Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 233
TXV – 233 ผู้มีอิทธิพล !
ผลการทดสอบที่ออกมานั้นบ่งบอกว่าสเก็ตบอร์ดอัตโนมัติที่ผลิตโดยบริษัท อุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าของเซี่ยเหล่ยนั้นมีปัญหาด้านความปลอดภัยอย่างมาก รวมไปถึงกระบวนการการผลิตก็มีปัญหาด้านความปลอดภัยเช่นกัน เฉียวปิงตัดสินใจดำเนินการให้บริษัทอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าระงับการผลิตไว้เป็นเวลาหนึ่งเดือน และหลังจากที่ได้รับการตรวจสอบในภายหลังจึงค่อยตัดสินใจอีกครั้ง
คนงานหลายร้อยคนได้มารวมตัวกันและแสดงออกถึงท่าทางที่ไม่พอใจอย่างมาก นั่นอาจจะทำให้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายได้ตอลดเวลา
เฉียวปิงพูดกับเซี่ยเหล่ยไปว่า “คุณควรจะจัดการและดูแลคนงานของคุณให้ดีกว่านี้นะ เพราะถ้าเกิดพวกเขาเข้ามาทำร้ายเจ้าหน้าที่ มันจะทำให้เรื่องนี้เลยเถิดไปกันใหญ่!”
“คุณกลัวใครหล่ะ มีใครจะทำร้ายคุณงั้นเหรอ? “เฉินอาเจียวที่เป็นคนอารมณ์ร้อนได้พูดขึ้นจากนั้นก็พูดต่อว่า” ฉันบอกคุณไว้แล้ว พวกคนงานเหล่านี้ต้องกินข้าวปลาอาหารรวมถึงครอบครัวของพวกเขาด้วยถ้าพวกเขาไม่มีเงินซื้อของที่จะกินแล้วละก็พวกเขาจะไปกินมันที่บ้านของคุณ! ”
“ใช่” หลิวเสวียบิงพูดเสริมขึ้นมา
จากนั้นคนงานทั้งหมดโห่ร้องพร้อมกัน
ตอนนี้เซี่ยเหล่ยกำลังทุกข์ทรมานจากอาการปวดหัวและยังต้องรับมือกับวิกฤติปัญหาของคนงานที่อารมณ์กำลังร้อนอีก เมื่อเห็นดังนั้นเขายังไม่ได้พูดอะไรออกไป เขาได้แต่มองไปที่ปฏิกิริยาตอบสนองของเฉียวปิงและพนักงานคนอื่นๆก่อน
เบื้องหลังเฉียวปิงไม่ได้เปิดเผยว่าเขามีการติดต่อกันกับตระกูลกู๋ซึ่งถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เขาจะไม่ได้รับผลกระทบอย่างแน่นอนแต่ในประเทศจีนปัญหาของคนที่ไม่มีจะกินไม่ใช่เรื่องตลกเพราะมันเป็นความจริงที่หลายๆครอบครัวไม่สามารถหนีจากปัญหานี้ไปได้
ในความเป็นจริงเฉียวปิงได้แสดงสีหน้าที่มืดมนแล้วพูดขึ้นว่า “เซี่ยเหล่ย ทำให้คนงานของคุณอยู่ในความสงบเดี๋ยวนี้!”
เซี่ยเหล่ยเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดขึ้นว่า “ทุกคนอยู่ในความสงบก่อน”
เมื่อได้ยินเซี่ยเหล่ยพูดขึ้น ทุกคนจึงอยู่ในความสงบ
เฉียวปิงได้ส่งกระดาษเอกสารให้กับเซี่ยเหล่ยจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “เซ็นระงับการผลิตเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วยอมรับการตรวจสอบจากเราดีกว่า”
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “คุณต้องการจะให้เราระงับการผลิตไปทำไม?”
