Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - 505 ค่าเสียหาย
คำพูดที่ว่า ‘ฝนตกขี้หมูไหล’ คำนี้มันเหมาะสมกับสถานการณ์ของมู๋เจียนเฟิงและเย่คุนอย่างมากเพราะแม้ว่าตอนนี้ทีมสืบสวนจะยังไม่ได้มาสืบสอบพวกเขา แต่พวกเขาก็ต้องพบกับปัญหาที่ใหญ่ไม่แพ้กัน นั่นก็คือการที่เจ้าชายคาลิฟาของประเทศอาหรับเดินทางมาติดต่อพวกเขาด้วยตัวเอง!
พูดมา พวกคุณจะแก้ไขเรื่องนี้ยังไง? เซี่ยเหล่ยรีบพูดขึ้นทันทีเพราะต้องการกดดันและไม่ให้เวลากับทั้งมู๋เจียนเฟิงและเย่คุนคิด
อย่างไรก็ตามเย่คุนพูดขึ้นทันทีว่า แล้วคุณมีความคิดว่ายังไง?
เนื่องจากพวกคุณไม่สามารถทำตามสัญญาได้ ดังนั้นพวกคุณต้องจ่ายเงินชดเชยจำนวน 400,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ เซี่ยเหล่ยพูดอย่างเรียบง่าย
ไม่มีทาง! เย่คุนโผล่งออกมาด้วยความตกใจก่อนจะพูดต่อว่า เซี่ยเหล่ย อย่าลืมว่าคุณเองก็เป็นคนจีน คุณควรจะอยู่ข้างเรา ทำไมคุณถึงไปช่วยคนจากตะวันออกกลางหล่ะ? คุณกำลังทรยศและขายชาติ!
เซี่ยเหล่ยอดที่จะหัวเราะไม่ได้ก่อนจะพูดขึ้นว่า หยุดพูดอะไรไร้สาระได้แล้ว…เย่คุน ผมไม่ได้ขายชาติอะไรทั้งนั้นนอกจากนี้ผมมั่นใจว่านี่จะเป็นการช่วยเหลือประเทศชาติอีกด้วย ผมเป็นคนรู้จักผิดชอบชั่วดี ผิดกับคุณ…นอกจากคุณจะไม่รู้จักคำนี้แล้ว คุณยังทุจริตและรับสินบนเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ของตัวเอง คุณเป็นคนใหญ่คนโตภายในประเทศแท้ๆแต่กลับทำแบบนี้ได้ ดูสิ…คำพูดที่คุณว่าผมเป็นคนทรยศ ขายชาติ ตอนนี้มันน่าจะเป็นคุณมากกว่านะ!
คุณ… เย่คุณไม่สามารถพูดตอบโต้ได้เพราะเขาโกรธจนพูดไม่ออก
พอได้แล้ว หยุดเถียงกันได้แล้ว มู๋เจียนเฟิงพูดเพื่อให้สถานการณ์สงบลง ก่อนจะพูดต่ออีกว่า เซี่ยเหล่ย เรื่องนี้คุณไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง กรุณาออกไปก่อน ผมจะคุยกับเจ้าชายคาลิฟาเอง
เจ้าชายคาลิฟาให้อำนาจกับผมในการเจรจากับคุณ ผมเป็นตัวแทนของเขา คุณมีสิทธิอะไรถึงกล้าไล่ผมออกไป? เซี่ยเหล่ยพูด
อย่าลองดีกับผม! มู๋เจียนเฟิงพูดอย่างไม่พอใจก่อนจะพูดต่อว่า ผมจะบอกคุณให้เข้าใจที่นี่คือประเทศจีน ไม่ใช่ประเทศอาหรับ เขาไม่มีสิทธิจะทำอะไรตามอำเภอใจได้ เขาต้องทำตามกฎหมายของเราแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่การเจรจาต่อรองก็ตาม
ใช่! เย่คุนพูดเสริมพร้อมแสดงท่าทางเยาะเย้ยก่อนจะพูดต่อว่า อย่าคิดว่าคุณมีอำนาจเหนือพวกเรา…เซี่ยเหล่ย สำหรับที่นี่แล้ว พวกเราไม่ต้อนรับคุณหรอกนะ ดังนั้นคุณจะออกไปดีๆหรือจะให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเรามาลากตัวคุณออกไป
เอาล่ะ ๆ คุณสองคนนี่ใจร้อนกันจริงๆเลย ผมจะออกไปเอง เซี่ยเหล่ยพูดจบก็เดินออกไปทันที เจ้าชายคาลิฟามองที่เซี่ยเหล่ยก่อนจะเดินตามเขาไปเช่นกัน
