Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 250
TXV – 250 ลองใช้จริง !
วันที่ 10 มกราคม หลังจาก 1 อาทิตย์ของการจัดเตรียมผ่านไป ปาร์ตี้ค็อกเทลของเซี่ยเหล่ยก็ได้เริ่มขึ้นแล้วเวลาสองทุ่มสถานที่คือโรงแรมห่ายจู ผู้ร่วมงานไม่เพียงแต่เป็นคนดังของห่ายจู แต่ยังมีแขกผู้มีเกียรติและมีชื่อเสียงจากฮ่องกงและมาเก๊ามาร่วมงานด้วย กลุ่มดาราดังก็ได้รับเชิญมาเช่นกัน ทุกคนได้รับเชิญมาเป็นสีสันของงานเลี้ยงค็อกเทลในวันนี้
ยิ่งใกล้สองทุ่มมากขึ้นเท่าไหร่ การจราจรบริเวณใกล้โรงแรมห่ายจูก็ยิ่งติดขัดมากขึ้น รถคันหรูของคนที่ได้รับเชิญเคลื่อนตัวเข้ามาเหมือนขี่เมฆ VIP
เซี่ยเหล่ยจอดรถในลานจอด สังเกตรอบๆก่อนจะเดินลงมาจากรถ นักฆ่าที่แฝงกายอยู่ใกล้เขาก็เก่งไม่ใช่เล่นเลยด้วย เซี่ยเหล่ยไม่อยากเดินลงมาจากรถแล้วตายทันทีด้วยปืนสไนเปอร์ไรเฟิลสักเท่าไหร่
ในการจะป้องกันไม่ให้ตัวเองถูกฆ่า เซี่ยเหล่ยจะต้องทดสอบความสายตายาวของตัวเองเป็นพิเศษ เขาทดสอบโดยใช้ชาร์ตข้อความ เริ่มจากมองในระยะทาง 1 กิโลเมตร ตาซ้ายของเขายังมองเห็นตัวอักษรทุกตัวบนชาร์ตอยู่ เมื่อเพิ่มระยะทางเป็น 2 กิโลเมตร เขาเริ่มมองไม่เห็นตัวอักษรบรรทัดแรกกับบรรทัดที่สองจากด้านล่างแล้ว ที่ระยะ 3 กิโลเมตร เขายิ่งมองไม่เห็นบรรทัดที่ 3 และ 4 จากด้านล่างไปอีก และเมื่อเพิ่มระยะเป็น 4 กิโลเมตร เซี่ยเหล่ยก็มองไม่เห็นบรรทัดที่ 5 และ 6 จากด้านล่างแล้ว แต่เซี่ยเหล่ยก็ยังทดลองเพิ่มระยะดู ซึ่งเมื่อมากกว่า 4 กิโลเมตร เขาก็มองไม่เห็นชาร์ตทั้งชาร์ตแล้ว ไม่ต้องพูดถึงตัวอักษรบนนั้นเลย
การทดสอบครั้งนี้ดูเหมือนจะต้องทดสอบหลายครั้ง ซึ่งก็ได้ผลการทดลองว่า การมองระยะไกลของเขาจำกัดระยะอยู่ในช่วง 4 กิโลเมตร ซึ่งสายตาที่มองได้ไกลทะลุขีดความสามารถมนุษย์ทั่วไปแบบนี้ มันแทบจะเทียบเท่ากับสายตาของเหยี่ยวตามธรรมชาติได้เลย เหยี่ยวสามารถมองเห็นเหยื่อบนพื้นดินได้จากความสูงที่สูงมากๆ แต่เซี่ยเหล่ยสามารถใช้ตาซ้ายของเขาล็อคเป้าหมายที่ไกลได้ถึง 4 กิโลเมตร!
แต่บนโลกนี้ยังไม่มีใครพัฒนาปืนสไนเปอร์ไรเฟิลให้ยิงได้ไกลถึง 4 กิโลเมตรเลยดังนั้นถ้าเขาสังเกตสิ่งแวดล้อมรอบตัวอยู่เสมอก็คงรอดจากการเป็นเป้าของมือปืนไปได้
เซี่ยเหล่ยมองนาฬิกาข้อมือแล้วขมวดคิ้วเล็กๆ “เลยเวลานัดแล้วนี่นา ทำไมฉิงเสวียงยังไม่มาอีก?”
