Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 261
TXV – 261 ความสามารถที่น่าสะพรึงกลัว !
พื้นที่ทั้ง 4 ที่ถ่างถ่างหลงจัดไว้อยู่ห่างไกลจากเมืองชิงตู่มากพอสมควรและในที่สุดเซี่ยเหล่ยก็ตัดสินใจเลือกพื้นที่ที่ห่างจากเมืองหลวงประมาณ 70 กิโลเมตร บริเวณตีนเขาใกล้กับเมืองเล็กๆ การจราจรก็คล่องตัว หลังเลิกงานพนักงานก็ไปช็อปปิ้งซื้อของได้จากในเมืองเล็กๆข้างๆ อาจจะดื่มชาสักถ้วยหรืออะไรอย่างอื่นก็ได้แน่นอนว่าเหตุผลหลักที่เลือกที่นี่ก็ยังคงเป็นราคาที่ดินที่ถูกมาก มันกว้าง 150 เอเคอร์ในราคา 50 ล้านหยวน
แต่มีอีกเหตุผลหนึ่งที่เซี่ยเหล่ยมองเห็นนั่นคือยังมีพื้นที่เปิดล้อมรอบที่นี่ เผื่อมีการขยายอาณาเขตในอนาคตก็จะสามารถทำได้สะดวก ไม่มีปัญหาเรื่องการรื้อถอนด้วยระยะทางจากที่นี่ไปเมืองชิงตู่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เซี่ยเหล่ยต้องกังวลเพราะสิ่งที่โรงงานของทหารจะผลิตมันไม่ใช่ข้าวของธรรมดาทั่วไปที่ซื้อขายได้ตามซุปเปอร์มาเก็ตหรือร้านชำร่วยแต่กองทัพจะส่งมาให้ตรงจากโกดังด้วยเหตุผลนี้ทำไมเขาจะต้องเลือกที่ดินแพงๆใกล้เมืองด้วยล่ะ?
พวกเขากลับเข้าเมืองชิงตู่ในตอนบ่าย ถ่างหยู่เหยี่ชวนเซี่ยเหล่ยไปกินเป็ดอบแบบเยอรมันที่ขึ้นชื่อและพาเซี่ยเหล่ยกลับไปที่บ้านเธอด้วยกัน
ถ่างหยู่เหยี่ยเป็นคนที่อาศัยอยู่บ้านคนเดียว บ้านเธออยู่ในชุมชนหรูย่านใจกลางเมือง พื้นที่ประมาณ 200 ตารางเมตรและมีมูลค่ากว่า 10 ล้านหยวน รายได้ของ ถ่างหยู่เหยี่ยเห็นได้ชัดว่าคงซื้อบ้านแบบนั้นไม่ได้แต่สำหรับตัวตนอีกด้านหนึ่งของเธอ การซื้อบ้านหลังนี้คงเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก ตระกูลถ่างเป็นตระกูลขนาดใหญ่และเป็นตระกูลแรกๆในเมืองชู่ เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงหลายศตวรรษมาแล้วใครรู้ล่ะว่าตอนนี้ตระกูลถ่างมีเงินมากขนาดไหน?
“รอตรงนี้นะ” หลังจากที่เดินเข้าประตูมาแล้ว เซี่ยเหล่ยก็ได้รับการดูแลอย่างดีราวกับว่าเขาเป็นของตกแต่งชิ้นใหม่ที่ถ่างหยู่เหยี่ยเลือกเข้ามาใส่บ้านดูดีเรียบง่ายและมีสไตล์ในตัว
“คุณไม่มีบ้านในชิงตู่เหรอ?” ถ่างหยู่เหยี่ยถามขึ้น “ได้ยินมาว่าคุณพักที่บ้านหลงบิงหนิ ?”
“อือ แค่ชั่วคราวน่ะ ” เซี่ยเหล่ยตอบ เขาเดินไปที่หน้าต่างบานใหญ่ในห้องนั่งเล่นมองวิวของเมืองชิงตู่ที่อยู่ตรงหน้า……
“ฉันจะให้กุญแจคุณไว้นะ” ถ่างหยู่เหยี่ยกล่าว
เซี่ยเหล่ยนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “ให้กุญแจผมไว้ทำไม?”
