Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 223
TXV – 223 เป็นไปไม่ได้ !
อเลน่าตื่นขึ้นมาและเริ่มพลิกตัว เธอพบว่าเธออยู่ในห้องห้องหนึ่งที่แปลกประหลาดมาก เฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งต่างๆมันล้าสมัย ห้องนี้น่าจะตกแต่งด้วยของยุค 90 ของจีนเลยด้วยซ้ำเมื่อมองจากหน้าต่าง เธอมองเห็นป่าใบของต้นไม้เหี่ยวและร่วงลงมา มียอดเขาอยู่ไกลออกไปลิบๆ ภาพทั้งหมดที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอ ซึ่งมันช่างน่าเบื่อหน่ายซะเหลือเกิน……
ในตอนนั้นเองประตูถูกเปิดออกและเซี่ยเหล่ยกำลังเดินเข้ามาในห้อง…….
“ลูคัส’’ จู่ๆอเลน่าก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เธออยากจะคลานลงจากเตียงแต่ร่างกายของเธอตอบสนองเพียงเล็กน้อยเท่านั้นและค่อยๆนอนลงในที่สุด ร่างกายเธออ่อนปวกเปียกราวกับว่ากระดูกของเธอสูญสลายไปหมดแล้ว…….
เซี่ยเหล่ยเดินมาถึงตรงข้างเตียงและพูดว่า “นอนนิ่งๆและอย่าขยับ เธอพักสักสองวันแล้วมันจะดีขึ้นเอง’’
“ฉันเป็นอะไรไป?’’ อเลน่าถามอย่างสงสัย
เซี่ยเหล่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณลืมแล้วหรอว่าเธอดื่มอะไรเข้าไป? ในน้ำนั้นมีตัวยาที่จะทำให้คนๆหนึ่งตายได้เลย มันสามารถทำให้หัวใจของคุณหยุดเต้น พวกเราใช้เวลาอยู่นานกว่าจะช่วยกระตุ้นหัวใจคุณให้มีชีวิตกลับมาได้’’
“มาร์คัสกับราล์ฟล่ะ ?’’ เธอค่อยๆจำเพื่อนร่วมงานที่คิดทรยศกับเธอได้
เซี่ยเหล่ยพูด “พวกเขาถูกคุมตัวไปแล้ว บุคลากรทางสถานทูตของคุณและตำรวจของพวกเรากำลังสอบสวนพวกเขากันอยู่’’
“พวกเขาจะถูกตัดสินจำคุกมั้ย?’’
เซี่ยเหล่ยส่ายหัว “นั่นจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำให้พวกเขาติดคุก เป้าหมายของพวกเราคือช่วยให้คุณปลอดภัยแต่ทางเราไม่ได้ปกปิดข้อมูลสำคัญว่าคุณโดนวางยาพิษกับเพื่อนคุณที่เป็นชาวเยอมันทั้งสองคนนั่นเหมือนกัน’’
“แล้วถ้าพวกเขาต้องการศพของฉันล่ะ?’’
เซี่ยเหล่ยยิ้ม “พวกเขาจะได้รับแค่เถ้ากระดูกเท่านั้น พวกเราได้เตรียมเถ้ากระดูกของผู้หญิงที่มีอายุใกล้เคียงกับคุณไว้แล้วและเอาเส้นผมของคุณไปผสมรวมกับเถ้ากระดูกในผงนี้จะมีดีเอ็นเอของคุณอยู่ พวกเขาจะรู้ว่าเป็นคุณโดยปกติแล้วมันก็มีข้อบกพร่องอยู่บ้างเล็กน้อย เป็นเวลาสักพักแล้วที่เราพยายามจำลองเถ้ากระดูกของคุณทั้งๆที่เราไม่มีเครื่องมือ’’
อเลน่าเริ่มผ่อนคลายลง เธอมองไปที่เซี่ยเหล่ยอย่างใจเย็นการที่เธอได้มองเซี่ยเหล่ยใกล้ๆแบบนี้มันช่วยให้เธอสบายใจขึ้น……..
