Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - 494 ใกล้วันจัดแสดง
แม้ว่าถ่างหยู่เหยี่ยจะสร้างความปวดหัวให้กับเซี่ยเหล่ยแต่เขาก็ไม่ได้เคยถือโทษโกรธเธอเลย เพราะเขาเข้าใจว่าทำไมเธอถึงทำแบบนั้น
ด้านเฉินตูเทียนหยินที่เดินออกมาจากงานเพื่อจะไปห้องน้ำกับเซี่ยเหล่ยนั้น นั่นเป็นเพียงขออ้างของเธอเพราะเมื่อเดินไปได้ครู่หนึ่งซึ่งเป็นบริเวณที่ไม่มีผู้คน เธอก็หยุดเดินพร้อมกับหันไปจ้องที่เซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยยิ้มอย่างกระอักกระอ่วมทันทีที่เห็นสายตาของเฉินตูเทียนหยิน ก่อนจะพูดขึ้นว่า ผมรู้ว่าคุณต้องการถามอะไรผม ผมจะอธิบายให้ฟังเดี๋ยวนี้ พูดจบก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า ผมเคยบอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่าได้สร้อยเหล่านี้มาจากประเทศอัฟกานิสถาน ผมได้มันมาตอนที่ทำภารกิจอยู่ที่นั่น ที่สุสานของเจ้าหญิงหยงเหม่ย เนื่องจากผมได้มาเป็นจำนวนมาก ผมจึงได้มอบมันให้กับหลายๆคนไม่ใช่แค่ถ่างหยู่เหยี่ยหรอกนะ ไม่ว่าจะเป็นหลงบิง อเลน่า เจียงหยูยี่ผมก็มอบมันให้กับพวกเธอ นอกจากนี้คุณอาจจะยังไม่รู้ว่าอเลน่าเป็นใคร เธอเป็นหัวหน้าวิศวกรในโรงงานผลิตอาวุธของผม เธอเป็นคนเยอรมันแต่ต้องลี้ภัยมาอยู่ที่นี่เพราะต้องหลบหนีการตามล่าจาก CIA ดังนั้นเมื่อเธอจึงอยู่ที่นี่ในฐานะครอบครัวของผมคนหนึ่งซึ่งใช้ชื่อว่าเซี่ยเหม่ย
เซี่ยเหล่ยต้องพูดทั้งหมดในครั้งเดียว เพราะมันเป็นการอธิบายเรื่องราวทั้งหมดเผื่อถ้าหากเธอมารู้ทีหลังจะได้ไม่ต้องเข้าใจผิดไปอีก
ท่าทางของเฉินตูเทียนหยินดูสงบขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ฟังคำอธิบายจากเซี่ยเหล่ย หลังจากนั้นเธอก็พูดขึ้นว่า ฉันก็แค่ต้องการเหตุผลจากปากของคุณก็เท่านั้น นอกจากนี้ฉันไม่ได้มองว่าเธอจะเป็นคู่แข่งของฉันได้ เธอดูไม่มีเสน่ห์เอาซะเลย
อย่าพูดแบบนี้ให้เธอได้ยิน เธอฝึกศิลปะการต่อสู้และเป็นผู้หญิงหัวแข็งมาก เธอมักจะทำในสิ่งที่เธอต้องการโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของคนอื่น เซี่ยเหล่ยพูด
เฉินตูเทียนหยินพูดว่า ฉันไม่สนใจว่าเธอจะเป็นคนแบบไหน และฉันก็ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเธอ เว้นแต่เพียงอย่างเดียวที่ฉันมั่นใจคือเธอชอบคุณมาก
เซี่ยเหล่ยปวดหัวอีกครั้ง เขาไม่มีทางที่จะห้ามถ่างหยู่เหยี่ยไม่ให้ชอบตัวเขาได้ ในทำนองเดียวกันใน เรื่องของเฉินตูเทียนหยินก็ไม่สามารถหยุดกู๋เค่อหวู่ไม่ให้ชอบเธอได้เช่นกัน เขาไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้เพราะปัญหาไม่ใช่อยู่ที่ตัวเขาแต่เป็นคนอื่น
สัญญากับฉันว่าคุณจะไม่ยุ่งกับเธอถ้าไม่จำเป็น เฉินตูเทียนหยินพูดพร้อมกับจ้องหน้าของเซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยพยักหน้าพร้อมกับพูดว่า อือ ผมสัญญา
เฉินตูเทียนหยินยิ้มก่อนจะพูดว่า ว่าแต่คุณได้สร้อยมาจากประเทศอัฟกานิสถานทั้งหมดกี่เส้น
เซี่ยเหล่ยหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า คิดว่าน่าจะประมาณเจ็ดหรือแปดนี่แหละ ว่าแต่คุณถามทำไมงั้นเหรอ?