ตอนนั้นเอง มีรถแท็กซี่ขับมาจอดลงตรงหน้าประตูโรงแรม ตามด้วยผู้หญิงในชุดเดรสสีแดงคนหนึ่งเดินลงมาจากรถร่างสูงระหงกับความโค้งของเอวและสะโพกที่ดูสวยมีสเน่ห์แบบผู้ใหญ่ ผมยาวสีดำขลับรับกับใบหน้าสวย ติดอย่างเดียวคือหน้าอกเธอค่อนข้างแบน ถ้าหน้าอกเธอใหญ่กว่านี้สักหน่อยเธอคงสวยเซ็กซี่ขึ้นกว่านี้มากๆ
สาวเดรสแดงหันมองซ้ายขวาก่อนจะหยุดมองที่เซี่ยเหล่ยและโบกมือให้เขา
เซี่ยเหล่ยนิ่งอึ้งคิดในใจว่า “เรารู้จักกันด้วยเหรอ เธอโบกมือให้เราทำไมเนี่ย?”
เซี่ยเหล่ยเดินเข้าไปพลางคิดสับสนอยู่ในใจแต่ก่อนจะเดินไปถึงเธอ เขาก็นึกออกว่าสาวเดรสแดงคือใคร ฉิงเสวียงไงล่ะ!
หน้าผากเซี่ยเหล่ยเหงื่อแตกพลั่ก “ฉิงเสวียง นี่คุณ…… เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่เนี่ย?”
ฉิงเสวียงยกยิ้ม “จำเป็นต้องระบุด้วยเหรอว่าเป็นหญิงหรือชาย?”
เมื่อหลุดออกจากความงุนงงแล้ว เซี่ยเหล่ยก็รู้สึกขมขื่นในใจเล็กๆ เขาเหลือบมองเรียวขาสวยของฉิงเสวียง วินาทีต่อมาก็รู้สึกเหมือนมีฟ้าผ่าลงกลางใจ ฉิงเสวียงก็คือผู้ชายที่ต้องเข้าห้องน้ำชายเหมือนกับเขา ฉิงเสวียงเพียงแค่ดูเหมือนผู้หญิงมากไปหน่อย ยิ่งใส่วิกแบบนี้คงไม่มีใครคิดหรอกว่าเธอจะเป็นผู้ชาย
“คุณวางใจได้เลย ฉันไม่ไปกีดกันพวกคุณและเป็นศัตรูหัวใจกับเฉินตูเทียนหยินหรอกนะ พอเราเข้าไปแล้ว ฉันจะทำงานของฉัน คุณก็ทำงานของคุณ เราคงหาตัวนักฆ่านั่นได้ภายในคืนนี้แหละ” ฉิงเสวียงกล่าว
เซี่ยเหล่ยพยักหน้า “ไปกันเถอะ”
ที่ทางเข้าห้องโถงใหญ่ เซี่ยเหล่ยแสดงบัตรเชิญและเดินเข้าไปพร้อมฉิงเสวียง
แม้เซี่ยเหล่ยจะเป็นคนจัดงานเลี้ยงค็อกเทลนี่แต่เขามาเข้าร่วมในฐานะแขกคนหนึ่งแทน
เฉินตูเทียนหยินยืนอยู่ในล็อบบี้มองดูแขกเหรื่อที่ทยอยมาเรื่อยๆในฐานะเจ้าภาพ เธอเหลือบไปเห็นเซี่ยเหล่ยและฉิงเสวียงเดินเข้ามาและหยุดสายตาไว้ที่ฉิงเสวียงปฏิกิริยาเธอไม่ได้ต่างไปจากเซี่ยเหล่ยก่อนหน้านี้เลย เธอคิดว่าฉิงเสวียงก็เป็นผู้หญิงสวยๆคนหนึ่งเหมือนกัน
