Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 248
TXV – 248 พี่สะใภ้ตัวจริง ?
ลู่เชิงอยู่ในห้องพิเศษของโรงพยาบาล เขาตื่นขึ้นมาและพบว่าเซี่ยเหล่ยและเซี่ยเสวียอยู่ข้างๆเตียงประโยคแรกที่เขาพูดคือ “ทำไมถึงพาผมมารักษาตัวที่ตึก VIP ล่ะ? ตึกธรรมดาก็มีนี่นา”
“พี่เชิง ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้หรอก ผมคุยกับทางโรงพยาบาลแล้ว ผมอยากให้พวกเขาใช้ตัวยาที่ดีที่สุดและหมอที่ดีที่สุดเพื่อรักษาคุณจนกว่าจะหายเป็นปกติ”
ลู่เชิงยิ้มเก้ๆกังๆก่อนที่จะพูดว่า “ผมไม่ตายหรอกแต่…ที่ผมทำให้คุณหนูเสวียตกใจ ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ”
เซี่ยเหล่ยพูดต่อ “พี่เชิง อย่าพูดเหมือนคุณเป็นคนนอกอีกเลย ถ้าไม่มีคุณสิ่งที่เซี่ยเสวียเจอคงเลวร้ายกว่านี้เป็นหมื่นเท่า ผมไม่อยากจะคิดเลยแต่นี่คุณช่วยชีวิตเสวียไว้แล้วยังต้องถูกมีดแทงอีกถึงสามแผล ผมจะไม่ปล่อยให้คุณต้องทนทรมานแบบนี้อีก”
ลู่เชิงรู้ว่าเซี่ยเหล่ยกำลังจะพูดอะไรจึงรีบปรามเขาไว้ “ผมเป็นบอดี้การ์ด มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว”
เซี่ยเหล่ยกล่าว “เราก็มาจากที่เดียวกัน คุณก็เป็นเหมือนพี่น้องผมด้วยบอดี้การ์ดคนอื่นๆก็ทำไม่ได้อย่างคุณ ผมกับเซี่ยเสวียไม่เคยมองว่าคุณเป็นคนนอกเลย เพราะฉะนั้นผมตัดสินใจจะให้คุณเพิ่มเงินเดือนเป็นเดือนละสองแสน”
“หา?” ลู่เชิงตกใจมาก ถ้าเงินเดือนในแต่ละเดือนคือสองแสนทั้งปีเขาก็จะมีเงินถึง 2.4 ล้านไหนจะโบนัสอื่นๆอีกนั่นมันเกือบสามล้านเลยทีเดียว เงินเดือนขนาดนี้ไม่ต่างอะไรไปจากผู้บริหารในบริษัทใหญ่ๆเลย บอดี้การ์ดหนุ่มไม่เคยคิดไม่เคยฝันมาก่อนเลยว่าเขาจะได้รับเงินเดือนที่มากมายขนาดนี้
“พี่เชิง ขอบคุณมากนะคะ” เซี่ยเสวียพูดขึ้นมา
ลู่เชิงแค่นยิ้ม “พวกคุณสองคนทำอะไรเนี่ย? ไม่เห็นจำเป็นเลยผมไม่ได้ต้องการเงินมากขนาดนี้สักหน่อย”
เซี่ยเหล่ยพูดต่อ “พี่เชิง อย่าพูดอย่างนั้นสิ ปัญหาของคุณก็คือปัญหาของผมแต่ถ้าคุณปฏิเสธอีกถือว่าคุณไม่คิดว่าผมเป็นพี่น้องคุณแล้ว”
“โอเค ตามนั้นก็ได้” ลู่เชิงเลิกปฏิเสธ
“พี่เชิง เรื่องที่คุณสู้กับคนพวกนั้น คุณเล่าเรื่องนี้ให้ผมหน่อยสิ” เซี่ยเหล่ยเปลี่ยนเรื่อง
ลู่เชิงนึกขึ้นได้เขาขมวดคิ้วแน่นสายตาดูหวาดกลัว “คนๆนั้น…เขาปิดใบหน้าไว้ แต่ผมรู้ว่าเขายังหนุ่มอายุน่าจะไล่เลี่ยกับคุณ อืม รูปร่างลักษณะก็คล้ายคุณด้วย ผมไม่เคยเจอใครร้ายกาจเท่าเขามาก่อน เขาเคลื่อนไหวเร็วมากยังไม่ทันที่ผมจะได้ป้องกันตัว ผมก็โดนมีดแทงเข้ามาถึง 3 ครั้งแล้ว มีดสองเล่มแรกผมปัดไม่ทัน ส่วนเล่มสุดท้ายผมกระโดดหลบได้ทันท่วงทีไม่งั้นตอนนี้ผมคงไม่ได้มาเล่าให้คุณฟังแบบนี้แน่ๆ เหล่ยซื่อ ถ้าคุณเจอเขาก็ขอให้ระวังตัวให้มากกว่าเดิมนะ ผู้ชายคนนั้นต้องเป็นนักฆ่าระดับมืออาชีพแน่ๆ และศิลปะการต่อสู้ของเขาไม่ใช่อะไรที่จะรับมือได้ง่ายๆ”
