Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 244
TXV – 244 แผนการของอเลน่า !
ในขณะที่เซี่ยเหล่ยยังไม่ทันจะได้พูดแก้ตัวอะไร อเลน่าก็ได้พูดแทรกขึ้นมาก่อนว่า “มันอร่อยมากเลยนะ” ที่เธอพูดแบบนี้เพราะเธอกินเข้าไปถึงสองจานแล้ว
เซี่ยเสวียถึงกับประหลาดใจอย่างมากที่อเลน่าสามารถกินได้มากขนาดนี้แต่สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจมากกว่านั้นก็คือการที่เห็นว่าเธอกินมากขนาดไหนแต่หุ่นของเธอก็ยังคงเป๊ะอยู่
จากนั้นเซี่ยเสวียก็หันไปสังเกตที่เซี่ยเหล่ยและอเลน่าอย่างเงียบๆ และก็คิดในใจว่า เขาทั้งสองคนนี้มีความสัมพันธ์อย่างไรกันแน่
อเลน่าเองก็รู้สึกได้ถึงการจ้องมองแปลกๆจากเซี่ยเสวียแต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เธอเช็ดคราบอาหารที่ปากจากนั้นก็พูดเป็นภาษาเยอรมันไปว่า “เหล่ย ฉันมีความจริงบางอย่างที่จะต้องบอกคุณ”
“อะไรหล่ะ?” เซี่ยเหล่ยพูดเป็นภาษาเยอรมัน
อเลน่าพูดขึ้นเป็นภาษาเยอรมัน “บริษัทของคุณตอนนี้ยังมีกำลังการผลิตที่น้อยมากหากว่าคุณต้องการที่จะขยายบริษัทของคุณให้มีขนาดใหญ่ในเร็วๆนี้ฉันก็มีวิธีอยู่ เพราะฉันก็รู้ว่าคุณเป็นคนที่ทะเยอทะยานด้วยสิ่งที่บริษัทของคุณเป็นอยู่ในตอนนี้มันยังไม่เพียงพอสำหรับความต้องการของคุณใช่มั้ย?”
เซี่ยเหล่ยยิ้มจากนั้นก็พูดเป็นภาษาเยอรมันไปว่า “คุณพูดถูก ผมมีความทะเยอทะยานสูงและตอนนี้มันก็ยังไม่เพียงพอสำหรับผมจริงๆ ดังนั้นคุณมีไอเดียว่ายังไงหล่ะ?”
อเลน่าพูดเป็นภาษาเยอรมันไปว่า “เราจะทำอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านี้”
“แล้วคุณต้องการที่จะทำอะไร?” เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นอย่างกระตือรือร้นและอยากรู้อยากเห็น
“นี่…เดี๋ยวก่อนนะ” เซี่ยเสวียพูดขัดจังหวะอย่างฉับพลันจากนั้นก็พูดขึ้นต่อว่า “พี่ชาย คุณบอกว่าคุณเซี่ยเหม่ยเป็นชาวอังกฤษไม่ใช่หรอ? แต่ตอนนี้ที่เธอกำลังพูดอยู่คือภาษาเยอรมันตกลงนี่พี่หลอกฉันอย่างนั้นใช่มั้ย? “
เซี่ยเหล่ยตอบไปว่า “ความจริงเธอเป็นชาวเยอรมันแต่เรื่องตัวตนของเธอเป็นเรื่องที่ไม่ควรให้คนอื่นรู้ ดังนั้นอย่าบอกคนอื่นว่าจริงๆแล้วเธอเป็นชาวเยอรมัน”
“ทำไมหล่ะ?” เซี่ยเสวียถามขึ้นอย่างสงสัย
เซี่ยเหล่ยแสดงออกถึงท่าทางที่เขร่งขรึมและจริงจังจากนั้นก็พูดไปว่า “ไม่จำเป็นน้องที่จะต้องรู้และอย่าถามเรื่องนี้กับพี่อีก”