เซี่ยเหล่ยพูด “เราจะมีสถานะใหม่ให้กับคุณ คุณสามารถเริ่มชีวิตใหม่ได้ที่นี่’’
“ฉันคิดว่าฉันจะไปทำงานกับคุณ ฉันก็เป็นช่างเหมือนกันน่าจะช่วยเหลืออะไรคุณได้บ้าง’’ อเลน่าพูด
“ตอนนี้คงไม่ดีหรอก คุณต้องหลบซ่อนตัว คุณรู้ว่าผมหมายถึงอะไรถ้ามีใครมาเห็นว่าคุณเข้าไปทำงานในบริษัทของผมแล้วล่ะก็ มันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ’’ เซี่ยเหล่ยพูด
“แล้วฉันทำอะไรได้บ้างล่ะ? ฉันไม่อยากรักษาตัวอยู่ที่นี่’’
“คุณจะอาศัยอยู่ที่นี่เพียงชั่วคราวหลังจากที่คุณฟื้นตัวแล้ว หลงบิงจะจัดการเรื่องทั้งหมดให้คุณเอง’’
“หลงบิง?’’ นี่เป็นครั้งแรกที่อเลน่าได้ยินชื่อหลงบิง
เซี่ยแหล่ยพูดพร้อมกับยิ้ม “คุณเคยเห็นลอร่ามั้ยล่ะ?’’
“ภรรยาของคุณน่ะหรอ?’’ อเลน่าพูดโพล่งออกมา “ฉันคิดว่าเธอไม่ใช่ภรรยาจริงๆของคุณหรอกนะ คุณยังไม่ได้แต่งงานหนิแต่คุณมีแฟนแล้ว ? คุณหลางใช่มั้ยที่เป็นหวานใจของคุณในตอนนี้ ?’’
เซี่ยเหล่ยพยักหน้า
“คุณรักเธอมั้ย?’’
“รักสิ’’ เซี่ยเหล่ยคิดว่านี่เป็นหัวข้อการสนทนาที่น่าอึดอัดมากในขณะที่เขากำลังพูด “เรา…’’
อเลน่าพูดแทรกขึ้นมาว่า “กอดฉันหน่อยสิ’’
เซี่ยเหล่ยเริ่มคิดหนัก เขาต้องการที่จะปฎิเสธแต่บางทีเธออาจจะขอเพื่อลดความกลัวจากสถานการณ์ของวันนี้ก็ได้ เขาลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนที่เขาจะเอื้อมมือออกไปกอดเธอในที่สุด………
อเลน่าด้วยการเซ้าซี้ว่า “คุณช่วยกอดฉันหน่อยไม่ได้หรอ?’’
เซี่ยเหล่ย “…’’
“กอดเถอะ ฉันอยากได้การปลอบใจจากคุณ แฟนของคุณคงไม่โผล่มาตอนนี้หรอกใช่มั้ยล่ะ?’’ อเลน่าพูดแซวเซี่ยเหล่ย สังเกตได้เลยว่าในตอนนี้เธอดูมีความสุขขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ
เซี่ยเหล่ยยิ้มอย่างขมขื่นขณะเดินไปที่เตียงแล้วนอนลงข้างๆอเลน่าจากนั้นเขายืดแขนออกไปให้อเลน่าหนุนแทนหมอน อเลน่าค่อยๆขดตัวอยู่ในวงแขนของเซี่ยเหล่ยและเธอก็นิ่งเงียบไปในที่สุด
เซี่ยเหล่ยนอนกอดอเลน่าอยู่บนเตียงด้วยความรู้สึกอึดอัด มันเป็นอะไรที่รู้สึกแปลกๆแบบที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน ในทางตรงกันข้ามเขากลับรู้สึกเงียบสงบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเช่นกัน
บางทีอเลน่าอาจจะกำลังอ่อนแอมากเธอจึงต้องการกำลังใจจากคนที่เธอรัก จากนั้นไม่นานเธอก็หลับไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง เซี่ยเหล่ยลุกออกจากเตียงอย่างเงียบๆ ในขณะที่เขาออกมาจากห้องนั้น เขาได้หันไปมองอเลน่าที่กำลังนอนหลับอยู่อย่างสบายใจ ที่มุมปากของเธอปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาเล็กๆ เขาไม่รู้เลยว่าว่าเธอกำลังฝันดีเรื่องอะไรอยู่….
