Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 292
TXV – 292 เย็บแผลสด ?
เซี่ยเหล่ยไม่รอให้ถ่างหยู่เหยี่ยพูดอะไร เขาก็รีบวิ่งขึ้นไปยังพื้นที่ที่สูงกว่าในตอนนี้
จังหวะนี้ทำให้กองกำลังเซ้นไอดร้าหลายสิบคนออกมาจากกำบังและพยายามขยับเข้ามาให้ใกล้มากกว่าเดิมเพราะคิดไปว่ามิซไซล์ที่ยิงออกไปเมื่อกี้นี้ไปโดนที่กำบังของเซี่ยเหล่ยแม้จะไม่ยิงไปโดยเซี่ยเหล่ยโดยตรงแต่ด้วยเศษหินหรือแรงระเบิดอะไรก็แล้วแต่จากประสบการณ์ทำให้พวกขาคิดไปว่าเซี่ยเหล่ยจะต้องตายแล้วอย่างแน่นอน
ในตอนนี้ระยะของการต่อสู้ได้ขยับเข้ามาใกล้กันเรื่อยๆ พร้อมทั้งสถานการณ์ก็ตึงเครียดเพิ่มมากขึ้น เพราะตอนนี้จรวด RPG ได้ถูกนำเข้ามาร่วมในการรบครั้งนี้แล้ว
ด้วยเพราะภูมิประเทศที่เผ่าไบซีใช้เป็นกำบังนั้นอยู่ต่ำกว่าของพวกกองกำลัง เซ้นไอดร้าทำให้พวกเขาเสียเปรียบอย่างมาก มันเสียเปรียบจนกองกำลังของเผ่าไบซี ตายกันไปหลายศพแล้วนั่นทำให้เหล่าเจ้าหน้าที่กังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนื้เป็นอย่างมาก
“หัวหน้าถ่าง สถานการณ์ของเราตอนนี้ค่อนข้างย่ำแย่! ” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพูดผ่านเครื่องสื่อสารขนาดเล็กจากนั้นพูดต่อว่า “พวกเราจะทำอย่างไรดี?”
“ต้านมันไว้ก่อน!” ถ่างหยู่เหยี่ยกัดฟันและรีบกลับไปที่เนินเขา
เพราะกลัวว่าจะเกิดอันตรายร้ายแรงต่อเซี่ยเหล่ย เธอจึงไม่อยากที่จะให้เขาเสี่ยงอันตรายไปมากกว่านี้แต่ในเมื่อเขาดื้อไม่ยอมฟังก็ต้องปล่อยเขาไปก่อนเพราะตอนนี้เธอจะต้องลงไปเพื่อช่วยผู้ใต้บังคับบัญชาของเธอ
บนเนินเขาแห่งหนึ่ง เซี่ยเหล่ยไปหลบอยู่หลังต้นไม้ที่แทบจะหาได้ยากในภูมิประเทศของอัฟกานิสถาน เขาหันหลังไปและเอื้อมมือออกเพื่อที่จะไปหยิบเศษก้อนหินที่พุ่งมาใส่ก้อนของเขาก่อนหน้านี้ เขารีบดึงมันออกแต่ด้วยความเจ็บปวดทำให้เขาร้องเสียงหลงออกมาเลือดที่อยู่บริเวณปากแผลพุ่งออกมาในทันทีที่เขาดึงเศษหินออกแต่ไม่นานก็ไหลน้อยลงเพราะบริเวณนั้นมีกล้ามเนื้อเยอะและไม่ใช่จุดสำคัญ….