“โอ้ !” เซี่ยเสวียอุทานขึ้นและเธอก็ตระหนักได้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่จริงจังแต่คำพูดของเซี่ยเหล่ยก็ทำให้เธอไม่พอใจเล็กน้อยเธอก็เลยแลบลิ้นใส่เซี่ยเหล่ยไปและหลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ
เซี่ยเหล่ยหันไปพูดกับอเลน่าว่า “เรามาคุยกันต่อ เราจะคุยเป็นภาษาอังกฤษกัน และคุณเองก็ห้ามพูดภาษาเยอรมันอีกต่อไป ฝึกให้ชิน ไม่อย่างนั้นมันจะนำปัญหามาให้กับคุณได้ “
“ขอโทษที ฉันลืมตัวไปหน่อย” อเลน่าพูดขึ้นและตอนนี้เธอก็พูดเป็นภาษาอังกฤษแล้ว
เซี่ยเสวียเข้าใจที่อเลน่าพูดและเธอหันไปยิ้มให้กับอเลน่า……
อเลน่าพูดเป็นภาษาอังกฤษต่อว่า “เหล่ย คุณเองก็เป็นช่างเครื่องที่ยอดเยี่ยมและฉันก็รู้ว่าคุณเองยังเป็นวิศวกรไฟฟ้าที่มีความสามารถอย่างมาก คุณใช้มือทั้งสองข้างของคุณสร้างเครื่องจักรอัจฉริยะของโจเซฟขึ้นมาได้และฉัน…ฉันเองก็เป็นช่างเทคนิคและมีความเข้าใจในเรื่องของเครื่องยนต์ ดังนั้นเรามาทำงานร่วมกันดีกว่า เราจะผลิตเครื่องยนต์สำหรับรถยนต์กัน “
“ห๊ะ? เซี่ยเหล่ยอุทานด้วยความตกใจเมื่อได้ยินอเลน่าพูดอย่างนั้น
อเลน่ายังพูดเป็นภาษาอังกฤษต่อว่า “ที่เมืองชิงตู่ในเวลานั้น ฉันค้นพบว่าต้องใช้เงินราวๆ 2.5 พันล้านในการลงทุน เราจะสามารถสร้างเครื่องยนต์ของรถยนต์ได้ราว 100,000 เครื่องต่อปีและฉันก็มั่นใจว่าถ้าเราร่วมมือกัน เราจะสามารถสร้างเครื่องยนต์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกได้ “
เซี่ยเหล่ยยิ้มแล้วพูดว่า “2.5 พันล้าน? คุณคิดว่าผมจะหาเงินจำนวนมากขนาดนั้นมาจากไหนหล่ะ?”
“การไปกู้เงินจากธนาคารจะช่วยเราแก้ปัญหาในเรื่องนี้ได้นอกจากนั้นคุณอาจจะหาบริษัทที่จะมาร่วมลงทุนกับเราแน่นอนว่ามันจะต้องมีหลายๆบริษัทสนใจอย่างแน่นอน “อเลน่าพูดขึ้นด้วยภาษาอังกฤษอย่างตื่นเต้น
ผิดกับเซี่ยเหล่ยที่ส่ายหัวจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “คุณไม่เข้าใจว่าสถานการณ์ตอนนี้ของเราเป็นอย่างไรแม้ว่าโครงการนี้ของคุณจะน่าสนใจมากแต่การกู้เงินขนาดนี้ย่อมมีความเสี่ยงและผมคิดว่ามันเป็นความเสี่ยงที่มากจนเกินไปดังนั้นตอนนี้หยุดคิดเรื่องนี้ไปได้เลย”
เมื่ออเลน่าได้ฟังเซี่ยเหล่ยพูดอย่างนั้นทำให้ความตื่นเต้นของเธอหายไปในทันที จากนั้นเธอก็พูดขึ้นว่า “แผนของฉันไม่ดีอย่างนั้นเหรอ?”
