Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - 466 หนทางอันยากลำบาก
เฮลิคอปเตอร์บินอยู่เหนือผิวน้ำทะเลไม่ไกล มันกำลังมุ่งหน้าไปยังเกาะซานชาน ด้วยความเร็วระดับหนึ่งถัดออกด้านหลังของเฮลิคอปเตอร์ก็มีเรือสปีดโบ้ทที่บรรทุกมือปืนพร้อมอาวุธครบมือมาเต็มลำเรือ
บนเฮลิคอปเตอร์ อันซูฮยอนกำลังคุยโทรศัพท์ผ่านดาวเดียวกับอันกวนอยู่ว่า พ่อ ตอนนี้เซี่ยเหล่ยก็เหมือนกับหนูที่ติดกับดัก เขาไม่มีทางหนีไปได้อีกแล้ว ผมจะฆ่าเขาแล้วนำหลักฐานกลับมาให้ได้
โอเค เสร็จภารกิจแล้วก็รีบกลับทันทีเพราะถ้าเรื่องแดงออกไปเราอาจจะลำบากได้ อันกวนพูดเตือน
เข้าใจแล้ว แต่พ่อก็ไม่ต้องกังวลมากไปหรอกนะเพราะที่เกาะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ เขาจะไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากใครได้แน่นอนนอกจากนี้เกาะแห่งนี้ยังเป็นเกาะร้างซึ่งแปลว่าจะไม่มีใครมาที่นี่แน่นอน เราจะฝังศพของเซี่ยเหล่ยไว้ที่เกาะแห่งนี้ ไม่มีทางที่ใครจะมาพบเขาแม้ว่าจะผ่านไปเป็นร้อยปีก็ตาม อันซูฮยอนพูด
เยี่ยม แต่ยังไงก็ต้องระวังตัวให้ดีและอย่าลงมือเองเด็ดขาด การฆ่าเซี่ยเหล่ยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของไฮยีน่าไป ลูกแค่เอาหลักฐานกลับมาก็พอแล้วอีกอย่างถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องปรากฏตัวตอนที่เซี่ยเหล่ยกำลังจะถูกฆ่าเข้าใจมั้ย อันกวนพูดเตือน
เข้าใจแล้ว แค่นี้ก่อนนะ อันซูฮยอนพูดพร้อมกับวางสาย
เฮลิคอปเตอร์ลงจอดบนชายหาดเรือสปีดโบ๊ทก็หยุดอยู่ใกล้ๆกันทันทีที่เรือสปีดโบ๊ทจอดบริเวณชายฝั่ง กลุ่มมือปืนหลายสิบคนก็โผขึ้นฝั่งด้วยความรวดเร็วทันที
นอกจากจะมีกลุ่มมือปืนแล้ว พวกเขายังมีมีสุนัขดมกลิ่นอีกด้วย
อันซูฮยอนหยิบวิทยุสื่อสารออกมาก่อนจะพูดว่า คุณไฮยีน่า พวกเรามาถึงแล้ว หลังจากนั้นก็มีชายคนหนึ่งเดินออกมาจากแนวป่าใกล้กับชายฝั่ง เขาพลางชุดเต็มตัวทั้งเสื้อผ้าและร่างกาย สายตาของเขาดูมุ่งมั่นและน่ากลัวมาก เขาดูเป็นราชาแห่งโลกของนักฆ่าจริงๆ ในมือของเขาถือปืนไรเฟิลซุ่มยิง Barrett M107 ซึ่งมันถูกดัดแปลงเรียบร้อยแล้วด้วยเห็นได้ชัดว่าประสิทธิภาพมันดีกว่าเดิมมากแม้จะยังไม่ได้ยิง
ไฮยีน่าเดินไปหาอันซูฮยอนขณะที่เดินไปนั้น อันซูฮยอนสามารถรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายแห่งความตายที่ออกมาจากตัวของเขา เขารู้สึกหายใจลำบากทันทีนอกจากนี้ออร่าของเขายังทำให้สุนัขดมกลิ่นตื่นตระหนกด้วยความกลัวอีกด้วย
คุณไฮยีน่า อันซูฮยอนเรียกก่อนจะพูดต่อว่า ฮอฟฟ์แมนหล่ะ…เขาอยู่ไหน?