เป้าหมายของคนที่เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้คือการมีสุขภาพร่างกายที่ดีและเป็นคนแข็งแกร่งแต่เป้าหมายของพวกนักฆ่าคือการฆาตกรรม เป้าหมายแตกต่างกันชัดเจน ดังนั้นจึงเอาผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้มาเปรียบเทียบกับนักฆ่าไม่ได้เลยเคยมีคำพูดว่า ถ้าผู้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้และนักฆ่ามาสู้กันบนสังเวียน ผู้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้จะรู้วิธีเอาชนะพวกนักฆ่าได้ดีกว่าแต่พวกนักฆ่าจะไม่สนวิธีใดๆทั้งสิ้น พวกเขาจะทำทุกทางเพื่อฆ่าเหยื่อให้จงได้
“พี่เชิง แต่ไม่ว่ามันจะเก่งกาจแค่ไหน ผมก็จะทวงความยุติธรรมให้กับคุณเอง”
“ไม่ได้นะ!” ลู่เชิงพูดขึ้นมาทันที “ผมว่าคุณไม่ควรสู้กับเขา ผมบอกได้แค่ว่าเขาเป็นคนที่รับมือได้ยากกว่าบรูซหลงที่คุณเคยเจอซะอีกแต่ผมไม่สามารถอธิบายความรู้สึกในตอนนี้ออกมาได้ พูดได้ประโยคเดียวว่าเขาน่ากลัวมากจริงๆ! “
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “คุณมั่นใจได้เลย ผมจะไม่ประมาทแต่ตอนนี้คุณพักก่อนเถอะ แล้วผมจะมาเยี่ยมอีกพรุ่งนี้”
ลู่เชิงพูดว่า “ไม่ต้องมาเยี่ยมผมหรอก งานของคุณคงจะยุ่งแผลแค่นี้ผมไม่ตายหรอกน่า”
เซี่ยเหล่ยพยักหน้าและพาเซี่ยเสวียออกมาจากโรงพยาบาล
เมื่อออกมาจากโรงพยาบาล ลมหนาวก็พัดมาปะทะใบหน้าของเขาในตอนนี้ความโกรธที่อยู่ในใจของเซี่ยเหล่ยได้ลดลงแล้ว เขามองไปยังหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆรถ BMW M6 ของเขา
ทั้งกระโปรงยาว รองเท้าส้นสูงและกระเป๋าถือของเธอล้วนเป็นสีดำทั้งหมด รูปร่างสูงและท่าทางไม่แยแสของเธอ นั่นทำให้ดูลึกลับเซ็กซี่และอันตราย
“พี่บิง พี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย? ” เซี่ยเสวียเดินไปหาคนๆนั้น เธอทักทายหลงบิงอย่างสนิทสนม
หลงบิงพูดอย่างเย็นชาว่า “ก่อนหน้านี้สักหนึ่งชั่วโมง ฉันได้ข่าวแล้วก็รีบบินมาที่นี่เลยเธอเข้าไปในรถก่อนนะ ฉันขอคุยอะไรกับพี่ชายเธอหน่อย”
“อื้ม” เซี่ยเสวียตอบรับและก้าวเข้าไปในรถของพี่ชายในสายตาของเธอหลงบิงไม่ใช่คนที่พยายามมาเป็นพี่สะใภ้เธอเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ แต่เป็นพี่สาวที่เธอเคารพ ไม่ว่าหลงบิงจะพูดอะไร เธอมักจะเชื่อฟังเสมอ
เซี่ยเหล่ยเดินไปหาหลงบิง เขาไม่แปลกใจนักที่เธอมาที่นี่เพราะด้วยตำแหน่งของเธอเรื่องข่าวของฝั่งนี้ก็คงไม่ใช่เรื่องยากอะไร
“อย่าวู่วามน่า” นี่เป็นประโยคแรกที่หลงบิงพูดกับเซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยพูดต่อ “นี่คุณมองว่าผมเป็นคนวู่วามหรอ?”