เซี่ยเหล่ยเดินออกมาก่อนที่จะเห็นว่าหลงบิงยืนอยู่ที่ลานบ้าน ที่นี่เป็นแค่ลานบ้านของครอบครัวชนบทธรรมดาๆเท่านั้น……..
หลงบิงมองเซี่ยเหล่ยด้วยสายตาแปลกๆ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา……..
เซี่ยเหล่ยรีบอธิบายทันทีในขณะที่เขาพูดแบบเก้ๆกังๆว่า “มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ เธอแค่ต้องการคนปลอบใจ ผมแค่…’’
หลงบิงพูดอย่างเย็นชาว่า“ คุณแค่ลงไปนอนกอดกับเธอบนเตียงเพื่อรอให้เธอหลับ อย่าคิดมากหน่า ฉันจะเก็บความลับไว้ หลางซือเหยาจะไม่รู้เรื่องนี้แน่ๆ’’
เซี่ยเหล่ยเริ่มกระวนกระวายและรีบเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาทันที “วันนี้ใครจะมาดูแลเธอล่ะ?’’
หลงบิงพูดว่า “ คุณสบายใจได้เลย ฉันจะจัดการเรื่องคนที่จะมาดูแลเธอเอง คุณไม่ต้องกังวลไปหรอก บางทีฉันจะพาเธอไปรักษาต่อที่หน่วยงานลับ 101 ของเรา’’
เซี่ยเหล่ยรู้สึกประหลาดใจแต่ก็พูดไปด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติ “คุณอยากให้เธอเข้าทำงานในที่ทำการ 101 หรอ? เธอเป็นแค่ช่างเครื่องธรรมดาๆคนนึงบางทีเธออาจช่วยอะไรพวกเราไม่ได้เลย……’’
หลงบิงพูด “ไม่มีใครเก่งมาแต่เกิดหรอกน่า คุณเคยพูดไว้ไม่ใช่หรอว่าเธอเป็นช่างเครื่องที่มีความสามารถ ? เธอสามารถรื้อและซ่อมแซมถังแลปเพอร์ได้ คราฟมาร์คแมชชีนเป็นบริษัทองค์กรอุตสาหกรรมเกี่ยวกับสงครามในเยอรมนีที่มีชื่อเสียง เราได้ใช้ความพยายามอย่างมากในการช่วยชีวิตเธอ คุณคิดว่าเธอจะให้อะไรกับเราได้บ้างล่ะ?’’
เซี่ยเหล่ยยิ้มอย่างขมขื่นพลางพูดไปว่า “ดี งั้นแล้วแต่คุณจะจัดการก็แล้วกัน ตอนนี้พาผมไปส่งได้แล้ว ผมจะพัฒนาปืนไรเฟิลของคุณต่อ’’
หลงบิงมองดูสภาพากาศที่ค่อยๆเปลี่ยนไป “ให้กลับไปส่งที่บ้านคุณหลางหรือบ้านของคุณ?’’
“ไปบริษัทแล้วกัน วันนี้ผมจะทำงานเกินเวลาไปหน่อยเพื่อที่ผมจะได้ปรับปรุงปืนไรเฟิลกระบอกนั้นให้ได้มากที่สุด’’
หลงบิงยิ้มออกมาเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรจากนั้นเธอหันกลับไปเพื่อเดินไปที่รถ
รถได้เคลื่อนออกมาจากบริเวณภูเขาและเข้าเมืองเพื่อไปยังบริษัทอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าอีกครั้งในหนึ่งชั่วโมงต่อมา ในช่วงนี้เป็นช่วงต้นฤดูหนาวทำให้ท้องฟ้ามืดค่อนข้างเร็วกว่าปกติ เมื่อพวกเขามาถึงบริษัทก็เป็นเวลาที่มืดแล้วพอดี
หลงบิงมองเซี่ยเหล่ยที่กำลังพัฒนาอาวุธปืนไรเฟิลในห้องปฎิบัติการเขา นั่นเป็นสิ่งที่เธอดีใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นเซี่ยเหล่ยตั้งใจดัดแปลงปืนไรเฟิลให้เธอ เธอได้พูดคุยกับเซี่ยเหล่ยครู่หนึ่งและกลับออกไปกับรถคันนั้นในเวลาต่อมา……….
