Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 268
TXV – 268 ไพ่ใบสุดท้าย !
ม่านหมอกของเวลากลางคืนเข้ามาแทนที่ไฟจากเมืองที่เปิดกันอยู่นั้นทำให้รู้สึกเหมือนกับว่ากำลังอยู่ในความฝัน
ด้านหลางซือเหยาที่หลังจากเรื่องราวได้ผ่านพ้นไป เธอได้ถูกเปิดเผยตัวตนแล้ว แต่ทางสหรัฐยังไม่ได้ดำเนินการใดๆกับเธอเลยในขณะนี้ เธอก็ยังกังวลไปต่างๆนาๆว่าเธอจะถูกดำเนินการอย่างไรบ้าง
‘ตัวตนของฉันอาจถูกเปิดเผยได้ตลอดเวลาอาจจะเป็นวันนี้หรือวันพรุ่งนี้เลยก็ได้ ถ้าเกิดหน่วยงานลับ 101 ได้รับข่าวกรองจากสหรัฐแล้วฉันจะทำอย่างไรดี’ หลางซือเหยาคิดในใจ
ในความเป็นจริงองค์กร AE หรือ CIA เป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวที่สุดของเซี่ยเหล่ย เมื่อเทียบกับตระกูลกู๋เพราะการสู้กับองค์กรเหล่านั้นหนทางการเอาชนะแทบจะเป็นศูนย์
‘ถ้าพ่ออยู่ข้างเรา เขาคงจะบอกความจริงทั้งหมดกับเราและเขาก็คงจะช่วยเราแก้ปัญหานี้ได้ แต่……’ เมื่อคิดไปถึงเซี่ยฉางห่ายภายใจหัวใจของเซี่ยเหล่ยก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างไม่สามารถอธิบายได้เพราะเขาไม่รู้ว่าพ่อของเขาตอนนี้เป็นตายร้ายดีอย่างไรแม้แต่ข่าวคราวก็ไม่รู้เลย
ฉี๋หู่ฉ่านม๋ายเป็นเมืองเล็กๆที่ตั้งอยู่ใกล้กับเชิงเขาและใกล้ๆกันนั้นก็มีลำธารอยู่รวมๆแล้วที่แห่งนี้ก็กินพื้นที่หลายสิบไร่เหมือนกันในระยะยาวสถานที่แห่งนี้จะต้องเจริญรุ่งเรืองมากกว่านี้เป็นแน่
เซี่ยเหล่ยจอดรถตรงบริเวณข้างทางของถนนและเดินไปเพื่อที่จะไปยังสวน สวนไป่จุ้งซึ่งมีอายุราว 100 ปี
ภายในสวนไป่จุ้งประดับตกแต่งด้วยไฟที่สว่างไสวพร้อมกับเจ้าหน้าที่คุ้มกันเป็นอย่างดีมีทั้งที่แสดงตัวและกำลังซ่อนตัวอยู่ในเงามืด นับรวมๆดูแล้วคงจะมีอยู่ซัก 30 คน!
“แม้ว่าที่นี่จะมีทั้งบอดี้การ์ดและยามอยู่มากมายทั้งที่หลบอยู่ในเงามืดและที่ยืนอยู่ประจำตำแหน่งแต่ไม่เกิน10นาทีเซี่ยเหล่ยก็สามารถเห็นหมดทุกคนจนหมด เซี่ยเหล่ยเลือกที่จะเดินไปดูรอบๆบริเวณนั้นก่อนเพื่อสำรวจเส้นทางให้ดีก่อนที่จะลงมือทำอะไรต่อ
เซี่ยเหล่ยเดินเข้าไปหลบอยู่ใกล้ๆกับต้นไม้จากนั้นกระโดดขึ้นไปเกาะบนกิ่งไม้เพื่ออำพลางตัวพร้อมกับกระพริบตาเล็กน้อยก่อนมองเข้าไปภายในบ้าน เขามองไปมองไปอยู่ราวๆ 5 นาทีก่อนจะพบกับตำแหน่งของกู๋ดิงชาน……
ณ ห้องที่กู๋ดิงชานอยู่นั้นไม่ได้มีแค่เขาคนเดียวยังมีคนอีกหลายคนอยู่ในห้องของเขาด้วยดูแล้วไม่น่าจะใช้บุคคลธรรมดาเลย น่าจะเป็นบุคคลสำคัญในวงการใดวงการหนึ่งในตอนนี้สีหน้าของกู๋ดิงชานดูเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก
เซี่ยเหล่ยขยับตาไปด้านข้างเล็กน้อยก็พบว่ากู๋เค่อหวู่ก็อยู่ในห้องนั้นด้วย
“ท่านกู๋ เราจะจัดการเรื่องนี้ได้อย่างไร?” บางคนในห้องพูดขึ้น
“ผมไม่เข้าใจความคิดของคุณเลยตอนนี้มันคือเวลาอะไรคุณไม่รู้เหรอ? “บางคนพูดขึ้นและพูดต่อว่า “ตอนนี้เป็นเวลาของการรวมกลุ่มของเศรษฐกิจโลก มันทำให้ผู้คนไม่ว่างกันเพราะกำลังหาเงินให้ตัวเอง ผมไม่เข้าใจความคิดของคุณเลยว่าทำไมจะต้องเอาเงินไปทำอะไรแบบนี้ด้วย?”