“ใช่” เซี่ยเหล่ยตอบ
อเลน่าพูดขึ้นด้วยท่าทางลักษณะที่แสดงออกถึงความผิดหวังอย่างมากว่า “น่าเสียดายที่โครงการนี้ยังไม่ทันจะได้เริ่ม มันก็ได้จบไปซะก่อนแล้ว”
เซี่ยเหล่ยคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่ว่าจะไม่ทำหรอกนะ แต่ในตอนนี้มันยังใหญ่เกินไปสำหรับบริษัทของผมดังนั้นมันจำเป็นต้องใช้เวลาในการทำให้บริษัทของผมเติบโตเสียก่อนและเมื่อมันเติบโตจนถึงจุดที่สามารถจะเริ่มโครงการนี้ได้แล้ว ผมจะไปตามคุณมาเป็นหัวหน้าวิศวกรในโครงการทันที “
“เยี่ยมไปเลย!” อเลน่าพูดขึ้นพร้อมจับมือเซี่ยเหล่ยจากนั้นก็ขยับตัวเข้าไปหอมแก้มของเซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยตัวแข็งไปในทันทีและรู้สึกอึดอัดใจอย่างมากเนื่องด้วยว่าตอนนี้เซี่ยเสวียยังอยู่ที่นี่ด้วยกันกับพวกเขา
เซี่ยเสวียยิ้มด้วยรอยยิ้มที่สดใสก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไร ตอนนี้ข้างนอกอากาศดีมาก ต้องการให้ฉันออกไปข้างนอกก่อนไหม?”
น้องสาวคนนี้ทำเซี่ยเหล่ยพูดไม่ออกไปในทันที…….
เซี่ยเสวียคิดในใจของเธอเองว่า “เป็นเพื่อนกันงั้นเหรอ ต้องเป็นเพื่อนระดับไหนถึงจะหอมแก้มกันได้หน่ะ?
อเลน่าไม่ได้สนใจในสิ่งที่เธอทำไปเมื่อกี้เลยจากนั้นเธอก็พูดขึ้นว่า “เหล่ย ก่อนหน้านี้ฉันได้พูดกับหลงบิงเกี่ยวกับเรื่องของปืนไรเฟิลว่าพ่อและปู่ของฉันมีความรู้ในเรื่องนี้พวกเขาเคยสร้างมันมาก่อนและฉันเองก็คลุกคลีอยู่กับสิ่งเหล่านี้มาตั้งแต่เด็กจึงทำให้ฉันมีความรู้ในเรื่องนี้อย่างมาก นั่นทำให้หลังจากนั้นฉันได้เข้าไปทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งซึ่งบริษัทนี้ได้ทำการผลิตปืนไรเฟิลให้กับทหารเมื่อหลงบิงได้รู้ถึงเรื่องนี้ เธอจึงให้ฉันมาร่วมทีมกับคุณในการพัฒนาส่วนเรื่องแผนงานในการพัฒนานั้นฉันจะอธิบายให้คุณฟังในภายหลัง “
เซี่ยเหล่ยเข้าใจทันทีว่าทำไมหลงบิงจึงยอมให้อเลน่ามาที่นี่ในวันปีใหม่นี้ แน่นอนว่าการที่เธอให้อเลน่ามาที่นี่เพื่อต้องการที่จะเสริมสร้างประสิทธิภาพสูงสุดให้กับปืนไรเฟิลสำหรับใช้ในประเทศ
“แล้วต้องใช้เงินเท่าไหร่ในการลงทุนสำหรับการผลิตปืนไรเฟิล?” เซี่ยเหล่ยถาม
อเลน่าตอบไปว่า “มันก็จะขึ้นอยู่ที่กำลังการผลิตที่เราเลือกถ้าจะทำให้เป็นสายการผลิตขนาดใหญ่แล้วละก็แน่นอนว่ามันจะต้องใช้เงินลงทุนที่สูงมาก แต่ถ้าเป็นสายการผลิตขนาดเล็ก ก็จะใช้เงินอยู่ราวๆที่ 300 ล้าน “