เซี่ยเหล่ยพยายามพัฒนาปืนไรเฟิลอยู่ในเวิกค์ช็อป เขาหมกมุ่นอยู่ในห้องนั้นจนถึงเที่ยงคืนสิ่งที่เขาต้องทำให้ได้คือเพิ่มประสิทธิภาพปืนไรเฟิลของหลงบิงให้ใช้งานได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด…….
ในที่สุดเขากลับเข้าไปในหมู่บ้าน จอดรถ และมองไปที่ระเบียงบ้านของเจียงหยู่ยี่ในบ้านของเธอไม่มีแสงไฟและเจียงหยู่ยี่ก็ไม่ได้ออกมายืนที่ระเบียงตามปกติ….
“นี่เราคิดอะไรอยู่เนี่ย นี่มันก็ใกล้จะเช้าแล้ว เธอจะออกมายืนที่ระเบียงบ้านทำไมล่ะ ?’’ ขณะเซี่ยเหล่ยกำลังจะเดินเข้าบ้านไปแต่บนชั้นสองมีเสียงเหมือนมีใครใส่รองเท้าแตะเดินอยู่ ทั้งๆที่เขายังไม่ได้เปิดประตู เมื่อเขาเปิดประตูเข้าไปมีแสงสะท้อนอ่อนๆใต้ประตูสว่างออกมาแสดงให้เห็นว่าหลังประตูนี้มีคนอยู่ !
ใครอยู่ในบ้าน?
เซี่ยเหล่ยเริ่มรู้สึกประหลาดใจแต่ทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออกมา ….
คนที่คาดไม่ถึงก็ปรากฏขึ้นหลังประตูคนนั้นคือ เซี่ยเสวีย
เซี่ยเหล่ยรู้สึกประหลาดใจอีกครั้งแต่ก็ยังคงถามไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่า “เสวีย ทำไมถึงกลับมาแล้วล่ะ ยังไม่ถึงวันที่น้องต้องกลับมาไม่ใช่หรอ?’’
เซี่ยเสวียพูดอย่างเกียจคร้านว่า “มหาวิทยาลัยมีวันหยุดสุดสัปดาห์น่ะ ฉันรีบขึ้นเครื่องบินก่อนกำหนดการจากนั้นไม่นาน ฉันก็กลับถึงบ้านอย่างรวดเร็ว…ตอนที่ฉันมาถึงบ้านแต่พี่ยังไม่ได้กลับมา ฉันอยากจะโทรหาพี่นะแต่พี่ดูเหมือนไม่ว่างเลย’’
เซี่ยเหล่ยขมวดคิ้ว “จะยังไงก็แล้วแต่ น้องต้องโทรหาพี่ก่อน น้องบินมาจากเมืองชิงตู่ พี่เป็นห่วงน้องมากรู้มั้ย’’
เซี่ยเสวียยิ้ม “พี่จ๋า ฉันเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ ฉันรู้ว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่ พี่ก็มักจะยุ่งอยู่เสมออย่ากังวลเรื่องฉันอีกเลย พี่เข้ามาเถอะ เราอย่ายืนคุยกันหน้าประตูอย่างนี้เดี๋ยวเพื่อนบ้านจะตีหัวพวกเราได้’’
เซี่ยเหล่ยเดินผ่านประตูเข้าไป เขามีสองเรื่องที่อยากจะพูดกับเธอแต่คำนั้นติดอยู่ที่ปลายลิ้นและในที่สุดเขาก็กลืนมันลงคอไปแม้ว่าเซี่ยเสวียจะเพิ่งผ่านช่วงวัยรุ่นมาได้ไม่นาน แต่ในช่วงอายุแบบนี้เธอจะมีความคิดเป็นตัวของตัวเองทุกอย่าง เธอจะไม่ฟังพี่ชายคนนี้เลยและถ้าเธอไม่ฟังแล้วจะพูดทำไมให้เปลืองน้ำลายล่ะ ?
