Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 306
ตอนที่306 การจู่โจมจากฟากฟ้า
ในตอนนี้ ความมืดเข้ามาปกคลุมหุบเขาและแม่น้ำแถบนี้ทั้งหมด ตะเกียงน้ำมันตอนนี้ ได้ถูกจุดขึ้นเพื่อให้แสงสว่างและขจัดความมืดในตอนกลางคืนไป ตอนนี้ทุกพื้นที่ของชนเผ่าแห่งนี้ ได้อยู่กันอย่างเงียบสงบยกเว้นที่บ้านของแคนลามี่อยู่บ้านเดียว ที่ตอนนี้ไม่ได้สงบเหมือนกับบ้านอื่น เพราะตอนนี้มีผู้หญิงมากมายมารุมล้อมบ้านของเธอ
ผู้หญิงที่กําลังล้อมบ้านของเธอตอนนี้ ต่างก็พากันหาช่องหรือหารูเพื่อที่จะแอบมองเข้าไปให้เห็นสถานการณ์ภายในบ้านพร้อมต่างพากันพูดซุบซิบนินทา
“เหี้ยมจริงๆ” ผู้หญิงคนหนึ่งพูดอย่างเกินจริงไปว่า “หนึ่งชั่วโมงแล้วยังไม่จบเลย!”
“แคนลามี่ดูท่าจะมีความสุขอย่างมาก ขนาดฉันมีสามีห้าคนยังใช้เวลาได้ไม่นานเท่า เธอเลย” การแสดงออกทางสีหน้าของหญิงวัยกลางคนพูดพร้อมความอิจฉา
“หัวหน้าไม่ได้บอกหรือว่าผู้ชายชาวจีนคนนี้เป็นแขกพิเศษของเรา หัวหน้าบอกว่า ห้ามทําอะไรหยาบคายต่อเขาเด็ดขาด แต่แคนลามี่พาเขามาที่บ้านได้อย่างไร? ” เด็กผู้หญิงวัยรุ่นคนหนึ่งพูด
“พวกคุณเกลี้ยกล่อมผู้ชายเหล่านั้นได้อย่างไร?” เด็กสาววัยรุ่นถามขึ้น
“เธอยังเด็กเกินไปยังไม่ต้องเข้าใจเรื่องนี้หรอก … ” ผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งตอบ
กองทหารหญิงคุยกัน โอ้อวดกันอย่างไม่อายแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่าประเพณีของชน เผ่าเฮปตาไลท์ถ้าหากว่าบ้านไหนที่มีเรื่องอย่างว่า พวกเขาจะตรงเข้าไปใกล้เพื่อฟังเสียงและไม่อายที่จะพูดคุยกันถึงเรื่องนี้เลย
ตอนนี้ผู้คนที่อยู่นอกบ้านเข้าใจผิดกันไปใหญ่กับสถานการณ์ที่อยู่ในบ้าน
เซี่ยเหล่ยตอนนี้ที่หลบอยู่ในมุ้งภายในบ้าน ได้เฝ้าดูสถานการณ์ภายนอกบ้านด้วยความรอบคอบ กําแพงไม้กระดานที่ใช้เป็นฝาผนังนั้นไม่สามารถหยุดการมองเห็นของเซี่ยเหล่ยเอาไว้ได้ เขามองผ่านออกไปข้างนอกก็พบกับผู้หญิงมากมายรายล้อมรอบบ้านอยู่เต็มไปหมด….
“ถ่างหยู่เหยี่ยจะมาเห็นสถานการณ์ในตอนนี้หรือไม่นะ?” จู่ๆเซี่ยเหล่ยก็คิดถึงเรื่อง
นี้ขึ้นมา
แคนลามี่ที่นั่งตรงข้ามกับเชี่ยเหลี่ย ในตอนนี้เธอได้ถกกระโปรงขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่จะตีไปที่ขาอ่อนของตัวเองเพื่อทําเสียงเป็นจังหวะแปะแปะ ในขณะที่เธอกําลังทําเสียงอยู่นั้น สายตาของเธอก็มองไปที่ปฏิกิริยาของเซี่ยเหล่ยนั่นทําให้เธอรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก แม้ว่าตอนนี้ต้นขาของเธอจะแดงมากแล้วก็ตาม แต่เซี่ยเหล่ยก็ยังนั่งนิ่งเหมือนกับรูปปั้นและไม่สนใจสิ่งที่เธอกําลังทําอยู่เลย!
