Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 324
TXV – 324 ภัยร้ายกําลังมา !
หลังจากออกมาจากสถานที่จัดเลี้ยงนั่น เซี่ยเหล่ยและเฉินตูเทียนหยินก็เข้าพักที่โรง แรมเจียงหนาน เลอหยาชวน
เซี่ยเหล่ยแตะบัตรผ่านเพื่อเปิดประตูในห้องแต่ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งรออยู่แล้ว เธอแค่ เพียงนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟามองออกไปนอกหน้าต่าง เพลิดเพลินกับการมองฝูงชนที่คึกคักจอแจ เมื่อเซี่ยเหล่ยก้าวเข้าไปในห้อง เธอก็ถอนสายตากลับมา
เมื่อได้เห็นหน้าเธอชัดๆ เซี่ยเหล่ยก็ยิ้มอย่างขมขึ้นก่อนที่จะพูดว่า “เธอน่าจะรู้นะ ว่าเธอไม่ควรมาปรากฏตัวที่นี่เลย อันซูฮยอนดูเหมือนจะส่งคนสะกดรอยตามผมมาด้วย”
ผู้หญิงคนนั้นก็คือหลงบิง…
เขาไม่รู้ว่าเธอเข้ามาในห้องของเซี่ยเหลี่ยได้ยังไง ก่อนที่เขาจะเข้ามาจองห้องหรือห ลังจากที่เซี่ยเหล่ยได้คีย์การ์ดห้องแล้ว เธอเข้ามาในห้องด้วยวิธีที่ไม่อาจรู้ได้ รูปลักษณ์ของเธอก็ดูแปลกตา แต่นี่ก็เป็นวิธีที่บ่งบอกความเป็นตัวของเธอเอง
หลงบิงพูดเบาๆ “ถ้าแค่อันซูฮยอนฉันยังรับมือไม่ได้ ฉันก็คงไม่มาที่นี่หรอก”
เซี่ยเหล่ยทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงแล้วถามขึ้น “ดาบเป็นไงบ้าง?”
“ถูกส่งกลับไปจีนอย่างปลอดภัยแล้ว” หลงบิงตอบ
เซี่ยเหล่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ดีแล้ว ดาบนั้นสําคัญที่สุดถ้ายังอยู่ในเกาหลีใต้ล่ะก็ มันคงไม่ดีแน่แต่ไม่สําคัญหรอกว่าอันกวนกับอันซูฮยอนจะโวยวายยังไง พวกเขาหาตัวผมไม่เจอก็พอ”
“ครั้งนี้คุณทําได้ดี แต่ว่า…” หลงบังเอ่ยขึ้น
“แต่อะไร?”
“คนของคุณเล่นไม่ซื่อ” หลงบิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “เป้าหมายของเราคือดาบอาทิส์ล่าเท่านั้นแต่คนของคุณขโมยวัตถุโบราณล้ําค่าออกมาด้วยสองสามอย่าง คุณก็อยู่ที่นั่นด้วยใช่ไหม ทําไมถึงไม่ห้ามเขาล่ะ?”
“เธอมาเพราะเรื่องนี้น่ะเหรอ?”
หลงวิ่งไม่ตอบ เพียงแค่มองเซี่ยเหลี่ย
“ผมอยู่ที่นั่นจริง ฉิงเสวียงก็เอาของมาจริงๆ แต่ผมไม่คิดว่ามันจะมีความหมายอะไร เขาเสี่ยงมามาก สํานักงานลับ 101 ก็ดูเหมือนจะไม่จ่ายค่าตอบแทนกับเขาแล้วตั้งแต่เขาทําภารกิจล้มเหลว คุณไม่ต้องกังวลหรอก เขาแทบจะสูญเสียตัวตนในประเทศเกาหลีใต้นี้ไปแล้วด้วยซ้ํา หรือคุณคิดว่าไม่จริง ?”
