Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 254
- TXV – 254 ความกล้าหาญของคนธรรมดาคนหนึ่ง
“เราเพิ่งพูดไปไม่นานเองนะว่าเด็กคนนั้นมันโง่ ใครจะคิดล่ะว่าหมูจะกินเสือได้น่ะ!”
“เอาชนะราชานักพนันได้ ไม่ธรรมดาเลย!”
“ตอนนี้ตระกูลกู๋คงหนักใจเหมือนแบกภูเขาไว้แล้ว”
เสียงซุบซิบลอยไปเข้าหูเฉินตูเทียนหยินเธอรู้สึกหลายอย่างปนกันไปหมด ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าเซี่ยเหล่ยกลายเป็นนักพนันที่ติดการพนันเป็นชีวิตจิตใจจนเธอรู้สึกผิดหวังในตัวเขาไปแล้ว แต่ตอนนี้เธอเพิ่งจะค้นพบว่าเขามีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดาในการเล่นพนัน ซึ่งด้วยพรสวรรค์สุดพิเศษนั้น เขาสามารถพึ่งการพนันเป็นเส้นทางความร่ำรวยได้เลย แต่เขาไม่เลือกทางนั้น เขาเลือกขยันทำงานหนักแทน ส่วนการที่กู๋ดิงชานและเฮ่อจายหยิง พยายามหลอกล่อเซี่ยเหล่ยให้เล่นการพนันนั้นพูดได้อีกอย่างว่าพวกเขากำลังเอาตัวเองมาให้เซี่ยเหล่ยเชือดคออยู่!
คิดว่าส่งแกะอ้วนมาที่โรงเชือดแล้วจะรอดงั้นเหรอ?
เสียงซุบซิบก็ดังเข้าหูกู๋เค่อเหวินและกู๋เค่อหวู่เช่นกันแต่มันช่างหยาบคายจริงๆ ตอนนี้สองพี่น้องกู๋ต่างโมโหจัด เหล่าคนที่ซุบซิบกันต่างเป็นตัวเด่นในโลกธุรกิจกันทั้งนั้น ทั้งสองคนจะโกรธอะไรพวกเขาไม่ได้แม้ว่าจะอยากโกรธแค่ไหนก็ตาม สองพี่น้องพยายามอดทนแม้จะโกรธหน้าดำหน้าแดงอยู่ ทั้งสองจ้องเซี่ยเหล่ยราวกับว่าสายตาพวกเขาเป็นเลนส์แว่นขยายที่รวมแสงอาทิตย์แล้วจุดไฟเผาเซี่ยเหล่ยได้!
แต่คนโดนจ้องก็ไม่ได้ใส่ใจสายตาแข็งกร้าวของสองพี่น้องเลย เขาเพียงแต่นั่งสบายๆที่โต๊ะพร้อมรอยยิ้มบางๆบนใบหน้า “น่าผิดหวังจัง จบเร็วชะมัดเลย”
เฮ่อจายหยิงพยายามข่มความโกรธไว้ในใจ “อยากเล่นอีกเหรอ?”
เซี่ยเหล่ยพยักหน้า “แน่นอนครับ แต่ผมกลัวว่าคุณจะไม่กล้าเล่นต่อแล้ว”
“คุณ….” เฮ่อจายหยิงแทบอยากจะหยิบที่เขี่ยบุหรี่บนโต๊ะขว้างใส่หน้าเซี่ยเหล่ย แล้วพูดอัดหน้าเซี่ยเหล่ยว่า เขาคือราชานักพนันแห่งมาเก๊า! แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ต้องบังคับสีหน้าตัวเองให้เรียบนิ่งต่อไป เฮ่อจายหยิงรู้ดีว่าท่าทางก้าวร้าวของเซี่ยเหล่ยเป็นวิธีการเล่นพนันของเขาตอนนี้เซี่ยเหล่ยมีเงินอยู่ 160 ล้านยูโรซึ่งแลกเป็นเงินจีนได้ประมาณ 1.14 พันล้าน ถ้าเขาเล่นอีกครั้ง ใครจะจ่ายไหวกันล่ะ?
การพนันครั้งนี้ สักร้อยล้านก็ยังไม่พอเสียให้เซี่ยเหล่ยเลย!
