Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 283
TXV – 283 สถานการณ์บีบบังคับ !
เมื่อเดินมาถึงทางเข้าตอนนี้ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าของเซี่ยเหล่ย เธอใส่รองเท้าส้นสูงสีดำ ขาของเธอยาวมากแถมต้นขาของเธอยังขาวและมันวาวอย่างมากด้วยเช่นกัน เธอไม่ใส่ถุงน่องเพื่อต้องการที่จะเผยผิวหนังของเธอเอง สะโพกของเธอโค้งได้สัดส่วนและหน้าอกของเธอก็ไม่ธรรมดาเลยโดยรวมแล้วหุ่นของเธอเอิบอิ่มเป็นอย่างมาก
เธอดูเหมือนกับผู้หญิงสวยสง่าอย่างมากเพราะชุดที่เธอใส่มานั้นมีความงดงามและความอลังการรวมอยู่ด้วยกันแต่เซี่ยเหล่ยก็รู้สึกได้ทันทีว่านี่มันเป็นความผิดพลาดเมื่อเห็นใบหน้าของผู้หญิงคนนี้เพราะผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาคือ….ถ่างหยู่เหยี่ย
แต่การที่เซี่ยเหล่ยจะเข้าใจผิดก็ไม่แปลกเพราะปกติแล้วเธอจะใส่แค่ชุดลำลองหรือชุดเครื่องแบบของสำนักงานลับ 101 หรือไม่ก็ชุดกีฬาเท่านั้น
ถ่างหยู่เหยี่ยเดินเข้ามาอย่างเรียบง่าย เธอเดินมาพร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ทุกๆปฏิกิริยาและทุกๆการเคลื่อนไหวของเธอนั้นดูเหมือนกับหญิงสาวที่มีเสน่ห์อย่างมาก
เมื่อเธอเดินเข้ามาใกล้เซี่ยเหล่ยก็ได้กลิ่นน้ำหอมจากตัวเธอทันที เขารู้สึกว่ามันหอมมากแต่ก็เก็บอาการไว้แล้วจึงพูดขึ้นว่า “คุณถ่าง คุณมาที่นี่ได้ยังไง? แล้วทำไมถึงแต่งตัวแบบนี้หล่ะ? “
ถ่างหยู่เหยี่ยเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะพูดว่า “ฉันจะตอบคุณทีละคำถาม คำถามแรกคือฉันมาหาคุณโดยเฉพาะเพราะว่าฉันต้องการผู้ช่วยส่วนอีกคำถามก็เพราะว่าฉันชอบที่จะใส่แบบนี้ยังไงหล่ะ ว่าแต่ฉันดูเป็นยังไงบ้างหล่ะกับชุดนี้? “
“ก็ดีนะ” เซี่ยเหล่ยพูดจากนั้นก็พูดต่อว่า “คุณบอกว่าต้องการผู้ช่วย จะให้ผมช่วยอะไรหล่ะ?”
“อย่ามาโยกโย้ตอบคำถามฉันมาก่อนว่าฉันแต่งตัวแบบนี้แล้วเป็นอย่างไรบ้าง?” ถ่างหยู่เหยี่ยต้องการคำตอบ
เซี่ยเหล่ย “… “
“นี่…บอกฉันมาเร็วๆ ฉันอยากจะรู้ความคิดเห็นจากคุณ” ถ่างหยู่เหยี่ยยังคงต้องการคำตอบ
เซี่ยเหล่ยยิ้มเล็กน้อยก่อนพูดขึ้นว่า”คุณดูดีและมีเสน่ห์มาก ในตอนนี้คุณดูเหมือนนางฟ้าเลยจริงๆ”
“เฮ้เฮ้เฮ้…… ” ถ่างหยู่เหยี่ยหัวเราะเบาๆก่อนพูดขึ้นต่อว่า “แต่ความจริงฉันก็คิดว่างั้นเหมือนกัน ฮ่าฮ่า….”