หลงทิ้งถอนหายใจ “คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อว่าอะไร ฉันจะไม่บอกใคร แล้วก็จะไม่รายงานเรื่องนี้ด้วยแต่ฉันแค่มาเตือนว่าในห้าปีนี้เขาซ่อนไม่พ้นหรอกอีกอย่างมันจะสร้างปัญหาให้กับคุณด้วยถ้าเขาทําให้มันตกเป็นเป้าของพวกแองโกล่าเพราะขายของโบราณพวกนั้น จุดจบของเขาต้องเลวร้ายมากแน่”
เซี่ยเหล่ยเข้าใจว่าเธอกําลังสื่อถึงอะไรซึ่งถ้ามันเกิดขึ้นละก็จุดจบของฉิงเสวียงต้อง เป็นอะไรที่เลวร้ายมากเพราะเขาต้องเผชิญหน้ากับพรรคพวกของอันกวน เมื่อคิดถึงวิธีที่สํานักงานลับ 101 จะจัดการยังไงแล้ว มันก็เป็นการยากที่จะคาดเดาจุดจบได้เลย
“ผมจะเตือนเขาเอง” เซี่ยเหล่ยพูด “เขาไปอยู่ที่ไหนแล้วล่ะ?”
หลงบิงตอบ ”เขาทิ้งดาบอาทิสล่าไว้แล้วก็จากไป ฉันเดาว่าเขาต้องมีเส้นทางลับหนีออกจาเกาหลีใต้แน่ ฉันเคยดักฟังวิทยุสื่อสารของตํารวจแล้วก็รู้ว่าอันกวนสูญเสียวัตถุโบราณไปหลายชิ้นเพราะงั้นฉันก็เลยมาหาคุณเพื่อจะบอกเรื่องนี้ ฉันไม่อยากให้เขาเป็นตัวอันตรายที่ต้องคอยหลบซ่อนตัว เขาจะกลายเป็นอาชญากร คุณเข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม?”
เซี่ยเหล่ยยิ้มรับพร้อมกับพยักหน้า
ในตอนนั้นเขารู้สึกว่าฉิงเสวียงควรจะได้รับสิ่งดีๆบ้าง เขาไม่คิดว่าเหตุการณ์นี้จะนํา พาอันตรายที่ซ่อนเร้นมาด้วยยังไงก็ตามเขามั่นใจว่าจะสามารถโน้มน้าวฉิงเสวียงให้ไม่ขายวัตถุโบราณเหล่านั้นได้
“บ่ายมะรืนนี้ ไม่ว่าคุณจะไปหาเฉินตูเทียนหยินหรือจะไม่ไป คุณก็ต้องปลีกตัวออก มา จะมีคนมารับคุณที่สนามบินอินชอน” หลงบิงพูด
เซี่ยเหล่ยตอบ “เฉินตูเทียนหยินบอกว่าพิธีวางศิลาฤกษ์พรุ่งนี้ผมจะออกมาเมื่อไหร่ก็ได้แต่ถ้าเธอไม่ออกมาด้วย ผมก็จะมาที่สนามบินอินชอนเลย”
“ระวังตัวด้วย” หลังจากพูดจบหลงบึงก็จากไป
หลังจากหลงบิงออกไปแล้ว เซี่ยเหล่ยก็ใช้ความคิดอยู่กับตัวเองภาพตอนที่ขโมย ดาบอาทิส์ล่าออกมาถูกฉายซ้ําอีกครั้งโดยเฉพาะตอนที่เขาถือดาบนั่นเอาไว้ในมือ
‘ซากอารยธรรมของราชวงศ์ฮั่นสร้างขึ้นท่ามกลางความมั่งคั่งของเซียงนู เข็มทิศของราชวงศ์หมิงก็ชี้ไปที่วัตถุโบราณพวกนี้ มันเกิดอะไรขึ้นระหว่างของสองสิ่งที่มีระยะห่า งทางเวลาป็นพันๆปีนี่กัน อีกอย่างน้ําหนักของดาบอาทิสล่าก็ดูผิดปกติมาก มันไม่ใช่ดาบโบราณทั่วไปแน่ๆ โชคร้ายที่เขาไม่มีเวลาตรวจสอบว่ามันมีสาเหตุมาจากอะไร บางทีเขาน่าจะหาสาเหตุให้ได้ก่อนที่จะส่งให้ถ่างยั่วฉ่วน’ เซี่ยเหลี่ยคิดในใจเงียบๆ
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ฟู่หมิงเหม่ยยืนอยู่อีกฝากของประตู เธอดูร้อนรนเล็กน้อยและเคาะประตูอีกสองครั้ง
เซี่ยเหล่ยลุกขึ้น เดินออกมาที่ด้านหน้าประตูพร้อมตะโกนถาม “นั่นใคร?”