เซี่ยเหล่ยเปลี่ยนไปมองกู๋ดิงชานแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงเยาะเย้ย “คุณกู๋ คุณบอกให้ผมทำตัวแมนๆ ตอนนี้คุณก็ต้องแมนด้วยนะครับกล้าเล่นต่อมั้ยครับ?”
กู๋ดิงชานสีหน้าหมองดำเป็นก้นหม้อ
กู๋เค่อหวู่เดือดจัด “เซี่ยเหล่ย เคารพกันหน่อยสิ! คุณก็ได้เงินไปบ้างแล้วไม่ใช่รึไง? ทำไมถึงยังหยาบคายอยู่อีก?”
เซี่ยเหล่ยยกยิ้ม “กู๋เค่อหวู่ จะมานั่งเล่นด้วยก็ได้นะ”
แต่กู๋เค่อหวู่นิ่งไม่ขยับ
เซี่ยเหล่ยยังคงยิ้มและพูดต่อ “ไม่มีเงินเหรอครับ? อ้อจริงสิ เงินคุณก็คือเงินที่พ่อคุณให้นี่นา งั้นคุณก็ขอพ่อคุณมาเสียให้การพนันและเสียให้ผมสักหน่อยจะเป็นไรไป?”
กู๋เค่อหวู่กัดฟันกรอด
“ฮ่าฮ่าฮ่า……” เซี่ยเหล่ยหัวเราะ “กลับบ้านไปช่วยพ่อซักผ้าหุงข้าวดีกว่าอย่าออกมาข้างนอก ทำวางตัวเป็นผู้ใหญ่เลย”
“ไอ้เวรเอ๊ย!” กู๋เค่อหวู่ทนคำสบประมาทไม่ได้อีกต่อไป เขาพุ่งไปหาเซี่ยเหล่ย
แต่กู๋เค่อเหวินคว้าตัวเขาไว้ได้ก่อน ไม่ใช่อะไรเลยเพราะเธอรู้ดีว่าเซี่ยเหล่ยแข็งแกร่งขนาดไหนไม่ต้องพูดถึงกู๋เค่อหวู่ ต่อให้มีเขาสักสิบคนก็ยังเป็นคู่ปรับให้เซี่ยเหล่ยไม่ได้เลย!
“เซี่ยเหล่ย!” กู๋ดิงชานลุกขึ้นและตบโต๊ะอย่างหัวเสียทันที “ต่อหน้าผม ก้าวร้าวให้มันน้อยๆหน่อย!”
เซี่ยเหล่ยยืนขึ้นบ้างและจ้องกลับไปที่กู๋ดิงชาน “งั้นพนันกับผมสิ ไม่มีเงินไม่เป็นไร ผมเอาที่ดินและหุ้นส่วนของบริษัทแทนถ้าคุณเป็นลูกผู้ชายจริงงั้นก็พนันกับผม”
กู๋ดิงชานเหลือบมองเฮ่อจายหยิงครั้งหนึ่งและได้รับการส่ายหน้าเบาๆกลับมา
เมื่อเฮ่อจายหยิงแพ้เซี่ยเหล่ยเป็นครั้งที่สาม เขาก็อยากเอาชนะคืนบ้างแต่เซี่ยเหล่ยเก่งเกินกว่าที่เขาจะหาโอกาสเอาชนะได้ที่สำคัญกว่านั้นในมือเซี่ยเหล่ยก็มีเงินกว่า 1.1 พันล้านหยวนแล้วถ้าเขาแพ้อีกครั้งก็จะเสียเงินถึง 1.1 พันล้านด้วยนั่นทำให้เขายิ่งกลัวขึ้นไปอีก ถ้าเซี่ยเหล่ยชนะอีก 3 ครั้งชิปของเขาก็จะเป็น 8 พันล้านซึ่งหมายถึงการล้มละลายของเขาเลย!