“มีใครบางคนถูกตัวไปที่นั่นแล้ว…ผมสามารถบอกคุณเกี่ยวกับสถานการณ์ของที่นั่นได้แค่คร่าวๆ ที่แห่งนั้นมันเป็นแผนกพิเศษหากไม่จำเป็นชนิดที่ว่าจะต้องมีใครตายแล้วล่ะก็ ผมไม่อยากที่จะคุยกับฉือโบเหยียนหรอกนะ” บางคนพูด
เซี่ยเหล่ยซุ่มดูอยู่อย่างนิ่งเงียบอยู่ที่เดิมเขามองเข้าไปในห้องอยู่ตลอดเวลาเพื่อต้องการจะดูว่าพวกเขาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องอะไรกันอยู่ และถึงแม้ว่าจะไม่ได้ยินเสียงพูดภายในห้องของพวกเขาแต่เซี่ยเหล่ยก็สามารถมองไปที่ปากของพวกเขาและอ่านปากของพวกเขาได้ว่าตอนนี้กำลังพูดอะไรกันอยู่
กู๋ดิงชานเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดด้วยเสียงดังออกไปว่า “ผมประเมินผู้ชายคนนั้นต่ำไป ผมไม่คิดว่าเขาจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนกพิเศษนั้นแต่อย่างไรก็ตามเรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้วและอีกอย่างคุณก็ไม่สามารถนิ่งเฉยกับเรื่องนี้ได้เพราะเราได้ลงเรือลำเดียวกันแล้ว “
“ถ้าพวกเราไม่คิดที่จะช่วยคุณก็คงจะไม่มีใครอยู่ที่นี่ในวันนี้หรอกนะ” บางคนพูด
“ตอนนี้เป็นเวลาที่ยากลำบาก คนของคุณที่อยู่ที่นั่นถ้าเขาปริปากพูดอะไรขึ้นมาละก็คุณจะมีปัญหาใหญ่ตามมาแน่นอน” บางคนพูด
กู๋ดิงชานตอบว่า “พวกคุณสามารถมั่นใจได้ว่าเขาเป็นคนที่น่ายกย่องและมีความจงรักภักดีต่อผมมาก เขาจะไม่เปิดปากพูดอะไรแน่นอน”
“โอเค…ถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็ดีแต่ผมจำเป็นจะต้องใช้เวลาสองวันในการนำเขาออกมาดังนั้นในสองวันนี้คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าคนของคุณจะไม่พูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกมา” ใครบางคนพูด
กู๋ดิงชานตอบว่า “ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอก เขาเป็นคนที่ไว้ใจได้แน่นอนเขาจะไม่พูดเด็ดขาดนอกจากนี้ผมก็ไม่ได้จะให้คุณช่วยฟรีๆ ผมมีเหมืองทองอยู่ต่างประเทศดังนั้นผมจะให้หุ้นคุณ 10 %”
“ฮ่าฮ่า … ” ผู้คนภายในห้องพากันหัวเราะ
“ตกลง…คุยกันง่ายดี “บางคนพูดขึ้น
ตอนนี้ภายในห้องมีหลายคนพูดขึ้นสองสามคำแล้วลุกขึ้นกล่าวลากับกู๋ดิงชาน กู๋ดิงชานก็ตอบกลับพวกเขาไปและเดินออกไปส่งเมื่อทำการส่งแขกเสร็จเขาก็เดินกลับเข้าห้องอีกครั้งหนึ่ง
หลังจากกลับเข้ามาที่ห้องดังเดิมแล้วจากนั้นก็เตะไปที่ขาโต๊ะด้วยความโมโหนั่นทำให้กาน้ำชาที่วางอยู่บนโต๊ะล้มลงและหล่นลงสู่พื้น
“บ้าที่สุด !!” หลังจากเตะแล้วกู๋ดิงชานก็โผล่งออกมาด้วยความโกรธ “ผู้ชายคนนั้นที่มาจากไซต์งานก่อสร้าง เขาทำให้เรื่องมันยุ่งยากได้ขนาดนี้ได้ยังไงขนาดแดลนี่ที่นำนักฆ่ามาจากต่างประเทศอีกสองคนยังไม่สามารถที่จะฆ่ามันได้ แถมนักฆ่าสองคนนั้นก็ตายและแดลนี่ก็บาดเจ็บสาหัสอีก “
จังหวะนี้ริมฝีปากของกู๋เค่อหวู่ขยับเล็กน้อยเหมือนกับกำลังอยากที่จะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ได้พูดออกมาในความเป็นจริงเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันเพราะแดลนี่เป็นนักฆ่าระดับมือโปรสำหรับเขาและเขาก็ประทับใจในความสามารถของแดลนี่ยิ่งบวกกับนักฆ่ามืออาชีพอีกสองคนที่ต้องใช้เงินจ้างถึง10ล้านดอลล่ร่วมด้วยแล้วแต่ผลกลับออกมาเป็นแบบนี้ใครจะไปคาดคิด?
