Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - 475 งานต่อไป
เมื่อกลับมาที่เมืองชิงตู่ เซี่ยเหล่ยยังไม่ทันจะได้กลับไปที่โรงงานผลิตอาวุธเขาก็ถูกหลงบิงพาตัวไปที่สำนักงานลับ 101 เขาถูกพาไปที่ออฟฟิศของฉือโบเหยิยนทันที
พวกเขาทักทายกันก่อนที่ฉือโบเหยิยนจะวางซองเอกสารบางอย่างบนโต๊ะตรงหน้าของพวกเขา
นี่คืออะไร? เซี่ยเหล่ยถาม
เปิดดูแล้วคุณก็จะรู้เอง ฉือโบเหยิยนพูด
เซี่ยเล่ยเปิดซองเอกสาร ภายในมีบัตรประกันสุขภาพ ชุดกุญแจและใบขับขี่ ชื่อของเอกสารทั้งสามฉบับนั้นเหมือนกันคือ ‘คาโตะ ริวซุเกะ’ นอกจากนี้เอกสารทั้งสามฉบับยังมีรูปของเซี่ยเหล่ยติดเอาไว้ด้วย
เซี่ยเหล่ยเข้าใจความต้องการของฉือโบเหยิยนทันที เขาต้องปลอมตัวเป็นชาวญี่ปุ่นและต้องมีหลักฐานในการแสดงตัวเมื่ออยู่ที่นั่น
เซี่ยเหล่ยหันไปมองที่กุญแจ มันมีทั้งกุญแจรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าและกุญแจของอพาร์ตเมนต์ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเขาจึงถามไปว่า ผู้บริหารฉือ คุณให้กุญแจสองอันนี้กับผม นี่หมายความว่าคุณเตรียมทั้งรถและที่อยู่ให้กับผมด้วยแล้วใช่มั้ย?
ฉือโบเหยิยนพยักหน้าก่อนจะพูดว่า หน่วยข่าวกรองของเราเตรียมสิ่งเหล่านี้ไว้ให้เรียบร้อยแล้ว พวกเขาจะส่งคนมารับคุณเมื่อคุณไปถึงที่นั่น ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้หมดแล้ว
เซี่ยเหล่ยเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า ผมบอกไปว่าสมบัติชิ้นต่อไปอาจจะถูกซ่อนอยู่ที่ญี่ปุ่นแต่ยังไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันเลยนะ นี่เราเคลื่อนไหวเร็วไปหน่อยหรือเปล่า?
ฉือโบเหยิยนมองไปที่หลิงฮั่นทันที
คุณเซี่ยตอนนี้เบื้องบนให้ความสำคัญกับโครงการ Alloy X อย่างมากดังนั้นเราจึงให้หลงบิงไปพาคุณมาที่นี่เพื่อพูดคุยรายละเอียดและถามความพร้อมของคุณอีกครั้ง ดูสิตอนนี้เราเตรียมทุกอย่างให้คุณเรียบร้อยแล้วเหลือเพียงแค่คุณพร้อมเท่านั้น หลิงฮั่นพูด
โครงการ Alloy X ในที่นี้หมายถึงอัลลอยโบราณ!
จากความเร่งรีบทั้งหมด ทำให้เขาคิดไปว่าเบื้องบนต้องเป็นพวกที่ใจร้อนมากแน่ๆ
เซี่ยเหล่ยขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่จะพูดว่า ถ้าเกิดมันไม่ได้อยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นหล่ะ?
