Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 287
TXV – 287 สนามรบของจริง !
ในขณะนี้ดวงอาทิตย์กำลังลับของฟ้าทางทิศตะวันตกนั่นทำให้ขอบฟ้ามีสีแดงระเรื่อตัดกับสีของเทือกเขาหิมาลัยที่ออกจะเป็นสีขาว เนื่องจากด้านบนของมันจะมีหิมะปกคลุมโดยรวมแล้วมันช่างสวยงามอย่างมาก
รถฟอร์ดสามคันเคลื่อนที่ออกจากปาศแวย์และตรงไปยังชายแดนของอัฟกานิสถาน
รถทั้งสามคันขับไปเรื่อยๆตามเส้นทางจนพลบค่ำรถทั้งสามคันก็ได้มาถึงชายแดนของปากีสถานเมื่อมาถึงด่านรถทุกคันถูกตรวจสอบทันที ทันที่ที่โดนตรวจสอบก็มีเจ้าหน้าที่เข้ามาด้านข้างของรถ ถ่างหยู่เหยี่ยก็ยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ทันที เจ้าหน้าที่อ่านเอกสารได้ไม่นานก็ได้โบกมือให้กับเจ้าหน้าที่อีกคนที่คอยเปิดปิดไม้กั้น ให้เปิดไม้กันขึ้นเพื่อให้รถผ่านไปได้
เมื่อเห็นว่าไม้กันเปิดแล้วถ่างหยู่เหยี่ยก็ออกรถทันที
ในตอนนี้เซี่ยเหล่ยเข้าใจสถานการณ์มากขึ้นแม้ว่าภายในรถคันนี้จะแอบบรรทุกนิวเคลียร์เข้ามาเมื่อถูกตรวจไม่ว่ายังไงก็สามารถผ่านไปได้อยู่ดี
เมื่อเข้าผ่านพรมแดนอัฟกานิสถานเซี่ยเหล่ยก็พูดขึ้นทันทีว่า “ทำไมปากีสถานถึงตั้งด่านแต่อัฟกานิสถานไม่ตั้งหล่ะ?”
ถ่างหยู่เหยี่ยตอบไปว่า “คุณคิดว่าการตั้งด่านตรวจนี่ใครเป็นคนรับผิดชอบกันหล่ะ รัฐบาลอย่างนั้นเหรอ มันก็ใช่อยู่หรอกนะแต่รัฐบาลของอัฟกานิสถานไม่ได้ร่ำรวยขนาดนั้นแถมชายแดนมันยังห่างไกลมาก เมื่อคำนวนค่าใช้จ่ายทุกอย่างแล้ว มันจึงไม่คุ้มที่จะตั้งขึ้นไงหล่ะ “
“อืม งั้นก็ต้องระวังตัวให้มากขึ้นหน่อยแล้ว” เซี่ยเหล่ยคิดในใจและนึกไปถึงคำเตือนของพ่อของเขาเอง
ในตอนนี้พวกเขาได้ขับรถผ่านเข้ามาไกลกว่า10กิโลเมตรแล้ว เขาก็ได้เจอกับรถกระบะคันหนึ่ง ซึ่งไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนแถมโลโก้ยี่ห้อของรถก็ถูกแกะออกไปด้วย
ถัดไปด้านข้างรถก็มีชายวัยกลางคนผูกผ้าพันคอยืนพิงรถอยู่เมื่อเซี่ยเหล่ยเห็นเขา เขาก็นึกออกในทันทีว่าชายวัยกลางคนนั้นก็คือคาลา
นั่นทำให้รถฟอร์ดทั้งสามคันไปหยุดอยู่ใกล้กับรถกระบะคันนั้น ถ่างหยู่เหยี่ยเปิดกระจกลงจากนั้นก็พูดคุยกับคาลาเล็กน้อยก่อนที่เขาจะกลับไปขึ้นรถกระบะและขับออกไปตามถนนและทันทีที่รถกระบะออกตัวรถฟอร์ดทั้งสามคันก็ออกตัวตามไป
อัฟกานิสถานเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นประเทศที่มีภูเขาอยู่มาก ทุกพื้นที่ของที่นี่ล้วนเป็นดินสีแดงและสีน้ำตาลนั่นรวมถึงสีของภูเขาด้วยเพราะที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นภูเขาหัวล้านที่นี่เปรียบเทียบได้กับดินแดนที่ถูกทอดทิ้งเพราะมันค่อนข้างแห้งแล้งและไร้ชีวิตชีวา