อาลีข่านชี้ไปที่เย่คุนก่อนจะพูดว่า นี่เป็นทางที่คุณเลือกเอง เอาหล่ะ…ไว้เราไปเจอกันในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศก็แล้วกัน
อาลีข่านพูดจบก็เดินตามพวกเขาไปเช่นกัน
เย่คุนตื่นตระหนกทันที เขาพูดด้วยความร้อนรนว่า ผมแค่บอกให้เซี่ยเหล่ยออกไปเท่านั้น ผมไม่ได้บอกให้พวกคุณออกไปพร้อมกับเขานี่ ทำไมคุณต้องออกไปด้วย
เจ้าชายของเราได้พูดไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าเขาได้มอบอำนาจทั้งหมดในการเจรจาครั้งนี้ให้กับเซี่ยเหล่ย คุณซึ่งไล่เซี่ยเหล่ยออกไปก็ไม่ต่างกับการไล่เจ้าชายของเรากลับไป คงเข้าใจแล้วนะ ลาก่อน! อาลีข่านพูด
ด.. เดี๋ยวก่อน! เย่คุนพูดด้วยความลังเลก่อนจะตัดสินใจพูดต่อว่า เซี่ยเหล่ย ได้โปรด….อยู่ต่อ เซี่ยเหล่ยหยุดเดิน เขาหันไปมองที่เย่คุนพร้อมกับยิ้มที่มุมปากก่อนจะพูดขึ้นว่า เย่คุน คุณคิดว่าตัวเองเป็นใครกันถึงได้สั่งให้คนอื่นทำตามที่บอกแบบนี้
คุณ… เย่คุนพูดไม่ออกเพราะเขากำลังโกรธกับคำพูดของเซี่ยเหล่ย
ผิดกับมู๋เจียนเฟิงที่มีท่าทีเฉยเมย เขาพูดต่อจากเย่คุนว่า แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว…เซี่ยเหล่ย คุณไม่ต้องทำให้เราดูเป็นตัวตลกไปมากกว่านี้แล้ว คุณสามารถอยู่ต่อเพื่อเจรจากับเราได้
ด้วยความที่มู๋เจียนเฟิงมีประสบการณ์อย่างล้นหลามในวงการนี้ เขาจึงรู้วิธีจัดการกับอารมณ์และคำพูดของตัวเอง
เซี่ยเหล่ยหัวเราะเยาะก่อนจะพูดว่า ผมรู้ว่าพวกคุณเกลียดและไม่ชอบผม ดังนั้นไม่ต้องทำตัวสุภาพหรือพูดอะไรอ้อมค้อม นอกจากนี้สิ่งที่ผมเพิ่งทำลงไป ผมเพียงต้องการที่จะแสดงให้พวกคุณได้รู้ว่าไม่ใช่ทุกคนจะต้องทำตามคำสั่งหรือความต้องการของคุณ เอาหล่ะ…ผมจะไม่พูดอะไรให้ยาวไปกว่านี้แล้ว ดังนั้นก่อนที่เราจะเริ่มเจรจากัน ผมอยากได้ยินคำขอโทษจากพวกคุณ
คุณ… มู๋เจียนเฟิงถึงกับพูดไม่ออกเพราะความโกรธ
เซี่ยเหล่ย! มันจะมากไปแล้วนะ! เย่คุนพูด
เซี่ยเหล่ยยักไหล่เล็กน้อยก่อนจะเดินออกไปอีกครั้ง
จังหวะเดียวกันนี้ เจ้าชายคาลิฟาและผู้ติดตามทั้งสองคนก็เดินตามเซี่ยเหล่ยไปอีกครั้ง
มู๋เจียนเฟิงและเย่คุนหันมาสบตากันทันที พวกเขาอยู่ในสภาวะสับสนและลังเลใจ พวกเขาไม่อยากขอโทษ พวกเขาไม่อยากให้เซี่ยเหล่ยเข้ามาเป็นตัวแทนในการเจรจา แต่ถ้าจะไล่เขาออกไป เจ้าชายก็จะกลับด้วย
ขณะที่เซี่ยเหล่ยกำลังจะเดินออกจากห้องนั้น เย่คุนก็บังคับตัวเองให้พูดขึ้นว่า ผมขอโทษ!
เซี่ยเหล่ยหยุดเดินพร้อมกับหันกลับไปพูดอย่างเฉยเมยว่า โอเค แล้วอีกคนหล่ะ ผมยังไม่ได้ยินเลย
ริมฝีปากของมู๋เจียนเฟิงขยับขึ้นลงด้วยความโกรธ เขาเป็นถึงประธานกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีนที่ใหญ่โตและกว้างขวาง แต่ในขณะนี้เขากลับโดนเจ้าของบริษัทผู้ซึ่งเป็นเพียงแค่พลเรือนสั่งให้ขอโทษเขา เรื่องนี้มันทำลายความภาคภูมิใจทั้งหมดที่เขามี มันเป็นสิ่งที่เขาไม่สามรถทำได้!