ถ่างหยู่เหยี่ยพูดยิ้มๆ “คุณต้องเรียนกังฟูของตระกูลถ่างและฉันต้องเรียนหวิงชุนจากคุณ ถ้าฉันให้กุญแจคุณ คุณก็จะมาที่นี่เมื่อไหร่ก็ได้จริงๆคุณอยู่ที่นี่เลยก็ได้นะ แบบนี้มันทำให้เราเรียนรู้จากกันและกันได้ง่ายขึ้นด้วย ไม่ดีเหรอ?”
“นี่……” เจตนาของถ่างหยู่เหยี่ยก็ดีอยู่หรอกได้เรียนรู้จากกันและกันแต่เซี่ยเหล่ยก็ยังรู้สึกไม่ค่อยสบายใจอยู่ดี
“อ้อ รู้แล้ว คุณคงต้องบอกหลงบิงและขออนุญาตเธอด้วยใช่มั้ยล่ะ?”
เซี่ยเหล่ยตอบอย่างกระอักกระอ่วน “ทำไมผมต้องขออนุญาตเธอด้วยล่ะ?”
“ไม่ต้องเหรอ?”
เซี่ยเหล่ยยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “เราจะไปฝึกที่ฝั่งตะวันตกกันมั้ย? คุณให้กุญแจผมมาก่อนไว้พอผมว่างๆ ผมจะแวะมาที่นี่นะ”
ถ่างหยู่เหยี่ยส่งกุญแจสำรองให้เซี่ยเหล่ย “ฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้วเราค่อยมาเริ่มกัน”
“อื้ม” เซี่ยเหล่ยตอบรับ “ผมเตรียมพร้อมมาสอนแล้วล่ะ”
ถ่างหยู่เหยี่ยเดินเข้าห้องไป เซี่ยเหล่ยก็นั่งรอในห้องนั่งเล่นอยู่ 2 นาทีก่อนจะเคลียร์โซฟา เคลียร์ของต่างๆออกเพื่อให้มีพื้นที่กว้างๆ
ผ่านไปหลายนาที ถ่างหยู่เหยี่ยก็เดินออกมาจากห้อง เธออยู่ในชุดสปอร์ตบิกีนีสีดำ หน้าอกเธอถูกชิ้นผ้าฝ้ายยกขึ้นสูง ต้นขาอวบมีรอยสีผิวที่ตัดกันให้เห็นรางๆ ไม่ต้องพูดถึงบั้นท้ายเลยว่าก้นเต่งตึงนั้นเข้ากับต้นขาเธอขนาดไหน ไหนจะเนื้อผ้าชิ้นบางที่ทำหน้าที่เป็นผิวที่สองของเธออีก ดูมีเสน่ห์มากจริงๆ
ดูเหมือนว่าถ่างหยู่เหยี่ยจะพยายามไม่เปิดเผยร่างกายเธอจนเกินไป เพราะฉะนั้นเธอจึงสวมบิกีนีออกมาแต่ก็ยังมีบางจุดที่ปกปิดไม่มิดอยู่ดี
เซี่ยเหล่ยพยายามคงความสุขุมเอาไว้เขาพูดพร้อมรอยยิ้ม “ผมย้ายโซฟาคุณออกไปแล้ว เดี๋ยวจะย้ายเข้าที่เดิมให้ก่อนผมกลับนะ”
“เรื่องเล็กน่า ไม่ต้องห่วงหรอก” ถ่างหยู่เหยี่ยเองก็ตอบรับด้วยรอยยิ้ม “ฉันพร้อมแล้ว เริ่มสอนหวิงชุนได้เลย”
เซี่ยเหล่ยอยากให้เธอสอนกังฟูของตระกูลถ่างให้ก่อนแต่ไม่คิดว่าเธอจะรอบคอบขนาดนี้ดูเหมือนว่าเธอเองก็คิดเหมือนเขาว่าถ้าหากเซี่ยเหล่ยไม่สอนแก่นแท้ของหวิงชุนให้ถ่างหยู่เหยี่ย เธอก็จะไม่สอนแก่นแท้ของกังฟูให้เขาเหมือนกัน
กังฟูที่ตระกูลถ่างสืบทอดมาเป็นสิ่งที่ไม่เปิดเผยให้กับคนนอก นี่จึงถือเป็นเรื่องที่ไม่ดีเท่าไหร่สำหรับผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้จีนแม้แต่เซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยก็ไม่มีข้อยกเว้นยิ่งไปกว่านั้นคือเซี่ยเหล่ยเองก็นึกถึงความเชื่อใจของหลางเฉิงชุนด้วย เขาไม่อยากทำลายความเชื่อใจนั้น เซี่ยเหล่ยเองก็มีคุณธรรมพอ ถ่างหยู่เหยี่ยเองก็คิดว่าแก่นแท้ของกังฟูก็คงไม่ง่ายสำหรับคนนอกเช่นกัน