เฉียวปิงตอบว่า “ผลิตภัณฑ์ของคุณมีอันตรายด้านความปลอดภัยซึ่งอาจจะเกิดขึ้นมาในขั้นตอนการผลิต ดังนั้นเราจำเป็นทึ่จะให้บริษัทของคุณระงับการผลิตไปก่อนเพื่อให้เราได้ตรวจสอบอย่างละเอียดและนี่…เอกสารใบนี้จะยังไม่ถูกต้องสมบูรณ์จนกว่าคุณจะเซ็นต์ชื่อของตัวเองลงไปและสุดท้ายลักษณะท่าทางรวมไปถึงอารมณ์ของคุณก็จะมีผลต่อการตรวจสอบและการพิจารณาของเราครั้งต่อไปด้วย “
เซี่ยเหล่ยยิ้มแล้วพูดว่า “ผมมีความจำเป็นที่จะต้องเซ็นรับทราบอย่างนั้นเหรอ?”
“หึ!” เฉียวปิงพูดขึ้นและจากนั้นก็หันไปพูดกับลูกน้องของเขาไปว่า “ไปจัดการซะ”
พนักงานของอุตสาหกรรมและเชิงพาณิชย์ได้ตอบรับคำพูดของเฉียวปิง จากนั้นก็เดินไปที่โกดังสินค้า
คนงานบางส่วนกำลังจะเดินไปปิดทางเพื่อไม่ให้บรรดาพนักงานของอุตสาหกรรมและเชิงพาณิชย์เดินไปที่โกดังสินค้าได้ แต่เซี่ยเหล่ยก็พูดหยุดพวกคนงานเหล่านั้นเอาไว้
เซี่ยเหล่ยส่งเอกสารที่อยู่ในมือกลับไปให้ยังเฉียวปิงจากนั้นก็พูดว่า “ท่านเฉียว บริษัทของเราไม่ได้ผลิตสเก็ตบอร์ดอัตโนมัติเพียงแค่อย่างเดียวและถึงแม้ว่าสเก็ตบอร์ดอัตโนมัติจะมีอันตรายด้านความปลอดภัยก็จริง แต่มันไม่จำเป็นที่จะต้องถึงขั้นให้ระงับการผลิตของโรงงานเลย คนงานหลายร้อยคนของผมยังต้องกินต้องใช้อยู่ คุณจะมาทำแบบนี้ไม่ได้ “
เฉียวปิงพูดอย่างหยิ่งยโสไปว่า “อย่าทำให้เรื่องมันยุ่งยากไปกว่านี้เลยดีกว่า คุณคิดที่จะต่อต้านกฏหมายอย่างนั้นเหรอลองคิดดูให้ดี เมื่อถึงที่สุดแล้วจะไม่ใช่แค่เรื่องที่จะระงับการผลิตเพียงอย่างเดียวที่จะทำให้คุณลำบาก แต่มันจะเลยเถิดไปจนถึงการขึ้นโรงขึ้นศาลหรือไม่ก็ทำให้คุณไปอยู่ในคุกได้เลย! “
เซี่ยเหล่ยหัวเราะก่อนพูดขึ้นว่า “ผมไม่กลัวหรอกนะ “ผมชอบที่จะถูกคุมขัง” จากนั้นเขาก็หันไปพูดกับคนงานว่า “กลับไปทำงานของแต่ละคนได้แล้ว!”
คนงานหลายร้อยคนก็ได้กระจัดกระจายกันไปทำตามหน้าที่ของตนเอง
“คุณกล้ามากนะ!” เฉียวปิง พูดขึ้นด้วยริมฝีปากที่สั่นซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาพูดด้วยอารมณ์โกรธ “คุณกล้าที่จะขัดขืน ดูถูกกฎหมายและระเบียบวินัยอย่างนั้นเหรอ? เจ้าคนเหลือขอนี่ถ้าไม่เห็นโลงศพคงไม่หลั่งน้ำตา!”
