตอนนี้และระมัดระวังตัวให้ดี เก็บของไว้ให้ปลอดภัย จากนั้นเธอก็หันไปหาเซี่ยเหล่ยก่อนจะพูดว่า โดยเฉพาะคุณ ผู้บริหารฉือกำชับว่าคุณเป็นคนพิเศษ คุณจะได้รับการปกป้องเป็นพิเศษ ตอนนี้คุณถือเป็นสมบัติของชาติไว้ในมือแล้ว
เซี่ยเหล่ยหัวเราะก่อนจะพูดว่า ตอนนี้ผมดูเหมือนหมีแพนด้ามากกว่าสมบัติของชาตินะ แต่ยังไงซะผมไม่ต้องการให้ใครมาปกป้องเป็นพิเศษหรอกนะ ผมสามารถดูแลตัวเองได้
เอาหล่ะ ตอนนี้มันก็ได้เวลาแล้ว คุณควรจะกลับไปที่ห้องของตัวเองและพักผ่อนได้แล้วนะ ถ่างหยู่เหยี่ยหันไปพูดกับหลงบิง
หลงบิงตอบกลับอย่างเรียบง่ายว่า ฉันจองห้องทั้งหมดสามห้อง ห้องของคุณก็อยู่ถัดไปนี่เอง ทำไมตอนนี้ถึงยังอยู่ที่นี่หล่ะ?
ฉัน…ฉันก็กำลังจะเดินไปที่ห้องของฉัน ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพร้อมกับเหลือบมองไปที่หลงบิงก่อนจะเดินไปเปิดประตู
อย่างไรก็ตามหลงบิงเองก็เดินไปที่ประตูเช่นกันแต่ระหว่างทางเธอได้กระซิบข้างหูของเซี่ยเหล่ยก่อนจะออกจากห้องว่า คุณต้องระวังเธอให้ดี อย่าดื่มอะไรเป็นอันขาดเพราะถ้าหากว่ามีอะไรเกิดขึ้น ฉันจะบอกเฉินตูเทียนหยินแน่ เมื่อถึงตอนนี้จะหาว่าฉันไม่เตือนไม่ได้นะ
เซี่ยเหล่ยถึงกับพูดไม่ออก
พวกคุณพูดอะไรกัน? ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพร้อมมองไปที่หลงบิงและเซี่ยเหล่ย
ก็ไม่มีอะไร ฉันก็แค่เตือนเขาให้ล็อกประตูห้องให้เรียบร้อยก็แค่นั้น หลงบิงตอบ
อืม ผมจะระวัง เซี่ยเหล่ยตอบเช่นกัน
หลังจากนั้นถ่างหยู่เหยี่ยก็เดินออกจากห้องไปทันที
เซี่ยเหล่ยเองเมื่อส่งหลงบิงเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็ล็อกห้องทันทีอย่างไรก็ตามจู่ๆเขาก็นึกอะไรแปลกๆขึ้นมาพร้อมหัวเราะกับตัวเองว่า ‘หากมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างถ่างหยู่เหยี่ยและเรา เธอจะไปฟ้องเฉินตูเทียนหยินจริงมั้ยนะ?’
แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว…
ถ่างหยู่เหยี่ยนั้นสวยและฉลาดดังนั้นชายใดที่อยู่ใกล้เธอเป็นต้องตกอยู่ในอำนาจและไม่อาจต้านทานเสน่ห์ของเธอได้อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่มีผลอะไรกับเซี่ยเหล่ยเพราะเขามีเฉินตูเทียนหยินอยู่แล้ว
เซี่ยเหล่ยเดินกลับไปนั่งบนโซฟาพร้อมกับมองไปที่กระเป๋าเดินทางก่อนจะหยิบของที่นำกลับมาจากสุสาน
นี่เป็นครั้งแรกที่เขามีเข็มทิศอันเก่าและเข็มของเข็มทิศอันใหม่และนี่ยังเป็นโอกาสสำหรับเขาที่จะได้เห็นว่าเข็มอันใหม่นี้ชี้ไปในทิศทางใด เซี่ยเหล่ยไม่รอช้า เขารีบเอาเข็มติดตั้งไปที่ตัวเข็มทิศทันที
มีบางอย่างเกิดขึ้น เข็มค่อยๆเปลี่ยนตำแหน่งและชี้ไปทางทิศตะวันออก
’ทิศตะวันออกงั้นเหรอ?’ เซี่ยเหล่ยคิดในใจก่อนจะคิดต่อว่า ‘อยู่ที่ประเทศจีนหรือเปล่านะ? ไม่มีทาง! เราพบตำแหน่งของสมบัติที่ซ่อนอยู่ในประเทศจีนแล้ว หากอยู่ในประเทศจีน และเจ้าหญิงหยงเหม่ยคงขุดพบมันไปตั้งนานแล้วด้วย แต่ถ้าไม่ใช่ประเทศจีนแล้ว…มันคือที่ไหนกันหล่ะ?’