ส่งพวกมันมาให้ฉัน ฉันต้องการความแน่ใจว่าคุณจะไม่นำมันไปให้กับใครอีก นอกจากนี้ฉันจะเก็บไว้บางส่วนเพื่อเป็นมรดกสืบทอดให้กับลูกหลานของเราในอนาคต
เมื่อได้ฟังที่เธอพูด เซี่ยเหล่ยก็ถึงกับพูดไม่ออกทันที
เฉินตูเทียนหยินยังพูดต่ออีกว่า คุณจะให้พวกมันกับฉันมั้ย?
แน่นอน ไม่มีปัญหา ผมจะนำมันมาให้คุณ เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมกับยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อว่า ผมจะมอบมันให้คุณทันทีที่พวกเรากลับไป
เฉินตูเทียนหยินคล้องแขนของเซี่ยเหล่ยก่อนจะยิ้มพร้อมกับพูดว่า ฉันไม่ไปห้องน้ำแล้ว เรากลับไปที่งานกันเถอะ เซี่ยเหล่ยแอบถอนหายใจเงียบๆ เรื่องราวในครั้งนี้ไม่มีการทะเลาะเกิดขึ้นเพราะเฉินตูเทียนหยินเป็นผู้หญิงที่ฉลาดและมีเหตุผลในการกระทำซึ่งถือเป็นโชคดีของเซี่ยเหล่ยไม่น้อย
เซี่ยเหล่ยเดินพาเฉินตูเทียหยินไปที่ประตูทางเข้าเพื่อจะเดินออกจากห้องโถงของงานเลี้ยงเนื่องจากเขารู้ตำแหน่งขอบูธที่โรงงานผลิตอาวุธของเขาใช้จัดแสดงแล้วเขาจึงไม่จำเป็นจะต้องอยู่ที่นี่นานกว่านี้
ระหว่างนั้นถ่างหยู่เหยี่ยก็มองไปที่เซี่ยเหล่ยและเฉินตูเทียนหยิน ริมฝีปากของเธอกระตุกเล็กน้อยเหมือนกับว่ากำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา อย่างไรก็ตามขณะที่กำลังมองอยู่นั้น เฉินตูเทียนหยินก็หันไปมองที่เธอเช่นกัน เมื่อสายตาของเธอทั้งคู่ปะทะกันก็เหมือนกับมีกระกายของไฟช็อตเกิดขึ้นกลางอากาศ
เซี่ยเหล่ยงานเลี้ยงยังไม่จบ คุณจะไปไหนงั้นเหรอ? เป็นเสียงของเย่คุนลอยมาจากไกล
เซี่ยเหล่ยหยุดเดินพร้อมกับมองกลับไปที่เย่คุนที่ยืนอยู่บนเวที
อย่าเพิ่งรีบกลับเลย อีกซักครู่เจ้าหน้าที่จะเชิญทุกๆคนไปเยี่ยมชมพื้นที่จัดแสดงภายในงาน คุณไม่อยากรู้อย่างนั้นเหรอว่าบูธของคุณอยู่ที่ไหน? เย่คุนพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย
เซี่ยเหล่ยไม่ได้พูดอะไรและยังคงมองไปที่เย่คุนอยู่
เฉินตูเทียนหยินขมวดคิ้วก่อนจะพูดว่า ผู้ชายคนนี้นี่น่ารำคาญจริงๆ คุณจะอยู่ต่อมั้ย ? ถ้าคุณอยู่ฉันก็จะอยู่ด้วย
ผมจะอยู่ต่อเพื่อดูสถานการณ์อีกซักหน่อย อืม…ผมว่าคุณน่าจะกลับก่อนดีกว่านะ เซี่ยเหล่ยตอบ
ไม่ ฉันจะอยู่กับคุณ เฉินตูเทียนหยินพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
หลังจากเย่คุนขึ้นกล่าวเกี่ยวกับการจัดแสดงนิทรรศการของบริษัทยุทโธปกรณ์ฮั่นเสร็จ หลังจากนั้นไม่นานมู๋เจียนเฟิงเองก็ขึ้นกล่าวเกี่ยวกับการจัดแสดงนิทรรศการของกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีนเช่นกัน