“อ๊ากกกก” ในที่สุดแคนลามี่ก็ตะโกนออกมา
เซี่ยเหล่ยยิ้มพร้อมกระซิบไปว่า “คุณร้องเกินจริงไปหรือเปล่า เสียงนั่นดูเหมือนกับว่าผมกําลังจะฆ่าคุณเลยนะ”
แคนลามี่มองไปที่เซี่ยเหล่ยก่อนจะพูดขึ้นว่า “ถ้าฉันไม่ทําแบบนี้พวก ข้างนอกจะกลับไปงั้นเหรอ?”
เซี่ยเหล่ยมองดูไปรอบๆก็พบว่าผู้หญิงที่อยู่รอบบ้านในตอนนี้มีบางส่วนเริ่มที่จะกลับ ไปยังบ้านของตัวเองแล้วจริงๆ แต่ก็ยังมีบางคนที่ยังอยู่รอบๆบ้านและจับกลุ่มพูดคุย ภาพเหล่านี้ ดูเหมือนกับว่าพวกเธอเพิ่งจะดูหนังเสร็จและกําลังจับกลุ่มพูดคุยเกี่ยวกับหนังที่เพิ่งจะดูจบไป!
เมื่อเห็นว่าคนด้านนอกเริ่มที่จะน้อยลงแล้ว เชี่ยเหล่ยก็เตรียมที่จะออกจากมุ้ง เขายังต้องการที่จะกลับไปที่ที่พักของตัวเอง
ในขณะที่เชี่ยเหล่ยกําลังจะลุกนั้นแคนลามี่จับแขนของเซี่ยเหล่ยไว้ นั่นทําให้เขาพูดขึ้นว่า “คุณจะทําอะไร? ตอนนี้พวกเขาก็เริ่มกลับกันแล้ว พรุ่งนี้เช้าผมต้องรีบออกเดินทางด้วย ผมต้องการพักผ่อน”
“ฉันคิดว่าคุณกําลังหลอกลวงฉัน” แคนลามี่พูดพร้อมแสดงท่าที่ประหลาดใจ
เซี่ยเหล่ยยิ้มอย่างขมขื่นก่อนที่จะพูดว่า “ผมไปหลอกลวงอะไรคุณหล่ะ?”
“คุณไม่ได้รักฉัน แต่คุณกลับโกหกฉันเกี่ยวกับการที่จะเริ่มสานสัมพันธ์” แคนลามี่พูดขึ้นอย่างจริงจัง
เซี่ยเหล่ยพูดเสียงแข็งกลับไปว่า “มันไม่ได้เป็นแบบนั้น…ผมต้องการเวลาเพื่อให้ผม ได้ลองรักคุณ ผมไม่ได้หลอกลวงคุณ”
“คุณหลอกลวงฉันอีกแล้ว ถ้าคุณพยายามที่จะรักฉันจริงๆละก็ เมื่อครู่นี้คุณก็คงจะไม่ปล่อยให้ฉันต้องทําเสียงและที่ขาตัวเองจนต้นขาของฉันจนตอนนี้แดงไปหมดแล้วหรอก ” แคนลามี่พูดพร้อมถกกระโปรงขึ้นเพื่อจะเผยรอยแดงที่ต้นขาของเธอให้เซี่ยเหล่ยได้เห็น แต่สิ่งที่เชี่ยเหล่ยเห็นนั้นไม่ได้มีเพียงแค่รอยแดงที่ต้นขา แต่เขากลับเห็นกางเกงในผ้าฝ้ายสีขาวอีกด้วย
กางเกงในของพวกเธอในชนเผ่านั้นไม่ได้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มียี่ห้อแต่อย่างใด มันเป็น กางเกงในที่พวกเธอเย็บขึ้นมาด้วยตัวเองอย่างหยาบๆเพื่อใช้ปกปิดส่วนสําคัญก็เท่านั้น เนื่องจากมันเป็นงานหยาบทําให้บางครั้งมันก็ปกปิดส่วนสําคัญไว้ได้ไม่หมด
จู่ๆเสียงที่แคนลามี่ทําไปก่อนหน้านี้ก็ก้องอยู่ในหูทําให้เซี่ยเหล่ยรีบละสายตาจากเธอ ในทันที ก่อนที่เขาจะไม่สามารถควบคุมตัวเองเอาไว้ได้เพราะก่อนหน้านี้เขาก็โดนเธอกระตุ้นด้วยแล้ว แถมยังมาเห็นกางเกงในของเธอในตอนนี้อีก
