Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 226
TXV – 226 น้ำตาไหลริน !
BMW M6 จอดลงริมแม่น้ำที่รกร้างมีหญ้าขึ้นทั่วบริเวณพวกมันเริ่มเป็นสีเหลืองและเหี่ยวเฉาดูไร้ชีวิตชีวาแต่เมื่อมาถึงตรงนี้แล้วเขาก็ไม่ต้องกังวลแล้วว่าใครพบเขาเข้า
เซี่ยเหล่ยลงมาจากรถเดินเข้าไปในพงหญ้าจนมาถึงแม่น้ำ เขาใช้มือวักน้ำขึ้นล้างเลือดที่เปื้อนหน้าเขาน้ำเย็นๆทำให้เขาเริ่มคิดอะไรออกมากขึ้น
อีเว่นส์แจนัดเขามาพบที่สุสานหยางฉ่านซึ่งคนที่รู้เรื่องนี้คือคนที่น่าสงสัยที่สุด
แต่นอกจากอีเว่นส์แจมีคนเดียวที่รู้เรื่องการนัดหมายนั่นคือหลางซือเหยา
เซี่ยเหล่ยยกมือขึ้นไว้บนหัวสะบัดหน้าแรงๆพูดกับตัวเอง “อาจจะไม่ใช่ซือเหยาก็ได้ อาจจะไม่ใช่เธอก็ได้เธอจะมาทำเรื่องแบบนี้ได้ไง? หลงบิงสงสัยว่าซือเหยาเป็นสายลับอเมริกันก็จริง แต่หลังจากนั้นเธอก็เลิกสงสัยแล้วไม่ใช่เหรอ? ไม่ใช่ซือเหยาแน่ๆ ไม่ใช่แน่ๆ……”
หลางซือเหยาคือคนที่ฆ่าอีเว่นส์แจจริงเหรอ? เซี่ยเหล่ยเชื่อว่าต่อให้เขาใช้เวลาคิดอีกสักพัก เขาก็ไม่อยากคิดว่าเป็นเธออยู่ดี เขาหลงรักหลางซือเหยาจนหมดหัวใจ และกำลังเตรียมขอเธอแต่งงานวางแผนมีลูกสาวและลูกชายมีชีวิตที่มีความสุขเซี่ยเหล่ยพร้อมจะบอกทุกอย่างกับเธอ เงินของเขา หรือแม้แต่บริษัทอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าในกรณีนี้ หลางซือเหยาจะทรยศเขาได้ยังไง?
แต่ถ้าไม่ใช่หลางซือเหยางั้นใครล่ะ?
เซี่ยเหล่ยหยิบกระเป๋าอีเว่นส์แจมาเปิดดู มีเงินเหรียญจีน รัสเซียและเงินดอลล่าร์อยู่ในกระเป๋าหนังนอกจากนั้นก็มีการ์ดของโรงแรมและชิปการ์ดอังกฤษอยู่
ด้านหน้าของชิปการ์ดมีคำว่า “temporarypass” ซึ่งหมายถึงบัตร “ผ่านชั่วคราว” เซี่ยเหล่ยพลิกการ์ดดูและพบกับ “ae” ตัวหนาทั้ง 2 ตัวพิมพ์เอาไว้ด้านหลัง แต่ไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร
ตาซ้ายของเซี่ยเหล่ยล็อคเป้าไปที่ “ae” นั่นก่อนที่ข้อมูลเกี่ยวกับ “ae” ที่ตาเขามองเห็นก็หลั่งไหลเข้าสู่สมองของเซี่ยเหล่ย ในที่สุดเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อรู้ว่า “ae” นั่นคือซอฟต์แวร์ที่ใช้ประมวลผลวิดีโอและกราฟิกซึ่งเป็นที่นิยมมาก
“บัตรผ่านชั่วคราวแบบไหนที่ต้องมีไว้เพื่อใช้ซอฟต์แวร์วิดีโอกับรูปกันนะ?” เซี่ยเหล่ยส่ายหัวแม้เขาจะรู้แล้วว่า ae หมายถึงอะไรแต่เขาก็ยังคิดว่ามันไม่น่าใช่ จากนั้นเซี่ยเหล่ยก็ลองเปลี่ยนวิธีมาใช้ตาซ้ายรื้อฟื้นคำศัพท์ที่ขึ้นต้นด้วย a และ e ในดิกชันนารีภาษาอังกฤษเท่าที่เขาเคยเห็น แล้วคำศัพท์ก็ปรากฏขึ้นในหัวขึ้นเรื่อยๆ
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป เซี่ยเหล่ยก็ยอมแพ้มีคำศัพท์ที่ขึ้นต้นด้วยสองตัวนี้เยอะเกินไป ยิ่งถ้าเอาคำมารวมต่างกัน ความหมายก็ต่างกัน ตอนนี้เขาคงยังแก้ปริศนานี้ไม่ได้
เซี่ยเหล่ยเก็บการ์ดห้องโรงแรมและชิปการ์ดเอาไว้ ก่อนจะถอดเสื้อและกางเกงออกมาเผาด้วยกันเมื่อเผาแล้ว เขาก็เอาขี้เถ้าไปทิ้งในแม่น้ำจากนั้นเซี่ยเหล่ยที่ใส่แค่กางเกงชั้นในและรองเท้าก็เดินขึ้นรถขับกลับเข้าเมืองไป
เมื่อมาถึงบ้านก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืน เซี่ยเสวียนอนไปแล้ว เซี่ยเหล่ยเดินตรงไปที่ตู้ทีวีหยิบรูปครอบครัวขึ้นมา ส่วนขวดแก้วนั่นยังอยู่ที่เดิมรวมทั้งเม็ดยาที่นอนนิ่งอยู่ก้นขวด
เซี่ยเหล่ยเดินเข้าไปในห้อง นั่งลงบนเตียงจ้องมองเม็ดยาเงียบๆ ในหัวมีสองความคิดตีกัน คือจะกินหรือไม่กินยานี่ดี?
