Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 225
TXV – 225 ช่วงเวลาสำคัญ !
เซี่ยเหล่ยเดินออกมาจากเวิกค์ช็อปในช่วงบ่ายของวันต่อมา กว่า 2 วันแล้วที่เขาพยายามดัดแปลงสไนเปอร์ไรเฟิลตามที่หลงบิงขอ เซี่ยเหล่ยเก็บชิ้นของส่วนและตัวปืนสไนเปอร์ไรเฟิล AS50 ลงในกล่องพลาสติกที่เค่อเจียซื้อมา เซี่ยเหล่ยไม่ได้ใช้ประสบการณ์ในการใช้สไนเปอร์ แต่เขามีทักษะที่น่าทึ่งและมีความมั่นใจในทักษะการช่างของตัวเองสูง และถึงแม้จะไม่ใช้ประสบการณ์ด้านนี้ เซี่ยเหล่ยก็มั่นใจว่าปืนดัดแปลงของเขามันใช้งานได้ดีกว่าปืน AS50 ที่นำเข้าจากต่างประเทศและหลงบิงจะต้องพอใจกับมันแน่นอน
ยังเหลือเวลาอีกนิดหน่อยก่อนจะถึงเวลาเลิกงาน เมื่อเซี่ยเหล่ยเดินออกมาจากตึก เขาจึงลังเลนิดหน่อยแต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้กลับเข้าออฟฟิศ เซี่ยเหล่ยวางกล่องพลาสติกลงท้ายรถ BMW M6 และเตรียมพร้อมจะขับออกไป
“เหล่ย” หลางซือเหยาที่เดินมาจากตึกเรียกเซี่ยเหล่ยเอาไว้ก่อน “จะไปไหนเหรอ?”
“ผม…… ผมจะเอาปืนดัดแปลงเรียบร้อยแล้วไปให้หลงบิง” เซี่ยเหล่ยไม่ได้พูดความจริงไปทั้งหมด “เธอเร่งผมหลายครั้งแล้ว”
“แล้วจะกลับมากินมื้อเย็นด้วยกันรึเปล่า?” หลางซือเหยาถาม
เซี่ยเหล่ยยิ้ม “ไม่ล่ะ ไม่ต้องรอผมนะ คุณกินกับเซี่ยเสวียเถอะ”
หลางซือเหยาพูดด้วยความเป็นห่วง “ระวังตัวด้วยนะ แล้วก็รีบกลับล่ะ”
“อื้อ ไปนะ” เซี่ยเหล่ยรู้สึกอบอุ่นในใจแล้วเดินขึ้นรถไป
หลางซือเหยาเดินกลับไปที่หน้าต่าง มีพวกพนักงานแอบมองพวกเขาอยู่จำนวนหนึ่ง เธอเบะปากเล็กน้อยและทำเสียงฮึดฮัด……..
ใจจริงเซี่ยเหล่ยอยากบอกความจริงกับเธอ แต่เมื่อได้คุยกับหลางซือเหยาตรงๆ เซี่ยเหล่ยก็เป็นต้องกลืนคำพูดลงคอไปเสียทุกครั้ง เซี่ยฉางห่าย พ่อของเขาหายตัวไปอย่างลึกลับ ทั้งงานและตัวตนของเขาเองก็ระบุแน่ชัดไม่ได้ ตอนนี้เขาไม่เห็นแสงสว่างของความเป็นไปได้เลย ก่อนที่เซี่ยเหล่ยจะค้นพบความจริงแม้ว่าเขาจะเชื่อใจหลางซือเหยาแต่เขาจะยังบอกเธอไม่ได้
“เฮ้ เมื่อไหร่จะส่งการ์ดงานแต่งมาสักทีล่ะ? ฉันรอดื่มไวน์งานแต่งอยู่นะ” ฉิงเสวียงยื่นหน้าออกมาจากหน้าต่างแล้วพูดยิ้มๆ
หลางซือเหยาละสายตาจากเซี่ยเหล่ยแล้วหันมามองฉิงเสวียงแทน “ฉันไม่เชิญคนอย่างคุณหรอก”
เซี่ยเหล่ยหัวเราะ “ฉิงเสวียง อย่าไปฟังเธอเลยวันงานเมื่อไหร่คุณได้ดื่มไวน์แน่นอน ผมไว้คิดแล้ว คนที่ดีที่สุดก็คุณเนี่ยแหละ”
“โอ้! จริงเหรอ? เยี่ยมเลย……” ฉิงเสวียงใช้มือดันกระจกเอาไว้ ก่อนจะพูดต่อ “ฉันขอเป็นเพื่อนเจ้าสาวได้มั้ย?”