“หึ! คุณมาที่นี่เพื่อต้องการจานเหล็กอย่างนั้นเหรอ? “แคนลามี่พูดพร้อมจ้องไปที่ใบหน้าของเซี่ยเหล่ย ในขณะนี้ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ใกล้กันมากใกล้กันมากจนเหมือนกับว่าจะติดกันอยู่แล้ว
จานเหล็กที่แคนลามี่พูดถึงคือเข็มทิศ..
ในใจของเซี่ยเหลี่ยตอนนี้อยากจะตะโกนกรีดร้องออกไปอย่างมากด้วยความอึดอัด และความตกใจ แต่เขาก็ต้องสงบอารมณ์เอาไว้ก่อนจะพูดอย่างเป็นธรรมชาติไปว่า “คุณกําลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน? ผมบอกแล้วว่าจะพยายามเริ่มรักคุณ ผมอยากจะเริ่มสานสัมพันธ์กับคุณ”
นี่คือการโกหกหลอกลวงครั้งแรกของเซี่ยเหล่ย เขาไม่ได้รู้สึกดีกับสิ่งที่ทําอยู่ตอนนี้ เลย แต่อย่างไรก็ตาม นี่จะไม่ใช่สิ่งที่ควรจะทําแต่เขาก็ต้องทําอยู่ดี ถึงแม้ว่าท้ายที่สุดแล้วจะต้องทําให้แคนลามี่เสียใจอย่างมากก็ตาม..
“จูบฉัน ถ้าคุณพยายามจะรักฉันจริง คุณจะต้องจูบฉัน” แคนลามี่พูดพร้อมเอาปลายจมูกของเธอไปแตะที่ปลายจมูกของเซี่ยเหล่ย
“ผมไม่ได้หมายความว่า….? เราเริ่มสานสัมพันธ์…” เซี่ยเหล่ยเริ่มที่จะพูดอย่างงุ่มง่ามและติดขัด
“หึ! ฉันไม่ได้ต้องการของขวัญของคุณ ฉันจะให้ของขวัญที่คุณให้มากลับคืนไป ส่วน คุณเองก็ต้องคืนจานเหล็กให้กับฉัน! “แคนลามี่พูดพร้อมแกะนาฬิกาที่อยู่ที่ข้อมือของเธอออก
“เธอมีนิสัยเด็กน้อยอย่างนั้นเหรอ? ถึงต้องคืนของที่มอบให้ไปแล้วหน่ะ!” เซี่ยเหล่ย
คิดในใจ
เซี่ยเหล่ยรีบคว้ามือของแคนลามี่ที่กําลังจะถอดนาฬิกาข้อมืออยู่ พร้อมพูดขึ้นทันทีว่า “นี่ แคนลามี่ ผมพยายามจะรักคุณจริงๆ จะให้ผมสาบานต่อพระเจ้าก็ได้”
“ฉันไม่ได้ต้องการคํามั่นสัญญาหรือคําสาบานเลย” แคนลามี่พูดพร้อมมองไปที่เซียเหล่ยและพูดต่อทันทีว่า “คุณบอกว่าจะรักฉัน ดังนั้นคุณต้องจูบฉัน”
“คุณเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย…. เชี่ยเหล่ยพูดเบาๆกับตัวเอง
“คุณพูดอะไรนะ?” แคนลามี่ที่ไม่ได้ยินเซี่ยเหลี่ยพูด เธอพูดพร้อมมองไปที่เซี่ยเหล่ย จากนั้นก็พูดต่อว่า “คุณกําลังขู่ฉันหรือเปล่า? ถ้าเป็นอย่างนั้นคืนจานเหล็กให้ฉันด้วย “
จังหวะนี้จู่ๆเชียเหล่ยก็ตรงไปจูบที่ริมฝีปากของเธอ จากนั้นค่อยๆกดตัวแคนลามี่ลงไปที่เตียง..