เซี่ยเหล่ยไม่กังวลในเรื่องความปลอดภัยของเซี่ยเสวียเพราะหลงบิงได้บอกว่ามีคนรับผิดชอบในการดูแลปกป้องเธอเป็นพิเศษ เวลาที่เซี่ยเสวียเดินทางจากบ้านไปมหาวิทยาลัยหรือจากมหาวิทยาลัยไปยังบ้าน จะมีคนคอยดูแลปกป้องเธออย่างลับๆ
“พี่คะ หิวมั้ย? เดี๋ยวฉันจะไปต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้พี่นะ’’ เซี่ยเสวียพูด
“ไม่เป็นไร พี่ไม่หิว ที่บริษัทมีมีข้าวอยู่น่ะ’’ เซี่ยเหล่ยเดินออกไปหน้าระเบียง เขาสงสัยและอยากรู้มากๆว่าคนที่ปกป้องเซี่ยเสวียอยู่อย่างลับๆจะอยู่แถวนี้ด้วยมั้ย? เขาอยากจะรู้ว่าคนๆนั้นเป็นใครกันแน่
“น้องต้มไว้ชามหนึ่ง ท้องของน้องหิวมากเลย’’ เซี่ยเสวียเดินไปที่ห้องครัว เธอมีความรู้สึกเหมือนกับว่าเธอได้ปลดแอกกับความหิวที่สั่งสมมานานและเห็นจากหน้าต่างห้องครัวว่าเซี่ยเหล่ยกำลังเดินไปที่ระเบียง
เซี่ยเหล่ยเดินไปถึงระเบียงกวาดสายตามองทุกๆทางเท่าที่เขาจะสามารถมองเห็นได้
ในบริเวณชุมชนนั้นเป็นไปอย่างปกติ ไม่มีใครออกมาเดินเล่นในเวลาเช้าตรู่แบบนี้ ในขณะนี้แมวหลายตัวกำลังเกาะกลุ่มและกำลังจะกัดกัน……..
สายตาของเซี่ยเหล่ยเลื่อนไปยังจุดที่อยู่นอกกำแพงของหมู่บ้าน มีผู้หญิงสวมเสื้อกันหนาวสีดำเข้ามาในระดับสายตาของเขาอย่างฉับพลัน ดวงตาข้างซ้ายของเขากระตุกขึ้นเล็กน้อยใบหน้าผู้หญิงดูที่เลือนๆ กลายเป็นใบหน้าที่ชัดเจนมากขึ้น ดูเหมือนว่าเขาจะตะลึงกับสิ่งที่เขาเห็น คนคนนั้นคือถ่างหยู่เหยี่ย
ถ่างหยู่เหยี่ยยังมองไปในทิศทางของระเบียง เธอมองเห็นเซี่ยเหล่ยได้เช่นกัน เนื่องมาจากข้างหลังของเซี่ยเหล่ยมีแสงไฟและเขายืนอยู่บนระเบียงที่สูงและสามารถมองเห็นได้ แต่เธอไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเซี่ยเหล่ยอย่างชัดเจนเนื่องจากระยะทางมันไกลมาก….
“เป็นเธอไปได้ยังไง?’’ เซี่ยเหล่ยประหลาดใจ “ต้องไม่ใช่เธอแน่ๆ?’’
ถ่างหยู่หยี่เหมือนจะพบว่าเซี่ยเหล่ยเห็นเธอ เธอรีบหันหลังกลับและกำลังจะออกไปแต่เธอไม่ได้เดินเร็วนัก เธอทำตัวราวกับว่าเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังเดินผ่านไปผ่านมาเท่านั้น
ติดตามตอนต่อไป…………..