หลังจากที่ทั้งสองคนพูดจบ ทั้งสองคนก็เดินเข้าไปพูดคุยและปะปนอยู่กับทีมงานผู้จัดนิทรรศการเห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดงานครั้งนี้มาก
หลังจากนั้นไม่นานแขกภายในงานก็ถูกพาไปเดินชมสถานที่สำหรับจัดแสดง
ภายในพื้นที่จัดงานแสดงขนาดใหญ่ในตอนนี้มีหลายบูธที่กำลังจัดบูธสำหรับแสดงผลิตภัณฑ์ของบริษัทตัวเองอยู่ ทุกพื้นที่ภายในพื้นที่งานค่อนข้างคึกคักและวุ่นวาย
ซึ่งบูธที่ดูจะสะดุดตาที่สุดในตอนนี้ก็เห็นจะเป็นบูธของบริษัทยุทโธปกรณ์ฮั่นและกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีนซึ่งถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยทุกอย่างแล้ว บูธของพวกเขาในขณะนี้พร้อมมากชนิดที่ว่าจะสามารถเปิดให้ลูกค้าเข้าชมได้แล้ว เมื่อเซี่ยเหล่ยเห็นบูธของพวกเขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมเขาถึงเป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับจดหมายภายในงานและทำไมบูธของพวกเขาจึงจัดเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่เพิ่งเริ่มเปิดให้เตรียมความพร้อม นั่นก็เพราะมู๋เจียนเฟิงและเย่คุนเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการจัดงานอีกที
เซี่ยเหล่ยมองไปที่บูธของบริษัทยุทโธปกรณ์ฮั่น เขาเห็นอาวุธมากมายถูกจัดแสดงอยู่ภายในไม่ว่าจะเป็นอาวุธหนักและอาวุธเบา มีทั้งปืนสั้น ปืนใหญ่ ปืนกลหนัก ปืนกลเบา ปืนไรเฟิลซุ่มยิงและปืนไรเฟิลจู่โจม อย่างไรก็ตามมีส่วนหนึ่งของบูธที่มีผ้าคลุมสีดำคลุมเอาไว้อยู่ ซึ่งคนทั่วไปไม่สามารถมองเห็นได้ว่าภายในผ้าคลุมนั้นมีอะไรอยู่แต่ไม่ใช่กับเซี่ยเหล่ย
ตาซ้ายของเขากระตุกเล็กน้อยทันที จังหวะเดียวกันนี้ผ้าคลุมสีดำก็หายไปจากวิสัยทัศน์การมองเห็นของเขา ภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือปืนไรเฟิลจู่โจม เฉิงหวู่ หลายสิบกระบอกตั้งเรียงเอาไว้อยู่ ปืนเหล่านี้มีลักษณะเหมือนกับปืนไรเฟิลจู่โจม Gust ไม่มีผิดแต่จะมีส่วนที่แตกต่างกันก็คือความสามารถและกลไกการดูดซับแรงกระแทก
เมื่อเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้าของเขาในตอนนี้ มุมปากของเซี่ยเหล่ยก็ค่อยๆมีรอยยิ้มออกมา มันเป็นรอยยิ้มแห่งการเยาะเย้ย
ขณะเดียวกันเย่คุนก็เดินเข้าไปหาเซี่ยเหล่ยพร้อมกับพูดว่า ประธานเซี่ย คุณคิดอย่างไรกับบูธของผม มันไม่เลวเลยใช่มั้ย?
เซี่ยเหล่ยพยักหน้าก่อนจะพูดพร้อมรอยยิ้มว่า มันดีมากเลย มันทั้งใหญ่และถูกออกแบบอย่างสวยงาม นอกจากนี้ทำเลก็ยังดีมากอีกด้วย
แล้วบูธของคุณอยู่ที่ไหนหล่ะ? เย่คุนพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยก่อนจะพูดว่า ผมต้องการดูว่าบูธของคุณตั้งอยู่ที่ไหนและมีลักษณะอย่างไร?