ขณะเดียวกันเย่คุนก็จ้องไปที่มู๋เจียนเฟิงอย่างไม่ละสายตา แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไรแต่ในใจก็คิดว่าทำไมมู๋เจียนเฟิงถึงยังไม่พูดออกมาซักที
อันที่จริงเย่คุนก็เข้าใจความรู้สึกของมู๋เจียนเฟิงดีเพราะมันก็เป็นเรื่องที่ยากสำหรับเขาเช่นกันที่จะต้องพูดคำว่าขอโทษออกมาแต่ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ ถ้าเขาไม่ยอมลดความภาคภูมิใจนั้นลง ชีวิตของพวกเขาจะต้องจบลงแน่นอน!
ประธานมู๋ ในชีวิตนี้คุณไม่เคยขอโทษใครเลยสินะ โอเค…ไม่เป็นไร ผมจะไม่บังคับให้คุณทำหรอกนะ เอาเป็นว่าผมขอตัวก่อน เซี่ยเหล่ยยพูดจบก็เดินออกไปอีกครั้ง
ผะ.. ผมขอโทษ ในที่สุดมู๋เจียนเฟิงก็บังคับให้ตัวเองพูดออกมาแม้ว่าในใจจะรู้สึกโกรธเกลียดมากแค่ไหนก็ตามแต่เขาก็ต้องแสร้งทำเป็นยิ้มก่อนจะพูดต่อว่า เข้าใจผิดแล้ว ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยขอโทษใครหรอกนะ เพียงแต่ผมคิดว่ามันไม่จำเป็นเลย แต่ถึงอย่างนั้นแล้ว…ถ้ามันจะทำให้คุณใจเย็นลงได้ ผมสามารถพูดมันได้เป็นร้อยรอบเลย เอาหล่ะ…ผมหวังว่าตอนนี้คุณคงจะพอใจแล้ว เรามานั่งคุยกันดีกว่า คุณเห็นด้วยมั้ย?
แน่นอน ตอนนี้เรามาเจรจากันดีกว่า เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมเดินกลับไปนั่งที่เดิม
เย่คุนมองไปที่เย่เสี่ยวฉีที่ยืนแอบอยู่ด้านหลังก่อนจะพูดขึ้นว่า คุณยังมัวยืนอยู่ทำไม รีบไปชงชามารับแขกเดี๋ยวนี้ เข้าใจแล้ว เย่เสี่ยวฉีมองไปที่เซี่ยเหล่ยครู่หนึ่งก่อนที่จะเดินไปชงชา
หลังจากนั้นทุกคนก็กลับมานั่งทีเดิมพร้อมกับความเงียบที่เข้ามาครอบงำทั้งห้อง อย่างไรก็ตามมู๋เจียนเฟิงเริ่มพูดทันทีที่เห็นเย่สี่ยวฉีนำชามาเสิร์ฟ เขาพูดขึ้นว่า เซี่ยเหล่ย เนื่องจากเจ้าชายคาลิฟาให้อำนาจอย่างเต็มที่แก่คุณในการจัดการ ดังนั้นเรามาทำให้เรื่องนี้มันง่ายกันดีกว่า
เซี่ยเหล่ยพยักหน้าก่อนจะพูดว่า ไม่มีปัญหา คุณต้องการอะไร?
มู๋เจียนเฟิงยืนขึ้นพร้อมพูดว่า ก่อนอื่นเราเปลี่ยนที่คุยกันดีกว่า ผมจะพาคุณไปที่เลานจ์ พูดจบก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดเสริมว่า ส่วนเย่เสี่ยวฉี คุณอำนวยความสะดวกและดูแลเจ้าชายคาลิฟาให้ดีหล่ะ
เซี่ยเหล่ยหันกลับไปแปลข้อความให้กับเจ้าชายคาลิฟา ซึ่งเขาก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะคัดค้านอะไร ดังนั้นเซี่ยเหล่ยจึงหันกลับไปพยักหน้ากับมู๋เจียนเฟิง โอเค ถ้าอย่างนั้นก็ตามผมมาทางนี้เลย มู๋เจียนเฟิงพูดพร้อมเดินนำเขาไป
หลังจากเข้าไปที่เลานจ์แล้ว มู๋เจียนเฟิงก็พูดขึ้นมาทันทีว่า เซี่ยเหล่ย เรามาเปิดใจกันดีกว่า จริงๆแล้วคุณเป็นคนส่งคาโตะ ทาคาสุเกะมาใช่มั้ย?