“ดูเหมือนว่าเราจะต้องทำให้เธอเชื่อใจก่อน เราต้องสอนเรื่องพื้นฐานให้อย่างแรกแล้วรอดูว่าเธอจะทำไงต่อ” เซี่ยเหล่ยตัดสินใจในความคิด ก่อนจะเดินไปหยุดตรงหน้าเธอ “ผมจะสอนขั้นแรกให้ก่อนนะ ทำตามผมอย่างแรกต้องรู้จักหมัดของหวิงชุน……”
เซี่ยเหล่ยพูดพลางแสดงให้เธอดูบางครั้งเขาก็หยุดแล้วมาปรับท่าทางให้ถ่างหยู่เหยี่ยบ้าง
“ที่ท้อง อืม……คุณยังทำผิดอยู่นะ” เซี่ยเหล่ยจำต้องยื่นมือไปกดเบาๆที่ท้องน้อยของถ่างหยู่เหยี่ยเพื่อจัดท่า หน้าท้องของถ่างหยู่เหยี่ยทั้งนุ่มและยืดหยุ่นแต่ก็รู้สึกแข็งแรงไปพร้อมๆกัน กล้ามเนื้อหน้าท้องขาวปรากฏชัดแม้ดูเหมือนเธอจะไม่ได้เล่นกล้ามท้องมานานแต่กล้ามเนื้อพวกนั้นคือของจริง
ถ่างหยู่เหยี่ย รู้สึกเขินๆและประหม่าอย่างบอกไม่ถูกแต่เซี่ยเหล่ยก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากนั้น เขาแค่กดเบาๆที่หน้าท้องแล้วถอยกลับไป เขาดูไม่ได้คิดจะฉวยโอกาสแต๊ะอั๋งเธอเลยแต่เขาดูจริงจังและปกติมากๆ
เซี่ยเหล่ยใช้มือเพื่อการสอนเท่านั้น เมื่อสอนแล้วเขาก็ลดมือกลับไป
เซี่ยเหล่ยก้มมองที่เท้าของถ่างหยู่เหยี่ยและไล่ขึ้นมาที่ต้นขาก่อนจะพูดว่า “หวิงชุนจะเน้นไปที่ขาและหมัด มี 3 จุดที่ต้องรวมเป็นหนึ่งคือปลายจมูก หมัด และปลายนิ้วเท้าจะต้องอยู่ตรงกัน คุณถึงจะโจมตีและป้องกันได้แต่เท้าคุณเปิดเกินไป มันจะส่งผลต่อความเร็วในการเคลื่อนไหว”
ถ่างหยู่เหยี่ยกำหมัดแน่นบั้นท้ายเธอสั่นและส่ายไปมาอย่างเห็นได้ชัด……
เซี่ยเหล่ยมองเธอตอนนี้ถ่างหยู่เหยี่ยกำลังใส่ความเป็นกังฟูเข้ามาด้วย มันก็น่าสนใจดี แต่นี่ไม่ใช่หวิงชุนสักเท่าไหร่……
1 ชั่วโมงต่อมา เซี่ยเหล่ยก็เริ่มสอนวิธีการฆ่า เขาสาธิตการใช้ฝ่ามือในการสับคอขาวๆของถ่างหยู่เหยี่ยแน่นอนว่าเป็นแค่การแสดงตัวอย่างเท่านั้น เซี่ยเหล่ยไม่ได้ออกแรงจริงจังแต่เมื่อฝ่ามือเขาสัมผัสกับผิวนุ่มนิ่มของถ่างหยู่เหยี่ยก็เหมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่าน เซี่ยเหล่ยจึงรีบชักมือออกทันทีไม่กล้าค้างมือไว้ที่คอถ่างหยู่เหยี่ย
ทั้งถ่างหยู่เหยี่ยและเซี่ยเหล่ยรู้สึกเหมือนกัน มันประหม่าและตึงเครียดแต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อสอนหวิงชุนไปหลายสิบเทคนิคแล้ว เซี่ยเหล่ยก็ใช้เวลาฝึกกับเธอต่ออีกประมาณครึ่งชั่วโมง ทั้งสองคนโจมตีและป้องกันในแบบของหวิงชุนไปมา…….