เมื่อเห็นว่าเลือดไหลน้อยลงแล้ว เซี่ยเหล่ยไม่มีเวลาที่จะปฐมพยาบาลเบื้องต้น เขารีบกระโดดขึ้นไปเพื่อที่จะรีบปีนขึ้นไปบนยอดเขา แต่เนื่องด้วยอาการบาดเจ็บทำให้เขาปีนไปบนยอดด้วยความยากลำบากเพราะต้นไม้ที่เขากำลังปีนขึ้นไปมันสูงใหญ่มาก มันสูงจากพื้นดินราวๆสี่เมตรในขณะที่เขากำลังปีนขึ้นไปนั้น เขาก็คอยมองหากิ่งไม้ที่เหมาะสมสำหรับใช้เป็นตำแหน่งสำหรับยิงศัตรู
ในตอนนี้เซี่ยเหล่ยขึ้นมาสูงกว่าที่กำบังเก่ามาก แถมยังขึ้นมาบนยอดไม้ที่สูงขึ้นจากพื้นดินอีกสี่เมตรทำให้ระยะมุมมองของเขาเพิ่มมากกว่าเดิมหลายเท่าตัวและจากการที่เขาขึ้นไปอยู่ในจุดที่สูงขนาดนี้ ทำให้ไม่มีปัญหาสำหรับมุมยิงแล้วด้วยและอีกข้อดีคือสามารถเห็นกองกำลังของฝั่งเซ้นไอดร้าได้อย่างทั่วถึงและง่ายดาย
ด้วยการที่กองกำลังเซ้นไอดร้าที่คิดว่าเซี่ยเหล่ยได้ตายไปแล้วนั่นทำให้ตอนนี้พวกเขามีกำลังใจและฮึกเฮิมขึ้นมาอีกครั้ง พวกเขาวิ่งอย่างไม่กลัวความตายและพวกเขายังแบ่งกลุ่มและวิ่งออกจากกำบังและตรงเข้าไปใกล้กับชนเผ่าไบซีกลุ่มหนึ่งและฝั่ง เจ้าหน้าที่อีกลุ่มหนึ่งโดยมียุทธวิธีการรบตีวงล้อมรอบศัตรูเอาไว้ !
‘ถ้าคิดว่าเราตายไปแล้วละก็ ตอนนี้ก็ตายกันซะให้หมด!’ เซี่ยเหล่ยคิดขึ้นในใจ พร้อมยิ้มที่มุมปากไปด้วยจากนั้นเขาก็ยกปืนขึ้นมาเล็งพร้อมกำหนดเป้าหมายเป็นคนที่ยิงปืนจรวด RPG
นี่จะเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น……
ปัง!! การยิงครังนี้ทำให้กองกำลังของเซ้นไอดร้าที่ใช้ปืนยิงจรวดRPGล้มลงพร้อมเลือดที่พุ่งกระฉูดออกมาทำให้เขาตายคาที่ในทันที การที่พวกเขาคิดว่าเซี่ยเหล่ยตายแล้วนั้นคือความผิดพลาดที่สุดของพวกเขาแต่อย่างไรก็ตามเขาไม่มีโอกาสที่จะพูดอะไรอีกต่อไปแล้ว
หลังจากนั้นเซี่ยเหล่ยก็ทยอยจัดการเพิ่มทีละคนทีละคนต่อไปเรื่อยๆ
ด้วยจำนวนคนที่ลดลงเรื่อยๆในตอนนี้ทำให้กองกำลังเซ้นไอดร้าเริ่มหวาดกลัวและล่าถอยอีกครั้งแต่ก็ไม่สามารถหลบหนีได้ทุกคน เพราะบางคนที่กำลังหนีอยู่นั้นก็ตายกลางทางระหว่างที่กำลังพยายามหลบหนีถึงแม้ว่าจะมีบางส่วนที่หลบหลีกห่ากระสุนของเหล่าเจ้าหน้าที่และของกองกำลังเผ่าไบซีได้นั้นก็ไม่อาจจะรอดพ้นไปจากกระสุนสไนเปอร์ของเซี่ยเหล่ยไปได้
ปัง! กระสุนที่ออกจากปืนไรเฟิลดัดแปลงที่เซี่ยเหล่ยเป็นคนใช้นั้น กระสุนนัดนี้ที่ถูกยิงออกไปได้ตรงเป้าที่อยู่ห่างออกไปประมาณเจ็ดร้อยเมตรเข้าทะลุผ่านหัวใจทันที นี่คือเป้าหมายสุดท้ายที่เซี่ยเหล่ยส่งพวกเขาไปลงนรก หลังจากยิงนัดนี้ออกไปแล้วเขาก็สไลด์ตัวเพื่อที่จะลงจากต้นไม้และเก็บปืนไรเฟิลเข้าประเป๋าไป
ตอนนี้เส้นประสาททุกส่วนในร่างกายของเซี่ยเหล่ยได้ผ่อนคลายลง เขานั่งลงทันทีที่ลงจากต้นไม้ ในการสู้รบครั้งนี้ทำมีกองกำลังของกลุ่มเซ้นไอดร้าที่ตายโดยเซี่ยเหล่ยมากมาย นั่นทำให้เขาตระหนักได้ว่าในเวลาแค่ภายใน 24 ชั่วโมง เขาได้ฆ่าคนไปแล้วมากกว่า 60 คน นี่เป็นสถิติสูงสุดในชีวิตของเขา!