เซี่ยเหล่ยมองไปที่ เฉียวปิง จากนั้นก็พูดอย่างเฉยเมยว่า ” ท่านเฉียว ท่านคงจะได้รับประโยชน์จากกู๋เค่อเหวินหรือไม่ก็กู๋เค่อหวู่สินะ กับคนที่หาเงินด้วยวิธีแบบนี้ผมไม่มีอะไรจะต้องพูดด้วย แต่ผมจะต้องเตือนคุณเอาไว้อย่างนึงว่าพวกเขาก็เป็นคนงานที่จำเป็นจะต้องกินต้องใช้ อย่าทำให้พวกเขาโกรธไปมากกว่านี้จะดีกว่า คุณกลับไปซะ “
“ไอ้สารเลว” เฉียวปิงพูดด้วยอารมณ์ที่โกรธจนไม่สามารถยับยั้งได้จากนั้นก็พูดต่อว่า “ผมเป็นผู้บังคับใช้กฏหมาย คุณคิดว่าผมจะกลับไปโดยที่โรงงานของคุณยังไม่ถูกปิดอย่างนั้นเหรอ คุณคิดอะไรของคุณอยู่ คุณมีสมองเท่าเด็กสามขวบอย่างนั้นเหรอ ตอนนี้ผมขอสั่งให้คุณระงับการผลิต เป็นเวลาครึ่งปี! “
เซี่ยเหล่ยหัวเราะเยาะก่อนพูดขึ้นว่า “ ท่านเฉียว ผมยังเคารพคุณอยู่นะผมถึงเรียกคุณว่าท่านไงแต่ไม่คิดว่าคุณจะเป็นคนที่โผงผางแบบนี้เลยและถ้าคุณยังคงเป็นแบบนี้อยู่แล้วละก็ คุณก็จะเป็นได้แค่สัตว์เลี้ยงของคนตระกูลกู๋ก็เท่านั้น “
“ดี…ดีมาก!” เฉียวปิงพูดประชดด้วยความโกรธแค้นจากนั้นก็หันไปพูดกับลูกน้องของเขาเองว่า “โทรไปหาแผนกจัดการเมืองไม่ว่ายังไงผมก็จะต้องระงับการผลิตของโรงงานนี้ให้ได้! “
เซี่ยเหล่ยหันไปพูดกับกวนหลิงชานว่า “โทรไปหาผู้สื่อข่าวให้มาที่นี่ด้วย”
“อืม…ฉันจะติดต่อไปทันที” กวนหลิงชานพูดขึ้นจากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาโทร
เพียงเวลาแค่ไม่กี่นาทีหลังจากเมื่อซักครู่นี้บริเวณด้านหน้าของโรงงานของบริษัทอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้ามีรถตู้มาต่อแถวรอกันอย่างมากมายหลังจากนั้นประตูรถตู้ก็เปิดออก ก็มีคนใส่หมวกและถือไม้มากมายเดินตรงไปยังหน้าบริษัทของเซี่ยเหล่ย
บรรดาผู้คนที่ลงมาจากรถตอนนี้มีอยู่มากกว่าร้อยคนและพวกเขาดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แผนกจัดการเมืองธรรมดาอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามไม่ต้องรอให้บรรดาแผนกจัดการเมืองเหล่านี้เข้ามาภายในโรงงานได้ ฉิงเสวียงได้พาบรรดาคนงานในโรงงานจับไม้กวาดไม้ถูพื้นขึ้นมาเพื่อที่จะสนับสนุนทีมรักษาความปลอดภัยของลู่เชิงแต่เมื่อมาเทียบกันดูแล้วด้วยบรรดาคนงานเหล่านี้คงจะไม่สามารถที่จะหยุดแผนกจัดการเมืองนับร้อยคนนี้ได้
กวนหลิงชานที่โทรไปหาผู้สื่อข่าวนั้นเป็นแค่สายด่วนจึงทำให้ผู่สื่อข่าวยังคงมาไม่ถึงในตอนนี้ผิดกับแผนกจัดการเมืองที่มาอย่างรวดเร็วและตอนนี้อยู่บริเวณด้านหน้าบริษัทและพร้อมที่จะเข้าไปปิดโรงงานแล้ว!