เซี่ยเหล่ยเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า คุณหมายความว่ายังไงประธานมู๋? ผมไม่เข้าใจที่คุณพูด?
ฮึ! มู๋เจียนเฟิงทำเสียงในลำคอก่อนจะพูดต่อว่า อย่ามาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ผมรู้ว่าคุณเข้าใจที่ผมพูดนอกจากนี้ผมยังรู้ด้วยว่าคุณมีวีดีโอลับของเย่คุนและเย่เสี่ยวฉีอยู่ในมือ
เย่คุนชะงักไปครู่หนึ่งก่อนที่จะมองไปที่เซี่ยเหล่ยพร้อมกับพูดว่า คุณ! มันเป็นแผนของคุณทั้งหมดสินะ! บ้าเอ๊ยย!
เซี่ยเหล่ยไม่สนใจคำพูดของพวกเขา เขาตอบกลับไปอย่างเรียบง่ายว่า คุณพูดอะไรของพวกคุณ? ถ้าจะกล่าวหากันหล่ะก็ควรมีหลักฐานมาแสดงด้วย ไม่ใช่พูดลอยๆแบบนี้
เดี๋ยวนะ… จู่ๆเย่คุนก็พูดขึ้นมา ดูเหมือนเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้อย่างไรก็ตามเขาพูดต่อว่า ครั้งแรกที่ผมเห็นคาโตะ ทาคาสุเกะ ผมมีความรู้สึกคุ้นเคยเหมือนกับว่าเคยเจอกับเขามาก่อน นอกจากนี้รูปร่างของเขายังเหมือนกับคุณอีกด้วย อย่าบอกนะว่าที่จริงแล้วคุณคือคาโตะ ทาคาซึเกะ!
ทั้งมู๋เจียนเฟิงและเย่คุนไม่ได้เป็นคนโง่ พวกเขามีความฉลาดแต่เป็นฉลาดแกมโกง ดังนั้นเซี่ยเหล่ยจึงไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่พวกเขาสามารถคาดเดาเรื่องนี้ออกมาได้แม้ว่าจะมีข้อมูลไม่มากก็ตาม
แต่อย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขาเลยเนื่องจากไม่ว่ายังไงพวกเขาก็ไม่สามารถหาหลักฐานออกมาแสดงได้อยู่ดี
เซี่ยเหล่ย ผมไม่เคยหลงกลกับดักของใครมาก่อน คุณเป็นคนแรกที่ทำกับผมได้ ผมขอยอมรับในความเจ้าเล่ห์ของคุณเลย มู๋เจียนเฟิงพูดด้วยท่าทางที่เฉยเมย แต่ที่จริงแล้วภายในใจของเขารู้สึกเกลียดเซี่ยเหล่ยอย่างมากเพียงแต่แสดงออกมาไม่ได้
เซี่ยเหล่ยหัวเราะก่อนจะพูดว่า เอาหล่ะ เราอย่ามาเสียเวลาพูดนอกเรื่องกันดีกว่า เข้าประเด็นเลย ผมต้องการให้คุณจ่ายค่าชดเชยจำนวน 400,000,000 ดอลลาร์สหรัฐให้กับเจ้าชายคาลิฟา แค่นี้เอง…มันง่ายใช่มั้ยหล่ะ?
400,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ คุณไม่คิดว่ามันจะมากเกินไปหน่อยงั้นเหรอ? มู๋เจียนเฟิงพูด ก่อนจะเงียบไปครู่หนี่งและพูดขึ้นว่า ผมตกลงจะจ่ายให้เพียงแค่ 200,000,000 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น!
เซี่ยเหล่ยหัวเราะพร้อมกับพูดขึ้นว่า ใจเย็นๆ ผมจะให้เวลาซักครู่เพื่อให้พวกคุณได้คิดกันก่อน
มู๋เจียนเฟิงตอบกลับไปทันทีว่า 400,000,000 มันมากเกินไป คุณไม่คิดจะช่วยเหลือรัฐบาลบ้างอย่างนั้นเหรอ ผมว่าเรามาถอยกันคนละก้าวดีกว่าไหม? เซี่ยเหล่ยตอบกลับไปว่า ผมบอกแล้วว่าจะให้เวลาพวกคุณคิดกันซักพัก ใช้เวลาให้คุ้มค่าหน่อย
หลังจากนั้นมู๋เจียนเฟิงและเย่คุนก็หันหน้าเข้าหากันเพื่อปรึกษากัน…