“ดูนั่นสิ ฉันจะกลายเป็นศัตรูหัวใจเธอแล้วนะเราแยกกันตรงนี้ดีกว่า” ฉิงเสวียงกล่าวก่อนจะหมุนตัวเดินไป
เซี่ยเหล่ยยิ้มแห้งพลางส่ายหน้าเบาๆ เขาเดินตรงเข้าไปหาเฉินตูเทียนหยินแต่เธอดูแปลกๆไปนิดหน่อย ตอนนี้เขาเดาออกแล้วว่าประโยคแรกที่เธอจะพูดคืออะไร
“ผู้หญิงคนนั้นใครเหรอ?” ว่าแล้วเชียวเฉินตูเทียนหยินพูดออกมาตรงตามที่เซี่ยเหล่ยเดาไว้ไม่มีผิด
เซี่ยเหล่ยเดินเข้าไปใกล้เธออีกหน่อยแล้วกระซิบเบาๆ “คนของบริษัทผมเอง เป็นหัวหน้างานซุปเปอร์มาร์เก็ตชื่อฉิงเสวียง คุณเคยเจอเธอแล้วแต่จริงๆเธอเป็นผู้ชายนะ”
“หา?” เฉินตูเทียนหยินมองเซี่ยเหล่ยด้วยสายตาที่แปลกมากขึ้นอีก “นี่คุณ……”
เซี่ยเหล่ยนิ่งไปแล้วรีบพูดต่อด้วยความกระอักกระอ่วน “อย่าคิดแบบนั้นเชียวนะ ผมชอบผู้หญิง ผมพาเธอมาช่วยงานด้วยเฉยๆ”
เฉินตูเทียนหยินยกยิ้ม “ฉันแค่ล้อเล่นน่า คุณไปทำงานของคุณเถอะเดี๋ยวเราค่อยมาเจอกันอีกรอบ”
แม้เฉินตูเทียนหยินรู้ดีว่าเซี่ยเหล่ยตั้งใจจะทำอะไรแต่คนที่เธอเชิญมาล้วนเป็นคนที่รู้จักทั้งหมด เธอจึงต้องไปทักทายทุกคนตามมารยาท
“เทียนหยิน!” กู๋เค่อหวู่เดินเข้ามาในมือถือกุหลาบเอาไว้ช่อหนึ่ง
แต่เขาไม่ได้มาคนเดียวมีกู๋เค่อเหวินและด่งชิงเหยี่ยตามมาด้วย
เซี่ยเหล่ยยังเดินไปไม่พ้นรัศมีสายตาคนทั้งสาม ด่งชิงเหยี่ยจ้องเขาตาเขม็ง สายตาเต็มไปด้วยความโกรธเกลียดเพราะเขาคือคนที่ฆ่าพ่อของเธอ ถ้าที่นี่มีแค่เธอกับเขาสองคน เธอคงไม่พุ่งเข้าใส่เขาแบบไม่ลังเลเลยหรือต่อให้ไม่ชนะอย่างน้อยก็ขอให้ได้กัดระบายความโกรธบ้างก็ยังดี!
“เทียนหยิน คุณสวยมากจริงๆ” กู๋เค่อหวู่ส่งช่อกุหลาบในมือให้เฉินตูเทียนหยินด้วยสีหน้าสุภาพและยิ้มนุ่มนวล “ได้โปรด รับคำขอโทษที่จริงใจจากผมด้วยเถอะครับ”
จะมีผู้หญิงสักกี่คนที่ปฏิเสธการขอโทษที่โรแมนติกขนาดนี้ได้ล่ะ?