สมองของเขากำลังคิดอย่างรวดเร็วเพื่อหาประเทศที่พอจะเป็นไปได้!
‘ที่ประเทศญี่ปุ่นหรือเปล่านะ?’ เซี่ยเหล่ยขมวดคิ้วทันทีที่นึกถึงญี่ปุ่นก่อนที่จะคิดต่อว่า ‘ญี่ปุ่นเกือบจะเหมือนประเทศพี่น้องของสหรัฐอเมริกา หากมันอยู่ในประเทศญี่ปุ่นจริงๆมันจะต้องลำบากมากแน่ๆ ถ้าเราต้องไปญี่ปุ่นเพื่อตามหาสมบัติที่ซ่อนอยู่ มีโอกาสเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ที่เราจะถูกทหารอเมริกันและซีไอเอล้อมทันทีที่ก้าวออกจากเครื่องบิน เฮ้อ…หวังว่าจะไม่ใช่ที่นี่นะ ขอให้เป็นเกาะเล็กๆทางทิศตะวันออกหรือที่อื่นๆแทนเหอะ’
ไม่มีประโยชน์ที่จะคิดตอนนี้ ถ้ามันอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นจริงๆ เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ มีแต่ต้องไปและขุดมันออกมาเท่านั้น
เซี่ยเหล่ยวางเข็มทิศลงพร้อมกับหันไปมองอัลลอยโบราณ เขาหยิบแต่ละชิ้นขึ้นมาพร้อมกับพยายามจะประกอบมันเข้าด้วยกัน
’บ้าเอ๊ยย มันเป็นกล่องจริงๆงั้นหรือ?’ เซี่ยเหล่ยพูด ในขณะนี้เขารู้สึกประหลาดใจมาก
เขาต่อชิ้นส่วนทั้งห้าชิ้นแล้วก็พบว่ามันกลายเป็นด้านหนึ่งขึ้นมา หนึ่งด้านใช้ห้าชิ้นแสดงว่าถ้ามันเป็นกล่องจะต้องมีชิ้นส่วนอัลลอยโบราณทั้งหมดสามสิบชิ้นเพื่อทำให้กล่องสมบูรณ์ ตอนนี้เขามีทั้งหมดเจ็ดชิ้น ดังนั้นตอนนี้เขาต้องการอีกยี่สิบสามชิ้น!
ด้วยจำนวนที่มากขนาดนี้ทำให้เซี่ยเหล่ยรู้สึกอิดโรยและท้อแท้อย่างมาก เขาคิดว่าในตอนนี้สามารถหาได้เพียงเจ็ดชิ้นเท่านั้น เขาเอาแต่คิดว่าจะต้องใช้เวลาและเดินทางไปลงนรกอีกกี่ครั้งกว่าจะรวบรวมชิ้นส่วนอัลลอยโบราณทั้งหมดได้ครบ
หลังจากนั้นไม่นานเซี่ยเหล่ยก็ใช้ความสามารถในการมองทะลุมองไปที่ชิ้นส่วนของอัลลอยโบราณ เขารู้สึกเหมือนเดิมกับทุกครั้งที่ใช้พลังมองอัลลอยโบราณ ไม่นานเจ้าหญิงหยงเหม่ยก็ปรากฏตัวขึ้นที่มุมห้อง
เขาไม่มีเวลาสังเกตและศึกษาเจ้าหญิงหยงเหม่ยในขณะที่อยู่ในสุสานมากนัก ดังนั้นตอนนี้จึงเป็นโอกาสที่จะใช้เวลาศึกษาเธอ
เจ้าหญิงหยงเหม่ยจ้องไปที่เซี่ยเหล่ยที่ซึ่งกำลังนั่งอยู่บนโซฟา เธอเพียงแค่มองไปที่เขาแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เซี่ยเหล่ยเป็นฝ่ายทักเธอเธอก่อนว่า สวัสดี คุณสบายดีรึเปล่า ?