หลิงฮั่นหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า เราเชื่อในการวิเคราะห์และการคาดเดาของคุณเซี่ย ดังนั้นเราจึงเตรียมทุกอย่างไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
เซี่ยเหล่ยหยิบบัตรประกันสุขภาพและใบขับขี่บนโต๊ะขึ้นมา เขาอ่านรายละเอียดอยู่ครู่หนึ่งก็ยิ้มเจื่อนๆก่อนจะพูดว่า ถ้าผมไปด้วยสภาพนี้ ผมรับประกันได้เลยว่าทันทีที่กำลังจะก้าวออกจากเครื่องบิน ผมจะถูกเจ้าหน้าที่ของประเทศญี่ปุ่นและเจ้าหน้าที่ซีไอเอรวบตัวก่อนแน่นอน
ทันทีที่เซี่ยเหล่ยพูดจบ หลิงฮั่นและฉือโบเหยิยนหันหน้ามาสบตากันทันที
เรามีหน่วยข่าวกรองที่จะช่วยคุณอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นแล้ว ฉือโบเหยิยนพูด
แม้ว่ามันจะเสี่ยงแต่โครงการ Alloy X มีความสำคัญต่อประเทศของเรามาก พวกเราก็เชื่อว่าคุณจะสามารถทำมันได้สำเร็จ หลิงฮั่นพูดเสริม
เซี่ยเหล่ยคิดเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า การเดินทางไปญี่ปุ่นครั้งนี้จะอันตรายมาก คุณต้องให้เวลาผมอย่างน้อยหนึ่งเดือนเพื่อเตรียมความพร้อมนอกจากนี้คุณจะต้องใช้เข็มทิศเพื่อตรวจสอบพื้นที่โดยบินตรวจสอบบริเวณโดยรอบของประเทศญี่ปุ่นให้ทั่วซะก่อน ผมต้องยืนยันว่ามันถูกซ่อนอยู่ที่นั่นจริงๆผมถึงจะเริ่มปฏิบัติภารกิจ
ไปหนึ่งรอบก่อนงั้นเหรอ? ฉือโบเหยิยนถามด้วยความประหลาดใจก่อนจะพูดอีกว่า คุณกำลังขออะไรที่เป็นไปไม่ได้อยู่ไม่ใช่เหรอ? คุณคิดว่าญี่ปุ่นเป็นเมืองที่เราจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ? ญี่ปุ่นมีข้อจำกัดมากมายและหนึ่งในนั้นคือเราไม่สามารถบินวนรอบๆที่นั่นได้
เซี่ยเหล่ยพูดอย่างเรียบง่ายว่า แต่เครื่องบินรบของประเทศรัสเซียสามารถทำได้ ผมจะไปสำรวจสี่เกาะทางตอนเหนือหลังจากหนึ่งเดือนต่อจากนี้ ดังนั้นพวกคุณคิดว่าจะสามารถหาเครื่องบินรบของประเทศรัสเซียเพื่อพาผมไปที่ประเทศญี่ปุ่นได้หรือไม่?
นี่คุณกำลังล้อเล่นอยู่หรือเปล่า? ฉือโบเหยิยนมองไปที่เซี่ยเหล่ยด้วยท่าทางไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เขาพูด
เซี่ยเหล่ยพยักหน้าก่อนจะพูดว่า ผมไม่ได้ล้อเล่น
ฉือโบเหยิยนมองไปที่หลิงฮั่นทันที เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สามารถตัดสินใจในเรื่องนี้ได้
หลิงฮั่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า โอเค เราจะหาเครื่องบินรบของประเทศรัสเสียมาให้คุณ นอกจากนี้คุณยังต้องการอะไรอีกมั้ย?
เซี่ยเหล่ยหยิบบัตรประกันสุขภาพขึ้นมาก่อนจะส่งกลับไปให้ฉือโบเหยิยนพร้อมกับพูดขึ้นว่า ผมจะถ่ายรูปและส่งให้คุณในภายหลัง การที่ใช้รูปจริงของผมมันเสี่ยงเกินไป
ตกลง ฉือโบเหยิยนพูด
ว่าแต่ผู้บริหารฉือและคุณหลิงมีเรื่องอื่นอีกมั้ย? หากไม่มีผมจะได้กลับไปจัดการเรื่องต่างๆที่โรงงานซักที เซี่ยเหล่ยถาม
จู่ๆหลิงฮั่นก็ดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาจึงพูดว่า โอ้…ใช่แล้ว ผมเกือบลืมไปเลย กระทรวงกลาโหมจะจัดนิทรรศการอาวุธในช่วงปลายปีนี้และนี่ไม่ใช่นิทรรศการธรรมดาๆ เพราะมันจะมีการทดสอบวิเคราะห์เชิงลึกเพื่อวัดประสิทธิภาพและให้คะแนนกับอาวุธของแต่ละบริษัทที่ส่งเข้าแข่งขัน จากนั้นก็จะนำคะแนนมาเปรียบเทียบกันเพื่อหาอาวุธที่มีประสิทธิภาพดีที่สุด
ทันทีที่ได้ยินเซี่ยเหล่ยก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก เขารีบพูดขึ้นทันทีเลยว่า เลือกและให้คะแนนกับอาวุธที่ดีที่สุดงั้นเหรอ?