หลางซือเหยาประหลาดใจกับสิ่งที่ได้ยิน
ส่วนเซี่ยเหล่ยก็รีบขับรถออกไปทันที
ช่วงเย็นวันนั้น เซี่ยเหล่ยก็ขับรถมาใกล้ถึงสุสานหยางฉ่าน
สุสานปิดแล้ว เซี่ยเหล่ยเองก็ไม่ได้คิดจะเดินเข้าทางประตูทางเข้าด้วยเช่นกัน ยิ่งมีคนรู้ว่าเขามาที่นี่น้อยเท่าไหร่ยิ่งดี ถ้าเดินเข้าทางประตูทางเข้าคนที่เฝ้าประตูอยู่ก็จะเห็นเซี่ยเหล่ยเอาได้บางทีอาจจะต้องลงชื่ออะไรด้วย เขาจึงจอดรถในมุมอับสายตาแล้วเดินไปยังกำแพงสุสาน
เมื่อเข้ามาในสุสานสาธารณะแล้ว เซี่ยเหล่ยก็เดินไปทางเนินเขา ตามทางหินสีฟ้าที่ปูเอาไว้เป็นทางเดินในบริเวณหลุมฝังศพ หลุมศพเหล่านี้ถูกสร้างเอาไว้บนเนินเขา หินที่หลุมจึงเรียงรายกันเป็นโดมิโน่ที่ตั้งตระหง่านยามราตรี หินทุกก้อนถูกใช้แทนชีวิต มันเต็มไปด้วยความสุข ความเศร้า และเรื่องราวชีวิตของคนๆหนึ่ง
หลุมศพพวกนั้นวางเรียงกันหนาตา มันก็สร้างบรรยากาศอึมครึมและทำให้คนรู้สึกหดหู่ได้อย่างบอกไม่ถูก
“ที่อื่นที่ดีกว่านี้ก็มีให้เลือก ทำไมถึงเลือกมาเจอกันที่นี่นะ?” เซี่ยเหล่ยคิดในใจ แต่ฝีเท้าเขาก็ไม่ได้ช้าลงเลยจนกระทั่งเขาเดินไปถึงจุดสูงสุดของสุสาน สายตาเขาก็มองไปรอบๆเพื่อมองหาผู้หญิงรัสเซียคนนั้น
หลายสิบนาทีผ่านไป เซี่ยเหล่ยก็เดินมาสุดขอบสุสานตรงหน้าเป็นป่ารกทึบ เราจะเดินกลับขึ้นเขาไปข้างบนอีกรอบเพื่อมองข้ามป่าทึบนี่ไปก็ได้ แต่เซี่ยเหล่ยมีพลังในการมองทะลุ นั่นก็คงจะง่ายกว่าการเดินกลับไปอีกรอบจริงมั้ย?
เซี่ยเหล่ยมองนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้ 1 ทุ่ม 50 นาทีแล้ว อีก10นาทีก็จะถึงเวลานัด เขาคิดในใจ “เธอขอให้เรามาเจอกันที่นี่ เธอน่าจะรู้ตัวแล้วตอนที่เรามาถึง เพราะงั้นเธอก็น่าจะแสดงตัวออกมาแล้วสิ ถ้าเรารีบเข้าไปในป่าตอนนี้ เราอาจจะคลาดกับเธอก็ได้”
ในที่สุดเซี่ยเหล่ยก็ตัดสินใจยืนรออยู่ที่เดิม ตรงขอบสุสานที่ติดกับป่า
10 นาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว
จู่ๆเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบก็ดังขึ้นมาจากทางเขาด้านหลังป่า เซี่ยเหล่ยจึงมองทะลุตามที่มาของเสียงนั่นและพบกับสาวรัสเซียคนนั้น เธอเดินผ่านป่าเข้ามาอย่างระมัดระวังโดยที่ไม่รู้เลยว่าเซี่ยเหล่ยได้มองผ่านต้นไม้ 2-3 ต้นมาและมองทุกอย่างได้อย่างชัดเจนแล้ว
เมื่อสาวรัสเซียคนนั้นกำลังจะออกมาจากป่า เซี่ยเหล่ยมองสำรวจตัวเธอ และพบว่าเธอมีปืนพกกับดาบติดตัวมาด้วย นั่นทำให้เขาเริ่มกังวลเซี่ยเหล่ยจึงถอยหลังมา 2-3 ก้าวโดยอัตโนมัติ
“ไม่ต้องกลัว” เธอพูดเป็นภาษาจีนอย่างคล่องแคล่วพลางเดินออกมาจากป่า “ฉันไม่ใช่ศัตรูของคุณ”
แต่เซี่ยเหล่ยก็ยังไม่วางใจนัก “คุณเป็นใคร?”