เซี่ยเหล่ยส่ายหน้าก่อนจะพูดว่า ผมเพิ่งได้รับการแจ้งก่อนหน้านี้ได้ไม่นานในขณะที่อยู่ภายในงานเลี้ยงดังนั้นผมจึงยังไม่มีเวลาที่จะจัดบูธหรอกนะ
เย่เสี่ยวฉีพูดแทรกขึ้นมาว่า ประธานเย่ มันไม่ง่ายหรอกที่จะหาบูธของโรงงานผลิตอาวุธของเขาเจอ เธอพูดจบก็ยกแขนขึ้นก่อนจะชี้ไปที่ที่ห้องน้ำซึ่งอยู่ไกลมากๆก่อนจะพูดต่อว่า มันอยู่ที่นั่น ใกล้ๆกับห้องน้ำตรงนั้น
หืม? ที่นั่นก็ถือว่าเป็นตำแหน่งที่ดีเหมือนกันนะ น่าจะเหมาะสมกับโรงงานผลิตอาวุธของคุณ เย่คุนพูดพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง
อย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยมีท่าทีสงบอย่างมากในขณะที่เย่คุนกำลังพูดเยาะเย้ยเขา ไม่ใช่ว่าเซี่ยเหล่ยจะไม่รู้สึกอะไร เขาเพียงรอเวลาที่จะหัวเราะเยาะเย้ยกลับทีหลังก็เท่านั้น
เฉินตูเทียนหยินขมวดคิ้วก่อนจะพูดว่า นี่มันหมายความว่ายังไง? ทำไมพื้นที่ของเราจึงมีขนาดเล็กเพียงแค่นั้น?
คุณหมายความว่าอะไร? เย่คุนพูดพร้อมกับรอยยิ้มเยาะเย้ยก่อนจะพูดต่อว่า ในงานนิทรรศการครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมจัดแสดงมากมาย ดังนั้นพื้นที่จึงมีจำกัด เราจึงให้ความสำคัญกับบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับแรก พวกเขาจะได้พื้นที่และตำแหน่งที่ดีที่สุดภายในงานจากนั้นก็ค่อยๆกระจายพื้นที่และตำแหน่งไปตามชื่อเสียงและขนาดของบริษัทนั้น ซึ่งเรื่องนี้มันก็เป็นเรื่องปกติที่ทุกที่ทำกันนี่?
ใช่ มันเป็นเรื่องปกติของทุกที่ เย่เสี่ยวฉีพูดเสริม
เฉินตูเทียนหยินที่ไม่พอใจอย่างมาก จึงพูดขึ้นว่า คุณ…
เฉินตูเทียนหยินต้องการที่จะพูดต่อแต่ก็ถูกเซี่ยเหล่ยตัดบทโดยการพูดกับเธอก่อนว่า เทียนหยิน เราไปดูบูธของผมกันดีกว่า เราจะได้รีบกลับบ้านกัน ผมรู้สึกว่าตรงนี้มันมีอะไรเน่าเหม็นและไม่น่าอยู่ซะเหลือเกิน
อื้ม เราไปกันเถอะ เฉินตูเทียนหยินพูดจบก็เดินไปพร้อมกับเซี่ยเหล่ย
ขณะที่เซี่ยเหล่ยและเฉินตูเทียนหยินเดินไปแล้ว เย่คุนก็พูดพึมพัมขึ้นว่า ผมไม่เข้าใจเลย ทำไมผู้หญิงอย่างเฉินตูเทียนหยินถึงไปแต่งงานกับคนอย่างเซี่ยเหล่ยได้? เธอสามารถมองหาคนที่ดีและคู่ควรกับเธอได้มากกว่านี้แน่นอน
เย่เสี่ยวฉีพูดอย่างหงุดหงิดทันทีว่า ประธานเย่ คุณชอบเฉินตูเทียนหยินงั้นเหรอ?
เย่คุนถอนหายใจก่อนจะพูดว่า ใครจะไม่ชอบผู้หญิงแบบนั้นหล่ะ? แต่ยังไงก็ตามผมเองก็แก่แล้วและผมไม่ได้ชอบเธอ เพราะผมชอบแต่คุณ
คุณนี่หล่ะก็… เย่เสี่ยวฉีพูดพร้อมกับท่าทางเขินอายก่อนจะพูดต่อว่า คืนนี้ คุณไม่ต้องกลับบ้านนะ ไปบ้านฉันดีกว่า
เย่คุนหัวเราะพร้อมกับพยักหน้า ภรรยาของเขาที่อยู่ที่บ้านไม่น่าสนใจเท่ากับจิ้งจอกสาวคนนี้ เขาจึงตอบตกลงแบบไม่ต้องคิดอะไรมากเลย
ขณะเดียวกันมู๋เจียนเฟิงก็เดินเข้าไปหาพวกเขาทั้งคู่พร้อมกับพูดว่า คุณบอกว่าคุณติดต่อกับคาโต้ ทากาซึเกะไม่ได้ใช่ไหม?