“บอกได้มั้ยว่าใช้เวลาอีกนานแค่ไหนกว่าเราจะไปถึง?” เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นเพราะบรรยากาศภายในรถตอนนี้เงียบมากตั้งแต่เข้าเขตอัฟกานิสถานแล้วถ่างหยู่เหยี่ยดูจะเครียดเล็กน้อยและไม่พูดอะไรออกมาเลย
ถ่างหยู่เหยี่ยตอบว่า “ถ้าไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นแล้วละก็ ฉันคิดว่าเราคงจะไปถึงในวันพรุ่งนี้ คุณไม่ต้องกังวลไปหรอกเส้นทางนี้ปลอดภัยที่สุดแล้ว “
เซี่ยเหล่ยยิ้มก่อนพูดขึ้นว่า “ผมไม่ได้กังวลอะไรเลย แต่ผมเห็นตั้งแต่เมื่อกี้แล้วว่าคุณดูเงียบและดูค่อนข้างที่จะตึงเครียด ดังนั้นผมจึงพูดขึ้นเพื่อให้คุณผ่อนคลายความตึงเครียดลงบ้าง “
ถ่างหยู่เหยี่ยได้ยินที่เซี่ยเหล่ยพูด เธอจึงพูดอย่างงุ่มง่ามออกไปว่า “ฉันดูเครียดอย่างนั้นเหรอ ฉันดูกังวลด้วยงั้นเหรอ นี่ๆอย่ามากตลดดีกว่าหน่า ฉันนี่น่ะจะเครียด ฮ่าฮ่า ! “
ในขณะนี้ก็มีแสงพุ่งมาจากทางด้านซ้ายของหุบเขา ซึ่งตอนนี้เป็นตอนกลางคืน ทำให้เห็นแสงนี้ได้อย่างชัดเจนมาก สายตาของเซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยหันไปมองทางด้านซ้ายพร้อมๆกัน เหตุการณ์ในตอนนี้ทำให้ถ่างหยู่เหยี่ยรีบตะโกนออกมาทันทีว่า “มิสไซล์! หลบเร็ว!”
การกระทำและการตัดสินใจของถ่างหยู่เหยี่ยนั้นแสดงให้เห็นออกมาว่าเธอมีความสามารถในด้านนี้มากกว่าเซี่ยเหล่ยจริงๆ
อย่างไรก็ตามคำเตือนของเธอไม่ได้รวดเร็วกว่ามิสไซล์ที่ถูกยิงออกมาวิถีกระสุนของมิสไซล์ที่ถูกยิงออกมามีเป้าหมายไปที่รถกระบะที่คาลาเป็นคนขับ มันพุ่งตรงไปอย่างรวดเร็วและเมื่อไปถึงระกระบะของคาลาก็เกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง ทั้งเปลวไฟและควันไฟลอยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างมหาศาลรวมถึงเศษชิ้นส่วนรถที่เกิดจากการระเบิดด้วย
ถ่างหยู่เหยี่ยหักหลบพวงมาลัยไปด้านข้างเพื่อหลบซากของรถกระบะที่ปลิวรอยตามแรงระเบิดออกมา
แต่ถึงจะหักหลบไปข้างทางแล้วก็ไม่สามารถที่จะหลบชิ้นส่วนของรถกระบะได้ทั้งหมด รถฟอร์ดอีกสองคันที่ขับตามมาก็เหมือนกันมีร่องรอยของการถูกชิ้นส่วนจากแรงระเบิดตกใส่ตัวรถพร้อมกับกระจกที่แตกออกเพราะแรงอัดระเบิด!
ในจังหวะนี้ที่หุบเขาก็มีแสงไฟแลบขึ้นมาอีกครั้งไม่ต้องสงสัย มันคือมิสไซล์ลูกที่สองที่ถูกยิงออกมา
เวลานี้ทั้งถ่างหยู่เหยี่ยและเซี่ยเหล่ยไม่รอช้า พวกเขาไม่ได้ตกลงกันไว้ก่อนแต่ตอนนี้ทั้งคู่ได้เปิดประตูพร้อมกันและรีบวิ่งออกห่างจากตัวรถอย่างรวดเร็ว
ตูม!! มิสไซล์ได้ตรงไปยังก้อนหินที่อยู่ใกล้กับรถของเซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยด้วยแรงระเบิดทำให้ทั้งเซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยกระเด็นออกไปด้วยแรงอัดอากาศ
ถ่างหยู่เหยี่ยได้พลิกตัวกลับจากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วพูดว่า “เราต้องตอบโต้กลับไป!”