นี่เป็นการเลือกที่มีมาตรฐานที่สูงมาก มันเป็นที่ยอมรับโดยสากล ผมเห็นว่านี้เป็นโอกาสที่ดีและหายากสำหรับคุณที่จะเผยโฉมประสิทธิภาพของปืนไรเฟิลจู่โจมให้กับทั้งโลกได้รู้ นอกจากนี้หากคุณสามารถเอาชนะบริษัทยุทโธปกรณ์ฮั่นหรือบริษัทอื่นๆได้แล้วละก็ ผมกล้าพูดได้เต็มปากเลยว่าโรงงานผลิตอาวุธของคุณจะกลายเป็นผู้พัฒนาที่มีชื่อเสียงและยิ่งใหญ่กว่าทีเป็นอยู่มากหลายเท่าตัว
นี่เป็นโอกาสครั้งสำคัญในชีวิต!
เซี่ยเหล่ยรีบถามต่อทันทีว่า คุณหลิง นิทรรศการอาวุธนี้จะเริ่มขึ้นเมื่อไหร่ และจัดขึ้นที่ไหน?
มันจะจัดขึ้นที่เมืองชิงตู่ หลิงฮั่นพูดและยังพูดต่ออีกว่า สิ้นปีนี้ ดังนั้นยังเหลืออีกประมาณ 20 วันสำหรับการเตรียมตัว
เซี่ยเหล่ยยิ้มก่อนจะพูดว่า ขอบคุณมากคุณหลิง นี่ถือเป็นข่าวสำคัญสำหรับผมเลยทีเดียว
ถึงคุณจะเข้าร่วมงานนิทรรศการอาวุธนี้แต่อย่าลืมว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือโครงการ Alloy X นะ หลิงฮั่นพูดเตือน
ผมไม่มีทางพลาดเรื่องนั้นแน่นอน มั่นใจได้ เซี่ยเหล่ยร้องขอเวลาหนึ่งเดือนก่อนที่เขาจะไปญี่ปุ่นอันที่จริงไม่ใช่เพราะเขาต้องเตรียมการอะไรมากมาย เพียงแต่เขาอยากที่จะพักผ่อนและใช้เวลาร่วมกับเฉินตูเทียนหยินเท่านั้น
หลิงฮั่นยืนยื่นมือไปจับกับเซี่ยเหล่ยพร้อมใบหน้าที่ยิ้มแย้มก่อนจะพูดขึ้นว่า น้องเซี่ย ผมจะรอข่าวดีนะ
เซี่ยเหล่ยเองก็จับมือพร้อมกับเขย่าก่อนจะพูดว่า แน่นอน พี่หลิง
คำที่พวกเขาใช้เรียกแทนกันระหว่างหลิงฮั่นและเซี่ยเหล่ยได้เปลี่ยนไปแล้ว ก่อนหน้านี้พวกเขาจะยึดถือและมีความสัมพันธ์กันแบบเพื่อนแต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปเป็นแบบพี่น้องแล้ว หลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เซี่ยเหล่ยก็ขอตัวกลับแม้ว่าในตอนที่มาสำนักงานลับ101 เขาจะถูกหลงบิงพาตัวมาแต่ในตอนกลับเขาไม่ได้ขอให้เธอไปส่งเขา เขาเลือกที่จะเดินออกไปหาแท๊กซี่ก่อนจะให้รถแท๊กซี่พาไปส่งที่เมืองไป๋ลู่
ใช้เวลาในการเดินทางไม่นานรถแท็กซี่ก็เข้ามาในเขตเมืองไป๋ลู่แล้ว ซึ่งขณะเดียวกันนั้นโทรศัพท์ของเขาก็มีสายเรียกเข้า
มันเป็นเบอร์โทรศัพท์ท้องถิ่นแต่เขาก็ไม่เคยเห็นเบอร์โทรศัพท์หมายเลขนี้มาก่อน เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจรับสายพร้อมกับพูดว่า สวัสดี นั่นใครพูด?