เซี่ยเหล่ยในตอนนี้ทั้งขมวดคิ้วและหน้าผากย่นลงด้วยความกังวลเพราะอีกฝ่ายมีมากกว่า 100 คนและถึงแม้ฝ่ายเราจะมีคนงานจับมือกันลุกขึ้นสู้แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะพวกเขาไม่ได้มีความสามารถในการต่อสู้ เขาเองก็ไม่อยากที่จะให้คนงานของเขาต้องมาเจ็บตัวจากเรื่องนี้ด้วยและถึงแม้จะชนะการต่อสู้นี้ก็ไม่อาจส่งผลอะไรกับกู๋เค่อเหวินหรือกู๋เค่อหวู่ได้เลย ซึ่งมันจะยิ่งตรงกันข้ามเพราะเขาจะต้องดีใจที่เห็นฝ่ายเราบาดเจ็บ!
เมื่อคิดไปคิดมาเซี่ยเหล่ยก็ตัดสินใจในที่สุด
เซี่ยเหล่ยได้ตะโกนขึ้นว่า “ฉิงเสวียง พาคนของคุณกลับไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ต!”
ฉิงเสวียงมองไปที่เซี่ยเหล่ยด้วยความงุนงง
เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นว่า “ลู่เชิง คุณเปิดทางให้กับพวกเขาด้วย”
ลู่เชิงและฉิงเสวียงมองหน้าซึ่งกันและกันด้วยความงุนงงว่าเซี่ยเหล่ยต้องการจะทำอะไรกันแน่ แต่พวกเขาก็สงสัยได้ไม่นานและเริ่มทำตามที่เซี่ยเหล่ยบอก
„แผนกจัดการเมือง” มากมายได้กรูเข้าทางประตูหน้าและวิ่งไปล้อมรอบเซี่ยเหล่ยในตอนนี้
“พี่ต้องการจะทำอะไรกันแน่” เซี่ยเสวียพูดขึ้นอย่างตึงเครียด
เซี่ยเหล่ยพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “น้องกลับไปที่ออฟฟิศ”
เซี่ยเสวียพูดด้วยความห่วงใยไปว่า “พวกเขา …… “
เซี่ยเหล่ยจ้องตาของเธอแล้วพูดแทรกขึ้นว่า “ฟังที่ผมพูดแล้วกลับไปที่ออฟฟิศ! หลิงชาน คุณเองก็กลับไปที่ออฟฟิศด้วย! “
เซี่ยเสวียที่ได้ถูกกวนหลิงชานดึงมือไปพร้อมกันเมื่อทั้งคู่กลับมายังออฟฟิศก็ได้พากันขึ้นไปที่ชั้นสองจากนั้นกวนหลิงชานถึงได้ปล่อยมือของเซี่ยเสวีย
เมื่อบรรดาแผนกจัดการเมืองได้เข้าล้อมเซี่ยเหล่ยแล้วในตอนนี้ จากนั้นเฉียวปิง ก็พูดเสียงดังขึ้นว่า “เซี่ยเหล่ย ผมขอเตือนคุณอีกครั้งว่าให้คนงานของคุณระงับการผลิตทันที หากคุณยังดื้อดึงไม่ฟังกันแล้วละก็ ผมก็จำเป็นจะต้องจัดการขั้นเด็ดขาด “
หลังจากที่บรรดาคนงานต่างได้กลับไปที่โรงแล้วงาน พวกเขาได้วางพวกไม้ที่เคยหยิบออกมาก่อนหน้านี้แล้วเปลี่ยนเป็นหยิบพวกประแจหรือค้อนขึ้นมาแทน
เมื่อเฉียวปิงเห็นดังนั้นก็พูดขึ้นว่า “จงควบคุมคนของคุณให้ดีอย่าให้พวกเขาทำอะไรที่โง่เง่าไม่อย่างนั้นพวกเขาจะถูกพาตัวไปเข้าคุก“
เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นกับคนงานของเขาไปว่า “กลับไป! และรออยู่ที่นั่น “