ฮอฟฟ์แมนตายแล้ว คนของคุณก็เช่นกัน พวกเขาตายหมดแล้ว ไฮยีน่าตอบ
สีหน้าของอันซูฮยอนเปลี่ยนไปทันที เขารู้จักฮอฟฟ์แมนดีและยังรู้อีกว่าเขาเป็นคนเก่งมากแค่ไหนแต่อย่างไรก็ตามการตายของออฟฟ์แมนก็ไม่ได้ทำให้ความตั้งใจที่จะฆ่าเซี่ยเหล่ยลดหรือหายไป เขาหันไปหาไฮยีน่าก่อนจะพูดขึ้นว่า คุณไฮยีน่า เซี่ยเหล่ยเป็นคนเก่งมากแต่เราเองก็มีมือปืนที่มีฝีมืออย่างมากหลายสิบคน สุนัขดมกลิ่นอีกหลายตัว นอกจากนี้เราก็ยังมีคุณผู้ซึ่งเป็นเหมือนราชาแห่งโลกนักฆ่า เขาไม่มีทางทำอะไรพวกเราได้แน่ เขาจะต้องจบชีวิตลงที่นี่
ไฮยีน่าไม่มีท่าทีปฏิเสธคำเยินยอของอันซูฮยอนเลยแต่ขณะเดียวกันเขาก็ไม่มีท่าทีที่ได้ใจออกมาให้เห็นเลย เขาพูดอย่างเรียบง่ายว่า เซี่ยเหล่ยไม่ได้อยู่ที่นี่คนเดียว นอกจากเขาแล้วยังมีผู้หญิงอีกหนึ่งคน
ผู้หญิงงั้นเหรอ? อันซูฮยอนพูดพร้อมกับใบหน้าของเฉินตูเทียนหยินที่ลอยขึ้นมา
แม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะมีฝีมือพอตัวแต่ก็ยังถือว่าอ่อนหัดด้วยทักษะของเธอ เธอไม่สามารถช่วยอะไรให้กับเซี่ยเหล่ยได้มาก กลับกันเธอดูจะเป็นภาระของเซี่ยเหล่ยซะมากกว่า ไฮยีน่าพูด
เมื่อพูดว่าเธอคนนั้นมีความสามารถพอตัว มันไม่ใช่เฉินตูเทียนหยินแน่นอน อันซูฮยอนจึงนึกไปถึงหลงบิงและถ่างหยู่เหยี่ยที่เป็นคนของสำนักงานลับ101 แต่ก็ตัดพวกเธอออกไปอีกเพราะพวกเธอมีฝีมือมากกว่าที่จะเรียกได้ว่าพอตัว อย่างไรก็ตามนอกจากนี้แล้วอันซูฮยอนก็นึกไม่ออกแล้วว่าผู้หญิงคนนั้นคือใคร
เจียงหยูยี่เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาที่ไม่ได้มีฐานะทางสังคมโดดเด่นอะไรแถมเธอยังอยู่ที่เมืองห่ายจูอีกด้วยจึงเป็นธรรมดาที่อันซูฮยอนจะไม่รู้ถึงการมีอยู่และตัวตนของเธอ
ไฮยีน่าหยิบเศษผ้าที่ขาดออกมาก่อนจะส่งให้กับมือปืนเกาหลีใต้ที่จูงสนัขดมกลิ่นก่อนจะพูดว่า นี่เป็นเศษกางเกงของผู้หญิงคนนั้น รีบให้สุนัขดมกลิ่นดมมันแล้วพาเราไปหาพวกเขาเร็วเข้า
อันซูฮยอนยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะพูดขึ้นว่า จัดการฆ่าเซี่ยเหล่ยซะ คุณไฮยีน่า
เข้าใจแล้ว คุณจะเห็นศพของเขาภายใน 24 ชั่วโมงต่อจากนี้แน่นอน ไฮยีน่าพูด
24 ชั่วโมงงั้นเหรอ? อันซูฮยอนพูดอย่างประหลาดใจพร้อมกับแสดงสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าจะใช้เวลานานมากขนาดนั้น เขาคิดว่าเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงก็น่าจะเพียงพอแล้ว
ไฮยีน่าแสดงสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยก่อนจะพูดจาเย้ยหยันออกไปว่า นั่นเป็นกรณีที่ทุกอย่างราบรื่นแต่ถ้าไม่ก็จะใช้เวลามากกว่านั้น นอกจากนี้ค่าจ้างจะถูกเพิ่มเป็นสองเท่าด้วย บอกให้พ่อของคุณจัดการทันทีด้วยหล่ะ
ว่าไงนะ? อันซูฮยอนพูดด้วยความไม่พอใจก่อนจะพูดต่อว่า ไฮยีน่า นี่คุณกำลังผิดสัญญานี่
มันไม่ได้มีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรนี้ ไฮยีน่าเยาะเย้ยก่อนจะพูดต่อว่า อีกอย่างคุณบอกผมว่าเป้าหมายเป็นแค่นักธุรกิจแต่นักธุรกิจที่ไหนจะฆ่าฮอฟฟ์แมนพร้อมกับลูกน้องอีกสี่คนได้ ดังนั้นทุกอย่างจึงเปลี่ยนไปทุกอย่างเป็นเพราะความสามารถของเขา ผมค่อนข้างประหลาดใจทีเดียวแต่ก็มั่นใจว่าเขาเป็นเป้าหมายที่เล่นด้วยยากที่สุดนับตั้งแต่ที่ผมทำงานนี้มา มันมีโอกาสที่ผมจะทำไม่สำเร็จและตายพร้อมกับเขาอยู่ที่นี่ ดังนั้นค่าจ้างจึงต้องเพิ่มเป็นสองเท่า ตกลงมั้ย? ถ้าไม่คุณก็จัดการฆ่าเขาเอาเองก็แล้วกัน
คุณ… อันซูฮยอนพูดอย่างไม่พอใจก่อนจะพูดต่ออีกว่า เอาหล่ะ ผมจะโทรไปหาพ่อเดี๋ยวนี้!