“ลูกคิดว่ายังไง?” กู๋ดิงชานหันไปมองและพูดกับกู๋เค่อหวู่
กู๋เค่อหวู่พูดว่า “พ่อ สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการทำให้แน่ใจว่าแดลนี่จะไม่พูดสารภาพอะไรออกมา เขาเป็นคนมีฝีมือมากคนหนึ่งก็จริงแต่เขาก็รู้มากเกินไปและการที่เซี่ยเหล่ยไม่ยอมฆ่าเขานั่นแสดงว่าเขาต้องการที่จะสอบสวนแดลนี่ซึ่งสถานะของแดลนี่ในตอนนี้ก็ไม่ต่างกับทุ่นระเบิดและมันพร้อมที่ระเบิดขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ “
“ลูกหมายถึงให้ฆ่าแดลนี่อย่างนั้นเหรอ?” กู๋ดิงชานพูดขึ้น “พ่อไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้แต่ตอนนี้แดลนี่อยู่ในมือของพวกเขาแล้วหากต้องการที่จะฆ่าแดลนี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยและมันอาจจะทำให้เกิดปัญหาตามหลังขึ้นอีกมากมาย”
กู๋เค่อหวู่หัวเราะก่อนพูดขึ้นว่า “ลุงเชียวพูดเมื่อซักครู่นี้ว่าเขาต้องการเวลาสองวันในการที่จะนำตัวแดลนี่ออกมาจากที่นั่นแต่แล้วยังไงหล่ะถ้าแดลนี่ตายที่นั่นมันจะไม่ง่ายกว่าเหรอ? การจะนำเขาออกมานั้นจะต้องลงทุนและลงแรงอย่างมากยิ่งเขาอยู่ในสภาพที่บาดเจ็บสาหัสอีกด้วยแล้วสู้ทำให้เขาไม่มีโอกาสได้พูดอีกตลอดไปดูเหมือนจะง่ายกว่า”
“เวลาสองวัน…… ” กู๋ดิงชานพูดขึ้นเบาๆพร้อมกับทำท่าทางว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ในความคิดของเขาลึกๆในใจแล้วเขาก็สงสัยเหมือนกันว่าแดลนี่อาจจะทรยศเขาก็เป็นได้
“พ่อ…พ่อกังวลว่าในเวลาสองวันนี้แดลนี่อาจจะสารภาพความจริงอย่างนั้นเหรอ?” กู๋เค่อหวู่พูดขึ้น
กู๋ดิงชานตอบกลับว่า ” แดลนี่เป็นคนทื่ซื่อสัตย์อย่างมาก พ่อเชื่อเขาเสมอแต่… ” กู๋ดิงชานขมวดคิ้วและการแสดงออกทางสีหน้าก็เปลี่ยนไปก่อนที่จะพูดต่อว่า ” แต่ผู้ชายคนนั้นเป็นปัจจัยที่ไม่น่าไว้วางใจมากที่สุด เขาอาจจะวางกลอุบายเพื่อหลอกล่อก็เป็นไปได้และถ้าสำเร็จมันจะเป็นอันตรายกับเรามากที่สุด”
เมื่อพูดถึงผู้ชายคนนั้น หน้าของเซี่ยเหล่ยลอยขึ้นในหัวของเขาทันที
ในขณะที่กำลังมองสองพ่อลูกคุยกันอยู่นั้น เซี่ยเหล่ยก็รู้สึกสงสัยว่าผู้ชายคนนั้นที่กำลังถูกพูดถึงจะใช่เขาเองหรือป่าว….