แม้พื้นฐานที่มีจะเป็นกังฟูแต่ก็ถือว่าถ่างหยู่เหยี่ยสามารถเรียนหวิงชุนได้อย่างรวดเร็วแต่ก็ยังเป็นที่สองรองเซี่ยเหล่ยอยู่ดี ซึ่งมันทำให้เซี่ยเหล่ยประหลาดใจมากแต่ก็คิดว่ายังไงเธอก็เป็นคนที่เติบโตมากับศิลปะการต่อสู้ เขาจึงไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่เธอเรียนรู้ได้เร็วขนาดนี้
“ผมสอนทักษะของหวิงชุนให้คุณหมดแล้ว ไว้คุณเริ่มคล่องเมื่อไหร่ ผมค่อยสอนวิธีใช้พลังนะ” เซี่ยเหล่ยปาดเหงื่อบนหน้าผากและแอบโล่งใจเงียบๆตรงที่ไม่ต้องแตะต้องร่างกายเธออีกแล้ว!
ถ่างหยู่เหยี่ยกล่าว “ฉันคงต้องใช้เวลาสักครึ่งเดือนเพื่อฝึกสิ่งที่คุณสอนหลังจากนั้นคุณค่อยสอนฉันเรื่องพลังของหวิงชุน มาครั้งหน้า คุณกั๊กวิชาไม่ได้แล้วนะ”
เซี่ยเหล่ยยิ้ม “ไม่หรอก ถ้าไม่ใช่เพราะผมอยากให้คุณเข้าถึงหวิงชุนจริงๆ ผมคงสอนคุณตอนนี้เลยก็ได้”
“ฉันเชื่อคุณนะ รอให้ฉันเริ่มชินก่อนแล้วฉันจะสอนวิชาตัวเบาของเราให้คุณเอง” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพลางขยับขาไปมา
เซี่ยเหล่ยใช้ตาซ้ายมองร่างกายของถ่างหยู่เหยี่ยเพียงพริบตาเดียว เธอก็กลายเป็นโครงกระดูกที่มีเนื้อหนังหุ้มอยู่ เซี่ยเหล่ยมองกระดูกด้านใน กล้ามเนื้อและเส้นเลือดของเธอ
ก่อนหน้านี้เซี่ยเหล่ยเรียนรู้เทคนิคลับของหวิงชุนไปแล้วและตอนนี้เขากำลังจะเรียนเทคนิคลับของวิชาตัวเบาของตระกูลถ่างบ้าง
“วิชาตัวเบาน่ะ ถ้ามองในมุมของฟิสิกส์ มันก็คือทักษะหนึ่งในการหลุดออกจากแรงโน้มถ่วง ถ้าคุณกระแทกกับพื้นแรงมากเท่าไหร่ คุณก็จะเด้งจากพื้นได้มากเท่านั้น คุณต้องอดทนในการใช้กำลังและความยืดหยุ่นของคุณ คำนาณจากค่าของแรงโน้มถ่วง 9.81 คุณก็จะได้ค่าแรงที่คุณต้องใช้ในการหลุดออกจากแรงโน้มถ่วง ยิ่งคุณมีพลังมาก คุณก็จะเด้งตัวจากพื้นโลกได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้นแล้วคุณก็จะกระโดดได้สูงขึ้น ฉันจะสาธิตให้ดูนะ” เมื่อพูดจบถ่างหยู่เหยี่ยก็งอขาแล้วร่างของเธอก็ร่วงกระแทกกับพื้น ทันใดนั้นตัวเธอก็เด้งขึ้นมาจากพื้นและลอยสูงเกือบถึงเพดาน
การกระโดดขึ้นยืนเมื่อครู่มีจุดที่แย่นิดหน่อย คือตัวเธอแตะโดนเพดานเบาๆ!