เธอพูดต่อ “ฉันเป็นใครไม่สำคัญหรอก เดี๋ยวถึงเวลาก็จะรู้เอง”
เซี่ยเหล่ยไม่พอใจกับคำตอบนั้นนัก “คุณให้ผมมาเจอแล้วผมก็มาแต่คุณกลับไม่จริงใจเอาเสียเลย”
“ระหว่างเราไม่จำเป็นต้องมีความจริงใจหรอก เพราะที่จำเป็นคือความเชื่อใจต่างหาก”
“แล้วเขาล่ะ?” เซี่ยเหล่ยมองไปที่ป่าด้านหลังเธอแต่เขาไม่เห็นใครเลยที่ดูจะเป็นพ่อของเขา ‘เซี่ยฉางห่ายได้’
สาวรัสเซียตอบ “ไม่ต้องมองหาหรอก เขามีเรื่องสำคัญกว่าต้องทำและตอนนี้เขาก็ไม่ได้อยู่ในจีนด้วย เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของคุณนะ เพราะแบบนี้แหละเขาถึงขอให้ฉันมาพบคุณ”
ประโยคนี้เหมือนค้อนทุบเข้าที่กลางใจเซี่ยเหล่ยแม้เธอจะไม่ได้พูดว่าคนที่เธอพูดถึงคือเซี่ยฉางห่ายแต่ประโยค “เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของคุณ” นั่นก็บอกได้แล้วว่าผู้ชายคนที่ว่าคือ เซี่ยฉางห่าย พ่อของเซี่ยเหล่ยอย่างแน่นอน!
ทันใดนั้นในใจเขาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายปะปนกันไป ตื่นเต้น ดีใจ โกรธ สับสนและเสียใจ ความรู้สึกพวกนี้พันธนาการเขาเหมือนเชือก มันรัดแน่นจนเขาหายใจแทบไม่ออก!
“อย่าโทษเขาเลย เขาทำไปเพราะความจำเป็น” สาวรัสเซียกล่าว
เซี่ยเหล่ยยิ้มอย่างขมขื่น “ความจำเป็น? ความจำเป็นแบบไหนที่ทำให้เขาต้องทิ้งครอบครัวไป? คุณไม่รู้หรอกว่าปีที่ผ่านๆมาของผมเป็นยังไงบ้าง คุณรู้มั้ยว่าความรู้สึกตอนผมฉีกจดหมายการรับเข้าเรียนจากมหาวิทยาลัยมันเป็นยังไง บอกให้ก็ได้ มันเหมือนตายทั้งเป็นไงล่ะ!”
“ไม่ใช่ว่าตอนนี้คุณก็มีชีวิตที่ดีแล้วเหรอ? เขาภูมิใจในตัวคุณนะ”
เซี่ยเหล่ยพูดต่อ “ผมไม่ได้อยากให้เขาภูมิใจในตัวผม ผมแค่อยากเจอเขา ผมอยากให้เขาอธิบาย”
สาวรัสเซียกล่าว “สักวันเดี๋ยวก็ได้เจอ เชื่อฉันสิ สักวันเขาจะกลับมาหาคุณ เขาจะอธิบายทุกอย่างให้คุณฟังเอง”
เซี่ยเหล่ยจ้องเธอ “คุณเป็นใคร?”
“ฉันเป็นผู้ช่วยเขา” เธอตอบ “ฉันชื่อ อีเว่นส์แจ ฉันบอกคุณได้แค่นี้”
“คุณเลยมาเจอผมที่นี่เพื่อบอกผมว่าเขากังวลเรื่องผมอยู่งั้นสิ?”
อีฟเว่นส์เจีย กล่าว “ไม่ใช่อยู่แล้ว พ่อคุณบอกว่ายานั่นมันล้ำค่ามากเลยนะ อย่าเก็บไว้กินให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้เลยก็ดี”
เซี่ยเหล่ยใจกระตุกวูบ เขาจำได้ว่าหลังจากที่เซี่ยฉางห่ายหายตัวไป เขาก็พบคำเตือนเป็นภาษารัสเซียว่า “Caution” อยู่ที่ก้นขวดแก้วนี่แปลว่าพ่อของเขากลับมาที่บ้านและรู้ว่าเขายังไม่ได้กินยานั่นเลย
เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นเบาๆ “ทำไมผมต้องกินยานั่นด้วย? ร่างกายผมก็ปกติดี ไม่จำเป็นต้องกินยาสักหน่อย”
“เขาคือพ่อของคุณ คุณต้องเชื่อนะ เขาจะไม่ทำร้ายคุณแน่นอนตรงกันข้ามทุกสิ่งที่เขาทำก็เพื่อคุณ ถ้าเขาให้คุณกินยา คุณก็กินซะ ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันมากนัก คงบอกอะไรคุณมากกว่านี้ไม่ได้” อีฟเว่นส์เจียกล่าว
“เรื่องนี้น่ะเหรอ?” ในใจเซี่ยเหล่ยเริ่มลังเลเขาจะกินยานั่นดีมั้ย?