“แล้วตกลงมีอะไรกันแน่?” เซี่ยเหล่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“พาฉันไปเต้นก่อนสิเมื่อกี้ฉันเห็นคุณไม่ได้ออกไปเต้นรำ” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพร้อมยกมือขึ้นเหมือนกับว่ากำลังรอให้เซี่ยเหล่ยจับมือของเธอแล้วพาออกไปเต้นที่ลานเต้นรำ
เซี่ยเหล่ยพูดไปว่า “คุณจะเข้าไปข้างในทำไมหล่ะ”
ถ่างหยู่เหยี่ยจ้องไปที่เซี่ยเหล่ยก่อนพูดขึ้นว่า “ก็ฉันอยากเต้นรำหน่ะสิ “
เซี่ยเหล่ย “… “
“มากับฉันสิ ฉันจะบอกคุณว่าทำไมต้องการผู้ช่วยและภารกิจมันคืออะไร ” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดขึ้นอย่างจริงจังพร้อมยกมือขวาขึ้นอีกครั้งเหมือนว่ากำลังรอให้เซี่ยเหล่ยจับมือของเธอ
เซี่ยเหล่ยเห็นสัญญาณมือของถ่างหยู่เหยี่ย เขาก็ยื่นมือออกไปจับมือของเธอทันทีและพาเธอเดินไปที่ห้องโถง
ในขณะนี้เพลงเต้นรำจบลงพอดีเฉินตูเทียนหยินและถู่ชิงหลงกำลังเดินออกจากลานเต้นรำในขณะที่กำลังเดินออกมานั้น เฉินตูเทียนหยินมองไปที่อันซูฮยอนและรอบๆข้างเขาก็พบว่าเซี่ยเหล่ยไม่ได้ยืนอยู่ข้างเขาแล้วจู่ๆหางตาของเธอก็เหลือบไปมองตรงทางเดินห้องโถงโดยไม่รู้ตัว ทำให้เธอพบเซี่ยเหล่ยกำลังเดินตรงไปที่ลานเต้นรำพร้อมกับจูงมือสาวสวยไปด้วยนั่นทำให้ภายในใจของเธอตอนนี้รู้สึกเหมือนมีอะไรมากระแทกอย่างรุนแรง…..
สายตาของแขกภายในงานต่างพากันมองไปที่ถ่างหยู่เหยี่ยและเซี่ยเหล่ยที่กำลังเดินเข้าไปที่ลานเต้นรำ
ในตอนนี้สามารถพูดได้ว่าถ่างหยู่เหยี่ยไม่ได้สวยน้อยไปกว่ากว่าเฉินตูเทียนหยินเลย ด้านเฉินตูเทียนหยินด้วยลุคของเธอในวันนี้ดูราวกับเจ้าหญิงส่วนถ่างหยู่เหยี่ยนั้นมีความสวยแบบสง่างามและดูมีระดับ พวกเธอเป็นจุดสนใจในงานวันนี้อย่างมากแถมพวกเธอยังสวยกันคนละแบบ….
ก่อนหน้านี้ที่อันซูฮยอนได้จูงมือพาเฉินตูเทียนหยินเดินเข้าไปที่ลานเต้นรำนั้นบรรยากาศในตอนนั้นพวกเขาดูเป็นคู่ที่เหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก
และมาในตอนนี้เซี่ยเหล่ยก็จูงมือของถ่างหยู่เหยี่ยเดินเข้าลานเต้นรำทั้งคู่ก็ดูเป็นคู่ที่เหมาะสมอย่างมากเช่นกันโดยสิ่งที่ทำให้ทั้งคู่ดูเหมาะกันมากที่สุดก็เห็นจะเป็นบุคลิกของทั้งคู่ที่แสดงออกถึงความกล้าหาญและความดุดัน
เสียงเพลงในตอนนี้กำลังเริ่มใหม่ทำให้เซี่ยเหล่ยยกมือข้างหนึ่งของตัวเองและของถ่างหยู่เหยี่ยขึ้น จากนั้นอีกมือของเขาก็เอื้อมออกไปจับที่เอวของเธอ มือของถ่างหยู่เหยี่ยก็ยื่นไปจับที่เอวของเซี่ยเหล่ยเช่นกัน ท่าทางของพวกเขาในตอนนี้เป็นท่าในการเตรียมพร้อมสำหรับการเต้นรำแล้ว
สีหน้าของเฉินตูเทียนหยินในตอนนี้ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าแม้แต่นิดเดียว……
อันซูฮยอนได้ขยับเข้ามาด้านข้างของเฉินตูเทียนหยินจากนั้นก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “คุณเซี่ยเนี่ยเป็นคนที่ยอดเยี่ยมจริงๆ เมื่อกี้เขาบอกว่าจะไปจัดการอะไรบางอย่างก่อนที่จะเดินหายไปแล้วมาในตอนนี้เขากลับมาพร้อมกับผู้หญิงสวยคนหนึ่งและพาเธอคนนั้นไปเต้นกลางลานเต้นรำซะด้วย “
“คุณรู้จักผู้หญิงคนนั้นมั้ย ?” เฉินตูเทียนหยินถามอย่างไม่พอใจเล็กน้อย
อันซูฮยอนส่ายหัวพร้อมพูดว่า “ผมไม่รู้”
ถู่ชิงหลงพูดด้วยความอยากรู้อยากเห็นไปว่า “เทียนหยิน ผู้คนภายในห้องนี้ล้วนเป็นแขกที่คุณเชิญมาแต่คุณไม่รู้เหรอว่าเธอเป็นใคร?”