เป็นพลังในการสปริงตัวที่น่าทึ่งมาก ถ้าเธอเข้าร่วมการแข่งขันกระโดดสูง เธอคงได้เป็นแชมป์โลกไปแล้ว
นั่นล่ะที่เซี่ยเหล่ยคิดแล้วว่าตัวเองทำไม่ได้แต่ถึงจะคิดแบบนั้น เซี่ยเหล่ยก็มองขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนดีดตัวของถ่างหยู่เหยี่ยได้แบบไม่พลาดเลย ไม่เพียงแค่ท่ากระโดดพื้นฐานของถ่างหยู่เหยี่ย เซี่ยเหล่ยมองภายในร่างกายของเธอโดยเฉพาะขา เธองอขาทั้งสองข้างก่อนกระโดด การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ รวมทั้งความเร็วของกระแสเลือด……
ด้วยการมองอย่างทะลุปรุโปร่งนี้ จะทำให้เซี่ยเหล่ยได้เคล็ดลับของวิชาตัวเบาของตระกูลถ่างมารวดเร็วขึ้นไปอีก
“สาธิตให้ดูอีกรอบได้มั้ย?” เซี่ยเหล่ยอยากเห็นอีกครั้งการมองครั้งเดียวมันยังไม่พอ
“ไม่มีปัญหา” ถ่างหยู่เหยี่ยงอขาลงอีกครั้ง หายใจเข้า ทันใดนั้นก็ดีดตัวขึ้น หลังจากหลุดออกจากแรงดึงดูดของโลก มันก็ราวกับว่าเธอลอยขึ้นมาจากพื้นจนกระทั่งศีรษะเธอสัมผัสกับเพดาน จากนั้นไม่นานเธอก็กลับเข้าสู่แรงโน้มถ่วงแล้วร่วงลงมาที่พื้นอย่างเดิม
เท้าทั้งสองของถ่างหยู่เหยี่ยกลับมาอยู่ที่พื้นแล้วแต่หน้าอกยังคงกระเพื่อมเหมือนเดิม
ถ้าอกเธอเล็กกว่านี้ เธอจะกระโดดได้สูงขึ้นมั้ยนะ ……?
เป็นคำถามที่น่าเบื่อไปหน่อยแต่เมื่อคำถามนี้ผุดขึ้นมาในหัวแล้ว เซี่ยเหล่ยก็รู้สึกผิดเล็กๆที่คิดแบบนี้
“ให้ฉันสาธิตให้ดูอีกมั้ย?” ถ่างหยู่เหยี่ยถาม
เซี่ยเหล่ยกล่าว “คุณพักก่อนเถอะ บอกหน่อยสิว่าปกติคุณฝึกวิชาตัวเบายังไง?”