“ฉันเอง” เสียงของฟูหมิงเหม่ยตอบกลับมา
เซี่ยเหลี่ยเปิดประตูออก “มีอะไรเหรอ?”
“เทียนหยินเชิญคุณไปดื่มกาแฟด้วยกัน เขาอยากจะคุยกับคุณ” ฟู่หมิงเหม่ยพูด
เซี่ยเหล่ยมองนาฬิกาที่อยู่บนข้อมือ นี่มันเป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้วแต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ “งั้นเหรอ ที่ไหนล่ะ?”
“ที่คาเฟ่ของโรงแรม” ฟู่หมิงเหม่ยตอบ ”มากับฉัน”
เซี่ยเหล่ยออกจากห้องและเดินตามฟูหมิงเหม่ยไปยังคาเฟของโรงแรม
“ฉันได้ยินว่าคุณไปมีเรื่องกับอันซูฮยอนแล้วคุณก็ยังชนะเขาด้วยเหรอ?” ฟู่หมิงเหม่ย ถามขึ้นในลิฟท์
“แค่เล่นกับเขาซักหน่อยน่ะ”
“ดีจริง” ฟูหมิงเหม่ยพูดขําๆ ” คุณไปปั่นหัวเขาได้ยังไงน่ะ? เขาเป็นศัตรูของคุณไม่ใช่เหรอ แถมคุณยังชนะอีก คุณต้องได้คะแนนพิเศษจากเทียนหยินแน่ๆ”
มันคือคะแนนพิษวาส เซี่ยเหลียไม่อยากจะคิดคํานั้นจริงๆ แต่เขาก็ไม่ได้แสดงท่าที่
อะไรออกไป
เมื่อเข้ามายังร้านกาแฟ เซี่ยเหล่ยก็พบว่าโต๊ะริมหน้าต่างยาวจรดพื้นนั้นมีโซฟายาววางอยู่ผู้ที่รออยู่นั้นนั่งมองออกไปยังถนนด้านนอกหน้าต่างอยู่เงียบๆ
ที่เขตกังนัมนี้เป็นสถานที่ที่วุ่นวายที่สุดในโซลเป็นเมืองที่มีแต่ความหรูหราแต่ก็วุ่นวายพอกัน
เซี่ยเหล่ยนั่งลงที่ตรงข้ามของเฉินตูเทียนหยินจากนั้นบริกรก็เดินเข้ามารับออร์เดอร์ เขาเพียงแต่สั่งกาแฟดําไปเท่านั้น……….
“ฉันนอนไม่หลับ ก็เลยอยากจะคุยกับคุณ” เฉินตูเทียนหยินพูดขึ้นมาทําลายความ เงียบ เธอเห็นว่าในดวงตาของเซี่ยเหลี่ยดูมีอะไรแปลกๆ
เชียเหล่ยยิ้ม “ผมก็นอนไม่หลับ แล้วคุณเรียกผมมาคุยเรื่องอะไรล่ะ?”
“ต้องมีหัวข้อที่จะคุยด้วยเหรอ?” เสียงของเฉินตูเทียนหยินมีแววไม่พอใจเล็กน้อย
เซี่ยเหล่ยหน้าเสียเล็กน้อย “ที่จริงแล้ว ผมก็มีหลายเรื่องที่อยากคุยกับคุณ แต่…”
“แต่อะไร?”
“ไม่มีอะไร” จริงๆแล้วเซี่ยเหลี่ยไม่รู้ว่าเขาควรจะพูดอะไรดี
เฉินตูเทียนหยินถอนหายใจ เธอเลื่อนสายตากลับไปยังบานหน้าต่างเหมือนใจของ เธอจมอยู่กับถนนด้านนอก ” ฉันคิดถึงเวลาที่เราเคยมีให้กันแชร์เรื่องราวของกันและกัน คุณแทบจะมอบชีวิตเพื่อปกป้องฉันไม่กลัวว่าหลางซื่อเหยาแฟนเก่าของคุณจะเข้าใจผิดถึงความสัมพันธ์ของเราด้วยซ้ํา” เสียงของเธอดูโศกเศร้า ” แต่ตอนนี้ พวกเราดูเหมือนมีกําแพงหนากั้นระหว่างกัน และกัน ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น คุณจะบอกฉันได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา?”
