Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 308
ตอนที่308 ตบตา
ในตอนนี้ ม้าที่ทีน่าและแคนลามี่ขี่มา พวกมันตกใจกลัวเสียงปืนจึงวิ่งหนีลงเขาไปหมดแล้ว
แคนลามี่ที่หมอบอยู่ตอนนี้ได้คลานไปยังก้อนหินที่อยู่ใกล้ที่สุดแล้วไปหลบอยู่หลังก้อ นหินก้อนนั้น จากนั้นก็หยิบปืนขึ้นมาแล้วยิงออกไปพร้อมกับพูดสาปแช่งไปด้วยว่า “ไอ้บ้าเอ๊ยยย! แกไม่ตายดีแน่! “
จังหวะนี้ก็มีลูกกระสุนถูกยิงไปที่ก้อนหินที่แคนลามี่หลบอยู่ มันกระแทกโดนหินเต็มๆ เศษหินกระจายออกเล็กน้อย รวมถึงเกิดประกายไฟด้วย โชคดีที่เธอหลบอยู่ไม่อย่างนั้นกระสุนคงฝังหัวเธอไปเสียแล้ว
สถานการณ์ของทีน่าก็ไม่ได้ดีอะไรเลย เธอยังต้องหมอบอยู่และไม่สามารถเงยขึ้นมาได้
การเคลื่อนที่ของกองกําลังพิเศษนี้เป็นไปอย่างยอดเยี่ยมทันทีที่พวกเขาลงถึงพื้นดิน พวกเขาทําการกระจายกําลังออกเป็นกลุ่ม จากนั้นก็เริ่มวิ่งเข้าประชิดเพื่อลดระยะห่าง พวกเขาค่อยๆหาบังเกอร์ที่อยู่หน้าพวกเขาเองและทยอยกันไปที่ละกลุ่มอย่างรวดเร็ว การเคลื่อนที่อย่างเป็นระบบและรวดเร็วนี้ทําให้พวกเขาใช้เวลาแค่ห้านาทีเท่านั้นก็สามารถล้อมเชี่ยเหล่ย ทีน่าและแคนลามี่ได้มากกว่าครึ่งวงกลมแล้ว
จังหวะนี้ทีน่าและเชี่ยเหล่ยเองก็คลานไปหลบอยู่หลังก้อนหินก้อนเดียวกับที่แคนลามี่ คลานไปหลบอยู่ก่อนหน้านี้
ปังปังปัง! ทีน่าหยิบปืน AK-47 ของเธอ จากนั้นก็ยิงออกไป ตอนนี้ทั้งทีน่าและแคนลา มี่ได้ยิงปืนออกไป แต่พวกเธอก็ยิงออกไปเหมือนกับคนตาบอดเพราะพวกเธอมองไม่เห็นกองกําลังพิเศษว่าตอนนี้อยู่ตรงไหนแล้ว เนื่องจากพวกเขาเคลื่อนตัวเปลี่ยนบังเกอร์อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม การยิงซุ่มออกไปไม่ใช่ทางออกสําหรับปัญหานี้
“หัวหน้า! เซี่ยเหล่ย! พวกคุณหนีไปก่อน ฉันจะต้านมันไว้ให้! “แคนลามี่พูดขึ้นมา เห็น ได้ชัดว่านเสียงของเธอเต็มไปด้วยความกล้าหาญแต่ก็สามารถรู้สึกได้ถึงความกลัวของเธอด้วยเช่นกัน
“ฉันจะคิดบัญชีกับคุณที่หลังแน่!” ทีน่าพูดขึ้นพร้อมกับดวงตาที่ดูเยือกเย็น ขณะที่กําลังมองไปที่เซี่ยเหล่ย
จังหวะนี้เซี่ยเหล่ยเหยียบเท้าของแคนลามี่แล้วพูดอย่างจริงจังไปว่า “พวกคุณนั่นแห ละลงไปกันก่อน แล้วก็รีบหนีไปซะ ผมจะต้านมันไว้ให้เอง!”
“คุณ..”