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เซี่ยเหล่ยมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์ที่วางไว้บนเตียง ชื่อเล่นภาษาจีนที่ปรากฏอยู่คือ “housewife” ซึ่งเป็นเบอร์ของหลางซือเหยาโทรมา
ถ้าเป็นเมื่อก่อน ทุกครั้งที่เธอโทรมาเซี่ยเหล่ยจะต้องดีใจแต่ตอนนี้แม้แต่ตัวเขาเองยังอธิบายความรู้สึกไม่ถูก มันรู้สึกแปลกมากๆ
เซี่ยเหล่ยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเมื่อมันดังเป็นครั้งที่ 5 แล้ว เขาสไลด์ปุ่มรับสาย “ไงซือเหยา ทำไมนอนดึกนักล่ะ?”
เสียงหลางซือเหยาดังกลับมาจากโทรศัพท์เป็นเสียงเบาและง่วงหน่อยๆ “ถ้าคุณไม่อยู่ข้างๆฉันก็นอนไม่หลับ คิดถึงคุณจัง คุณคิดถึงฉันมั้ย?”
เซี่ยเหล่ยพูดยิ้มๆ “ผมคิดถึงคุณอยู่ แล้วคุณก็โทรมาพอดีเลย”
“ตอบได้ดีนี่นา” หลางซือเหยากล่าว “จริงสิ คุณได้เจอเขารึเปล่า?”
“เจอสิ” เซี่ยเหล่ยตอบ ความรู้สึกแปลกๆในใจเขายิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
“ฉันคิดว่าเป็นผู้หญิง ก็เลยโทรมาเช็กหน่อย”
“ใช่ ก็ผู้หญิงนั่นแหละ” เซี่ยเหล่ยกล่าว
“หา?” หลางซือเหยาประหลาดใจ “ผู้หญิงจริงๆด้วย”
เซี่ยเหล่ยพูดต่อ “อย่าเพิ่งคิดมากเชียวนะ เธอเป็น……”
“เป็นใคร?”
“เป็นเพื่อนของพ่อผม”
หลางซือเหยาเงียบไปครู่หนึ่ง “ฉันเคยฟังที่คุณพูดนะ ไม่ใช่ว่าพ่อคุณหายตัวไปเหรอ?”
เซี่ยเหล่ยตอบ “ก็หายไปจริงๆนั่นแหละ แล้วก็ไม่มีข่าวอะไรเลยจนกระทั่งตอนนี้”
“แล้วคุณได้คุยกับเขามั้ย?”
เซี่ยเหล่ยนิ่งคิดเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “เรื่องอดีตน่ะ ผมจะเล่าให้คุณฟัง อย่าบอกใครนะ สัญญาก่อน ผมถึงจะเล่า”
หลางซือเหยากล่าว “คนโง่ นี่เห็นฉันเป็นใครกัน? ฉันเป็นผู้หญิงของคุณนะ ความลับของคุณก็เหมือนความลับของฉัน ฉันจะไปบอกคนอื่นได้ไง? บอกมาเถอะจะได้ช่วยคิดไปด้วยกัน เผื่ออาจจะคิดออกก็ได้ว่าพ่อคุณอยู่ที่ไหน”
“ตกลง งั้นผมจะเล่าให้ฟัง” เซี่ยเหล่ยกล่าว “เธอบอกผมว่ามียาตัวหนึ่งของพ่อคือตัวเดียวกับที่ผมเคยกิน ครั้งสุดท้ายที่พ่อเจอเธอ พ่อฝากเธอมาบอกผมเรื่องยาในหนังสือที่พ่อผมอ่าน อืมหนังสือ ‘ไซอิ๋ว’ น่ะ”
“ยาอะไร? ทำไมมันลึกลับจัง?” เสียงหลางซือเหยาเต็มไปด้วยความสับสน “คุณเป็นโรคอะไร?”