เหล่าเจ้าหน้าที่ได้รับคำสั่งมาแล้วก็รีบหยิบอาวุธที่บรรทุกมาด้วยและรีบมองหาก้อนหินที่พอจะเป็นกำบังได้และรีบไปหลบอยู่ด้านหลัง จากนั้นก็เตรียมตัวให้พร้อม เพื่อเตรียมตัวโต้กลับ
เซี่ยเหล่ยเองที่กระเด็นไปก่อนหน้านี้ก็ได้รีบพลิกตัวกลับและรีบลุกขึ้นพร้อมวิ่งไปหากำบังที่ใกล้ที่สุดมันเป็นคนละกำบังกับของถ่างหยู่เหย่ย ในตอนนี้เขาทำตัวไม่ถูกเพราะสิ่งที่เขาทำได้ก็คือหลบซ่อนอยู่เท่านั้น ตอนนี้ตัวเขาสั่นอย่างมากและจิตใจเขาก็ว่างเปล่า เขาตระหนักได้ทันทีว่านี่คือสนามรบของจริงและความตายอาจจะเกิดขึ้นได้ทุกวินาที!
แม้ว่าเขาจะมีประสบการณ์ในการใช้ปืนไรเฟิลหรือต่อสู้กับนักฆ่ามาก่อนก็ตาม แต่ก็เทียบไม้ได้เลยกับสถานสการณ์จริงในสนามรบเพราะในการสู้กันจริงในสนามรบมันมีปัจจัยหลายอย่างมากที่เข้ามาเกี่ยวข้องยกตัวอย่างเช่นหน่วยสไนเปอร์ที่สามารถโจมตีได้ไกลเป็นกิโลเมตรนั่นทำให้ไม่รู้เลยว่าเราจะถูกยิงเมื่อไหร่และที่ไหน!
ในตอนนี้ถ่างหยู่เหยี่ยเห็นท่าทางที่ผิดปกติของเซี่ยเหล่ย นั่นทำให้เธอเลียริมฝีปากพร้อมหยิบปืนขึ้นมาเพื่อเตรียมพร้อมและรีบวิ่งไปที่กำบังที่เซี่ยเหล่ยหลบอยู่
แม้ว่าในตอนนี้ถ่างหยู่เหยี่ยจะเข้ามาด้านข้างแต่เซี่ยเหล่ยก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรต่อเธอเลย
“คุณเป็นอะไร?” ถ่างหยู่เหยี่ยจับไหล่ของเซี่ยเหล่ยพร้อมพูดขึ้นและพูดต่อว่า “คุณไหวหรือป่าว?”
ตูม!! มิสไซล์ลูกที่สามได้ถูกยิงออกมาวิถีกระสุนพุ่งไปตรงกำบังที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของของถ่างหยู่เหยี่ยที่หลบอยู่และด้วยกำบังนี้เป็นหินขนาดใหญ่แต่ไม่ได้แข็งแรงมากนักเพราะด้วยความมืดจึงทำให้เจ้าหน้าที่ที่หลบอยู่ตรงนี้ไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของกำบังนี้ ทำให้พวกเขาประเมินผิดพลาดนั่นเป็นสาเหตุทำให้เมื่อกระสุนกระทบเข้ากับหินขนาดใหญ่ก้อนนี้มันจึงแตกตัวออกทันที ร่างของเจ้าหน้าที่ที่หลบอยู่ด้านหลังโดนกระแทกทั้งจากก้อนหินและแรงอัดของระเบิด ร่างกายขาดเป็นท่อนกระจัดกระจายไปทั่วพื้น เลือดทะลักออกมาราวกับน้ำพุ…..มันเป็นภาพที่น่าสยดสยองเป็นอย่างมาก
การระเบิดครั้งนี้ทำให้เซี่ยเหล่ยได้สติขึ้นมา เขาส่ายหน้าเล็กน้อยเพื่อที่จะขจัดความกลัวในหัวใจของตัวเอง
“ตอนนี้คุณยิงปืนได้หรือป่าว ถ้าไม่ก็ตามฉันมา! “ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพร้อมจ้องมองปฏิกิริยาของเซี่ยเหล่ย
“ผมยิงได้!” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมตั้งสติจากนั้นเขาก็หยิบปืนไรเฟิลขึ้นมาพร้อมกับพิงไปที่ก้อนหินพร้อมกระตุกตาซ้ายเล็กน้อยก่อนที่จะมองหาตำแหน่งของเป้าหมาย
สายตาของเซี่ยเหล่ยมองไปยังที่ที่เคยเกิดแสงของประกายไฟก่อนหน้านี้ ทำให้เขาเห็นคนติดอาวุธจำนวนมากมันมีมากกว่า30คน พวกเขาใส่ชุดลายพลางเพื่อให้เป็นเป้าสายตาน้อยที่สุด สวมหมวกกันน็อคที่สามารถกันกระแทกได้ดีกว่าหมวกกันน็อคแบบทั่วไปทั่วทั้งตัวมีมีดสั้น อาวุธลับ กระสุนหรือแม้แต่ระเบิดพกติดตัวเอาไว้ทุกคน พวกเขาค่อยๆเคลื่อนที่เข้ามาเรื่อยๆ ซึ่งดูแล้วไม่ใช่กองกำลังป้องกันประเทศอัฟกานิสถานอย่างแน่นอน!