ในการรบที่อิรักเป็นการรบที่โหดร้ายอย่างมากในหน้าประวัติศาสตร์โลก ในครั้งนั้น Chris Kyle เป็นมือปืนที่ได้ฆ่าคนไปมากที่สุดในการรบ เขาฆ่าไปถึง 160 คน แต่นั่นเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมากกว่าที่เขาจะฆ่าคนได้160คน ผิดกับเซี่ยเหล่ยที่ตอนนี้ภายในเวลาแค่ 24 ชั่วโมงก็ฆ่าคนไปแล้วกว่า 60 คน!
ในความเป็นจริงนั้นถ้า Chris Kyle ต้องเผชิญหน้ากับเซี่ยเหล่ยแล้ว คนที่จะรอดชีวิตก็คงเป็นเซี่ยเหล่ยนั่นเพราะความสามารถจากตาซ้ายของเขา มันไม่มีใครสามารถเลียนแบบได้!
“หลงบิงพูดถูกสินะ ถ้าหากฆ่าคนไปมากๆจะทำให้กลายเป็นคนที่เลือดเย็น?”จู่ๆเมื่อได้นั่งลงและพักอยู่ความคิดนี้ก็ผุดขึ้นในหัวของเซี่ยเหล่ย
ในความเป็นจริงถ้าเขาเลือกได้เขาก็ไม่อยากที่จะทำเช่นนี้แต่เพราะที่นี่คือสนามรบหากไม่ฆ่าก็จะต้องถูกฆ่า นี่คือความเป็นจริง
“เหล่ย!” ถ่างหยู่เหยี่ยตะโกนออกมา “คุณอยู่ที่ไหน?”
สถานการณ์ในตอนนี้เหล่าเจ้าหน้าที่และชนเผ่าไบซีกำลังสำรวจพวกพ้องตนเองพร้อมกับกลุ่มคนของกองกำลังเซ้นไอดร้า หากพบว่าคนไหนยังไม่ตายพวกเขาก็จะจัดการให้เรียบร้อยและเพื่อให้แน่ใจว่าคนเหล่านั้นจะไม่สามารถฟื้นกลับมาต่อสู้ได้ในครั้งต่อไป เพราะในสนามรบไม่มีคำว่าปราณี !!
ก่อนหน้านี้ถ่างหยู่เหยี่ยโกรธเซี่ยเหล่ยที่ไม่ได้เชื่อฟังคำสั่งเธอแต่ก็เพียงไม่นานเมื่อการสู้รบจบลงในเวลานี้เธอก็กลับมาเป็นห่วงเซี่ยเหล่ยเหมือนเดิม
“ผมอยู่ด้านบน!” ถ่างหยู่เหยี่ยได้ยินเสียงที่เซี่ยเหล่ยตะโกนออกมา
ไม่นานถ่างหยู่เหยี่ยก็รีบไปปรากฏตัวอยู่ในสายตาของเซี่ยเหล่ยพร้อมกับในมือที่ถือกล่องพยาบาลอยู่ด้วย
เซี่ยเหล่ยลุกขึ้นจากพื้นจากนั้นเดินไปหาถ่างหยู่เหยี่ย ในตอนนี้บาดแผลที่เขาได้รับมาก่อนหน้านี้ก็แสดงอาการออกมาอีกครั้งนั่นทำให้เขานึกได้ว่าเขาบาดเจ็บที่บริเวณสะโพก…..
ถ่างหยู่เหยี่ยเองก็รีบเดินเข้าไปหาเซี่ยเหล่ยพร้อมพูดขึ้นว่า “แผลของคุณเป็นอย่างไรบ้าง?”
เซี่ยเหล่ยมองกลับไปที่สะโพกของตัวเองก่อนที่จะหันกลับไปตอบว่า “ไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่คิดว่าคงจะใส่กางเกงตัวนี้ไม่ได้แล้ว “
“สิ่งที่คุณสนใจตอนนี้คือกางเกงไม่ใช่แผลงั้นเหรอ ?” ถ่างหยู่เหยี่ยมองไปที่เซี่ยเหล่ยพร้อมกับเห็นปืนไรเฟิลของเขาที่อยู่ในกระเป๋าจากนั้นพูดขึ้นอย่างประหลาดใจว่า “ลำกล้องมันเสียอยู่หนิ คุณยังใช้มันยิงได้หรอ? “
“ผมซ่อมมันเรียบร้อยแล้ว” เซี่ยเหล่ยตอบ “ไม่อย่างนั้นผมจะใช้มันยิงศัตรูได้เหรอ ?”