แคนลามี่พูดพร้อมมองไปที่เซี่ยเหล่ย
ทีน่ามองไปที่เซี่ยเหล่ยด้วยความแปลกใจอย่างมาก ในตอนนี้อารมณ์ของเธอเองก็ซับซ้อนมากเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนกันหรือไม่ก็ตาม ในสถานการณ์ตอนนี้ หากมีอะไรผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย จะเห็นได้เลยว่ามันเป็นช่วงเวลาของความเป็นความ ตาย แต่เซี่ยเหล่ยกลับบอกให้เธอและแคนลามี่หนีไป จากนั้นเขาจะต้านกับกองกําลังที่ดูแล้วน่าจะมีมากกว่า20คนด้วยตัวคนเดียว ไม่ต้องบอกก็รู้ได้เลยว่าเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน นี่จึงทําให้เธอคิดไปว่านี่คือเพื่อนที่ยินดีที่จะเสียสละชีวิตให้กับเธอใช่หรือไม่?
“รีบไปได้แล้ว!” เซี่ยเหล่ยหันไปมองแล้วตะโกนออกไปอีกครั้งจากนั้นก็พูดต่อว่า “ผู้ หญิงอย่างคุณอยากจะมาตายที่นี่อย่างนั้นเหรอ? ถ้าไม่ก็รีบไปซะ!”
ทันทีที่ได้ยินน้ำตาของแคนลามี่ก็ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว ตอนนี้เธอยังไม่ได้ขยับไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว
“อย่าตายหล่ะ!” ทีน่าคว้ามือแคนลามี่พร้อมลากเธอลงไปจากเนินเขาทันที
เมื่อทีน่าและแคนลามี่ถอยหนีไปแล้ว ปืนไรเฟิลในมือของเซี่ยเหล่ยก็เริ่มส่งเสียงคําราม ทันทีที่ยิงออกไป ทําให้มีกองกําลังพิเศษหนึ่งคนล้มลงไปแบบไม่มีทางกลับมาต่อสู้ได้อีกเลยเพราะคนนั้นได้ตายในทันที
ในคืนที่มืดมิดบดบังภูเขาที่แห้งแล้ง ในตอนนี้สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยห่ากระสุนมาก มายรวมไปถึงศพและเลือดที่ไหลออกมาด้วย หลังจากที่ทีน่าและแคนลามี่ได้หนีไปเรียบร้อยแล้ว เซี่ยเหล่ยในตอนนี้ไม่ได้เป็นกังวลอะไรมากมายเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่!
ปัง !! กระสุนที่ออกจากปืนของเซี่ยเหล่ยตรงเข้าหัวของกองกําลังพิเศษที่กําลังเล็งยิง มาที่เซี่ยเหล่ยพอดี
“บ้าเอ๊ยย! ฆ่ามันเดี๋ยวนี้!” กองกําลังพิเศษบางคนตะโกนร้องออกมาด้วยความเกรี้ยวก ราดแล้วพูดต่อว่า “ไม่จําเป็นต้องสนเรื่องของคําสั่งแล้ว! ฆ่ามันเดี๋ยวนี้! ”
ปังปังปัง ปังปังปัง ….
บัง ปัง ปัง ..
เสียงกระสุนปืนจรวด RPG ถูกยิงออกมาในตอนนี้โดยมีเป้าหมายอยู่ตรงที่บังเกอร์ที่เซี่ยเหล่ยกําลังหลบอยู่
ในความเป็นจริงขณะที่อยู่ในสนามรบแล้ว คําสั่งถือที่ถูกสั่งการออกมาแล้วถือเป็นสิท ธิขาด แต่แม้ว่าคําสั่งจะสําคัญมากแค่ไหนก็ตาม สุดท้ายแล้วกองกําลังพิเศษชุดนี้ก็เลือกที่จะไม่ปฏิบัติตาม
สถานการณ์ตอนนี้เซี่ยเหล่ยยิ่งเพิ่มได้อีกสองคน ส่วนกองกําลังพิเศษในตอนนี้ก็ยัง พยายามเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าจะมีบางคนที่เริ่มจะขัดคําสั่งบ้างแล้วแต่ก็ไม่ใช่ทุกคน บางคนยังคงทําตามหน้าที่และคําสั่งที่ตัวเองได้รับมอบหมาย..
ในขณะที่เขายิงกองกําลังพิเศษคนที่สองล้มไปนั้น เขาก็เห็นกองกําลังพิเศษทางด้านข วาของเขาสองคนกําลังแอบซุ่มอยู่พอดี ทําให้เซี่ยเหล่ยที่หมอบอยู่ในตอนนี้ เขาได้ลุกขึ้นและได้คลานออกไปทางด้านข้างอย่างระมัดระวังเพื่อที่จะหามุมยิ่งใหม่
สองกองกําลังพิเศษที่คิดว่าตัวเองมีประสบการณ์มากมายและผ่านการรบมาอย่างโชค โซนนั้นคิดว่าตัวเองซ่อนตัวได้อย่างดีแล้ว แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าพวกเขาในตอนนี้อยู่ในสายตาของเซี่ยเหล่ยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เซี่ยเหล่ยคลานอย่างเงียบๆไปก้อนหินด้านขวามือของเขา จากนั้นก็เล็งปืนไปยังกองกำลังพิเศษที่หลบซ่อนอยู่ เซี่ยเหล่ยกระตุกตาซ้ายเล็กน้อย จากนั้นภาพที่เขาเห็นก็คือภาพของก้อนหินที่หายไปในสายตาของเซี่ยเหล่ย เห็นสองกองกําลังพิเศษที่กําลังหลบอยู่อย่างชัดเจนและที่เอวของพวกเขาติดอาวุธอยู่ด้วย
“ในระยะทาง 500 เมตรความเร็วลมไม่สําคัญ เซี่ยเหล่ยพูดกับตัวเองจากนั้นก็เริ่ม เหนี่ยวไกอย่างช้าๆ
ปัง! กองกําลังพิเศษคนหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ล้มลงทันที
ปัง!! ลูกกระสุนปืนนัดที่สองยิงออกไปในเวลาที่ห่างจากนัดแรกไม่ถึงหนึ่งวินาที มันต รงไปยังหัวของกองกําลังพิเศษคนที่สอง นั่นทําให้เขาตายในทันทีเช่นกัน
หลังจากจัดการศัตรูสองคนที่ซ่อนตัวอยู่ก่อนหน้านี้ได้แล้ว เชี่ยเหล่ยก็รีบลุก ขึ้นพร้อมออกตัววิ่งอย่างรวดเร็วไปด้านข้าง
ในคืนที่มืดมิด บวกกับที่นี่คือภูเขาหัวล้านซึ่งมันค่อนข้างที่จะเป็นพื้นที่โล่งแม้จะมีก้อ นหินหรือหลุมหลบที่พอจะเป็นบังเกอร์ได้ก็ตาม แต่บังเกอร์เหล่านี้ก็ใช้ไม่ได้ผลกับเซี่ยเหล่ย เซี่ยเหล่ยที่มีปืนไรเฟิลอยู่ในสนามรบตอนนี้เปรียบเสมือนปีศาจร้ายที่ค่อยคร่าชีวิตของผู้คน หากจะต้องสู้กันจนถึงที่สุดแล้วเหลือใครซักคนที่เป็นผู้อยู่รอด เซี่ยเหล่ยก็คงจะเป็นคนๆนั้น!
ตรงบริเวณเนินเขาทีน่าและแคนลามี่ได้วิ่งลงมาจนเจอมาแล้ว ในตอนนี้เหลือม้าเพียง แค่ 2 ตัวเท่านั้น
“หัวหน้า เรากลับไปช่วยเซี่ยเหล่ยกันเถอะ!” แคนลามี่พูดขึ้นพร้อมพูดต่อว่า “กองกําลังพิเศษมีจํานวนเยอะจนเกินไป ส่วนเซี่ยเหล่ยนั้นมีเพียงแค่ตัวคนเดียว ถ้าเราทิ้งเขาไว้แบบนี้เขาจะต้องตายแน่ๆ “
“ไม่ได้ ถ้าเรากลับไปเราเองก็จะต้องตายด้วยเช่นกัน” ทีน่าพูดต่อว่า “นี่ยังไม่เข้าใจ กงั้นเหรอ? เซี่ยเหล่ยกําลังเสียสละตัวเองและกําลังต่อสู้อยู่เพียงลําพังเพราะเขาให้โอกาสเราในการหลบหนี เขาทําอย่างนี้ก็เพราะเขาต้องการให้เราปล่อยตัวเพื่อนของเขาและนักวิจัยชาวจีนเหล่านั้นทั้งหมด ”
“แต่… “ แคนลามี่พูดและแสดงท่าทางลังเลใจ
“พอได้แล้ว!” ทีน่าพูดอย่างขึงขังและพูดต่อว่า “เธอเป็นนักแม่นปืนที่ยอดเยี่ยมของชนเผ่าเรา ฉันสามารถหาผู้ชายให้กับเธอได้อีกไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ มันมากพอเท่าที่เธอจะต้องการเลยก็ได้ ฉะนั้นไปกันเถอะ เราจะออกไปจากที่นี่ไปด้วยกัน! “
“รับทราบ !” แคนลามี่ปฏิบัติตามคําสั่งของที่น่าอย่างเคร่งครัด
ทั้งคู่ขึ้นขี่ม้าคนละตัว
อันที่จริงตอนนี้ด้านบนของภูเขาเสียงปืนได้เงียบลงแล้ว
จังหวะเดียวกันนี้ทีน่าที่ได้ยินเสียงปืนเงียบลงแล้ว เธอไม่ได้รีบขี่ม้าและหนีไป แต่เธอยังคงอยู่ที่เดิมแม้ว่าตอนนี้ตัวเธอจะคร่อมอยู่บนหลังม้าและมือของ เธอก็กุมบังเหลียนไว้เรียบร้อยแล้ว
จังหวะเดียวกันนี้บนเนินเขาเหนือบริเวณที่แคนลามี่และทีน่าอยู่มีเสียงตะโกนเป็น ภาษาอังกฤษออกมาว่า “เซี่ยเหล่ย…คุณยอมจํานนแต่โดยดีซะ ไม่อย่างนั้นผมจะฆ่าผู้หญิงของคุณ!”
แคนลามี่สงสัยในสิ่งที่กองกําลังพิเศษตะโกนออกมาจึงหันไปถามที่น่าว่า “หัวหน้า คุ ณรู้ภาษาอังกฤษหรือเปล่านั้นเขาพูดว่าอะไร?”
ทีน่าขมวดคิ้วก่อนพูดขึ้นว่า “คนพวกนั้นขู่ให้เซี่ยเหล่ยยอมจํานนแต่โดยดี ไม่อย่าง นั้นพวกเขาจะฆ่าผู้หญิงของเซี่ยเหล่ย ”
“ผู้หญิงของเซี่ยเหล่ย? ฉันงั้นเหรอ? “ แคนลามี่พูดต่อทันทีว่า “ผู้ชายคนนี้น่าขัดใจยิ่งนัก เขาแสร้างทําเป็นว่าจับตัวฉันได้แล้วและใช้ฉันเพื่อข่มขู่ให้เซี่ยเหล่ยยอมจํานนไม่ได้การละ ฉันต้องกลับไปบอกเซี่ยเหล่ยว่าฉันยังไม่ได้ถูกจับตัว!”
แคนลามี่กระโดดลงมาจากหลังม้า เธอไม่ได้รอช้า เธอกําลังจะรีบวิ่งขึ้นไปทางเดิม เพื่อที่จะมองหาเซี่ยเหล่ย แต่ทีน่าได้ขยับตัวและเขกไปที่หัวของแคนลามี่อย่างรวดเร็วก่อนที่เธอจะทันได้ออกตัววิ่งพร้อมพูดขึ้นว่า “โง่! ทําตัวให้ฉลาดหน่อยได้มั้ย? ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่เธอ! “
“ไม่ใช่ฉันงั้นเหรอ? แล้วใครกันหล่ะ?” แคนลามี่ถามด้วยใบหน้าที่งุนงง
ในตอนนี้ด้านบนเนินเขาก็มีแสงไฟสีขาวส่องสว่างขึ้น แสงสว่างนี้เข้ามากลืนกินความ มืดให้หายไป จากนั้นก็มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งได้เดินพาผู้หญิงคนหนึ่งไปยังจุดที่มีแสงสว่างมากที่สุด
ด้านเซี่ยเหล่ยเองตอนนี้ก็ได้หยุดอยู่กับที่ เขาหันกลับไปมองตามเสียงที่ตะโกนออก มาก่อนหน้านี้ แม้ว่าจะอยู่ไกลมากก็ตาม แต่เขาก็มองเห็นได้อย่างชัดเจนผู้หญิงคนนั้นก็คือหลางซือเหยา…..
เฉพาะแค่หลางซือหยาเท่านั้นที่จะถูกเรียกว่าเป็นผู้หญิงของเขาได้ แม้ว่าจะเป็นเพียงอดีตก็ตาม
ใบหน้าของหลางซือเหยาในตอนนี้ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรเลย เธอไม่ตื่นเต้นไม่อึดอัดใจ ไม่แม้แต่ตื่นตระหนกหรือตกใจ
ผู้ชายที่คุมตัวหลางซื้อเหยาในตอนนี้คือพันเอกแฮงส์ เขาเป็นผู้บัญชาการกองกําลังพิ เศษไม่ทราบฝ่ายที่ก่อนหน้านี้ได้ดักซุ่มโจมตีเซี่ยเหล่ยและเหล่าเจ้าหน้าที่ของ สํานักงานลับ 101
ในตอนนี้ที่เขากําลังคุมตัวของหลางซือเหยาอยู่ เขาได้จับคอของเธอและให้ตัวของ เธออยู่ในตําแหน่งที่อยู่ด้านหน้าเขาพอดี พูดง่ายๆก็คือการที่ให้ตัวของเธอเป็นบังตัวของเขาไว้นั่นเองพันเอกแฮงส์ไม่ปล่อยให้ร่างกายของเขาโผล่ออกมาจากตัวของหลางซือเหยาแม้แต่น้อย นั่นก็เพื่อป้องกันการซุ่มโจมตีของเซี่ยเหล่ย
ด้านข้างของพันเอกแฮงส์และหลางซือเหยาที่ยืนอยู่นั้นถัดออกไปประมาน 15 เมตรก็ มีทีมซุ่มโจมตีแอบอยู่ ถ้าหากว่าเซี่ยเหล่ยเผยตัวให้เห็น พวกเขาก็จะยิงเซี่ยเหล่ยในทันทีที่เห็น เมื่อดูจากภารกิจของพวกเขาแล้วคือการจับเป็นเซี่ยเหล่ย ดังนั้นกระสุนที่ใช้ยิงออกมาคงจะไม่ใช่กระสุนจริง มันคงจะเป็นกระสุนยาสลบ
ส่วนด้านซ้ายของพันเอกแฮงส์และหลางซือเหยานั้นก็มีอีกทีมหนึ่งเป็นกองกําลังพิเศษ ประมาณ12คนกําลังหลบซ่อนตัวอยู่เช่นกัน พวกเขามีความพร้อมอย่างมากสําหรับการบุกเข้าโจมตี
หลังจากการต่อสู้ เซี่ยเหล่ยยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์ในตอนนี้ นั่นก็เพราะก่อนหน้านี้ ไม่ได้มีเพียงแค่กองกําลังพิเศษเท่านั้น แต่ยังมีเจ้าหน้าที่ของ CIA ปะปนอยู่กับพวกเขาด้วย หากเทียบกันแล้วความสามารถของกองกําลังพิเศษและเจ้าหน้าที่ของ CIA นั้นแตกต่างกันอย่างมากจนไม่อาจจะเปรียบเทียบได้
หลังจากการเฝ้าระวังอยู่ครู่หนึ่ง มุมปากของเซี่ยเหล่ยก็ยิ้มเยาะเย้ยออกมาพร้อมพูดขี้ นว่า “ผู้หญิงคนนั้น คือคนที่กําลังจะได้แต่งงานกับเราในตอนแรกแต่สุดท้ายเธอก็ทรยศ หึ!! พวกเขามีปัญหากับสมองหรือว่ายังไงถึงได้ส่งเธอมาข่มขู่เราแบบนี้?”
ในจังหวะนี้เซี่ยเหล่ยแอบยกไรเฟิลขึ้นมาเล็งอย่างเงียบๆ โดยตอนนี้เซี่ยเหล่ยกําลัง เล็งไปที่หลางซือเหยาเพราะถ้าเธอหลบออกไปหรือพันเอกแฮงส์เผลอลืมขยับตัวเองออกมานอกตัวของหลางซื้อเหยา ส่วนของร่างกายของพันเอกแฮงส์ก็จะโผล่ทันที
ด้านกองกําลังพิเศษก็กําลังรอให้เซี่ยเหล่ยปรากฏตัว ส่วนเซี่ยเหล่ยเองก็กําลังรอโอ กาสที่จะยิงพันเอกแฮงส์เหมือนกัน
“เซี่ยเหล่ย ยอมจํานนซะ! ” พันเอกแฮงส์พูดต่อว่า “ผมจะให้โอกาสคุณหนึ่งนาที ถ้า ครบกําหนดแล้วคุณยังไม่ออกมามอบตัวละก็ ผมจะฆ่าผู้หญิงของคุณทิ้งซะ! “
เซี่ยเหล่ยไม่ได้ขยับไปไหนจากตําแหน่งเดิมเลย เขายังคงมีสมาธิและใจเย็นในการ เล็งเป้าหมาย
“คุณเหลือเวลาอีกแค่ 30 วินาที!” แฮงส์พูดกระตุ้นเซี่ยเหล่ย
“ไม่มีประโยชน์” หลางซือหยาพูดด้วยเสียงที่ค่อนข้างเบาแล้วพูดต่อว่า “เขาจะไม่ ปรากฏตัวให้คุณเห็นอย่างแน่นอน เขารู้แล้วว่าฉันเป็นใครและทํางานให้ใคร ในตอนนี้เขารู้สึกเกลียดฉันเป็นอย่างมาก แล้วเขาจะออกมาเพื่อช่วยฉันได้อย่างไรล่ะ?”
“มันก็ไม่แน่เสมอไปหรอกนะ” พันเอกแฮงส์พูดยิ้มเยาะก่อนที่จะพูดต่อว่า “ถ้าเขารัก คุณมากจริงๆละก็ ไม่ว่าคุณจะเป็นใครหรือเคยทําร้ายเขารุนแรงแค่ไหนก็ตาม เขาจะให้อภัยคุณ และจะไม่ปล่อยให้คุณเป็นอันตรายไปหรอกนะ “
“ตกลง รอดูก็แล้วกันแต่แผนการนี้ฉันไม่เห็นด้วยเลย” หลางซือเหยาพูดขึ้น
“เซี่ยเหล่ย เวลาของคุณหมดแล้ว!” พันเอกแฮงส์พูดพร้อมเล็งปืนไปที่ต้นขาของหลาง ซือเหยาแล้วก็ยิงออกไปทันที
ปัง!! เสียงปืนดังขึ้นพร้อมที่ต้นขาของหลางซือเหยาก็มีเลือดออก อย่างไรก็ตาม แม้ว่า หลางซือเหยาที่ถูกยิงจะมีอาการเซเล็กน้อยแต่พันเอกแฮงส์ก็ไม่ปล่อยให้เป็นจุดอ่อน เขายังคงหลบอยู่หลังหลางซื้อเหยาโดยไม่เปิดเผยตัวให้เซี่ยเหล่ยเห็นแม้แต่น้อย
“ออกมา!” พันเอกแฮงส์ตะโกนออกไปด้วยความโกรธจากนั้นก็ตะโกนต่อทันทีว่า “ไม่ อย่างนั้น…ผมจะฆ่าเธอ!”
เซี่ยเหลียหัวเราะเยาะก่อนจะพูดคนเดียวว่า โอ้โห…ที่กําลังเซเล็กน้อยนั่นก็คือการแส ดงสินะ แต่ที่น่าเหลือเชื่อที่สุดเลยก็คือผู้บัญชาการคนนั้น เขาเป็นนักแสดงฮอลีวูดอย่างนั้นเหรอ? ปืนที่ยิงออกไปก็ไม่ได้มีหัวกระสุน เลือดที่ไหลออกมาก็เป็นเพียงแค่ถุงสีแดงที่ทําออกมาเพื่อหลอกตาเราชินะ?”
ที่เนินเขาด้านล่างในตอนนี้ แคนลามี่ใช้กล้องส่องทางไกลมองไปด้านบนพร้อมหัวเราะ ออกมาจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “เธอถูกยิงเลือดไหลออกมาเยอะเลย ฮ่าฮ่า ฉันเองก็อยากจะยิงเธออีกสักนัดเหมือนกัน ตอนนี้ฉันอยากจะฆ่าเธอให้ตายๆไปซะ !”
ติดตามตอนต่อไป…..