ที่เชี่ยเหล่ยยอมทําเช่นนี้ก็เป็นเพราะว่าสิ่งสําคัญในตอนนี้คือการที่ได้เข็มทิศมาไว้ใน มือและไม่อยากให้เธอรู้ความลับของเข็มทิศ เซี่ยเหล่ยจึงต้องทําเช่นนี้
เพราะเมื่อเซี่ยเหล่ยคิดไปถึงการเสียสละของเจ้าหน้าที่ที่ต้องตายไปก่อนหน้านี้อย่าง น่าเวทนา การกระทํานี้ยังถือว่าเล็กน้อยถ้าเทียบกับการเสียสละของเจ้าหน้าที่ เหล่านั้น
หลังจากที่เซี่ยเหล่ยเริ่มเปิดใจและจู่โจมจูบแคนลามอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่นานหลัง จากเซี่ยเหล่ยเริ่มจูบเธอนั้น เขาก็ตื่นเต้นและเริ่มรุกอย่างต่อเนื่องเพราะเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอและต้องเผชิญกับความงดงามของเธอทําให้เขาไม่อาจจะอดใจได้
เซี่ยเหล่ยในตอนนี้ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้แล้ว แม้ว่าตอนแรกที่เขาทําไปก็เพื่อไม่ ให้เธอเอาเข็มทิศคืนก็เท่านั้น
พรึบ พรึบ พรึบ …. พรึบ พรึบ พรึบ …
จังหวะนี้มีเสียงเครื่องยนต์เฮลิคอปเตอร์อึกทึกดังมาจากฟ้า ทันใดนั้นก็มีกระสุนถูกยิง มาตกที่ชนเผ่าเฮปตาไลท์หลายจุด….
จังหวะนี้ทั้งเซี่ยเหล่ยและแคนลามี่ก็ชะงักไปเป็นเวลาสองวินาที จากนั้นทั้งคู่ก็ออกจากมุ้ง เซี่ยเหล่ยมองไปที่หน้าอกสีขาวที่น่าตื่นตาตื่นใจของแคนลามี่ ขณะนี้เซี่ยเหล่ยไม่รู้ว่ามันเป็นความโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ที่เกิดเสียงปืนและเสียงเฮลิคอปเตอร์ขึ้นมาก่อน
“กองทัพสหรัฐฯ! กองทัพสหรัฐ! ใครบางคนที่อยู่นอกบ้านตะโกนดังไปทั่วชนเผ่า พร้อมกับเสียงปืนที่ยิงขึ้นไปบนฟ้า
เซี่ยเหล่ยและแคนลามี่ทั้งคู่ก็รีบวิ่งออกจากบ้านพร้อมกันโดยไม่ได้พูดอะไรต่อกันเลย เมื่อออกไปแล้ว เซี่ยเหล่ยก็เงยหน้าขึ้นไปมอง ทําให้เขาพบกับเฮลิคอปเตอร์ UH-60 แบล็กฮอคสองลําบินโชบไปมาเหนือท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว พวกมันอยู่ห่างออกไปบนท้องฟ้าราวๆหนึ่งกิโลเมตร เซี่ยเหล่ยสามารถมองเห็นนักบินได้อย่างชัดเจน รวมถึงมือปืนที่กําลังเล็งปืนลงมาที่ชนเผ่า ที่ตอนนี้กําลังยิงอยู่ในห้องโดยสารด้วย
ด้วยความสูงที่เครื่องบินรบ UH-60 แบล็กฮอคสองลําบินอยู่นั้น แสดงให้เห็นว่าพว กมันไม่ได้มีท่าทีที่จะลงจอดไม่นานหลังจากที่ชนเผ่าเฮปตาไลท์ถูกโจมตี ตอนนี้ผู้คนทั่วทั้งชนเผ่าต่างพากันออกมานอกบ้านพร้อมอาวุธจํานวนมากเพื่อเตรียมต่อสู้