“คุณรู้ไหมว่าคุณฆ่าศัตรูไปกี่คนแล้ว?” ถ่างหยู่เหยี่ยถามเซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยส่ายหัวพร้อมตอบว่า “ผมไม่แน่ใจ…… “
“คุณฆ่าไปตั้งมากมายแต่บอกไม่แน่ใจงั้นเหรอ” ถ่างหยู่เหยี่ยรู้สึกแปลกใจ
ในขณะนี้ที่เหล่าเจ้าหน้าที่จัดการเก็บกวาดอยู่นั้น จู่ๆพวกเขาก็พูดอย่างตื่นเต้นผ่านเครื่องสื่อสารขนาดเล็กไปว่า “โอ้ !!! หัวหน้าถ่างที่ปรึกษาเซี่ยเขาฆ่าไป….เขาฆ่าไป50 คน นี่มันเหลือเชื่อจริงๆ!”
เมื่อถ่างหยู่เหยี่ยได้ยิน ปากของเธอก็อ้าค้างด้วยความตะลึงทันที
เซี่ยเหล่ยแสร้งทำเป็นงงงวยจากนั้นก็พูดออกไปว่า “เอ่อ ผมคิดว่าพวกเขาอาจจะนับผิดไปหรือเปล่าแต่จริงๆแล้วผมเองก็ไม่ได้นับเหมือนกันว่าได้ฆ่าไปเท่าไหร่…”
ตัวเลขนี้ไม่ผิดอย่างแน่นอนเพราะศพที่ตายจากปืนไรเฟิลจะต่างกับศพที่ตายจากปืนกลทั่วไปหรือปืนกลหนัก
ถ่างหยู่เหยี่ยมองไปที่เซี่ยเหล่ยอย่างประหลาดใจอีกครั้งพร้อมพูดขึ้นว่า “หลงบิงเป็นที่รู้จักกันดีว่า เธอเก่งกาจในเรื่องการยิงสไนเปอร์ของสำนักงานลับ 101 แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าคำพูดนี้ มันถูกลบล้างไปแล้วล่ะ….”
เซี่ยเหล่ย “…… “
ถ่างหยู่เหยี่ยยิ้มพร้อมพูดว่า “เมื่อฉันกลับไป ฉันจะกลับไปบอกเรื่องนี้กับผู้บริหารฉือ !”
“ไม่ได้!” เซี่ยเหล่ยรีบพูดขึ้นทันทีจากนั้นพูดต่อว่า “เรื่องนี้คุณห้ามไปบอกใครอย่างเด็ดขาด ผมไม่อยากมีส่วนร่วมกับเรื่องพวกนี้ ผมอยากให้ทุกคนรู้จักผมในฐานะของนักธุรกิจเท่านั้น”
“เอาเป็นว่าเรื่องนี้เราค่อยคุยกันในภายหลังแต่ตอนนี้คุณหันสะโพกมาให้ฉันก่อนดีกว่า ฉันจะได้ทำแผลให้กับคุณ” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพร้อมกับในมือที่กำลังถือชุดปฐมพยาบาล
ถึงแม้ว่าถ่างหยู่เหยี่ยจะเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้วแต่เซี่ยเหล่ยไม่ต้องการให้เธอทำแผลจึงพูดอย่างงุ่มง่ามไปว่า “ผมขอทำแผลเอง !!”