เซี่ยเหล่ยคิดว่าเธอจะพูดประโยคเดิมๆที่ตอนนี้สามารถพูดได้สี่ประโยคแล้ว
สวัสดี เจ้าหญิงหยงเหม่ยพูด
เห้ยย? เซี่ยเหล่ยอุทานด้วยความตกใจเพราะนี่ถือเป็นประโยคที่ห้าที่เธอสามารถพูดได้
ยิ่งไปกว่านั้นประโยคนี้ค่อนข้างพิเศษ เนื่องจากเธอตอบสนองต่อคำทักทายของเซี่ยเหล่ย เธอสามารถทักทายเขากลับได้!
ฉันหนาวมาก เจ้าหญิงหยงเหม่ยพูดต่อ
เซี่ยเหล่ยชะงักไปชั่วขณะ ก่อนที่จะนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาเดินไปหยิบเสื้อแจ็กเก็ตที่ว่างอยู่ข้างเตียงก่อนจะเดินไปหาเธอ
เขาพยายามสวมเสื้อแจ็คเก็ตให้ แต่อย่างไรก็ตามมันไม่สามารถอยู่ที่ไหล่ของเธอได้เพราะเธอไม่มีร่างกายจริงๆ มันร่วงลงไปกองอยู่ที่พื้น
ไร้ประโยชน์ เจ้าหญิงหยงเหม่ยพูดและยังพูดต่ออีกว่า ฉันไม่สามารถใส่มันได้
เซี่ยเหล่ยมองตาโตไปที่เสื้อแจ็กเก็ตที่อยู่บนพื้นก่อนที่จะหันไปมองเจ้าหญิงหยงเหม่ยโดยที่ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ ไอรีนโนเวล
เนื่องจากเขาตื่นเต้น ตกใจและประหลาดใจในเวลาเดียวกัน ตอนนี้เขาสามารถยืนยันได้อย่างหนึ่งว่าเจ้าหญิงหยงเหม่ยที่อยู่ต่อหน้าเขา มีความสามารถในการสื่อสารและโต้ตอบได้มากกว่าเดิม !
เซี่ยเหล่ยหายใจเข้าลึกๆและพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อทำให้ตัวเองสงบสติและหยุดตื่นเต้นลงก่อนจะพูดอย่างระมัดระวังว่า เจ้าหญิงหยงเหม่ย ผม ผมเป็นเพื่อนของคุณ ผมต้องการช่วยคุณ แต่ก่อนอื่นผมต้องเข้าใจบางอย่างก่อน คุณช่วยอธิบายได้หรือไม่ว่าสิ่งนี้มันคืออะไร? แล้วทำไมคุณถึงต้องค้นหามัน? พูดจบก็ชี้ไปที่ชิ้นส่วนอัลลอยโบราณที่วางอยู่บนโซฟา
เจ้าหญิงหยงเหม่ยมีท่าทีสับสนก่อนจะพูดขึ้นว่า ฉัน ฉัน….จำอะไรไม่ได้ ฉันจำไม่ได้ว่าฉันเป็นใคร? อัลลอยโบราณ….อัลลอยโบราณคืออะไร?
เซี่ยเหล่ยชะงักทันที เธอจำสิ่งนี้ไม่ได้!
มีอะไรบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับฉัน…ฉันหนาวมาก… เจ้าหญิงหยงเหม่ยพูด ท่าทางของเธอดูหนาวจนทนไม่ไหว
จากทั้งหมดเซี่ยเหล่ยสรุปได้ว่า เจ้าหญิงหยงเหม่ยที่ปรากฏตัวในประเทศจีน เธอสามารถพูดได้เพียงสองประโยค ยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่สามารถทำอะไรได้ตอนที่อยู่ในสุสาน เธอสามารถพูดได้เพิ่มเติมอีกสองประโยค รวมทั้งหมดแล้วตอนนั้นเธอสามารถพูดได้ถึงสี่ประโยค จนมาถึงตอนนี้เธอสามารถพูดได้มากกว่านั้นแถมยังเริ่มโต้ตอบคำพูดได้แล้วด้วย มีความเป็นไปได้อย่างมากสำหรับการอธิบายว่าการที่เธอสามารถพูดและเริ่มโต้ตอบได้นั้นเป็นเพราะเขาเพิ่งจะต่อชิ้นส่วนทั้งห้าชิ้นเข้าด้วยกัน เขาจึงตั้งข้อสรุปเอาไว้ตอนนี้ว่าถ้ารวมชิ้นส่วนและประกอบกันมากขึ้นเรื่อยๆ มันคงจะทำให้เธอสามารถพูดและโต้ตอบคำถามที่เขาสงสัยอยู่ได้ทั้งหมด!
อย่างไรก็ตามเขาไม่แน่ใจว่าถ้ารวมชิ้นส่วนทั้งหมดเข้าด้วยกันแล้ว เจ้าหญิงหยงเหม่ยจะสามารถทำอะไรได้อีกบ้าง?
อย่างไรก็ตามนี่เป็นข้อสันนิษฐานที่น่าตกใจและน่าเหลือเชื่อ!
คุณคือเจ้าหญิงหยงเหม่ย คุณเป็นเจ้าหญิงในราชวงศ์หมิง พ่อของคุณคือซูฉือ เซี่ยเหล่ยพยายามพูดอธิบายก่อนจะพูดต่อว่า คุณลองนึกดูให้มากกว่านี้หน่อย พ่อของคุณเป็นคนบอกให้คุณหาอัลลอยโบราณหรือเปล่า? และคุณตามหาสิ่งนี้ไปเพื่ออะไร?
ฉันไม่รู้ ฉันหนาวมาก เจ้าหญิงหยงเหม่ยยังคงพูดประโยคเดิมแต่ท่าทางของเธอเปลี่ยนไป เธอเดินเข้าไปหาเซี่ยเหล่ยพร้อมเข้าไปกอดเขา
ด้วยออร่าความเย็นที่ออกมาจากร่างของเจ้าหญิงหยงเหม่ย ทำให้เซี่ยเหล่ยถูกแช่แข็งในทันทีในช่วงแวบหนึ่งของความคิดเขาคิดที่จะทำให้เจ้าหญิงหยงเหม่ยหายไป แต่เขาก็ลังเลเพราะคิดว่าบางทีอาจจะเจออะไรใหม่ๆเพิ่มเติมก็เป็นได้ สุดท้ายแล้วเขาจึงไม่ได้ทำให้เธอหายไป เขาค่อยๆเดินถอยห่างออกจากเจ้าหญิงหยงเหม่ยก่อนจะถอดเสื้อผ้าและตรงไปยังห้องน้ำ และหลังจากนั้นรีบอาบน้ำโดยเปิดเครื่องทำน้ำอุ่นเพื่อให้อุณหภูมิของร่างกายกลับมาเป็นเหมือนเดิม
เจ้าหญิงหยงเหม่ยยังคงตามเขาไปในห้องน้ำขณะเดียวกัน น้ำอุ่นที่ไหลออกมาจากฝักบัวก็กระเซ็นไปโดนเธอ เธอมองตาโตไปที่เซี่ยเหล่ยทันที เซี่ยเหล่ยก็มองกลับไปที่เธอ จากนั้นก็สังเกตว่าที่พื้นห้องน้ำมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น สิ่งนี้มันทำให้เขาประหลาดใจอย่างมาก
น้ำอุ่นที่กระเซ็นไปโดนตัวของเธอนั้นจับตัวและแข็งทันที ทำให้มันร่วงหล่นลงไปที่พื้นพร้อมกับเสียง แก๊กๆ
เซี่ยเหล่ยอดที่จะคิดไม่ได้ว่าเจ้าหญิงหยงเหม่ยเป็นราชินีน้ำแข็งจริงๆงั้นหรือ ?