หลังจากนั้นไม่กี่นาทีทุกอย่างก็ลงตัว สุนัขดมกลิ่นเริ่มปฏิบัติการออกล่าทันที กลุ่มมือปืนชาวเกาหลีใต้อีกประมาณสามสิบคนก็วิ่งตามไปด้วยเช่นกัน ภายใต้คำสั่งของไฮยีน่า พวกเขาแบ่งคนออกเป็นสามกลุ่ม กลุ่มหนึ่งตามสุนัขดมกลิ่นไป อีกสองกลุ่มแยกไปทางภูเขาทั้งซ้ายและขวา ส่วนไฮยีน่าแยกตัวออกไปคนเดียว ทันทีที่สั่งการเสร็จเขาก็วิ่งหายเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว ไอรีนโนเวล
….
ที่นี่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือเลย เจียงหยูยี่พูดพร้อมพยายามเดินไปมาเพื่อหาสัญญาณ
เซี่ยเหล่ยมองไปที่เธอก่อนจะยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับพูดว่า เลิกพยายามได้แล้ว ที่เกาะแห่งนี้ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือหรอกนะ พวกเขาต้องการฆ่าผมดังนั้นการเลือกสถานที่ที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ก็เพื่อให้ผมขอความช่วยเหลือใครไม่ได้จึงเป็นสถานที่ที่เหมาะที่สุด ซึ่งมันก็คือที่เกาะแห่งนี้
ถ้าอย่างนั้น…ฉันก็ถือว่าเป็นผู้ที่มาช่วยคุณใช่มั้ย? เจียงหยูยี่พูด
เซี่ยเหล่ยไม่ได้ตอบอะไร
ว่าแต่…พวกเขาเป็นใครกัน? เจียงหยูยี่ถามด้วยความสงสัย
พวกเขาเป็นชาวเกาหลี คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้มีชื่อว่าอันกวน เขาเป็นผู้นำพรรคการเมืองที่มีอำนาจและกว้างขวางในประเทศเกาหลีใต้ นอกจากนี้ก็มีอันซูฮยอนซึ่งเป็นลูกชายของเขาและดูเหมือนเขาน่าจะอยู่ที่เกาะนี้แล้วด้วย เซี่ยเหล่ยยอมพูดความจริงกับเธอเพราะเธอยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อมาช่วยเขา ดังนั้นเธอจึงมีสิทธิ์ที่จะรู้ความจริง
บ้าที่สุด ผู้นำพรรคการเมืองเกาหลีใต้งั้นเหรอ? ทำไมหล่ะ… ทำไมเขาถึงต้องการฆ่าคุณ?