“นี่คือคำสั่ง! หันมาเดี๋ยวนี้” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดต่อว่า ” ฉันทำเรื่องแบบนี้เป็นปกติตอนอยู่ที่บ้าน ดังนั้นคุณไม่ต้องอายไปหรอก! “
เซี่ยเหล่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหันตัวไป
หลังจากที่ถ่างหยู่เหยี่ยเห็นแผลของเซี่ยเหล่ยแล้ว คิ้วของเธอก็ขมวดทันทีพร้อมพูดออกไปว่า “คุณจำเป็นต้องเย็บแผล ดังนั้นถอดกางเกงออกเดี๋ยวนี้”
“ห๊ะ?” เซี่ยเหล่ยตกใจอย่างมากเมื่อได้ยิน
“ถอดออกเดี๋ยวนี้!” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดขึ้นอย่างขึงขังจากนั้นก็พูดต่อว่า “ที่นี่คือสนามรบ หากเกิดอะไรร้ายแรงขึ้นกว่านี้เราไม่มีโอกาสที่จะไปหาหมอหรอกนะ ยิ่งแผลของคุณมันสาหัสเกินกว่าที่จะเป็นแผลธรรมดาแล้วด้วยดังนั้นเราต้องรีบเย็บมันและจัดการปิดปากแผลให้เรียบร้อยเพื่อป้องกันการติดเชื้อยิ่งตอนนี้คุณเป็นกำลังหลักของเราแล้วด้วย จะให้เกิดอะไรขึ้นกับคุณไม่ได้ “
เซี่ยเหล่ยหันกลับไปมองที่แผลของตัวเองจากนั้นก็หันไปมองถ่างหยู่เหยี่ยก็พบว่าใบหน้าของเธอนั้นกำลังแดงก่ำ ในความเป็นจริงเมื่อเขาเห็นแผลตัวเองชัดๆแล้วเขาก็รู้ว่าแผลนี้ไม่ใช่แผลที่จะติดเชื้อหรืออักเสบได้ง่ายๆ แต่ถ้าปล่อยไว้ก็อาจจะเป็นอันตรายเหมือนกันอย่างไรก็ตามนี่ก็ถือเป็นเรื่องยากที่จะผ่านไปสำหรับถ่างหยู่เหยี่ยเพราะถึงแม้ว่าเธอจะเคยทำมาก่อนแต่ก็เธอเคยทำกับในครอบครัวของตัวเธอเองเท่านั้น
“รีบๆเข้า! “ถ่างหยู่เหยี่ยพูดขึ้นพร้อมจับเอวของเซี่ยเหล่ยไว้
“ตกลง !” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมกับถอดกางเกงของตัวเองลง
ในตอนที่เซี่ยเหล่ยถอดกางเกงเสร็จแล้วนั้น ถ่างหยู่เหยี่ยก็ได้ตัดสินใจดึงกางเกงในของเขาลงทันที โดยไม่ได้บอกเซี่ยเหล่ยให้รู้ตัวก่อนเลย
“คุณ ……?” เซี่ยเหล่ยอุทานขึ้นอย่างตกใจ
“คุณต้องการให้ฉันเย็บแผลคุณทั้งๆที่ยังใส่กางเกงในอยู่งั้นเหรอ” ถ่างหยู่เหยี่ยถาม
ในจุดนี้เซี่ยเหล่ยถึงกับพูดไม่ออก……
ถ่างหยู่เหยี่ยใส่ด้ายสำหรับเย็บแผลเข้ากับเข็มจากนั้นก็เริ่มแทงมันเข้าไปในเนื้อสดๆของเซี่ยเหล่ยเพื่อเริ่มเย็บแผล
“โอ๊ย ……ไม่มียาชางั้นเหรอ ? ” เซี่ยเหล่ยถาม
“เข้มแข็งหน่อย ! แสดงความเข้มแข็งออกมาให้ฉันได้เห็นสิ!” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดกระตุ้นไปยังเซี่ยเหล่ยแต่สายตาของเธอก็ได้แอบมองผ่านหว่างขาของเขาไป จากนั้นหน้าของเธอก็แดงก่ำเพิ่มขึ้นอีก….
“ไม่มียาชาจริงๆงั้นเหรอ ?” เซี่ยเหล่ยถามขึ้นเพราะความเจ็บปวดจากการโดนเข็มแทงเข้าไป……
“มี แต่ฉันไม่ใช้มันกับคุณ” ถ่างหยู่เหยี่ยพูด
“ทำไม?” เซี่ยเหล่ยถาม
“การที่ใช้ยาชากว่าผลของมันจะออกฤทธิ์ก็กินเวลาพอสมคารซึ่งบาดแผลของคุณตอนนี้เป็นแผลที่ควรจะได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน ดังนั้นฉันจึงไม่ใช้มันกับคุณ” ถ่างหยู่เหยี่ยอธิบาย
“คุณ …… คุณนี่มันเหี้ยมจริงๆ ถ้าครั้งต่อไปที่ก้นของคุณมีแผลผมก็จะไม่ใช้ยาชาเหมือนกัน!” เซี่ยเหล่ยพูด
ติดตามตอนต่อไป…………