“300 ล้านงั้นเหรอ?” เซี่ยเหล่ยขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับหน้าผากที่เหี่ยวย่น
อเลน่าพูดว่า “300 ล้านเป็นจำนวนเงินขั้นต่ำสำหรับการลงทุนแล้ว”
ก่อนหน้านี้เซี่ยเหล่ยได้ปฏิเสธข้อเสนอของหลงบิงที่จะผลิตปืนไรเฟิลเพราะว่าตอนนั้นความสามารถของบริษัทอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าไม่มากพอที่จะผลิตมันได้ แต่ตอนนี้มันต่างออกไปเพราะว่าตอนนี้มีอเลน่าที่คลุกคลีกับปืนไรเฟิลมาตั้งแต่เด็กแถมยังมีประสบการณ์ทำให้เธอมีความสามารถในด้านนี้อย่างละเอียดทั้งในเรื่องของการพัฒนาประสิทธิภาพหรือแม้แต่เรื่องของการผลิตเองก็ตาม ทำให้เซี่ยเหล่ยสนใจเรื่องนี้อย่างมาก!
เซี่ยเหล่ยเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจและเป็นโอกาสทางธุรกิจขนาดใหญ่
“อืม คุณไปบอกหลงบิงบอกไปว่าผมคิดเรื่องนี้แล้วให้เธอเป็นคนตัดสินใจ “เซี่ยเหล่ยพูด
“โอเค ถ้าเป็นแบบนี้หลงบิงก็อนุญาติให้ฉันอยู่กับคุณได้เป็นเวลาสามวันดังนั้นในสามวันนี้ฉันจะวางแผนงานให้กับคุณ ” อเลน่าพูด
“คุณ …… อยู่ที่นี่สามวันงั้นเหรอ?” เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นพร้อมแสดงอาการแปลกใจ
อเลน่าตอบไปว่า “ใช่ ไม่อย่างนั้นฉันจะต้องไปอยู่ที่โรงแรมหรือไม่ก็อาจจะต้องกลับไปที่เมืองชิงตู่ ถ้าฉันได้อยู่ที่นี่ก็จะเป็นเรื่องที่ดีมากแต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ถ้าฉันจะออกไปที่ไหนมาไหนในขณะที่อยู่ที่นี่ก็จะมีลูกน้องของเธอคอยติดตามไปด้วย”
ทันทีที่อเลน่าพูดเสร็จ เซี่ยเหล่ยก็กระพริบตาซ้ายเล็กน้อยจากนั้นก็มองออกไปข้างนอกทันทีก็พบว่าไม่มีใครตรงทางเข้าแต่เขาก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งอยู่ตรงบันไดหน้าบ้านซึ่งก็คือเค่อเจียและก็ยังพบอีกคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ที่เก้าอี้ที่อยู่ริมถนน เขาเป็นบุคคลแปลกหน้าซึ่งเซี่ยเหล่ยเองก็ไม่รู้จัก
“ให้ฉันอยู่ที่นี่ได้ใช่มั้ย? ถ้าคุณไม่อนุญาติฉันก็คงต้องกลับไปที่เมืองชิงตู่แต่ฉันไม่อยากกลับไปที่นั่นเลยที่นั่นมันแย่มากๆ “อเลน่าพูดอย่างกังวลพร้อมมองไปที่เซี่ยเหล่ยด้วยสายตาอ้อนวอน
เซี่ยเหล่ยยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร คุณอยู่ที่นี่ได้ คุณไปอยู่ที่ห้องของผมก็แล้วกัน ส่วนผมจะไปอยู่ที่ห้องของพ่อผมแทน”
“ขอบคุณมาก” อเลน่าพูดขึ้นจากนั้นก็ขยับเข้าไปกอดและหอมแก้มเซี่ยเหล่ยอีกครั้ง