เฮ่อจายหยิงยังพอมีศีลธรรมอยู่บ้างที่เขามาเล่นพนันกับเซี่ยเหล่ยและกู๋ดิงชานนั้น เขาไม่ได้คาดการณ์ถึงเรื่องอะไรแบบนี้เลย “เจ้าหนู วันนี้คุณชนะแล้ว เรามานัดวันเล่นวันอื่นดีกว่าดูแลตัวเองดีๆล่ะ เงินในมือก็ด้วยไม่งั้นจากความสนุกจะกลายเป็นเสียใจสุดๆเอา”
“คุณกำลังขู่ผมเหรอ?” เซี่ยเหล่ยหัวเราะแล้วจู่ๆเขาก็ใช้ฝ่ามือตบที่ถ้วยลูกเต๋าไม้แข็งๆจนเสียงไม้แตกดังขึ้นก่อนที่ถ้วยลูกเต๋านั่นจะแตกคามือเขา
ทุกคนช็อค นิ่งอึ้งกันหมด แค่มือเปล่าก็ทำให้ถ้วยลูกเต๋าที่ทำจากไม้แข็งๆแตกเป็นเสี่ยงได้ ไม่ต้องนึกถึงความแข็งแกร่งของเขาเลยว่าน่ากลัวขนาดไหน!
สายตากู๋ดิงชานเริ่มสั่นตลอดหลายปีมานี้นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขากลัวสิ่งที่เขากลัวไม่ใช่พลังของเซี่ยเหล่ยแต่เป็นสายตาของเขา! กู๋ดิงชานคุ้นเคยกับสายตาแบบนี้ดี เขาเคยเห็นสายตาแบบนี้และคนที่ถูกสายตานี้มองมักจะไม่ได้ตายดีกันทั้งนั้น!
เซี่ยเหล่ยพูดเสียงเย็นเยือก “กู๋ดิงชาน แล้วก็พวกคุณสองคนกู๋เค่อหวู่ กู๋เค่อเหวิน ผมขอพูดไว้วันนี้เลย หลังจากนี้อย่ามาหาเรื่องผมอีก ไม่งั้น ผมไม่แคร์ว่าพวกคุณเป็นใครพวกคุณจะไม่ได้เห็นแสงตะวันอีกแน่”
“ฮ่าฮ่า จริงเหรอ? งั้นจะรอดูนะ” กู๋ดิงชานเยาะเย้ย “เราไปกันเถอะ”
กู๋เค่อหวู่และกู๋เค่อเหวินจ้องมองเซี่ยเหล่ยตาเขม็งก่อนจะเดินตามกู๋ดิงชานออกไป
แต่เซี่ยเหล่ยตะโกนเรียกให้หยุดก่อน “เดี๋ยว กู๋เค่อหวู่ ผมขอเตือนคุณอีกอย่าง”
กู๋เค่อหวู่หันกลับไปมองเซี่ยเหล่ยแล้วพูดเหยียดๆ “คุณคิดว่าคุณเป็นใครกัน? เตือนผมเหรอ? กลับไปสำเหนียกตัวเองก่อนนะว่าตัวเองเป็นใครค่อยมาพูดแบบนี้กับผม”
เซี่ยเหล่ยตอบกลับอย่างเยือกเย็น “ได้ยินชัดแล้วนะ อย่ามายุ่งวุ่นวายอะไรเทียนหยินอีก ไม่มีใครเขาชอบคุณหรอกตามติดเทียนหยินเป็นหมาตามเจ้าของแบบนี้ ไม่รู้สึกว่าตัวเองน่ารังเกียจบ้างเหรอ?”
ห้องทั้งห้องเงียบกริบ…..
ไม่มีใครอยากเชื่อว่าคนธรรมดาคนหนึ่งจะกล้าพูดอะไรแบบนี้กับว่าที่คนประสบความสำเร็จของตระกูลกู๋แบบนี้ได้ คนต่างเริ่มมองมาที่เซี่ยเหล่ยเพราะความกล้าหาญของเขาในตอนนั้น!
กู๋เค่อหวู่โกรธจัดเขาชี้นิ้วมาที่เซี่ยเหล่ย “ดี ดีมาก”
คนตระกูลกู๋ เฮ่อจายหยิงและคนของพวกเขาที่หัวเสียกันเดินออกไปจากห้อง รวมทั้งแขกที่ยืนดูการเล่นอยู่ก็ออกไปด้วย
เฉินตูเทียนหยินเองก็มองเซี่ยเหล่ยเพราะการที่เขาเตือนกู๋เค่อหวู่แบบนั้นมันไปสะกิดส่วนที่อ่อนไหวที่สุดในใจเธอ ไม่ว่าเธอจะประสบความสำเร็จในอาชีพขนาดไหน และไม่ว่าเธอจะโดดเด่นในแวดวงสังคมแค่ไหน เธอก็ยังคงเป็นผู้หญิงธรรมดาที่ต้องการผู้ชายสักคนมาดูแลอยู่ดี เซี่ยเหล่ยก้าวมาปกป้องเธอแบบนี้ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว เขาไม่ลังเลเลยที่จะสู้กับศัตรูระดับตระกูลกู๋ สิ่งที่เขาทำมันไม่ต่างจากการเอาตัวเองมาบังกระสุนแทนเฉินตูเหยินและเฉินตูเทียนหยินเลย…… คนแบบนี้ไม่ใช่เหรอ ผู้ชายที่เธอต้องการ?