เสียงที่คุ้นเคยดังออกมาจากลำโพงของโทรศัพท์ว่า เรามาเจอกันหน่อยดีกว่าคุณเซี่ย
มันคือเสียงของอันกวน
เซี่ยเหล่ยชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า เป็นคุณนั่นเอง ต้องการเจอผมอย่างนั้นเหรอ? ไม่มีปัญหา…ที่ไหนหล่ะ? ตอนนี้ผมอยู่ที่โรงแรมของผมซึ่งอยู่เมืองถัดจากโรงงานผลิตอาวุธของคุณ ผมจะรออยู่ที่นั่น อันกวนพูด
เซี่ยเหล่ยหันไปบอกกับคนขับรถแท๊กซี่ทันทีว่า จอดตรงนี้เลย ผมจะลงตรงนี้
รถแท็กซี่หยุดทันที เซี่ยเหล่ยจ่ายเงินพร้อมกับลงจากรถ เขาสะพายกระเป้าข้างหลังก่อนที่จะเดินไปที่เมืองไป๋ลู่ ขณะเดียวกันในขณะที่กำลังเดินเขาก็ถามอันกวนต่อว่า คุณอัน บอกผมได้ไหมว่าทำไมต้องการเจอผม?
มันไม่สะดวกที่จะคุยกันผ่านทางโทรศัพท์ ผมจึงอยากพูดกับคุณต่อหน้า อันกวนพูด
เซี่ยเหล่ยพูดต่อว่า คุณอัน คุณก็รู้ว่าที่นี่ที่ไหนใช่มั้ย? หวังว่าคุณจะไม่เล่นอะไรตลกๆกับผมหรอกนะ
ผมเลือกที่นี่ก็เพราะต้องการแสดงความจริงใจให้คุณได้เห็น อันกวนตอบ โอเค ผมจะไปถึงในอีกห้านาที เซี่ยเหล่ยพูดเสร็จก็วางสายทันที
อันกวนเดินทางมาที่ประเทศจีนจริงๆ
‘เป็นไปไม่ได้ที่อันกวนจะไม่รู้ว่าเราฆ่าอันซูฮยอนไปแล้ว เขามาที่นี่เพื่อแก้แค้นงั้นเหรอ? เป็นไปไม่ได้ เขาไม่โง่พอที่จะมาแก้แค้นเราถึงที่นี่แต่ถ้าไม่ใช่เพื่อการแก้แค้น…หรือว่าจะเป็นเรื่องหลักฐานภาพถ่ายนั้นงั้นเหรอ? ‘ เซี่ยเหล่ยคิดไปพลางในขณะที่กำลังเดิน
อันกวนในตอนนี้ไม่มีไพ่อะไรเหลืออยู่ในมือที่สามาถใช้ต่อรองได้แล้วยิ่งไปกว่านี้เขาก็สูญเสียลูกชายเพียงคนเดียวไปอีกด้วย สถานการณ์ของเขาค่อนข้างที่จะสิ้นหวังอย่างมาก
เซี่ยเหล่ยกระตุกตาซ้ายเล็กน้อยก่อนจะมองไปที่ตึกรอบๆ ทุกอย่างเป็นปกติดีและบริเวณโดยรอบก็ไม่มีอะไรที่น่าสงสัย ไม่มีมือปืนซ่อนตัวอยู่เลย
พนักงานชาวเกาหลีโค้งคำนับเพื่อต้อนรับขณะที่เซี่ยเหล่ยกำลังเดินเข้าโรงแรมไป เซี่ยเหล่ยตรงไปที่ล็อบบี้ของโรงแรม รีเซพชั่นก็พูดกับเขาอย่างสุภาพทันทีว่า มิสเตอร์เซี่ย โปรดตามผมมา ประธานของเรารอพบคุณอยู่ในห้องแล้ว
เซี่ยเหล่ยพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินตามพนักงานต้อนรับไป
พนักงานต้อนรับเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าห้องๆหนึ่ง เขาเคาะประตูสามครั้งโดยที่ไม่ได้พูดอะไร ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงของอันกวนดังออกมาจากภายในห้องว่า เข้ามา
พนักงานต้อนรับเปิดประตูให้กับเซี่ยเหล่ยเพื่อให้เขาเดินเข้าไป ภายในห้องไม่มีบอดี้การ์ดอยู่เลยแม้แต่คนเดียว ทั้งห้องมีเพียงอันกวนที่นั่งอยู่
ท่าทางของอันกวนที่ก่อนหน้านี้เคยเย่อหยิ่งและผยองได้หายไปอย่างสิ้นเชิง หากมองเขาในตอนนี้จะรู้สึกได้ว่าเขาดูไร้พิษสงอย่างมาก
เซี่ยเหล่ยเดินไปนั่งที่โซฟาก่อนจะพูดขึ้นอย่างเรียบง่ายว่า คุณต้องการเจอผม คุณมีธุระอะไรงั้นเหรอคุณอัน?