“ไม่รู้” เฉินตูเทียนหยินมองไปที่ถู่ชิงหลงอย่างขุ่นเคืองเพราะเธอคิดว่าการที่เขาชวนเธอออกไปเต้นรำนั้น มันทำให้เซี่ยเหล่ยเลือกที่จะไม่ชวนเธอไปเต้นรำด้วย
ถู่ชิงหลงรับรู้ได้จากปฏิกิริยาของเฉินตูเทียนหยินที่แสดงออกมานั่นทำให้เขาหุบปากเงียบในทันที
ที่ลานเต้นรำตอนนี้เซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยกำลังเต้นรำกันอยู่ พวกเขาเต้นรำไปเรื่อยๆตามบทเพลงที่กำลังบรรเลงทั้งคู่เต้นโดยไม่ได้พูดอะไรต่อกันนั่นทำให้เซี่ยเหล่ยไม่รีรอจึงพูดถามเธอไปว่า “ถึงตอนนี้แล้ว คุณจะไม่บอกผมหน่อยเหรอว่าภารกิจของคุณคืออะไรกันแน่? “
“คุณจะไปอัฟกานิสถานกับฉันมั้ย ?” จู่ๆถ่างหยู่เหยี่ยโผล่งคำถามออกมาทันที
“ไปอัฟกานิสถาน ไปทำอะไรหล่ะ?” เซี่ยเหล่ยถามกลับ
“เรามีผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่จะติดเป็นตัวประกันอยู่ที่นั่น เราต้องไปช่วยพวกเขา” ถ่างหยุ่เหยี่ยพูด
“ผมจำได้ว่าก่อนหน้านี้คุณบอกว่าจะต้องไปที่อัฟกานิสถานเพื่อทำงานอะไรบางอย่าง มันคือการช่วยเหลือตัวประกันงั้นเหรอ จนถึงตอนนี้ยังช่วยไม่ได้อีกงั้นหรอ? “
ถ่างหยู่เหยี่ยขยับตัวเข้าไปใกล้กับหูของเซี่ยเหล่ยก่อนพูดอย่างแผ่วเบาไปว่า “พวกเขาต้องการคำแนะนำจากที่ปรึกษาอย่างคุณเพื่อที่จะให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ถ่างหยู่เหยี่ยพูดขึ้นคิ้วของเซี่ยเหล่ยก็ขมวดเป็นโบว์ หน้าผากกำลังเหี่ยวย่นทันทีจากนั้นเขาก็พูดว่า “อย่าพยายามให้ลำบากเลย ผมเคยบอกคุณไปก่อนหน้านี้แล้วว่าผมจะไม่ทำอะไรเพื่อพวกคุณอีกดังนั้นผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”
“ที่จริงก่อนหน้านี้ฉันยังไม่ได้ไปที่อัฟกานิสถานเลย เพราะจู่ๆพวกเขาก็ส่งกลุ่มเล็กๆกลุ่มหนึ่งไปก่อนหน้าฉัน คนกลุ่มนั้นเป็นคนมีฝีมือแต่ที่สุดแล้วพวกเขาก็ต้องตายไปห้าคนและอีกสองคนยังไม่รู้ชะตากรรม ภารกิจนี้มีความสำคัญอย่างมากดังนั้นเราจึงต้องการความช่วยเหลือจากคุณ “ถ่างหยู่เหยี่ยพูดข้างหูของเซี่ยเหล่ยจากนั้นเธอก็ขยับถอยออกมาก่อนที่จะพูดตรงหน้าของเซี่ยเหล่ยไปว่า “และฉันคิดว่าคุณคงจะไม่ปฏิเสธหรอกนะ”
เซี่ยเหล่ยส่ายหัวอย่างรวดเร็วจากนั้นก็รีบพูดขึ้นว่า “ผมไม่อยากที่จะไปเสี่ยงอันตรายหรอกนะ ผมไม่ต้องการไปกับคุณดังนั้นคุณไปหาคนอื่นเถอะ “