แต่ถึงอย่างนั้นเฉินตูเทียนหยินก็รู้สึกอายด้วยที่ก่อนหน้านี้เธอเข้าใจเขาผิด แถมยังผิดหวังในตัวเขาอีก ความรู้สึกนี้ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายเท่าไหร่
เซี่ยเหล่ยไม่รู้ตัวว่าเฉินตูเทียนหยินเปลี่ยนอารมณ์ไปแล้ว สายตาเขามองทะลุผ่านกำแพงออกไปข้างนอกและเห็นตระกูลกู๋กำลังเดินออกไปยังทางเดิน
ที่โถงทางเดินกู๋เค่อหวู่หยิบโทรศัพท์ออกมากดตัวเลข 3 ตัวและโทรออก “ฮัลโหล ศูนย์รับแจ้งเหตุใช่มั้ยครับ? ผมอยากแจ้งตำรวจ……”
เซี่ยเหล่ยหยุดมอง เขาไม่มีเวลามากพอจะอ่านปากกู๋เค่อหวู่ให้จบประโยค แต่แค่เห็นเขากดเบอร์ 3 ตัวและโทรออก เซี่ยเหล่ยก็รู้แล้วว่าเขาจะทำอะไร
“แจ้งความ? เวรเอ๊ย เราชนะเงินเยอะขนาดนี้ไม่ได้บ่อยๆนะ จะให้ตำรวจมายึดเงินคืนไปเลยใช่มั้ย!” เซี่ยเหล่ยตะโกนในใจก่อนจะหันมามองเฉินตูเทียนหยิน “เทียนหยิน”
แต่เฉินตูเทียนหยินยังคงมองเขาราวกับว่าไม่ได้ยินที่เขาเรียกริมฝีปากของเธอยกยิ้มเหมือนจมอยู่ในความคิด
“เทียนหยิน?” เซี่ยเหล่ยเรียกอีกครั้ง
“อ๋อ……อื้ม?” ในที่สุดเธอก็หลุดจากภวังค์
เซี่ยเหล่ยพูดต่อ “ช่วยผมหน่อยสิ”
“อยากให้ฉันช่วยเรื่องอะไรเหรอ?” เฉินตูเทียนหยินถาม
เซี่ยเหล่ยตอบ “ช่วยผมแลกเงินพวกนี้หน่อยสิ เร็วเลยนะผมว่าคนตระกูลกู๋กำลังจะโทรแจ้งตำรวจถ้าตำรวจมาเงินพวกนี้ถูกยึดแน่ๆ”
“ไม่มีปัญหา ฉันจะให้คนมาเดี๋ยวนี้แหละ” เฉินตูเทียนหยินหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรทันที
10 นาทีต่อมา เซี่ยเหล่ยและเฉินตูเทียนหยินก็กลับออกมาที่ห้องรับรอง สายตาทุกคนมารวมกันที่ทั้งสองคน ไม่ใช่เพราะเฉินตูเทียนหยินกอดแขนเซี่ยเหล่ยอยู่แต่เพราะเรื่องที่เขาชนะพนันแพร่สะพัดไปทั่วทั้งงานเลี้ยงค็อกเทล ตอนแรกมีแค่ไม่กี่คนที่รู้จักเซี่ยเหล่ยแต่ตอนนี้ทุกคนรู้จักเขาหมดแล้ว……
“นั่นคนที่เขาบอกว่าไม่เหมาะกันเฉินตูเทียนหยินใช่มั้ย? ใช่เหรอ? คนที่กล้าเล่นกับกู๋ดิงชานและราชานักพนันแห่งมาเก๊าอย่างเฮ่อจายหยิง แถมยังกล้าขู่คนตระกูลกู๋ด้วย ทั้งกล้า ทั้งมีกึ๋นแบบนี้ นี่แหละชายที่เหมาะกับเฉินตูเทียนหยิน!” ใครบางคนกล่าว