“ความแข็งแรงของขานี่สำคัญมาก การฝึกแบบไหนก็ตามที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้ขาได้ก็ถือว่าใช้ได้หมดเลยเช่นการกระโดดพร้อมถุงทราย กระโดดข้ามสิ่งกีดขวางหรืออื่นๆ ความรู้เกี่ยวกับความยืดหยุ่นก็สำคัญเหมือนกันไว้ครั้งต่อไปฉันค่อยสอนคุณนะ เรามาฝึกกันก่อนดีกว่า” ถ่างหยู่เหยี่ยกล่าว
เซี่ยเหล่ยยืนในพื้นที่กว้างและพยายามกระโดดอยู่หลายครั้งแต่ไม่มีครั้งไหนสำเร็จเลย เขากระโดดได้สูงอย่างสุดความสามารถของเขาและทำได้สูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่ถึงครึ่งของถ่างหยู่เหยี่ยอยู่ดี อันที่จริงหลังจากได้เรียนรู้เคล็ดลับวิชาตัวเบาของเธอมาแล้ว เขาจะก็เอาเทคนิคนั้นใช้เลยก็ได้แต่เซี่ยเหล่ยเลือกยังไม่ใช้มันเพราะไม่อยากให้เธอมองเขาแปลกๆไปเสียก่อน
“คุณนี่ทึ่มจริงๆเลย” ถ่างหยู่เหยี่ยหัวเราะเบาๆ
“คุณก็พูดง่ายสิ ผมแค่เพิ่งเริ่มฝึกวิชาของคุณเองนะ” เซี่ยเหล่ยหยุดกระโดด เขามองถ่างหยู่เหยี่ยและพยายามถาม “แล้วคุณสอนผมใช้อาวุธลับของตระกูลคุณด้วยได้มั้ย?”
ถ่างหยู่เหยี่ยมองเซี่ยเหล่ยยิ้มๆ “ฉันรู้นะว่าคุณคิดอะไรอยู่ บอกไว้เลยว่า ฉันสอนวิชาตัวเบาให้คุณได้แต่ถ้าเป็นอาวุธลับ…… คุณต้องเป็นตระกูลเดียวกับเราก่อน”
เซี่ยเหล่ยยักไหล่ “ไม่เปิดเผยให้คนนอกงั้นเหรอ? งั้นก็ได้ ผมไม่เรียนก็ได้แต่ผมขอดูหน่อยสิ ผมจะตั้งใจดูเลยนะ”
“ไม่มีปัญหา รอนี่นะ” ถ่างหยู่เหยี่ยเดินกลับห้องไปและเมื่อกลับออกมาเธอก็มาพร้อมอาวุธและเข็มขัดหนังสีน้ำตาล อาวุธลับที่เธอเอามาให้เซี่ยเหล่ยดูมีหลากหลายแบบทั้งบูมเมอแรง มีดบิน ดาวกระจาย 3 แฉกและ 5 แฉก เข็มโลหะและยังมีอาวุธลับแปลกๆที่เซี่ยเหล่ยยังไม่เคยเห็นอีกด้วย
เซี่ยเหล่ยเปลี่ยนมาใช้โหมดการมองทะลุของตาซ้าย…..
ถ่างหยู่เหยี่ยหยิบบูมเมอแรงออกมาและขว้างมันออกไป บูมเมอแรงนั่นลอยแหวกอากาศไปตามแรงขว้างจนเกือบจะชนผนัง มันก็เปลี่ยนทิศทางกลับมาหาถ่างหยู่เหยี่ยที่อยู่อีกด้านหนึ่งแต่ระหว่างที่เธอรอก่อนมันจะกลับมาถึงมือ เธอก็หยิบเข็มโลหะออกมา ประสานมือกัน จนเกิดเป็นเสียงของเข็มโลหะแตกร้าวและบูมเมอแรงที่ถูกตีกลับไป
ปัง! บูมเมอแรงบินไปกระแทกผนังก่อนจะร่วงลงกับพื้น
เซี่ยเหล่ยหันไปมองบูมเมอแรงและต้องอ้าปากค้างจนคางแทบจะติดพื้น
เข็มโลหะเสียบทะลุติดกับบูมเมอแรงเรียงเป็นแถวยาวแถมระยะห่างของเข็มโลหะแต่ละเล่มเท่ากันทั้งหมดเลยนี่สิ!
หลังจากอึ้งไปพักหนึ่งเซี่ยเหล่ยก็พูดอะไรขึ้นมา “บ้านคุณอยากรับลูกชายไปเลี้ยงสักคนมั้ยครับ?”
ถ่างหยู่เหยี่ยหัวเราะออกมาแต่ไม่ได้พูดว่ารับหรือไม่รับ
เซี่ยเหล่ยมองถ่างหยู่เหยี่ยอีกครั้ง “คุณสาธิตแบบเมื่อกี๊ให้ดูอีกได้มั้ย ?”
ติดตามตอนต่อไป………….