อันกวนโบกมือให้พนักงานต้อนรับปิดประตูและกลับไปทำงานของตัวเอง
เมื่อพนักงานต้อนรับปิดประตู อันกวนก็ได้เริ่มพูดขึ้นว่า คุณเซี่ย คุณบอกผมได้ไหม…อันซูฮยอน…ลูกของผม…. อันกวนพยายามถามก่อนจะเงียบอยู่ครู่หนึ่งและถามต่อด้วยความยากลำบากว่า เขายังมีชีวิตอยู่ไหม?
เซี่ยเหล่ยส่ายหัวก่อนจะตอบไปว่า นี่คุณจะเล่นตลกอะไรหรือเปล่าคุณอัน? ผมจะรู้ได้ยังไงว่าลูกของคุณตายแล้วหรือยังมีชีวิตอยู่? หากคุณมาที่นี่เพื่อถามเรื่องนี้กับผม…คุณก็กลับไปเถอะ นี่คือคำตอบของผม
ท่าทางของอันกวนมืดมนลงกว่าเดิม เขาพยายามสรุปคำตอบจากท่าทางและคำพูดของเซี่ยเหล่ย อันที่จริงเขาก็รู้คำตอบก่อนที่เขาจะมาอยู่แล้วแต่ภายในใจลึกๆก็หวังว่ามันจะไม่เป็นแบบที่เขาคิดแต่สุดท้ายความหวังนั้นก็พังทลาย อันกวนสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะพูดขึ้นว่า เอาหล่ะ เขามาเพื่อฆ่าคุณแต่คุณกลับยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องพูดหรือต้องถามอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว มาคุยเรื่องหลักฐานกันดีกว่า บอกมาว่าคุณต้องการเงินเท่าไหร่?
เซี่ยเหล่ยยิ้มก่อนจะพูดจาเย้ยหยันไปว่า นี่คุณกำลังล้อผมเล่นอยู่ใช่มั้ยคุณอัน? คุณยอมรับว่าคุณให้ลูกชายของคุณพามือปืนกลุ่มใหญ่มาฆ่าผมและไม่ใช่แค่มือปืนแต่ยังมีนักฆ่าที่มีชื่อเสียงระดับโลกอีกต่างหากด้วย แล้วมาถึงตอนนี้คุณยังกล้ามาเจรจากับผมอีกอย่างนั้นเหรอ? นี่คุณต้องหน้าด้านขนาดไหนกัน?
ไม่มีการแลกเปลี่ยนที่ไม่สามารถเจรจาได้ในโลกใบนี้ดังนั้นเชื่อใจผม มันจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก อันกวนพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืนและโค้งคำนับเซี่ยเหล่ย ก่อนจะพูดต่อว่า นี่เป็นการแสดงความจริงใจที่สุดของผม ผมเสียลูกชายไปแล้วดังนั้นได้โปรดมอบหลักฐานให้กับผมได้หรือไม่? อะไรนะ! นี่คุณคิดว่าจากเรื่องทั้งหมดที่ผ่านมา คุณจะยังสามารถเจรจากับผมได้อยู่งั้นเหรอ? เซี่ยเหล่ยหัวเราะอย่างเหยียดหยามก่อนจะพูดว่า นี่คุณคิดว่าผมจะยกโทษให้กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพียงแค่การขอโทษผมอย่างนั้นเหรอ? มันง่ายเกินไปหน่อยหรือเปล่า?