“ยังไงเรื่องนี้เราก็ควรที่จะคิดให้รอบคอบไม่ว่ายังไงก็ตามก่อนอื่นเราจะต้องทำให้มั่นใจว่าแดลนี่จะไม่พูดอะไรออกมาก่อนที่เราจะดำเนินการตามแผน “เมื่อพูดเสร็จคิ้วของกู๋เค่อหวู่ก็ขมวดจนแทบจะติดกันทั้ง 2 ข้าง
“อืม…ใช่ เราต้องแน่ใจก่อนว่าแดลนี่จะไม่รับสารภาพ” กู๋ดิงชานพูดขึ้นมา
“พ่อ…หรือว่าต้องการให้ผมไปจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองเลย” กู๋เค่อหวู่พูดขึ้นและพูดต่อว่า “ผมจะได้ไปคุยเป็นการส่วนตัว”
“ไม่ ลูกไม่ควรไปตอนนี้เราไม่ควรที่จะไปด้วยตัวเองไม่อย่างนั้นพวกเขาจะจับพิรุธและใช้เรื่องความสัมพันธ์นี้เล่นงานเราได้” กู๋ดิงชานพูดขึ้น
“งั้นจะเป็นใครหล่ะ?” กู่เค่อหวู่พูดขึ้น
“มันไม่ใช่เรื่องยากหรอกที่จะหาใครซักคนแทน” กู๋ดิงชานพูดขึ้นและพูดต่อว่า “ซึ่งก็น่าจะเป็นภรรยาและลูกของเขา”
กู๋เค่อหวู่ได้ยินเข้าก็ตะลึงไปชั่วขณะก่อนพูดขึ้นว่า “ภรรยาและลูกงั้นเหรอ? แดลนี่มีภรรยาและลูกแล้วอย่างนั้นเหรอ? “
กู๋ดิงชานตอบกลับว่า “นี่เป็นสิ่งเดียวที่พ่อรู้และคิดออกในตอนนี้ว่าจะให้ใครไปพูดแทนซึ่งภรรยาของแดลนี่ชื่อว่า ‘ซ่างชิงซิน’ เป็นผู้ดูแลของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแองเจิลล์และลูกสาวของพวกเขาชื่อ ‘ซ่างเหยี่ยเหยี่ย’ มีอายุสามขวบเราจะใช้พวกเขาเป็นสิ่งต่อรองด้วยเช่นกันเพื่อที่จะทำให้มั่นใจว่าเขาจะไม่ทรยศเราแน่นอน”
“ตกลง ผมจะรีบไปที่นั่นทันที” กู๋เค่อหวู่พูดขึ้นและหันหลังกำลังจะเดินออกไป
“ทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง” กู๋ดิงชานพูดเตือน
“อืม” กู๋เค่อหวู่ตอบรับคำพูดจากนั้นก็เดินออกไปทันที
หลังจากที่กู๋เค่อหวู่เดินออกไปแล้วเซี่ยเหล่ยก็คว้ากิ่งไม้และกระโดนลงพื้นอย่างนิ่มนวลจากนั้นก็รีบวิ่งออกไปทางสวนหลังบ้านและสุดท้ายเขาก็กระโดดข้ามกำแพงสูงสามเมตรออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็วจนสุดท้ายเขาก็หายไปในความมืด
ในการมาบ้านของกู๋ดิงชานคราวนี้เซี่ยเหล่ยได้ในสิ่งที่เขาต้องการแล้วนั่นคือการที่เขาคาดเดาไว้ก่อนหน้ามันถูกต้อง แดลนี่มีทั้งภรรยาและลูก !
นี่ถือเป็นความสำเร็จอย่างหนึ่งแต่ในตอนนี้เขาจะต้องรีบไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแองเจิลล์ก่อนเพื่อที่จะไปหาภรรยาและลูกของแดลนี่
ความสำเร็จในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหากว่าเขาไม่สามารถที่จะตรวจจับความผิดปกติการเต้นของหัวใจแดลนี่ได้ เขาจะไม่สงสัยเลยว่าแดลนี่มีภรรยาและลูกแล้วในความเป็นจริงที่แดลนี่มีลูกและภรรยาแล้วนั้นกู๋ดิงชานรู้อยู่ก่อนหน้าแล้วและคงจะใช้พวกเขาในการต่อรองแดลนี่ เรื่องนี้คงจะเป็นความลับอย่างมากขนาดที่ว่ากู๋เค่อหวู่ยังไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย!
ตอนนี้เซี่ยเหล่ยกลายเป็นคนที่สามที่รู้ความลับนี้
และในตอนนี้ SUV สีดำของเซี่ยเหล่ยพุ่งออกไปยังถนนอย่างรวดเร็วโดยเป้าหมายคือการมุ่งหน้าไปยังเขตเมืองที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแองเจิลล์ตั้งอยู่
ติดตามตอนต่อไป…………………