แต่ในบรรดาพวกคนติดอาวุธเหล่านั้นไม่ได้มีมือปืนที่คอยยิงมิสไซล์เข้ามานั่นทำให้เขายังคงมองไปรอบๆอย่างละเอียดและในที่สุดเขาก็เจอคนๆนั้น เขายืนอยู่ด้านหลังหินขนาดใหญ่โดยที่ไหล่ของเขามีปืน RPG ประทับบ่าอยู่
ด้วยดวงตาของเซี่ยเหล่ยตอนนี้เขาสามารถเห็นศัตรูจนหมดทุกคนหมดแล้ว
“คุณจะไม่ยิงงั้นเหรอ? งั้นก็ส่งปืนไรเฟิลมาให้ฉันซะ! “ถ่างหยุ่เหยี่ยพูดขึ้นด้วยความโกรธ
เมื่อเซี่ยเหล่ยได้ยินที่ถ่างหยู่เหยี่ยพูด เขาก็เหนี่ยวไกปืนไรเฟิลทันทีกระสุนที่ออกจากกระบอกปืนของเขาได้พุ่งตรงไปยังคนที่ถือปืน RPG ตรงเข้ากลางหัวจังหวะเดียวกันนั้นก่อนที่กระสุนจะตรงไปเข้าหัวของคนที่ถือปืน RPG ฝ่ายนั้นเองก็เตรียมที่จะยิงนัดที่สี่ก่อนอยู่แล้ว นั้นทำให้เมื่อกระสุนเจาะทะลุกลางกระโหลกไปแล้วนิ้วของเขาก็ลั่นไกปืนRPG พอดีจึงทำให้มิสไซล์นัดที่สี่พุ่งออกไปบนฟ้าพร้อมกับความตายของเขา
“ผมฆ่าคนที่ยิงมิสไซล์แล้ว” เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นตอนนี้เขาค่อยๆปรับตัวเองให้เข้ากับบรรยากาศของสนามรบ
“คุณ …… จัดการได้แล้วงั้นเหรอ?” ถ่างหยู่เหยี่ยมองไปที่เซี่ยเหล่ยด้วยความประหลาดใจ เพราะเธอไม่แม้แต่จะเห็นตัวคนที่ยิงแถมมันยังห่างไกลมากจากจุดที่เขายิง และเขาใช้เวลาทั้งหมดในการจัดการนี้ไม่เกินห้าวินาทีเท่านั้น!
เซี่ยเหล่ยไม่ได้สนใจที่จะตอบคำถามของเธอ
“กำบังของเราอยู่ต่ำเกินไป เราต้องหาที่ซุ่มโจมตีที่สูงกว่านี้” เซี่ยเหล่ยพูด
ถ่างหยู่เหยี่ยพยักหน้าก่อนที่จะพูดกับผู้ใต้บังคับบัญชาของเธอผ่านเครื่องมือสื่อสารขนาดเล็กไปว่า “ทุกคนยิงไปเรื่อยๆ!” จากนั้นเธอก็หยิบปืนไรเฟิลออกไปพร้อมกับวิ่งอย่างรวดเร็ว
ปังปัง ปังปัง ปังปัง……
ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ……
เสียงปืนในขณะนี้ดังไปทั่วตลอดเวลาโดยไม่มีท่าทีที่จะเงียบลงพร้อมกับแสงที่สว่างเป็นระยะๆเนื่องมาจากแสงที่ออกจากปากกระบอกปืนของทั้งสองฝั่งในค่ำคืน
เซี่ยเหล่ยรวบรวมสมาธิพร้อมกับความกล้าจากนั้นก็หาโอกาสที่จะออกตัววิ่งเพื่อที่จะไปยังที่ที่สูงกว่ากำบังนี้
โดยเมื่อเขาออกจากกำบังนี้ไปแล้วเขาก็คอยหลบซ่อนตามเงามืดอยู่ตลอดเวลา เพื่อป้องกันการเห็นของศัตรู
ตอนนี้เซี่ยเหล่ยได้หากำบังที่สูงกว่าที่เก่าได้แล้วเป็นก้อนหินที่อยู่สูงกว่ากำบังอันเก่าอยู่ราวๆสามเมตรแต่ทันทีที่เขาเหยียบเนินหลังจากที่จะขึ้นไปหลบหลังกำบังได้แล้วนั้น กระสุนปืนที่ยิงมาจากฝั่งตรงเข้าก็ตรงไปยังรอยเท้าของเขาทันที นั่นทำให้เขาคิดไปว่าถ้าช้ากว่านี้อีกนิดเดียว เขาคงจะโดนยิงไปแล้ว
ติดตามตอนต่อไป……….