เฉินตูเทียนหยินเหลือบมองเซี่ยเหล่ยที่ยืนอยู่ข้างๆเธอราวกับว่ากำลังแอบดูปฏิกิริยาของเขาอยู่
แต่เซี่ยเหล่ยนิ่งมาก เขากำลังจ้องมองทั้งสามคนอยู่เช่นกัน………
ถ้าเป็นเฉินตูเทียนหยินปกติคงไม่รับดอกไม้จากกู๋เค่อหวู่อยู่แล้วแต่เพราะเธอคิดว่าเซี่ยเหล่ยขอให้ช่วยจัดงานเลี้ยงค็อกเทลนี้ เธอเลยยิ้มออกมาแล้วยื่นมือไปรับช่อดอกไม้ “เค่อหวู่ เค่อเหวิน ไปนั่งกันก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะไปคุยกับพวกคุณทีหลัง”
กู๋เค่อเหวินพูดยิ้มๆ “พี่เทียนหยิน เราไม่ได้คุยกันนานมากเลยพี่ต้องมาหาฉันนะ เราจะได้คุยกันสักที”
เฉินตูเทียนหยินพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะส่งช่อดอกไม้ไปให้ฟู่หมิงเหม่ยต่อ
ฟู่หมิงเหม่ยแทบอยากจะปาช่อกุหลาบนั่นทิ้งให้รู้แล้วรู้รอดแต่น่าเสียดายที่แถวๆนี้ไม่มีถังขยะเลยสักถัง
กู๋เค่อหวู่เดินตรงไปทางเซี่ยเหล่ยพร้อมรอยยิ้มที่ดูใจดี “คุณเซี่ย เจอกันอีกแล้วนะ”
เซี่ยเหล่ยยิ้มตอบ “อืม เมืองนี้ไม่ได้ใหญ่มากมายคงมีโอกาสได้เจอกันอีกเยอะเลยล่ะ”
“จริงเหรอ? ผมคิดว่าโอกาสได้เจอคงไม่น่าจะมีเยอะหรอก” กู๋เค่อหวู่แสยะยิ้ม ความหมายของเขาชัดเจนว่ามันหมายถึงชีวิตของเซี่ยเหล่ยคงไม่ยืดนักจะเหลือโอกาสให้เจอกันอีกสักกี่ครั้งเชียว?
เซี่ยเหล่ยรีบใช้ตาซ้ายสำรวจร่างกายกู๋เค่อหวู่ทันที ผลที่ได้ก็คือไม่มีอาวุธบนตัวเขามีแค่กระเป๋าเงินและโทรศัพท์จากนั้นเซี่ยเหล่ยก็เปลี่ยนไปมองกู๋เค่อเหวินต่อ ชุดเดรสสีแดงของเธอเลือนหายไปอย่างรวดเร็วถึงแม้ว่าเธอจะเป็นศัตรูแต่ในสายตาของผู้ชายอย่างเซี่ยเหล่ยบอกได้เลยว่ารูปร่างของกู๋เค่อเหวินถือว่าร้อนแรงทีเดียวราวกับเมล็ดพันธุ์ที่เติบโตมาเกินเบอร์ไปหน่อยไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมแต่มองแล้วน่าตกใจนิดๆ
กู๋เค่อเหวินเองก็ไม่มีอาวุธเช่นกัน ไม่มีอะไรเลย เว้นแต่บราสีน้ำเงินแม้เธอจะสวมเดรสแดงก็ตาม เธอเก็บของทุกอย่างไว้ในกระเป๋าถือ โทรศัพท์ กระเป๋าเงินและพวกเครื่องสำอาง เช่นลิปสติก กระจก ดินสอเขียนคิ้วและอื่นๆ ดูวุ่นวายสุดๆ
และคนสุดท้ายที่เซี่ยเหล่ยมองคือด่งชิงเหยี่ยรูปร่างเธอดูค่อนข้างแข็งแรง เรียวขาเธอกลมมนและหนา หน้าอกและสะโพกใหญ่พอตัวแต่กลับไม่มีส่วนโค้งที่ดูสวยเลย ต่างจากกู๋เค่อเหวินลิบลับเพราะด่งชิงเหยี่ยมีตั้งแต่โทรศัพท์มือถือ กระเป๋าเงิน ดาบ มีดปา 2 เล่ม และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชิ้นจิ๋ว 2 ชิ้นที่น่าจะใช้ดักฟังและเป็นเครื่องติดตาม
เซี่ยเหล่ยรู้สึกหวาดระแวงเล็กน้อย “เครื่องดักฟังกับเครื่องติดตาม ตั้งใจจะแอบฟังงั้นเหรอ? แล้วจะแอบตามใครกัน?”