ในจังหวะที่เซี่ยเหล่ยพูดจบเพลงก็จบลงด้วยพอดีนั่นทำให้เซี่ยเหล่ยกำลังจะเดินออกจากลานเต้นรำแต่ก็โดนถ่างหยู่เหยี่ยจับเอวไว้และดึงเขาให้กลับมาเพื่อที่จะเต้นรำและพูดคุยต่อ
เซี่ยเหล่ยกลับมาอยู่ในท่าเตรียมที่จะเต้นอย่างเงอะงะจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “คุณต้องการที่จะทำอะไร คนอื่นๆกำลังมองอยู่นะ”
ถ่างหยู่เหยี่ยพูดด้วยรอยยิ้มไปว่า “มันก็ไม่แปลกหรอกเพราะว่าตอนนี้พวกเราเด่นที่สุดในลานเต้นรำยังไงหล่ะ”
เซี่ยเหล่ยไม่ได้สนใจคำพูดของถ่างหยู่เหยี่ยตอนนี้เขาได้มองไปที่เฉินตูเทียนหยิน เขาเห็นเธอไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้าแม้แต่น้อยทันใดนั้นเขาก็นึกได้ว่า เขาไม่ได้ชวนเธอออกมาเต้นก่อนหน้านี้……
“ถ้าอย่างนั้น ฉันจะบอกความลับกับคุณ” ถ่างหยู่เหย่ยพูดขึ้นจากนั้นก็ขยับตัวเข้าไปใกล้กับหูของเซี่ยเหล่ยก่อนที่จะพูดอย่างแผ่วเบาต่อว่า “ในบรรดาผู้เชี่ยวชาญที่ถูกจับเป็นตัวประกัน มีใครบางคนที่คุณรู้จักอยู่ในนั้นด้วย”
เซี่ยเหล่ยประหลาดใจอย่างมากเขารีบถามออกไปทันทีว่า “ผมรู้จักงั้นเหรอ? ใครกันหล่ะ?”
“หนิงจิง” ถ่างหยู่เหยี่ยพูด
เซี่ยเหล่ยตกใจอีกครั้งเขาพูดขึ้นว่า “เธอไปอยู่ที่อัฟกานิสถานได้ยังไง ?”
“ถ้าคุณสัญญาว่าจะช่วยฉัน ฉันจะบอกคุณ” ถ่างหยู่เหยี่ยยื่นขอเสนอ
“แต่ถ้าคุณไม่บอกผม ผมก็ไม่ไป” เซี่ยเหล่ยยื่นคำขาด
ถ่างหยู่เหยี่ยหัวเราะเบาๆก่อนพูดขึ้นว่า “นี่ๆ…ผู้บริหารฉือบอกไว้ว่าโรงงานผลิตอาวุธของคุณต้องการใบอนุญาตถ้าคุณไม่ช่วยเราเขาก็จะไม่ช่วยคุณในเรื่องนี้เหมือนกัน”
“คุณนี่มัน…… ” เซี่ยเหล่ยรู้สึกขัดใจ
โรงงานผลิตอาวุธนี้ เขาลงทุนไปเกือบหนึ่งพันล้านหยวน เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าต้องได้รับการอนุญาตด้วยซึ่งเรื่องนี้ทำให้มันกลายเป็นจุดอ่อนของเขาอย่างมาก
“ตกลงกับฉันสิว่าจะช่วยฉันไม่อย่างนั้นฉันคงจะต้องตายที่อัฟกานิสถานอย่างแน่นอน” ถ่างหยู่เหยี่ยหยุดเต้นและมองไปที่เซี่ยเหล่ยอย่างจริงจัง
ด้วยท่าทางและคำพูดของเธอทำให้เซี่ยเหล่ยไม่รู้ว่าจะตอบเธอไปอย่างไรดี
แต่เมื่อคิดได้เขาก็ยิ้มเล็กน้อยก่อนพูดขึ้นว่า “คุณวางแผนไว้ทั้งหมดแล้วนี่ ผมคงต้องไปสินะ ถ้าอย่างนั้นขั้นตอนต่อจากนี้เราจะทำอะไร? “