เซี่ยเหล่ยตอบ “ผมเคยร่างกายอ่อนแอมาก่อนแล้วพ่อผมก็ให้ยามา แต่ผมไม่รู้ว่ามันเป็นยาตัวเดียวกัน ผมไม่รู้ว่ามันเป็นยาอะไรไม่รู้เลยจนกระทั่งวันนี้”
“แล้วคุณเจอยามั้ย?” หลางซือเหยาถามต่อด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นนิดหน่อย
เซี่ยเหล่ยกล่าว “เจอสิ ผมกำลังคิดอยู่ว่ากินหรือไม่กินดี เธอบอกให้ผมกินนะ แต่ตอนนี้ผมไม่ป่วยแล้ว คิดว่าผมยังควรกินยานั่นอยู่รึเปล่า?”
“ก็จริงนะคุณไม่ป่วยแล้ว อย่ากินเลย” หลางซือเหยาตอบ “รอก่อนนะ เดี๋ยวฉันไปหา”
“ดึกแล้วนะ ถ้ามาจะดีเหรอ?”
“ฉันรู้ว่าคุณกำลังสับสนอีกอย่างมันเป็นเรื่องของพ่อคุณด้วยแต่ฉันจะไปหาและคอยอยู่ข้างๆคุณ เราช่วยกันคิดดีกว่าเผื่อว่าจะรู้ว่าพ่อคุณอยู่ที่ไหนก็ได้นะ” หลางซือเหยาพูดต่อ
เซี่ยเหล่ยตอบ “อืม งั้นมาสิแล้วก็ขับรถระวังๆด้วยนะ”
“ค่ะ คุณสามี” หลางซือเหยาตอบอย่างขี้เล่นก่อนจะวางสายไป
เซี่ยเหล่ยนั่งลงที่ข้างเตียง น้ำตาสองหยดไหลลงมาเงียบๆ
ตอนที่เขาจัดการกับเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือด อีเว่นส์แจ เขาไม่เชื่อเลยว่าหลางซือเหยาคือคนที่ฆ่าเธอ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่หลงบิงสงสัยว่าเธอเป็นสายลับอเมริกันแต่หลังจากคุยกันครั้งนี้ ความเชื่อใจเขาพังทลาย ส่วนหัวใจเขาแตกสลายไม่มีชิ้นดี
เรื่องที่อีเว่นส์แจนัดเจอเซี่ยเหล่ยนั้นมีแค่หลางซือเหยาคนเดียวที่เห็นข้อความในโน้ต ทั้งเวลาและสถานที่ตอนอยู่ในสุสาน อีเว่นส์แจก็กำลังจะระบุตัวแล้ว เธอก็ชิงฆ่าอีเว่นส์แจเสียก่อนหลังจากนั้นก็โทรมาทดสอบเขา หลางซือเหยามีพิรุธบางอย่างในสายเมื่อครู่นั่นคือเธอถามว่าเซี่ยเหล่ยและอีเว่นส์แจคุยอะไรกันบ้างโดยเฉพาะตอนที่เซี่ยเหล่ยบอกว่าพ่อของเขา เซี่ยฉางห่ายมียาบางอย่าง น้ำเสียงเธอก็ดูตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัดที่สำคัญกว่านั้น เธอไม่ได้ถามถึงอีเว่นส์แจว่าเป็นยังไงต่อเพราะเธอรู้ดีว่าอีเว่นส์แจตายแล้ว
เซี่ยเหล่ยเช็ดน้ำตาบนแก้มช่วงจุดต่ำสุดของชีวิตกว่า 5 ปี หล่อหลอมเขาให้แข็งแกร่ง เขารู้ชัดเจนว่าเขาควรทำอะไรต่อและเขาต้องทำให้ได้ด้วย
เซี่ยเหล่ยลุกขึ้นและออกจากห้องไป เขาเอาหนังสือไซอิ๋วในห้องพ่อไปด้วย จากนั้นก็ไปหยิบยาปฏิชีวินะในกล่องยาของเขาและหยิบยาแคปซูลที่พ่อทิ้งไว้มาสลับผงด้านในกัน เซี่ยเหล่ยใช้มีดทำหลุมเล็กๆเอาไว้ในหนังสือไซอิ๋ว แล้วใส่แคปซูลนั่นลงไปในหลุม