ในระหว่างที่เซี่ยเหล่ยกำลังเอาแต่จ้องและคิดหนัก กู๋เค่อเหวินก็เดินผ่านหน้าเขาไป “เราไปกันเถอะ คนแถวนี้ดูน่ารังเกียจยังไงก็ไม่รู้”
เฉินตูเทียนหยินขมวดคิ้วทันที ไม่ว่าจะเป็นใครแต่ถ้ามาว่าเซี่ยเหล่ยแบบนี้ เธอก็ไม่พอใจทั้งนั้น
กู๋เค่อหวู่หันมามองกู๋เค่อเหวินที่เดินตามเขามาแล้วหันไปยิ้มกับเซี่ยเหล่ย “ขอโทษนะแต่เธอไม่ได้หมายถึงคุณนะ คุณเซี่ย คงมีเรื่องเข้าใจผิดกันแต่อย่างว่าล่ะนะ มันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด ผมรู้สึกว่ามีเรื่องอะไรหลายๆอย่างเกิดขึ้นระหว่างเราที่ทำให้พวกเราไม่ถูกชะตากันแต่ยังไงก็ขอให้คุณยกโทษให้พวกเราด้วยนะ”
เซี่ยเหล่ยยิ้มตอบ “ไม่เป็นไร ผมไม่ได้คิดมากที่คุณเหวินพูดอยู่แล้ว”
“งั้นก็ดีแล้วล่ะ” กู๋เค่อหวู่กล่าวอย่างสุภาพ “อีกสักพัก เราน่าจะดื่มและคุยกันสักหน่อย คงไม่มีความขัดแย้งไหนที่แก้ไม่ได้ใช่มั้ย ?”
เซี่ยเหล่ยตอบรับอย่างสุภาพเช่นกัน “ขอบคุณครับ ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” จากนั้นก็ยื่นมือไปหากู๋เค่อหวู่
กู๋เค่อหวู่อึ้งนิดๆแต่ก็ส่งมือมาจับมือเซี่ยเหล่ยตอบแต่ตอนนี้ดูเซี่ยเหล่ยจะอบอุ่นมากเขาไม่เพียงแต่จับมือแต่จู่ๆก็โน้มตัวไปกอดกู๋เค่อหวู่ด้วย
เซี่ยเหล่ยกระซิบข้างหู “อย่ามาเล่นตุกติกนักเลย ผมขอเตือนคุณครั้งสุดท้ายนะ คุณทำผมได้แต่ถ้าทำอะไรน้องสาวผม คุณตายแน่ !”
กู๋เค่อหวู่ยกยิ้ม “อ๋อจริงเหรอ? งั้นผมอยากเห็นจังว่าใครจะตายกันแน่”
เซี่ยเหล่ยคลายกอดกู๋เค่อหวู่แต่จังหวะที่ผละออกจากกันนั้นเซี่ยเหล่ยใช้มือซ้ายล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของอีกคนด้วย
กู๋เค่อหวู่ยิ้มกว้างให้เฉินตูเทียนหยินอีกครั้ง “เทียนหยิน แล้วเจอกันนะ”
เฉินตูเทียนหยินพยายามข่มความรู้สึกสะอิดสะเอียนไว้ลึกๆ ฝืนยิ้มและพยักหน้าให้เขา
กู๋เค่อเหวิน กู๋เค่อหวู่ และด่งชิงเหยี่ยเดินต่อเข้าไปในห้องโถงรับรอง
ฟู่หมิงเหม่ยปาช่อกุหลาบใส่บริกรของโรงแรมแล้วพูดเสียงดัง “เอาไปทิ้งที”
เฉินตูเทียนหยินอยากจะคุยกับเซี่ยเหล่ยสักหน่อยแต่เขาก็เดินเข้าห้องน้ำไปเสียแล้ว
ติดตามตอนต่อไป……………..