หลงบิงพูดว่า “ฉันรู้ว่าคุณไม่ใช่คนวู่วามแต่เรื่องนี้มีเซี่ยเสวียเข้ามาเกี่ยวด้วย แถมฉันไม่รู้ว่าตอนนี้คุณเป็นไงบ้าง นี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่ฉันต้องรีบมาที่นี่เหมือนกัน”
เซี่ยเหล่ยกล่าว “เซี่ยเสวียเป็นคนในครอบครัวของผมที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น ถ้าใครจะทำร้ายเธอ ผมไม่ปล่อยพวกมันไว้แน่”
หลงบิงพูดว่า “ฉันรู้ แต่ตอนนี้เซี่ยเวียก็กลับมาแล้วคนของฝ่ายนั้นก็ถอนกำลังไปแล้วด้วยแต่ยังไงคุณก็ต้องปกป้องเธอเหมือนเดิม คุณไม่อยากเสียกำลังคนแต่คุณคงไม่อยากให้มีอะไรแบบนี้อีกครั้งหรอกนะ ฉันสัญญาว่าต่อจากนี้จะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก”
ถ้าหลงบิงกล้ารับประกันอย่างนั้น เซี่ยเหล่ยก็รู้สึกได้ว่าเขาพอจะมีอิทธิพลของหน่วยงานลับ 101 อยู่กับเขาด้วย
“จริงสิ คุณคิดว่าคนๆนั้นเป็นใคร?” หลงบิงถามขึ้น
เซี่ยเหล่ยตอบ “ผมคิดว่าน่าจะเป็นคนของตระกูลกู๋”
“คุณแน่ใจหรอ? “
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “ถึงแม้ผมจะไม่ได้มั่นใจทั้ง 100% แต่ก็มีโอกาสที่จะเป็นไปได้ประมาณ 70-80% เลยล่ะ ครั้งที่แล้วพวกเขาเสียคนไป 3 คนกู๋ดิงชานก็เสียหน้าผมก็กลายเป็นอุปสรรคชิ้นโตในสายตากู๋เค่อหวู่ไปเรียบร้อยไม่มีใครน่าสงสัยเท่าตระกูลกู๋อีกแล้ว พวกเขาถึงได้เริ่มจู่โจมน้องสาวผมก่อนเพราะถ้าเป็น CIA พวกเขาต้องการเริ่มจัดการคือตัวผมกับอเลน่า แต่นี่ไม่ใช่……”
สีหน้าหลงบิงหน้าเรียบนิ่ง “เฮ้อ! นี่เขาคิดว่าตระกูลกู๋เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลยิ่งใหญ่ของแผ่นดินจีนยุคก่อนอย่าง เจียง-ซ่ง-ข่ง-เฉิน รึไงนะ จริงๆถ้าอยู่ดีๆก็ไม่น่าตายหรอก แต่ทำแบบนี้ไม่น่าได้ตายดีแน่ๆ”
เซี่ยเหล่ยยิ้มแหยๆ “พูดก็พูดเถอะ ครอบครัวกู๋ถือว่าเป็นกลุ่มที่ชอบใช้ความรุนแรงไปแล้ว แต่ที่น่าสนใจคือพวกเขาแทบจะไม่เคลื่อนไหวเลยจนกระทั่งวันนี้”
จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาฉือโบเหยิยนก็ช่วยไม่ได้ ถ้ากู๋เค่อหวู่ไม่เป็นคนใจร้อน ทำกับดักลวงเขาไปฆ่าและโยนความผิดให้กับหู่ฮั่ว บริษัทอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าคงต้องล้มเลิกการผลิตเป็นการถาวร
หลงบิงยิ้มมุมปาก “กู๋ดิงชานก็เหมือนกับเสือ คุณคิดว่าการจับเสือมันง่ายนักหรือไง? ตอนนี้คุณอย่าเพิ่งบุ่มบ่ามและอย่าเพิ่งคิดที่จะแก้แค้นคนของครอบครัวกู๋ ถ้าคุณยังคิดอีก มันก็จะเข้าทางกับดักของครอบครัวกู๋ คุณเป็นคนฉลาดนะแต่คุณต้องคิดด้วยว่าพวกเขากำลังรอให้คุณทำอย่างที่คุณอยากทำอยู่”
เซี่ยเหล่ยพยักหน้า
“จากสถานการณ์ของคุณในตอนนี้ ฉันตัดสินใจแล้วว่าพรุ่งนี้ฉันจะพาอเลน่ากลับเมืองชิงตู่ เซี่ยเสวียก็ด้วยเธอต้องกลับไปที่ชิงตู่กับฉัน ฉันจะจัดการให้เธอเรียนภาษาต่างประเทศและจะให้เธอเรียนการต่อสู้ด้วย ต่อไปเธอต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่อันตรายถ้าเธอยังอ่อนแอเหมือนตอนนี้คงไม่ดีแน่” หลงบิงพูด
“คุณจะฝึกให้เธอต่อสู้?” เซี่ยเหล่ยสงสัย “คุณจะเปลี่ยนเธอให้เป็นเหมือนคุณงั้นหรอ?”
หลงบิงตอบ “ทักษะเรียนรู้เพิ่มเติมไม่ดีหรือไง? “
เซี่ยเหล่ยกล่าว “คุณจะฝึกเธอก็ได้ แต่ผมจะไม่ให้เธอเข้าร่วมหน่วยงานลับ 101 หรอกนะ และเราจะไม่คุยเรื่องนี้กันอีก”
หลงบิงพูดต่อ “คุณคิดว่าการเข้าหน่วยงานลับ 101 เป็นเรื่องง่ายหรอ? และฉันก็คิดว่าเธอไม่น่าจะมีคุณสมบัติพอด้วย”
เซี่ยเหล่ยรู้สึกโล่งใจเซี่ยเสวีย น้องสาวของเขายังเด็กนัก พี่ชายอย่างเขาจึงเป็นเสมือนพ่อ เขาไม่อยากให้เธอเข้าหน่วยงานลับ 101 และใช้ชีวิตที่ต้องเจอกับอันตรายไม่เว้นแต่ละวัน
“จริงสิ อีกเรื่องหนึ่ง” หลงบิงกล่าว “ฉันเชื่อว่าอเลน่ายังจะอยากอยู่กับคุณแล้วคุณจะทำยังไง ?”