ทุกคนเชื่อฟังคำพูดของเซี่ยเหล่ยทำให้บรรดาคนงานต่างกลับไปที่ส่วนงานของตัวเองแต่พวกเขาก็ไม่ได้กลับไปเพื่อทำงาน พวกเขากลับไปและรอดูท่าทีและพร้อมที่จะออกมาช่วยเซี่ยเหล่ยตลอดเวลา หากเขาต้องการความช่วยเหลือ
“เซ็นซะ” เฉียวปิงพูดขึ้นและยื่นเอกสารไปให้กับเซี่ยเหล่ยอีกครั้ง
เซี่ยเหล่ยรับเอกสารมาอีกครั้งแต่ในจังหวะนั้นสายตาของเขาก็หันไปเห็นรถบูร์กาติเวร่อนส์สีน้ำเงินขับเข้ามาแล้วจอดอยู่ด้านหน้าที่บริเวณถนนด้านหน้าบริษัทของเซี่ยเหล่ยและแม้ว่ารถคันนั้นจะไม่ได้ลดกระจกลงแต่ก็สามารถมองเห็นจากภายนอกได้ว่ามีคนนั่งอยู่ภายในรถสองคน
และคนที่ขับรถคันนั้นมาก็คือกู๋เค่อหวู่ส่วนคนที่นั่งมาด้วยก็คือกู๋เค่อเหวิน
เซี่ยเหล่ยได้มองไปที่เฉียวปิงจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ท่านเฉียว รอเดี๋ยวนะดูเหมือนว่าเจ้านายของคุณจะมาหน่ะ ผมขอตัวไปทักทายพวกเขาก่อนก็แล้วกัน “
อันที่จริงเมื่อเฉียวปิงเห็นว่ามีรถบูร์กาติเวร่อนส์สีน้ำเงินมาจอดอยู่ด้านหน้าก็รู้อยู่แล้วว่าภายในรถคันนั้นมีใครนั่งมา เขาแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงคำพูดของเซี่ยเหล่ยและไม่ได้พูดตอบอะไรเซี่ยเหล่ยไปจากการที่เซี่ยเหล่ยขอตัวไปทักทายกู๋เค่อเหวินและกู๋เค่อหวู่นั้น เฉียวปิงก็ได้ยิ้มมุมปากเพราะเขาคิดว่าการที่เซี่ยเหล่ยขอตัวออกไปนั้นก็ถือเป็นการเลี่ยงออกจากวงล้อมของแผนกจัดการเมืองซึ่งอาจจะเป็นไปเพราะความกลัวในจำนวนคน
เซี่ยเหล่ยเดินออกจากประตูไปยังรถบูร์กาติเวร่อนส์สีน้ำเงิน จากนั้นก็ยื่นมือออกไปเพื่อเคาะกระจกรถ
กระจกของรถบูร์กาติเวร่อนส์ได้ลดลงก็ปรากฏกู๋เค่อหวู่ขึ้นมา เขาก็มองไปที่เซี่ยเหล่ยจากนั้นมุมปากก็ยิ้มขึ้นแล้วพูดขึ้นว่า “มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมที่นี่มีคนมากมายเช่นนี้“
เซี่ยเหล่ยก็พูดขึ้นว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นนี้พวกคุณน่าจะรู้อยู่แล้วนี่ “
กู๋เค่อหวู่พูดว่า “เดี๋ยวก่อนนะ พวกเราเพียงแค่ขับรถผ่านมาแล้วเห็นว่ามีคนจำนวนมากชุมนุมกันอยู่จึงหยุดดูมีปัญหาอะไรงั้นเหรอ ให้ผมช่วยคิดหาวิธีให้มั้ยหล่ะ “
กู๋เค่อเหวินยิ้มแล้วพูดว่า “อย่าพูดแบบนั้นเลยเราจะไปช่วยคนแบบนี้ไว้ทำไมกันหล่ะ”
“เอ่อ? จริงสินะผมจะช่วยคุณทำไม !” กู๋เค่อหวู่พูดจากนั้นก็หัวเราะออกมา
ติดตามตอนต่อไป………