ตอนนี้ที่ภาคพื้นดินโกลาหนวุ่นวายกันอย่างมาก กองกําลังทหารหญิงหลายคนพากัน ยิงเครื่องบินรบที่อยู่บนท้องฟ้า แต่ด้วยระยะบินที่สูงราวๆหนึ่งกิโลเมตรกับระยะหวังผลของปืน AK-47 นั้นไม่สามารถยิงถึงได้ ทําให้พวกเธอเสียกระสุนไปโดยเปล่าประโยชน์
“หยุดยิง!” ทีน่าขี่ม้าไปทั่วชนเผ่าพร้อมตะโกนออกไป
เสียงปืนหยุดลงอย่างรวดเร็วด้วยคําสั่งของทีน่า หลังจากนั้นไม่นาน กองกําลังทหารห ญิงบางคนก็ได้พากันไปขึ้นขี่ม้าของตัวเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสําหรับการต่อสู้ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเวลา
“ดูแลตัวเองดีๆ ผมจะไปดูเพื่อนของผมก่อน!” เซี่ยเหล่ยหันไปพูดกับแคนลามี่ ก่อนที่จะรีบวิ่งไปที่บ้านของถ่างหยู่เหยี่ย
แคนลามี่มองไปที่เซี่ยเหล่ยพร้อมพูดออกไปทันทีว่า “ฉันจะไปกับคุณด้วย!”
ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนตอนนี้ดูเหมือนจะมีมากขึ้นกว่าเดิมอย่างชัดเจน ในตอน นี้แคนลามี่กังวลว่าเซี่ยเหล่ยจะเป็นอะไรไปหรือเปล่า เธอห่วงความปลอดภัยของเขาขึ้นเรื่อยๆ
แต่ก่อนที่เซี่ยเหล่ยและแคนลามี่จะรีบออกตัววิ่งไปที่บ้านของถ่างหยู่เหยี่ยนั้น ทีน่าขี่ม้ามาหยุดต่อหน้าพวกเขา จากนั้นก็ส่งปืนสไนเปอร์ให้กับเซี่ยเหล่ยแล้วพูดออกไปว่า “รับมันไป! แล้วเตรียมใจให้พร้อม!”
เซี่ยเหล่ยรับปืนไรเฟิลของตัวเองกลับคืนมา จากนั้นก็พยักหน้าแล้วพูดต่อว่า “ถ้าพวกเขากล้าที่จะบุกเข้ามาทําร้ายพวกคุณ ผมจะอยู่ที่นี่แล้วช่วยพวกคุณต่อสู้”
ทีน่ามองไปที่แคนลามี่จากนั้นก็พูดออกไปว่า “เธอทําอะไรอยู่ที่นี่ รีบไปขี่ม้าของตัวเองได้แล้ว “
“รับทราบ ฉันจะรีบไป” แคนลามี่มองไปที่กระท่อมของเธอก่อนที่จะรีบวิ่งไป
ในขณะนี้เฮลิคอปเตอร์รบลําหนึ่งได้บินโฉบลงมาใกล้กับชนเผ่าอย่างมาก จากนั้นก็ปล่อยขีปนาวุธออกมาหนึ่งลูก ขีปนาวุธลูกนี้ไปตกที่ผิวน้ําทําให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ขึ้นด้วย แรงระเบิดทําให้แม่น้ำที่ไหลอย่างช้าๆก่อนหน้านี้ เกิดเป็นคลื่นขนาดใหญ่ขึ้นมาและมันก็ได้ถาโถมเข้าถล่มชนเผ่า หลังจากเฮลิคอปเตอร์รบปล่อยขีปนาวุธลงมาแล้ว มันก็รีบยกตัวบินขึ้นสูงทันที
ดูเหมือนว่าการที่พวกมันบินวนไปวนมาก็เป็นเพียงแค่การลาดตระเวนและการมาดู ท่าที ส่วนการปล่อยขีปนาวุธลงที่แม่น้ํานั้นก็เป็นเหมือนกับการขู่ตอนนี้เฮลิคอปเตอร์ดูเหมือนว่า ไม่มีแผนที่จะลงจอดและโจมตีทางบก
ชนเผ่าเฮปตาไลท์เป็นเพียงชนเผ่าที่แยกตัวออกจากโลก พวกเขาไม่ใช่ผู้ก่อการร้า ยหรือเป็นศัตรูกับกองกําลังพันธมิตรยุโรปและสหรัฐ การโจมตีอย่างรุนแรงที่นี่จะทําให้เกิดข้อพิพาทจากนานาประเทศได้ ซึ่งดูเหมือนจะเข้ากับสถานการณ์ในตอนนี้อย่างมาก เนื่องจากเฮลิคอปเตอร์รบสองลําที่บินวนไปวนมาและบินไปปล่อยขีปนาวุธในบริเวณที่ไม่มีผู้คนนั้นเป็นหลักฐานได้อย่างชัดเจน แต่ถ้าต้องการโจมตีชนเผ่าเฮปตาไลท์ซึ่งเป็นเพียงแค่ชนเผ่าเล็กๆ พวกเขาคงจะทําการระดมปล่อยขีปนาวุปถล่มชนเผ่า จากนั้นก็ค่อยเริ่มต้นโจมตีทางภาคพื้นดินเพื่อกําจัดให้สิ้นซาก
หลังจากนั้นไม่นาน เฮลิคอปเตอร์ UH-60 แบล็คฮอคก็ค่อยๆเปลี่ยนสถานะเป็นการ บินแบบปกติเพราะคนที่คอยยิงปืนบนเฮลิคอปเตอร์ก่อนหน้านี้ได้กลับเข้าไปนั่งในตําแหน่งเดิมแล้ว
แม้ว่าตอนนี้ดูเหมือนเฮลิคอปเตอร์ UH-60 แบล็คฮอคจะกลับสู่สภาพการบินปกติแล้ว แต่เซี่ยเหล่ยก็ยังคงกังวลกับสถานการณ์ในตอนนี้อย่างมาก
ตอนนี้ทั่วทั้งหมู่บ้านต่างพากันเฝ้าระวังกองกําลังของสหรัฐกันทั้งหมู่บ้าน แต่เมื่อเวลา ผ่านไปก็ไม่มีวี่แววของการบุกโจมตีเลยก็ทําให้พวกเธอผ่อนคลายลงบ้าง แต่พวกเธอทั้งหมู่บ้านก็ไม่ประมาท พวกเธอเพิ่มกําลังการเฝ้ายามเพิ่มขึ้นเท่าตัวเพื่อคอยรับมือกับภาวะฉุกเฉินเพราะครั้งนี้ อาจจะไม่ใช่แค่การสอดแนมหรือการขู่แล้วก็ได้แต่อาจจะเป็นการบุกเพื่อทําลายล้างทั้งหมู่บ้าน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่มีใครสามารถรับประกันได้
เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์ในตอนนี้ค่อนข้างปกติและใกล้จะรุ่งสางแล้ว เซี่ยเหล่ยก็กลับไปเตรียมตัวเองให้พร้อมสําหรับการเดินทาง
เมื่อถึงรุ่งสาง ก็ได้เวลาสําหรับการออกเดินทาง การเดินทางครั้งนี้มีด้วยกันสามคนนั้นก็คือเซี่ยเหล่ย ทีน่าและแคนลามี่ พวกเขาใช้ม้าเป็นพาหนะสําหรับการเดินทางในครั้งนี้
ติดตามตอนต่อไป…