สำหรับการพูดคุยระหว่างเซี่ยเหล่ยและอเลน่าเกี่ยวกับเรื่องปืนไรเฟิลนั้นเซี่ยเสวียไม่เข้าใจที่พวกเขาพูดเพราะเธอยังเป็นแค่นักศึกษาแถมความสามารถในด้านภาษาอังกฤษของเธอก็มีอยู่อย่างจำกัดแต่อย่างไรก็ตามในตอนที่อเลน่าพูดขึ้นว่าจะอยู่ที่นี่เป็นเวลาสามวันและเซี่ยเหล่ยก็อนุญาตินั้น เซี่ยเสวียฟังรู้เรื่องจากนั้นเธอก็ยิ้มขึ้นแล้วพูดว่า “พี่เซี่ยเหม่ย ฉันมีเสื้อผ้าอยู่พร้อมรองเท้าแตะด้วย ถ้าพี่ไม่รังเกียจฉันจะไปเตรียมไว้ให้ “
“ได้เลย” อเลน่าพูดขึ้นพร้อมยิ้มหวาน
ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเซี่ยเหล่ยก็ดังขึ้น
เซี่ยเหล่ยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วดูว่าใครเป็นคนโทรเข้าซึ่งก็พบว่าเป็นเฉินตูเทียนหยินเมื่อเห็นดังนั้นเขาก็รับสายแล้วพูดขึ้นว่า “เทียนหยิน สวัสดีวันวันปีใหม่ “
“สวัสดีวันปีใหม่” เฉินตูเทียนหยินพูดขึ้นจากนั้นก็พูดต่อว่า “วันนี้เป็นสบายๆ ดังนั้นเราไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะกันมั้ย?”
“เอ่อ…… ” เซี่ยเหล่ยมองไปที่อเลน่าจากนั้นเขาก็คิดไปว่าเธอที่เป็นแขกและเพิ่งจะมาถึงได้ไม่นานแล้วเขาจะออกไปกับเฉินตูเทียนหยินได้อย่างไร
เฉินตูเทียนหยินจึงพูดว่า “พ่อของฉันก็จะไปด้วย เขาอยากเจอคุณมาก เขาบอกว่าไม่ได้เจอคุณนานแล้วก็เลยคิดถึงนิดหน่อยตอนนี้ร่างกายของเขาดีขึ้นมากแล้ว เขาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วเลยอยากที่จะแสดงให้คุณได้เห็นด้วย “
“ตกลง งั้นเราไปเจอกันที่สวนสาธารณะว่าแต่ที่ไหนหล่ะ?”เซี่ยเหล่ยถาม
เฉินตูเทียนหยินตอบไปว่า “สวนจิ่งชาน“
จากนั้นเซี่ยเหล่ยก็วางสายและหันไปพูดกับอเลน่าว่า “เซี่ยเหม่ย ผมขอโทษ ผมคงต้องออกไปข้างนอกก่อน ผมจะกลับมาในช่วงบ่ายและจากนั้นช่วงเย็นผมจะทำอาหารอร่อยๆให้คุณกินเอง “
อเลน่ายักไหล่ขึ้นจากนั้นก็พูดว่า “โอเค ไม่มีปัญหา ฉันจะไปเริ่มเตรียมแผนงานด้วยแล้วเย็นนี้เราค่อยเจอกัน “
เซี่ยเหล่ยจ้องไปที่เซี่ยเสวียจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “น้องเสวีย วันนี้เธออยู่ที่บ้านกับ เซี่ยเหม่ยนะ”
ปากเล็กๆของเซี่ยเสวียงอขึ้นเล็กน้อยแสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจ
เซี่ยเหล่ยเห็นดังนั้นก็ถอนหายใจจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “เอาหน่า เดี๋ยวเย็นนี้พี่จะทำหมูเปรี้ยวหวานให้ก็แล้วกัน “
ติดตามตอนต่อไป……..