มันอุ่นมาก เจ้าหญิงหยงเหม่ยพูด เธอรู้สึกได้ถึงความอุ่นจากน้ำที่กระเซ็นมาโดนตัวเธอ
อย่างไรก็ตามน้ำที่กระเซ็นไปโดนตัวของเธอเรื่อยๆนั้น ก็จับตัวเป็นน้ำแข็งและล่วงลงพื้นมากขึ้นเรื่อยๆ มันจึงทำให้อุณหภูมิภายในห้องน้ำค่อยๆลดลง
ตอนนี้คุณรู้สึกดีขึ้นไหม? เซียเหล่ยพยายามถามก่อนจะพูดต่ออีกว่า ถ้าคุณรู้สึกดีขึ้นแล้วโปรดบอกผมหน่อยว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นมายังไง?
ฉันไม่รู้ เจ้าหญิงหยงเหม่ยตอบ
แล้วคุณรู้อะไรบ้าง? เซี่ยเหล่ยยังคงถามต่อ
ฉันรู้… เจ้าหญิงหยงเหม่ยพูดก่อนจะพูดต่อว่า คุณคือคนๆนั้น คนที่ฉันรออยู่
คุณหมายถึงอะไร อธิบายมามากกว่านี้หน่อยได้มั้ย? เซี่ยเหล่ยพยายามถามเพื่อให้ได้คำตอบ
อย่าถามฉัน ฉันไม่รู้ เจ้าหญิงหยงเหม่ยพูดพร้อมกับจ้องตาของเซี่ยเหล่ย เซี่ยเหล่ยก็จ้องกลับไปเช่นกันภายในดวงตาของเธอเหมือนกับสระน้ำวนที่กำลังดูดวิญญาณของมนุษย์ มันทำให้เขามีท่าทีที่มึนงงและดูเหม่อลอยโดยไม่รู้ตัว
อย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยส่ายหัวเพื่อกลับสู่สภาวะปกติก่อนจะพูดต่อว่า ‘ดูเหมือนว่าเราจะต้องหาชิ้นส่วนของอัลลอยโบราณให้มากกว่านี้ เพื่อประกอบมันให้เสร็จ หลังจากนั้นจะได้แก้ข้อสงสัยพวกนี้ซักที’
The One เจ้านี่คืออะไรเหรอ? จู่ๆเจ้าหญิงหยงเหม่ยก็พูดขึ้น
The One งั้นเหรอ? เซี่ยเหล่ยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะไม่ได้เมื่อได้ยินเธอพูด อย่างไรก็ตามเขาพูดต่อว่า นี่คือชื่อที่คุณจะใช้เรียกผมงั้นเหรอ แต่ผมก็มีชื่อนะ เซี่ยเหล่ยยังไงหล่ะ ผมไม่ได้ชื่อ The One’
The One เจ้าหญิงหยงเหม่ยยังคงพูดต่อ
เซี่ยเหล่ยยักไหล่เล็กน้อยก่อนจะพูดว่า โอเค คุณอยากเรียกผมว่าอะไรก็แล้วแต่คุณเลยนะ พูดจบเขาก็นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะนึกอะไรขึ้นมาได้และพูดขึ้นต่อว่า ว่าแต่ทำไมคุณถึงเรียกผมแบบนั้นหล่ะ?
ทันใดนั้นเจ้าหญิงหยงเหม่ยก็ยื่นมือออกมาพร้อมกับตบไปที่ไหลของเซี่ยเหล่ยหนึ่งครั้ง
อ่ากกกก…! เซี่ยเหล่ยร้องออกมาเนื่องจากความเย็นจากตัวของเธอ เขารีบวิ่งออกจากห้องน้ำพร้อมกับใช้มือปัดน้ำแข็งที่เกาะอยู่บนไหล่อย่างรวดเร็ว…
โปรดติดตามตอนต่อไป……..