“รอบแรกก็ชนะไปพันล้านแล้ว แม่เจ้า ตอนนี้ยิ่งเศรษฐกิจซบเซาอยู่ด้วย บริษัทเราคงทำเงินมากขนาดนั้นในปีนี้ไม่ได้แน่ๆ” อีกคนชื่นชม
“วิน-วินเลยนะ แต่แบบนี้เขากำลังกระตุกหนวดเสืออย่างตระกูลกู๋อยู่นะ ไม่ดีแน่ๆ ทำแบบนี้จบไม่ดีแน่ๆ” อีกคนกล่าว
“รู้อะไรมั้ย ในตอนแรกก็มีคนบอกว่าเขาจะแพ้หมดตัวไม่ใช่เหรอ? แต่ตอนนี้เขาชนะ ถ้าเขาไม่แข็งแกร่งพอ เขาจะกล้าแข่งกับผู้มีอำนาจอย่างตระกูลกู๋เหรอ? อย่าตลกน่า คนเขาไม่ได้โง่นะ” อีกคนมองเซี่ยเหล่ยในแง่ดี
แขกส่วนใหญ่กำลังซุบซิบเรื่องเซี่ยเหล่ย บางคนก็พูดในแง่บวกแต่บางคนก็พูดในแง่ลบ
เซี่ยเหล่ยกวาดสายตามองไปทั่วทั้งห้องรับรองก่อนจะพบว่ากู๋ดิงชาน กู๋เค่อหวู่ กู๋เค่อเหวินและ เฮ่อจายหยิง ทั้ง4คนยังไม่ได้ออกไป
“อาจจะรอตำรวจมามั้ง?” เซี่ยเหล่ยเบะปากเยาะเย้ย
“เหล่ย ไปเต้นกันหน่อยสิ” เฉินตูเทียนหยินกล่าวเพราะเธอยังไม่เคยเต้นกับเซี่ยเหล่ยเลยสักครั้ง……..
เซี่ยเหล่ยตอบอึกอัก “ผมเต้นไม่เป็น”
“เดี๋ยวฉันสอนเอง” เฉินตูเทียนหยินพูดต่อ
เซี่ยเหล่ยพยักหน้าและเดินตามเฉินตูเทียนหยินไปที่ฟลอร์
“กอดเอวฉันไว้นะ” เธอพูดต่อด้วยเสียงนุ่ม
เซี่ยเหล่ยส่งมือไปโอบเอวเฉินตูเทียนหยิน แขนเขารู้สึกอบอุ่นและนุ่มนวล เธอเอนตัวลงพิงอ้อมแขนของเขา วางมือลงที่เอวเขาบ้างส่วนมืออีกข้างจับมือกันไว้ ก่อนจะเริ่มเต้นรำไปพร้อมกันช้าๆ
ภายใต้สถานการณ์ธรรมดาแบบนี้แม้คู่เต้นรำคนอื่นจะไม่ได้เบียดทั้งสองคนมากนักแต่เฉินตูเทียนหยินก็อยู่ใกล้เซี่ยเหล่ยมากๆ จนเธอวางหน้าอกตัวเองบนอกเซี่ยเหล่ยได้เลย เฉินตูเทียนหยินไม่สนใจสายตาคนรอบข้างแล้ว เธอขอเพียงแค่มีความสุขกับช่วงเวลานี้ก็เพียงพอแล้ว
ความใกล้ชิดมากๆทำให้เซี่ยเหล่ยเริ่มเกร็ง ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาเต้นรำไม่ได้ ความเงอะงะทำให้เขาเผลอเหยียบเท้าเฉินตูเทียนหยินและทุกครั้งที่เขาเผลอเหยียบ มันเหมือนกับเขาใกล้ชิดกับเธอมากขึ้น ใกล้ชิดกันมากขึ้น……
ข้างๆฟลอร์เต้นรำกู๋เค่อหวู่เบะปาก “รอดูหลังจากนี้นะ ว่ามึงจะยังยิ้มออกอยู่อีกรึเปล่า”
ติดตามตอนต่อไป………………….