ถ่างหยุ่เหยี่ยตอบว่า “คืนนี้เครื่องบินจะบินตรงไปยังปากีสถานโดยไม่มีการหยุดพัก คุณไม่จำเป็นต้องเตรียมอะไรเลยเพราะเราเตรียมให้ไว้หมดแล้ว “
“ถ้าอย่างนั้นก็รอก่อน ผมจะไปคุยกับเพื่อนของผมก่อน” เซี่ยเหล่ยพูดพลางปล่อยมือออกจากเอวของถ่างหยู่เหยี่ย
“เฉินตูเทียนหยินงั้นเหรอ ฉันรู้จักเธอและดูเหมือนว่าคุณกับเธอค่อนข้างที่จะเหมาะสมกันอยู่นะ” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม
เซี่ยเหล่ยเมินคำพูดของถ่างหยู่เหยี่ยจากนั้นก็เดินไปหาเฉินตูเทียนหยินทันที
“เธอเป็นใคร?” เสียงของเฉินตูเทียนหยินที่ถามออกไปนั้นปนไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและความไม่พอใจเล็กน้อยผสมปนกัน
เซี่ยเหล่ยได้ขยับตัวเข้าไปใกล้กับเทียนหยินมากขึ้นก่อนที่จะขยับตัวไปข้างหูเธอพร้อมกระซิบออกไปว่า “ถ่างหยู่เหยี่ย เธอชื่อถ่างหยู่เหยี่ย เธอเป็นเพื่อนร่วมงานของหลงบิง เธอมาหาผมที่นี่โดยเฉพาะและนั่นทำให้ผมต้องไปที่อัฟกานิสถานพร้อมเธอ”
ทันทีที่เธอได้ยินว่าเธอเป็นเพื่อนร่วมงานของหลงบิงนั่นทำให้เธอยิ้มออกมาทันทีจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “มีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ ทำไมต้องไปอัฟกานิสถานพร้อมเธอกันหล่ะ?
“เอ่อ…ผมไม่สามารถบอกรายละเอียดกับคุณได้” เซี่ยเหล่ยพูดต่อว่า “ผมต้องไปแล้ว สุขสันต์วันเกิดนะ “
“ระวังตัวด้วยหล่ะ” เฉินตูเทียนหยินพูดด้วยความเป็นห่วง
เซี่ยเหล่ยยิ้มจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ผมไปก่อนนะ”
ในเวลานี้ถ่างหยู่เหยี่ยก็เดินมาพอดี เธอไม่ได้ทักทายเฉินตูเทียนหยินแต่ได้เดินไปชนไหล่ของอันซูฮยอนก่อนที่จะเดินออกจากห้องโถงไป
จังหวะที่ถ่างหยุ่เหยี่ยเดินไปชนไหล่ของอันซูฮยอน เซี่ยเหล่ยแอบเห็นว่าเธอใส่อะไรบางอย่างลงไปในกระเป๋าเสื้อของอันซูฮยอน
เซี่ยเหล่ยคิดในใจทันทีว่า “มันคืออะไร เธอทำแบบนี้ทำไมนะ มีอะไรกันไม่ชอบมาพากลงั้นเหรอ ?”
ด้านอันซูฮยอนไม่ได้สนใจตอนที่ถ่างหยู่เหยี่ยเดินชนไหล่เขาแม้แต่น้อย เขายังคงมองไปที่เซี่ยเหล่ยและเฉินตูเทียนหยินตลอดเวลาด้วยสายตาที่ไม่พอใจ
เซี่ยเหล่ยมองไปที่อันซูฮยอนจากนั้นก็มองไปที่ถ่างหยู่เหยี่ยที่กำลังเดินออกไปอย่างรวดเร็ว