อีฟเว่นส์เจียพูดต่อ “อีกอย่างนะ คุณถูกจับตามองอยู่ สถานการณ์ในตอนนี้ก็อันตรายมากด้วย”
“ใครจับตามองผม? ทำไม?” ในหัวเซี่ยเหล่ยเต็มไปด้วยคำถามตอนนี้เขากำลังนึกถึงสายลับอเมริกันคนนึงอยู่
อีฟเว่นส์เจียตอบ “ก็คนของคุณ……”
ทันใดนั้นหน้าอกของเธอก็ระเบิดออก เลือดแดงฉานสาดกระเซ็นใส่เซี่ยเหล่ย ด้วยแรงปะทะมหาศาลร่างของอีฟเว่นส์เจียลอยไปไกลก่อนจะร่วงลงสู่พื้น
อีฟเว่นส์เจียตายในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดพอดี
เซี่ยเหล่ยรีบหมอบลงกับพื้นแล้วกลิ้งตัวไปหลบอยู่ระหว่างหินหลุมศพสองก้อน เขารีบมองไปรอบๆ แต่โชคร้ายที่ไม่เห็นว่าใครฆ่าอีฟเว่นส์เจียอาวุธที่ฝ่ายตรงข้ามใช้ต้องเป็นสไนเปอร์ไรเฟิลที่ดีพอจะฆ่าเหยื่อในระยะสองกิโลเมตรได้และด้วยระยะขนาดนี้ทำให้ตาซ้ายของเซี่ยเหล่ยมองไม่เห็นสไนเปอร์ที่ซ่อนอยู่
ความจริงอยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้วแท้ๆ แต่จู่ๆระยะทางใกล้แค่นี้ก็ราวกับถูกหยินและหยางจับแยกออก จนเดินต่อไปไม่ได้อีก
ในใจเซี่ยเหล่ยเต็มไปด้วยความโกรธและกลัว เขาไม่รู้ว่าเขาคือเป้าหมายของสไนเปอร์ด้วยรึเปล่านั่นทำให้เขาไม่กล้าขยับตัว เซี่ยเหล่ยพยายามคิดว่าคนยิงเป็นใคร แต่มันไม่มีคำใบ้ใดๆให้เดาเลย
เป้าหมายของมือปืนเหมือนจะเป็นแค่อีฟเว่นส์เจียเพราะเขาไม่ได้ยิงมาอีกเป็นนัดที่สอง
ท้องฟ้ามืดลงเรื่อยๆ เซี่ยเหล่ยหลับตาซ้ายและใช้แค่ตาขวามอง อีฟเว่นส์เจีย ที่นอนจมกองเลือดอยู่ จนเขามั่นใจว่าสถานการณ์สงบแล้ว และมั่นใจว่ามือปืนจะเห็นเขาได้ไม่ชัดเจน เซี่ยเหล่ยจึงอาศัยช่องระหว่างหินหลุมศพค่อยๆคลานเข้าไปข้างๆ อีฟเว่นส์เจีย
อีฟเว่นส์เจีย ไม่หายใจสักพักแล้ว รอยแผลใหญ่บนตัวเธอทำเลือดเธอไหลออกมาเรื่อยๆ จนเป็นเลือดกองใหญ่บนพื้นรวมทั้งคาวกลิ่นคละคลุ้งในอากาศจนหายใจไม่ออก
“ผมขอโทษ……” เซี่ยเหล่ยรู้สึกผิดในใจ เขาเอื้อมไปหยิบกระเป๋าหนังในกระเป๋าเสื้อของอีฟเว่นส์เจียก่อนจะหายไปในความมืดพร้อมกับกระเป๋าใบนั้น
ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ เขาคงโทรแจ้งตำรวจหรือโทรหาหลงบิงแล้วแต่ตัวตนของอีฟเว่นส์เจียนั้นคลุมเครือแถมที่ศพก็มีปืนอีกด้วย เขาคงอธิบายตำรวจและหลงบิงไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่และอธิบายไม่ได้ว่าเธอตายได้ยังไง ยิ่งไปกว่านั้นอีฟเว่นส์เจียยังเป็นผู้ช่วยของพ่อเขาเซี่ยฉางห่าย ทุกครั้งที่เข้ามาเกี่ยวในเรื่องของพ่อเขา เซี่ยเหล่ยไม่มีทางมองหน้าตำรวจหรือหลงบิงได้เลย
เมื่อคิดดีแล้ว เซี่ยเหล่ยก็ตัดสินใจทิ้งทุกอย่างไว้ที่นี่เงียบๆไว้เพียงลำพัง
ติดตามตอนต่อไป……………..