หลังจากทำทั้งหมดแล้ว เซี่ยเหล่ยก็จงใจหยิบสูทสีดำตัวโปรดมาใส่ บรรจงจัดชุดหน้ากระจกอย่างดีแล้วกลับไปนั่งที่เตียงเหมือนเดิม เซี่ยเหล่ยจ้องมองท้องฟ้ากลางคืนนอกหน้าต่างด้วยสายตาว่างเปล่า สีของท้องฟ้าคือสีของอารมณ์เขาตอนนี้ มันไม่มีแสงสว่างอยู่เลย
ไม่นานนักหลางซือเหยาก็มาถึง เธอสวมชุดกีฬา Nike สีเทาเข้มใต้เนื้อผ้านุ่มเป็นส่วนเว้าส่วนโค้งที่เซ็กซี่ของร่างกาย เธอทั้งสวยทั้งเซ็กซี่อยู่ตลอดเวลาและยังดึงอารมณ์ของผู้ชายออกมาได้ง่ายๆ
เมื่อเข้ามาในห้องเซี่ยเหล่ย หลางซือเหยาก็หันไปเห็นหนังสือไซอิ๋วที่กางอยู่บนที่นอนและเห็นยาแคปซูลที่ซ่อนอยู่ในหลุมเล็กๆในหนังสือนั่น สายตาเธอจ้องค้างที่มันกว่า 5 วินาทีเต็มก่อนจะกลับมามองที่เซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยดูนิ่งมากๆพลางพูดว่า “ซือเหยา คุณมาแล้ว”
หลางซือเหยานั่งลงข้างเซี่ยเหล่ยเอื้อมมือไปโอบเอวเขาปลอบโยนอย่างนุ่มนวล “ไม่ต้องกังวลนะ เราต้องเจอคุณลุงแน่ๆ”
“มันมากกว่า 5 ปีแล้วนะจะ 6 ปีแล้ว มันนานมากจริงๆ เขาไม่กลับมาหาผมกับน้องเลย มันไม่ง่ายเลยจริงมั้ย?” เซี่ยเหล่ยยิ้มอย่างขมขื่น “ไม่ต้องปลอบผมก็ได้นะ ผมไม่เป็นไร ผมยอมรับความจริงได้แล้วว่าเขาหายตัวไปการที่เขาจะกลับมามันก็ดีหรือถ้าไม่กลับมา ผมก็รับได้”
หลางซือเหยากล่าว “คิดแบบนั้นก็ดีแล้วนี่ใช่ยาของพ่อคุณรึเปล่า?” เธอเอื้อมมือไปที่หนังสือไซอิ๋วแล้วพูดต่อ “ขอดูหน่อยได้มั้ย?”
เซี่ยเหล่ยพยักหน้า “ได้สิ”
หลางซือเหยาหยิบเม็ดยาขึ้นมาไว้ในมืออย่างระมัดระวัง มือเธอสั่นเล็กน้อยแต่เห็นไม่ชัดนัก
“ผมควรกินมันมั้ย?” เซี่ยเหล่ยถาม
หลางซือเหยามองเซี่ยเหล่ย “คนโง่ คุณป่วยถึงขั้นต้องกินยาเลยเหรอ? อย่ากินเลยแม้ว่ามันจะรักษาคุณได้แต่ก็ต้องมองความจริงนะว่าคุณน่ะแข็งแรงดีอยู่ สุขภาพดีแล้วทำไงต่อ? เดี๋ยวฉันเอาไปทิ้งให้คุณดีกว่า คุณจะได้ไม่หมกมุ่นกับมันเกินไป”
เธอยืนขึ้น ตั้งใจจะเอายาไปทิ้งจริงๆ
เซี่ยเหล่ยคว้ามือเธอไว้ก่อน “อย่าเพิ่งทิ้งเลย ผมอยากเก็บไว้เป็นความทรงจำ เพราะมันคือสิ่งที่พ่อผมทิ้งไว้”
“คุณนี่จริงๆเลย เก็บยาไว้เป็นที่ระลึกเนี่ยนะ โอเค ถ้าคุณอยากเก็บ งั้นเก็บไว้ก็ได้” หลางซือเหยาปิดหนังสือแล้วมุดเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดเซี่ยเหล่ยพร้อมรอยยิ้ม “ที่รัก ฉันคิดถึงคุณจังเลย”
ติดตามตอนต่อไป………….