ใช่แล้ว แต่ก็ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะเพราะตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา เราตกลงที่จะจัดส่งสินค้าครั้งแรกในวันสุดท้ายของการจัดงานนิทรรศการ เย่คุนพูด
มู๋เจียนเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า ผมค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมรู้สึกว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากลอยู่
คุณก็หวาดระแวงจนเกินไป เย่คุนพูดพร้อมหัวเราะก่อนจะพูดต่ออีกว่า ผมว่าตอนนี้สิ่งที่เราควรคิดไม่ใช่เรื่องของคาโต้ ทากาซึเกะหรอกนะ แต่มันควรเป็นเรื่องของเซี่ยเหล่ยและบูธของเขาในวันพรุ่งนี้มากกว่า
เมื่อเย่คุนพูดจบ มู๋เจียนเฟิงก็จ้องตามหลังไปที่เซี่ยเหล่ยและเฉินตูเทียนหยินที่กำลังเดินไปที่บูธของพวกเขาพร้อมกับพูดขึ้นว่า เราจะฉีกเขาออกเป็นชิ้นๆ เขาจะต้องย่อยยับในวันพรุ่งนี้
ผมจะไม่ปล่อยเขาให้รอดไปได้แน่นอน เย่คุนพูดจบก็หัวเราะเยาะเย้ย ไม่นานเซี่ยเหล่ยและเฉินตูเทียนหยินก็เดินมาถึงบูธของตัวเอง มันอยู่ใกล้กับห้องน้ำมากนอกจากนี้พื้นที่จริงๆก็ยังเล็กมากกว่าที่คิดไว้อีกด้วย มันดูมีขนาดไม่เกิน20ตารางเมตรซึ่งมีพื้นที่น้อยกว่าสตูดิโอขนาดเล็กซะอีก
นี่คือบูธสำหรับจัดงานนิทรรศการที่พวกเขาได้รับซึ่งขนาดที่ว่านี้ไม่ต่างจากอะไรกับขนาดของแผงลอยในตลาดสดเลย!
เฉินตูเทียนหยินถอนหายใจก่อนจะพูดว่า พวกเขาทำแบบนี้กับคุณได้ยังไง นี่มันไม่ถูกต้องเลยนะ
เซี่ยเหล่ยหัวเราะก่อนจะพูดว่า ไม่มีอะไรยุติธรรมในโลกใบนี้อยู่แล้ว ยิ่งเป็นเรื่องของธุรกิจและผลประโยชน์แล้วด้วยยิ่งไม่ยุติธรรมเข้าไปใหญ่ ซึ่งถ้าคุณต้องการจะให้มันเกิดความยุติธรรมขึ้นกับตัวคุณ คุณก็ต้องต่อสู้เพื่อให้ได้มันมาด้วยตัวเอง ซึ่งผมเชื่อมั่นในปืนที่ผมสร้างขึ้นมาว่ามันจะสามารถดึงดูดผู้คนได้ แม้ว่าจะอยู่ใกล้กับห้องน้ำตรงนี้ก็ตาม
ความมั่นใจของคุณทำให้ใจของฉันไหวหวั่นทุกครั้ง มันทำให้ฉันอดที่จะชอบคุณมากขึ้นเรื่อยๆจริงๆ เฉินตูเทียนหยินพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ก่อนจะพูดต่ออีกว่า แต่คุณจะโปรโมตบูธของคุณยังไงหล่ะ?
เซี่ยเหล่ยคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า คุณต้องมาดูด้วยตัวเอง ถ้าพรุ่งนี้มีเวลาก็แวะมาหน่อยก็แล้วกัน แล้วคุณจะได้เห็นมันกับตาของคุณเอง
เฉินตูเทียนหยินขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า นี่คุณกำลังมีความลับกับฉันงั้นเหรอ? คุณมันเป็นคนไม่ดี ถึงบ้านเมื่อไหร่ฉันจะแก้แค้นคุณแน่!
ด้วยคำพูดของเธอ เซี่ยเหล่ยก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา…