Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 317
TXV – 317 แผนการแยบยล !
พ่อบ้านชเวมยองโฮเดินเข้าไปส่งเซี่ยเหล่ยในห้องแต่ในขณะที่เขากําลังจะเดินออกไปจากห้องนั้น เขาก็ได้ยิ้มขึ้นที่มุมปากเซี่ยเหล่ยเห็นได้อย่างชัดเจนแม้ว่าเขาจะพยายามแอบทําแล้วก็ตาม มันเป็นรอยยิ้มที่บ่งบอกว่าเขาได้ทําตามแผนเรียบร้อยแล้ว นี่จึงทําให้เซี่ยเหล่ย เริ่มที่จะระแวงและเตรียมตัวกับสถานการณ์ที่กําลังจะเกิดขึ้น
เมื่อเขาเข้ามาในสถานที่ใหม่และแปลกตา สิ่งที่เซี่ยเหล่ยทําเป็นอย่างแรกก็คือ การสอดส่องหาอะไรที่ผิดสังเกตเหมือนกับก่อนหน้านี้เขาก็ทํากับห้องพักของตัวเอง ตอนนี้เขาก็ทํากับห้องนี้เหมือนกัน เขาพยายามมองหาจุดผิดสังเกต แม้ว่าในห้องนี้จะมีเพียงแค่เตียงและโซฟาอยู่ก็ตาม มันก็เหมือนกับห้องปกติทั่วไป ทําให้เขาผ่อนคลายลงบ้างแต่ก็เป็นเวลาไม่นานเท่านั้น จู่ๆสายตาของเขาก็หันไปเห็นบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติ ภายในห้องนี้มีกลิ่นหอมคลุ้งไปทั่วแถมตรงข้างเตียงก็มีชุดชั้นในผู้หญิงตกอยู่ แถมมันยังถูกฉีกขาดบางส่วนด้วย
พ่อบ้านชเวมยองโฮบอกไว้ว่าอันซูฮยอนได้เชิญให้เขามาดื่มชาที่นี่ มันจึงเป็นเรื่องที่เหลือเชื่ออย่างมากว่าจะมามีชั้นในผู้หญิงในห้องนี้ได้อย่างไร นั่นทําให้เขาพอจะเข้าใจแต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่านี่คงเป็นสิ่งที่อันซูฮยอนเตรียมไว้ก่อนหน้านี้
ด้านนอกห้องมียินเสียงฝีเท้ากําลังเดินใกล้เข้ามา
เซี่ยเหล่ยกระตุกตาช้ายของเขาเล็กน้อยทันที นั่นทําให้ภาพที่เขาเห็นในตอนนี้ทั้งป ระตูและฝาผนังหายไป สายตาของเขาหันไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่กําลังเดินมา ผู้หญิงคนนี้เป็นผลผลิตที่เกิดขึ้นมาจากอุตสาหกรรมศัลยกรรมของเกาหลี หน้าตาของเธอสวยงามอย่างมาก รวมไปถึงหน้าอกของเธอที่ใหญ่มากเช่นกัน จมูก หน้าผากและปากที่ได้สัดส่วนในรูปแบบผู้หญิงเกาหลีในอุดมคติ แต่น่าเสียดายที่ทั้งหมดนี้เป็นของปลอมที่ถูกสร้างขึ้นจากการศัลยกรรมเท่านั้น เพราะเซี่ยเหล่ยสามารถมองทะลุจนเห็นซิลิโคนที่อยู่ในหน้าอกของเธอและซิลิโคนที่อยู่ในจมูกของเธอด้วย
เธอกําลังจะเดินเข้ามาในห้องพร้อม มือของเธอที่ถอดเสื้อของตัวเองออกแล้วและกําลังถืออยู่ในมือ นั่นทําให้ตอนนี้เธอเปลือยเปล่าและสัดส่วนสีขาวที่โดดเด่นของเธอได้แสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน
ทุกอย่างกําลังดําเนินต่อไป เซี่ยเหล่ยเข้าใจกับดักนี้แล้วนั่นทําให้จังหวะที่ก่อนเธอจะเข้ามาในห้องนั้น เซี่ยเหล่ยได้ย่อตัวและกระโดดถีบกําแพงขึ้นไปพร้อมกับจับคานของแชนเดอเรียแล้วก็ห้อยตัวอยู่อย่างนั้น
แม้ว่าจะมีฝุ่นละอองหล่นลงมาบ้างก็ตาม แต่เธอก็ไม่ได้สังเกต
ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เคาะประตูแต่เธอได้เปิดประตูเข้ามาเลย สิ่งแรกที่เธอทําคือการทิ้ง เสื้อที่อยู่ในมือลงที่พื้นจากนั้นก็ตะโกนออกไปทันทีเลย “ช่วยด้วยย…ฉัน…”
แต่ในขณะที่ตะโกนอยู่นั้นก็พบว่าไม่มีใครอยู่ในห้องเลยนั่นทําให้เธอพูดไม่ทัน จะจบประโยคก็เงียบลงเสียก่อน
“คน…หายไปไหนหล่ะ?” ผู้หญิงคนนั้นมองไปทั้งทางขวาและทางซ้ายแต่ก็ไม่พบ ใครเธอก็พูดกับตัวเองด้วยความกลัวว่า “ก็ไหนว่าจะมีคนเข้ามาในห้องนี้ไม่ใช่เหรอ? นี่มันเรื่องตลกอะไรกันแน่? ทําไมเป็นแบบนี้ไปได้หล่ะ?”
จังหวะนี้ผู้หญิงคนนั้นกําลังจะเดินออกจากห้องเพื่อไปถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เธอหยิบเสื้อขึ้นมาและกําลังจะใส่พอดี
แต่จังหวะนี้จู่ๆก็มีบอดี้การ์ดหลายคนเปิดประตูเข้ามาอย่างกะทันหัน ทันทีที่พวกเขาบุกเข้ามาสายตาของพวกเขาทั้งหมดก็มองไปที่จุดๆเดียวกันนั้น ซึ่งก็คือหน้าอกของผู้หญิงคนนั้น
“อ๊ายยยยย!” ผู้หญิงคนนั้นกรี้ดพร้อมกับรีบใส่เสื้อให้เรียบร้อยแต่ก็ไม่สามารถปิด ได้ทุกส่วนเพราะเสื้อตัวนี้ได้ถูกจัดฉากให้ขาดเป็นบางส่วนด้วย
พ่อบ้านชเว มยองโฮเองก็เข้ามาในห้องพร้อมกับบอดี้การ์ดด้วยเช่นกัน เขารู้สึกแปลกใจอย่างเห็นได้ชัดเจน เพราะคนที่ควรจะอยู่ในห้องกลับไม่อยู่ในห้อง ส่วนบอดี้การ์ดหลายคนที่เดินเข้ามานั้นพวกเขาก็ค่อนข้างจะงุนงงกับเหตุการณ์นี้ พวกเขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับแผนการนี้ พวกเขาแค่ทําตามคําสั่งก็เท่านั้น นั่นทําให้พวกเขาไม่เข้าใจว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่
“นี่มันอะไร?” ชเวมยองโฮพูดออกมาแล้วถามต่อทันทีว่า “เจ้าผู้ชาย คนนั้นหล่ะ?”
ผู้หญิงคนนั้นตอบกลับไปว่า “คุณพูดเรื่องอะไรกัน ตั้งแต่ที่ฉันเข้ามาก็ไม่เห็นใครอยู่ในห้องนี้เลย ”
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?” ชเวมยองโฮพูดด้วยความโกรธ
ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่เป็นไปแผนที่พวกเขาวางกับดักเอาไว้
“มัวยืนทําอะไรกัน? ออกตามหาเดี๋ยวนี้! “ชเวมยองโฮสั่งออกไปอย่างเกรี้ยวกราด
ทันทีที่ชเวมยองโฮพูดเสร็จบอดี้การ์ดก็ออกตามหากันทันที พวกเขาแบ่งกําลังออกเป็นหลายส่วนเพื่อออกตามหาในที่ต่างๆ ชเวมยองโฮและผู้หญิงคนนั้นก็ออกไปจากห้องเช่นกัน
เมื่อทุกคนออกไปจากห้องกันหมดแล้ว เซี่ยเหล่ยกระโดดจากแชนเดอเรียลงมาที่พื้นจากนั้นเขาก็รีบออกจากห้องในทันที
เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้เป็นกลอุบายที่น่ารังเกียจ เรื่องนี้คงจะเป็นแผนของอันซูฮยอนอย่างแน่นอน โดยมีผู้สมรู้ร่วมคิดและคอยช่วยเหลือให้เป็นไปตามแผนก็คือพ่อบ้านชเวมยองโฮโดยแผนคือพาเซี่ยเหล่ยเข้ามาในห้องนี้และพอผู้หญิงคนนั้นเดินกลับเข้ามาเจอเซี่ยเหล่ยในห้องเธอจะต้องกร็ดออกมา นั่นจะทําให้บอดี้การ์ดที่ถูกเตรียมไว้ก่อนหน้านี้บุกเข้าทันที ซึ่งถ้าเป็นไปตามแผนนี้ เซี่ยเหล่ยจะต้องถูกจับข้อหากระทําอนาจารอย่างแน่นอนและเขาจะต้องถูกนําตัวไปคุมขังซึ่งต้องออกไปจากที่นี่ และนี่ก็เป็นสิ่งที่อันซูฮยอนต้องการ
กับดักนี้ไม่ได้มีเทคนิคพิเศษอะไรเลย มันเป็นแผนการที่เรียบง่ายและรัดกุมแต่ถ้า สําเร็จจะได้ผลลัพธ์ที่ดีเกินคาด
แต่สุดท้ายแล้วนี่ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายเพราะแผนการและกับดักในครั้งนี้ใช้ไม่ได้ กับเซี่ยเหล่ยเลยแต่กลับกันเซี่ยเหล่ยคิดว่าแผนการนี้เป็นเรื่องตลกสําหรับเขา
เมื่อเซี่ยเหล่ยออกจากห้องระหว่างทางที่เขากําลังเดินนั้นเขาก็พยายามมองไปทั่วทั้งอาคารและพยายามมองห้องที่เก็บของสะสมของอันกวน
แม้ว่าตอนนี้เซี่ยเหล่ยจะหาห้องที่เก็บของสะสมของอันกวนไม่เจอก็ตามแต่สิ่งที่เขา พบก็คือบริเวณไม่ไกลจากจุดนี้มีกล้องวงจรปิดติดอยู่มากมายและยังมีบอดี้การ์ดคอยเฝ้ายามอยู่หลายคน ซึ่งมันมากกว่าส่วนอื่นๆในบ้านของเขาอย่างผิดปกติจากข้อมูลทั้งหมดนี้ทําให้เซี่ยเหล่ยเชื่อว่าห้องเก็บสะสมของเก่าของอันกวนนั้นจะต้องอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้แน่ๆ
“ตรงนั้น!” จู่ๆก็มีใครบางคนพูดขึ้น
เซี่ยเหล่ยหันไปมองตามเสียงนั้นเขาก็เห็นชเวมยองโฮกําลังวิ่งมาพร้อมกับบอดี้การ์ดอีกหลายคน พวกเขาวิ่งมาจากหลายทิศทางนั่นทําให้เป็นเรื่องง่ายมากหากต้องการที่จะจับตัวเซี่ยเหล่ยในตอนนี้
ชเว มยองโฮและบอดี้การ์ดอีกหลายคนตอนนี้หยุดอยู่กับที่โดยที่ด้านหลังของพวก เขาทั้งหมดก็มีผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่พร้อมกับเสื้อผ้าที่ขาดด้วย
ชเว มยองโฮและบอดี้การหลายคนตอนนี้ได้ล้อมเซี่ยเหล่ยไว้หมดแล้วจากนั้น ชเวมยองโฮก็พูดพร้อมกับอาการเหนื่อยจากการวิ่งออกตามหาเป็นภาษาเกาหลีว่า “คุณ คุณกล้า…. ”
เซี่ยเหล่ยยิ้มพร้อมกับส่ายหัวจากนั้นก็พูดขึ้นด้วยภาษาจีนว่า “ขอโทษนะ ผมไม่ เข้าใจในสิ่งคุณที่กําลังพูด?”
ชเวมยองโฮหันกลับไปมองผู้หญิงคนนั้นเพื่อดูว่าเธอกําลังทําอะไรอยู่ถึงไม่พูดหรือ ยังไม่ทําอะไรต่อตามแผนในตอนนี้
ผู้หญิงคนนั้นลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเดินออกไปหาเซี่ยเหล่ยและเตรียมตัวที่จะทํา อะไรบางอย่างต่อจากนี้
ตอนนี้เองอันซูฮยอนได้ปรากฏตัวขึ้นตรงส่วนท้ายของทางเดินโดยที่ด้านข้างตัวของ เขานั้นก็มีเฉินตูเทียนหยินเดินมาด้วย
“ทําอะไรกัน?” อันซูฮยอนพูดขึ้นเสียงดัง
“เรา… ” ชเว มยองโฮพูดการแสดงออกของเขารู้สึกแปลกใจมากเพราะเรื่องนี้คือสิ่งที่อันซูฮยนอสั่งให้พวกเขาทํา แต่ตอนนี้กลับไม่เป็นไปตามแผน
อันซูฮยอนพูดขึ้นว่า “จะมัวมายืนทําอะไรกันตรงนี้ ใครมีหน้าที่ทําอะไรก็แยกย้ายกันไปซะ!!”
ตัดมาที่ภาพที่เฉินตูเทียนหยินเห็นอยู่ตอนนี้คือ เซี่ยเหล่ยที่ด้านหน้าของเขามีผู้หญิงสวยคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าเขาพร้อมเสื้อผ้าที่ขาดรุ่ย
ชเว มยองโฮมองไปที่เซี่ยเหล่ยและผู้หญิงคนนั้นจากนั้นก็พูดกับผู้หญิงคนนั้นไปว่า “คุณมายืนทําอะไรอยู่ตรงนี้? คุณไม่มีหน้าที่ที่จะต้องมาทําอะไรตรงนี้นี่! “
จังหวะนี้บอดี้การ์ดทั้งหมดก็ได้เดินออกไปผู้หญิงคนนั้นก็ด้วย
ทําให้ตอนนี้เหลือเพียงแค่เซี่ยเหล่ย เฉินตูเทียนหยินและอันซูฮยอนเท่านั้น
“เหล่ย นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” เฉินตูเทียนหยินมองไปที่เซี่ยเหล่ยพร้อมพูดขึ้นอย่างสงสัย
เซี่ยเหล่ยยิ้มพร้อมพูดขึ้นว่า “ผมเองก็ไม่รู้ ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดแต่ดูเหมือนว่าพวกเขากําลังหาใครกันอยู่?”
“ตอนแรกฉันคิดว่าคุณกําลังเจอกับปัญหาชะอีก” เฉินตูเทียนหยินพูด
“เจอปัญหางั้นเหรอ? ที่นี่เป็นบ้านของครอบครัวคุณอันแถมที่นี่ยังมีบอดี้การ์ดมาก มายกระจายตัวอยู่ทั่วจะไปมีปัญหาได้อย่างไร?” เซี่ยเหล่ยพูด
จังหวะนี้อันซูฮยอนก็เดินมาอยู่ด้านเซี่ยเหล่ยและมองไปที่เขา จากนั้นก็พูดออกไปพร้อมใบหน้าที่ยิ้มแย้มว่า “คุณเซี่ย คนของผมไม่ได้ทําให้คุณลําบากใจใช่ไหม?
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “ไม่ใช่หรอก เพียงแต่ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่พวกเขาพูดก็เท่านั้น” พูด เสร็จเซี่ยเหล่ยก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้นต่อว่า “ที่จริงแล้วผมต้องการที่จะมาเจอเฉินตูเทียนหยินแต่ผมเกิดหลงทางเนื่องจากบ้านของครอบครัวคุณอันใหญ่มาก ไม่คิดเลยว่าจะเดินมาจนถึงที่นี่ได้ คุณช่วยแนะนําบ้านของคุณหน่อยได้ไหม”
ตอนนี้เองเฉินตูเทียนหยินก็พูดเสริมขึ้นว่า “อันซูฮยอน บ้านของคุณใหญ่จริงๆ ถ้าเป็นฉันเดินเองก็คงจะหลงเหมือนกัน พาฉันไปเดินชมรอบๆทั้งหมดได้ไหม?”
คําชวนนี้ที่ออกมาจากปากของเซี่ยเหล่ยแน่นอนว่าอันซูฮยอนจะปฏิเสธอย่างแน่นอนแต่เพราะนี่เป็นคําขอของเฉินตูเทียนหยิน นั่นทําให้เขาไม่อยากที่จะปฏิเสธจึงพูดขึ้นว่า “ได้ สิ…ผมจะพาคุณเดินชมรอบๆเอง”
“ขอบคุณ คุณอัน” เซี่ยเหลี่ยพูดอย่างสุภาพ
หลังจากได้ยินเซี่ยเหล่ยพูดแม้ในใจเขาจะไม่ชอบใจและรู้สึกหงุดหงิดขนาดไหนกับ คําพูดของเซี่ยเหล่ยแต่อันซูฮยอนก็ไม่ได้แสดงออกมา เขาเพียงแค่ทําหน้ายิ้มพร้อมพูดขึ้นว่า “เรา…ไปกันเถอะ”
เซี่ยเหล่ย เฉินตูเทียนหยิน และอันซูฮยอนตอนนี้ทั้งสามคนกําลังเดินชมบ้านของอันซูฮยอนอยู่โดยที่มีอันซูฮยอนเป็นไกด์และคอยแนะนําสถานที่ต่างๆภายในบริเวณบ้า นของเขาให้ฟังพร้อมกับเล่าประวัติที่ยาวนานเกือบสองร้อยปีที่เคยเกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มต้นในสมัยราชวงศ์ชิง ในช่วงเวลานั้นเกาหลีใต้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรบางอย่างกับราชวงศ์ชิง ทําให้สถานที่แห่งนี้อยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์ชิงและในเวลานั้นคนในตระกูลอันทําหน้าที่เป็นขุนนางระดับสูง
ในขณะที่อันซูฮยอนพาเดินชมบ้านของเขาพร้อมพูดถึงประวัติอันยาวนาน ที่เกิดขึ้นด้วยทั้งหมดนี้ดูเหมือนว่าเป็นสิ่งที่อันซูฮยอนต้องการให้เฉินตูเทียนหยินได้ยินและรับรู้ถึงทรัพสินย์และมรดกที่เขาจะได้รับ
เฉินตูเทียนหยินไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรเป็นพิเศษเมื่อได้ฟังอันซูฮยอนพูดมาทั้งหมด เธอเพียงแค่ตอบไปอย่างเรียบง่ายว่า “จริงเหรอ? ถ้าคุณเองเดินตามรอยบรรพบุรุษของคุณก็คงจะดีเหมือนกันนะ”
อันซูฮยอนยิ้มอย่างเย้ยหยันพร้อมมองไปที่เซี่ยเหล่ยด้วยท่าทางที่ดูถูกและยั่วยุให้เขาเจ็บใจ
เซี่ยเหล่ยแกล้งทําเป็นไม่เห็นท่าทีของอันซูฮยอนพร้อมพูดเสียงดังขึ้นว่า “หากพูด ถึงเรื่องประวัติของครอบครัวแล้ว ตระกูลเซี่ยเหล่ยของผมก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน”
“หืม?” เฉินตูเทียนหยินพูดอย่างสนใจพร้อมพูดต่อทันทีว่า “ตระกูลของคุณมีประวัติอะไรงั้นเหรอ? ฉันไม่เคยได้ยินคุณพูดถึงมันเลยก่อนหน้านี้ บอกฉันมาเร็วๆเลย ฉันอยากรู้ใจจะขาดแล้ว ! “
เซี่ยเหล่ยยิ้มพร้อมพูดขึ้นว่า “คุณรู้จักท่านแม่ทัพกัวเว่ยผู้ยิ่งใหญ่ของยุคทองสาม แผ่นดินมั้ยล่ะ ? ท่านนั่นแหละคือบรรพบุรุษของตระกูลผม”
เฉินตูเทียนหยินหัวเราะคิกคักชอบใจพร้อมพูดขึ้นว่า “แม่ทัพกัวเว่ย แน่นอนว่าฉันรู้จักแต่ฉันคิดว่าคุณกําลังพูดโม้ไปเรื่อยนะ”
ตอนนี้ใบหน้าของอันซูฮยอนที่เคยยิ้มก่อนหน้านี้ได้เปลี่ยนไปเป็นใบหน้าที่นิ่งเฉย และเฉื่อยชานี้ไม่ใช่เพราะเรื่องบรรพบุรุษของเซี่ยเหลี่ยแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะเวลานี้แค่เซี่ยเหล่ยเล่าเรื่องออกมาแค่เล็กน้อยก็สามารถทําให้เฉินตูเทียนหยินทั้งยิ้มและหัวเราะออกมาได้และเพราะเธอไม่ได้ยิ้มและหัวเราะแบบนี้ให้อันซูฮยอนเลยนี่จึงทําให้เขาเศร้าใจและหงุดหงิด
เรื่องที่แม่ทัพกัวเว่ยเป็นบรรพบุรุษของเซี่ยเหล่ยจริงๆหรือไม่ยังไม่ชัดเจนแต่สิ่งที่ชัดเจนในตอนนี้คือสิ่งที่เชี่ยเหล่ยกําลังพูดออกมาว่า “ที่ผมบอกไปเป็นเรื่องจริง หลักฐานก็คือมีดาบที่เป็นสมบัติล้ําค่าที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณจากรุ่นสู่รุ่น ส่วนคุณอัน ที่คุณบอกว่าตระกูลของคุณนั้นเก็บสะสมหมวก ชุดเกราะและดาบที่คุณว่ามานั้น ดาบของคุณมันเป็นของแท้นั้นเหรอ?
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า !” อันซูฮยอนยิ้มพร้อมหัวเราะอย่างเสียงดัง
เซี่ยเหล่ยถามไปอย่างเรียบง่ายว่า “คุณอัน คุณหัวเราะอะไรงั้นเหรอ? ”
อันซูฮยอนตอบไปว่า “ผมหัวเราะเยาะคุณผู้ที่ไม่ใช่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่หรือนักธุรกิจ รายใหญ่อย่างคุณ คิดว่าคนอย่างผมจะมีของสะสมเป็นของปลอมอย่างนั้นเหรอ? “
“ดาบโบราณที่พวกคุณได้สืบทอดกันมาเป็นของจริงหรือของปลอมนั้นไม่มีใครรู้ แต่ในความเป็นจริงมันอาจจะเป็นแค่ดาบสําหรับตัดไม้เท่านั้นก็ได้ใครจะไปรู้ล่ะ ? “เซี่ยเหล่ยพูด
“หึ!” อันซูฮยอนแสดงท่าทางรังเกียจและเหยียดหยามพร้อมพูดขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้น…ผมจะพาคุณไปสัมผัสกับดาบโบราณของจริงเพื่อที่คุณจะให้คุณฉลาดขึ้นมาบ้าง และรับรู้ความเป็นจริงซะ!”
เฉินตูเทียนหยินได้ใช้ศอกกระแทกไปที่แขนของเซี่ยเหล่ยจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “คุณกําลังเล่นอะไรของคุณเนี่ย”
เซี่ยเหล่ยไม่ได้สนใจเพราะเขาคาดเดาเอาไว้แล้วว่าอันซูฮยอนจะพาเขาไปดูอะไร
และนี่เป็นสิ่งที่เซี่ยเหล่ยต้องการ
ติดตามตอนต่อไป…