“เธออยู่กับผม ผมคิดดูแล้ว…โอเค แต่ผมมีเงื่อนไขอยู่สองอย่าง”
“พูดมาเลย” หลงบิงมองหน้าเซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยตอบ “เงื่อนไขแรกคืออเลน่าต้องมาอยู่ฝ่ายเดียวกับเรา”
หลงบิงพูดต่อ “เรื่องนี้ไม่มีปัญหา เพราะเธอก็อยากจะอยู่กับคุณอยู่แล้ว”
เซี่ยเหล่ยพยักหน้า “ส่วนเงื่อนไขที่สอง ในการก่อสร้างครั้งนี้ ผมต้องการเงินอย่างน้อย 500 ล้านทางการต้องให้สินเชื่อกับผมโดยที่ต้องไม่มีดอกเบี้ย ผมจะชำระคืนเงินกู้ในแต่ละครั้ง 30% จนกว่าผมจะคืนหมด”
หลงบิงเงียบไปสักครู่ และพูดว่า “คุณรับประกันได้แค่ไหนล่ะ? “
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “ไม่ต้องกังวล ผมรับประกันว่าคุณมั่นใจได้เลยการจะก้าวหน้าไปถึงระดับสูงของนานาชาติ มันไม่มีปัญหาอยู่แล้วเพราะผมกับอเลน่าเราร่วมมือกับทางกองทัพด้วย คุณก็รู้ว่าเราแข็งแกร่งแค่ไหนถ้าพวกเราทำไม่ได้ ก็ไม่มีใครในประเทศจีนทำได้แล้วล่ะ”
“ดี ข้อเสนอแรกฉันคุยกับท่านผู้บริหารฉือแล้ว ส่วนเงื่อนไขที่สอง ที่คุณต้องการสินเชื่อ 500 ล้าน ฉันสัญญาว่าจะกลับไปรายงานให้ท่านผู้บริหารฉือได้ทราบ เรื่องนี้เขาต้องเป็นคนตัดสินใจแต่เราก่อสร้างโรงงานที่นี่ไม่ได้ เราต้องไปสร้างที่ชิงตู่”
“ทำไมล่ะ? ” เซี่ยเหล่ยแปลกใจ
หลงบิงพูดว่า “คุณลองศึกษาเรื่องการทำศึกดูนะที่นี่เป็นพื้นที่ใกล้ชายฝั่ง จะสร้างได้แค่อู่เรือเท่านั้นแต่คุณจะสร้างโรงงานที่นี่อย่างงั้นหรอ? ถ้าคุณจะทำสงคราม แล้วฝ่ายตรงข้ามทิ้งระเบิดลงโรงงานคุณล่ะ ? นี่เป็นเรื่องกลยุทธ์ฝากไว้ให้คุณลองคิดดูนะ”
เซี่ยเหล่ยยักไหล่ “โอเค คุณจะตัดสินใจสร้างที่ไหนก็ได้แต่ที่ที่คุณจะก่อสร้าง มันประเมินราคาไม่ได้เลยนะ”
หลงบิงยิ้ม “คุณชักจะเหมือนนักธุรกิจเข้าทุกวัน”
“แล้วเป็นนักธุรกิจมันไม่ดีหรือไง? ” เซี่ยเหล่ยพูด
หลงบิงพูดต่อ “กลับไปได้แล้ว คุณต้องกลับไปบอกเรื่องนี้กับอเลน่า ฉันสัญญากับเธอว่าจะให้อยู่ที่นี่สักสามวันแต่พรุ่งนี้ฉันจะไปรับตัวเธอกลับชิงตู่แล้ว ฉันกลัวว่าเธอจะไม่พอใจเอา”
“โอเค ผมจะไปบอกเธอเองแล้วคุณจะไปด้วยกันมั้ย? “
“ไม่ล่ะ ฉันมีเรื่องอื่นที่ต้องไปทำแล้วเจอกัน” หลงบิงเดินกลับออกไป
เซี่ยเสวียยื่นหน้าออกมานอกกระจก “พี่บิงจะไปไหนหรอคะ? ทำไมพี่ไม่ชวนให้เธอไปที่บ้านของเราล่ะ? “
เซี่ยเหล่ยแค่นยิ้มและส่ายหัว “น้องไม่รู้หรอกว่าหลงบิงอยู่ในอารมณ์ไหน เรากลับบ้านกันเถอะ จริงสิพรุ่งนี้ น้องจะต้องกลับไปที่ชิงตู่กับหลงบิง น้องจะปลอดภัยเมื่ออยู่กับเธอ ……….และพี่เซี่ยเหม่ยจะกลับไปชิงตู่กับน้องด้วย”
เซี่ยเสวียยิ้ม “ดีค่ะ พี่สะใภ้ต่างชาติจะไปชิงตู่กับฉันด้วย ฉันจะได้เรียนภาษาอังกฤษกับเธอ เผลอๆอาจจะได้เรียนภาษาเยอรมันด้วยก็ได้”
“หืม พี่สะใภ้งั้นหรอ? “
“หรือไม่ใช่ล่ะ ? พี่บอกฉันสิว่าใครกันแน่ที่จะเป็นพี่สะใภ้ตัวจริงของฉันน่ะ! “
ติดตามตอนต่อไป………