ผมมีหลักฐานเกี่ยวกับสิ่งสกปรกที่เขาทำและปกปิดเอาไว้อยู่ ด้วยสิ่งนี้สามารถทำให้เขาหลุดพ้นจากตำแหน่งได้ยังไงหล่ะ เซี่ยเหล่ยอธิบาย
ถ้าอย่างนั้นทำไมคุณถึงไม่มอบมันให้กับตำรวจของเกาหลีใต้ไปเลยหล่ะ? ทำไมถึงเก็บเอาไว้กับตัวนอกจากนี้ทำไมคุณถึงต้องมาที่นี่ด้วยแม้ว่าจะยังไม่มั่นใจแต่ก็เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขามีเจตนาที่อยากจะฆ่าคุณอยู่แล้วนี่ เจียงหยูยี่พูด เธอไม่เข้าใจเซี่ยเหล่ยเลยว่าทำไมถึงต้องทำแบบนี้
เซี่ยเหล่ยไม่สามารถบอกความจริงกับเธอได้เพราะความตั้งใจของเขาคือการฆ่าทั้งอันกวนและอันซูฮยอน และแน่นอนว่าเพื่อหลักฐานและที่อยู่ของกู่เค่อเหวินที่พวกเขาบอกว่ารู้ว่าเธออยู่ที่ไหน แม้ว่าเขาจะไม่แน่ใจในเรื่องนั้นว่าอันกวนพูดความจริงหรือเปล่า แต่มันก็คุ้มค่าที่จะเสี่ยง มันจึงทำให้เซี่ยเหล่ยตัดสินใจมาที่นี่
เซี่ยเหล่ยตบไหล่ของเจียงหยูยี่เบาๆหนึ่งครั้งก่อนจะพูดว่า เอาหล่ะ หยุดถามได้แล้ว มันจะดีกว่าถ้าคุณไม่รู้เรื่องเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ ตอนนี้เราต้องรีบเดินทางแล้วไม่อย่างนั้นพวกเขาจะตามเราทัน
ฉันรู้สึกว่าขาของฉันหนักมาก ฉันไม่สามารถเดินต่อได้อีกแล้ว เจียงหยูยี่พูดพร้อมกับใช้มือนวดไปที่น่องของตัวเอง
เซี่ยเหล่ยมองเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า ผมจะแบกคุณไปเอง
จริงหรอ? เจียงหยูยี่พูดพร้อมกับยิ้มอย่างดีใจ
เอาหล่ะเราต้องไปกันต่อแล้ว รีบขึ้นมาบนหลังของผมเร็วๆเข้า เซี่ยเหล่ยพูด
คุณก็เหนื่อยเหมือนกัน ฉันไม่อยากทำให้คุณเหนื่อยมากขึ้นไปอีก ดังนั้นฉันจะพยายามเดินเองดีกว่า ฉันยังพอจะเดินเองได้ เจียงหยูยี่พูดพร้อมกับยิ้ม
เซี่ยเหล่ยพูดต่อทันทีว่า งั้นก็ไปกันเถอะ เราต้องไปให้ถึงจุดยอดเขาโดยเร็วที่สุด
อืม เจียงหยูยี่ตอบพร้อมกับพยักหน้าก่อนจะเดินตามเซี่ยเหล่ยไป
พวกเขาเดินขึ้นเขาไปด้วยความยากลำบากเพราะเส้นทางข้างหน้าเป็นทางสูงชันและเป็นกำแพงหินที่สูงและยาวมาก
เจียงหยูยี่พยายามกระโดดขึ้นไปบนกำแพงหินเพื่อข้ามมันไปแต่ก็ไม่สามารถทำได้เนื่องจากตอนนี้ขาของเธอไม่มีแรงมากพอที่จะส่งตัวเองขึ้นไปในอากาศได้อีกแล้ว
ฉันปีนขึ้นไปไม่ได้ เจียงหยูยี่พูดพร้อมกับแสดงสีหน้าสิ้นหวัง
ผมจะช่วยคุณเอง เซี่ยเหล่ยพูดจบพร้อมกับยืนมือไปจับเอวของเธอก่อนจะยกเธอขึ้นไป
เธอเอื้อมมือขึ้นไปจับกำแพงหินได้สำเร็จ เซี่ยเหล่ยเห็นเธอจับได้แล้วจึงผ่อนแรงเพื่อให้เธอปีนขึ้นไป อย่างไรก็ตามเธอไม่มีแรงมากพอที่จะผลักตัวเองให้ข้ามกำแพงหินนี้ได้ เธอจึงยังค้างอยู่ตำแหน่งเดิม
เซี่ยเหล่ยถอนหายใจก่อนจะออกแรงผลักเธอขึ้นไป
เจียงหยูยี่กัดฟันพร้อมพยายามใช้แรงทั้งหมดที่มีช่วยดันตัวเองขึ้นไปจนในที่สุดก็สามารถปีนขึ้นไปได้
อ่าห์! เจียงหยูยี่ส่งเสียงออกมาอย่างเหนื่อยล้า
ขณะเดียวกันเซี่ยเหล่ยก็ออกแรงและปีนกำแพงหินตามเธอมาติดๆ
เจียงหยูยี่หันไปถามเขาอย่างกระวนกระวายทันทีที่เห็นเซี่ยเหล่ยปีนขึ้นมาบนกำแพงหินว่า เหล่ย เราจะทำยังไงกันต่อ?
เซี่ยเหล่ยนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า เอาหล่ะ เราต้องไปกันต่อ
เจียงหยูยี่ถึงกับพูดไม่ออก……