แต่เซี่ยเหล่ยกลับไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น เขาพูดขึ้นหลังจากเงียบมาพักหนึ่ง “คนเรามันก็ เปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อม บางทีตอนนี้เราอาจจะแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว”
ดวงตาเฉินตูเทียนหยินหันกลับมายังร่างของเซี่ยเหล่ย “ถ้างั้นก็หมายความว่าตอนนี้คุณเปลี่ยนไปแล้ว หรือเป็นฉันเองที่เปลี่ยนไป?”
เป็นเขาเองที่เปลี่ยนไปแล้ว หรือเป็นเธอเองที่เปลี่ยนไปงั้นเหรอ?
เป็นคําถามที่เรียบง่ายมากแต่เซี่ยเหล่ยกลับตอบมันไม่ได้
เฉินตูเทียนหยินเป็นผู้หญิงที่หยิ่งยโสแต่ก็มีเสน่ห์ เธอเป็นผู้หญิงเก่งแต่ถึงอย่างนั้น เธอก็เปิดใจให้เซี่ยเหล่ยแล้วถ้าเขาพยายามมากอีกนิด เขาก็จะได้ทุกอย่างของเธอมาแล้วแท้ๆ แต่ เซี่ยเหล่ยกลับเลือกหลางซื่อเหยา
หลังจากนั้นหลางซื่อเหยากลับหักอกเขาและเขาก็ไม่อยากจะเปิดใจรับใครอีกแล้ว นอกจากนั้นอาชีพที่ทําอยู่ก็กําลังอยู่ในช่วงวิกฤติเพราะเหตุนั้นเขาจึงพลาดโอกาศที่จะได้ครอบครองหัวใจของเฉินตูเทียนหยินไป
หรืออีกทางหนึ่ง เฉินตูเทียนหยินก็ปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน เพราะคนที่เธอรักกลับทรยศเธอ เธอจึงเลือกที่จะไม่เชื่อใครอีกต่อไปและหัวใจของเธอก็เริ่มปิดกั้นคนอื่นอย่างช้าๆ เธอแน่ใจ ว่าเธอชอบเซี่ยเหลี่ยแต่เซี่ยเหล่ยกลับไม่เห็นค่าของเธอนั่นหมายความว่าเซี่ยเหลี่ยจะเป็นผู้ชายคนเดียวที่เอาชนะใจเธอได้ในตอนนี้
อันที่จริงคําตอบของคําถามมันปรากฏขึ้นแล้ว มันเป็นเพราะเขาและเธอเปลี่ยนไป เพราะสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นรอบตัวและสภาพแวดล้อมต่างๆเลยทําให้เรื่องมันกลายเป็นแบบนี้
“ลืมมันไปซะเถอะ เรามาพูดถึงเรื่องงานกันดีกว่า” เฉินตูเทียนหยินเปลี่ยนหัวข้อ “ฉันได้ยินว่าคุณสร้างธุรกิจทางการทหารในเมืองชิงตู นั่นมันสุดยอดมากเลยนี่ ไม่เคยมีใครทําสําเร็จมาก่อนแต่คุณสามารถทําได้”
เซี่ยเหลี่ยตอบด้วยรอยยิ้ม “มันเป็นการดีที่จะสร้างเงินจากงานการป้องกันประเทศ ธุรกิจแบบนี้มันเป็นอะไรที่คุ้มค่ามาก ประเทศของเราก็ควรจะเบิดอะไรแบบนี้ให้ภาคเอกชนเข้าไปลงทุนบ้าง”
“คุณได้เริ่มต้นและเป็นต้นแบบให้แล้วนี่ ทําได้ดีเลยนะ”
“อย่ามาชมผมเลย ธุรกิจเล็กๆของผมไม่ควรจะมีค่าอยู่ในสายตาคุณเลยด้วยซ้ํา” เซียเหล่ยตอบ “ผมยังยืนยันว่าผมยังอยากคุยกับคุณอยู่อยากจะคุยกันแบบนี้มานานแล้ว”
เฉินตูเทียนหยินขมวดคิ้ว “คุณอยากจะอธิบายเรื่องกู้เค่อเหวินกับฉันมั้ย?”
เซี่ยเหล่ยอับจนหนทางได้แต่ยิ้มรับ “เทียนหยิน ผมรู้ว่ามันยากที่คุณจะยอมรับการ ตัดสินใจของผม แต่ผมอยากเตือนคุณว่าเค่อเหวินไม่ใช่ผู้หญิงทั่วไป ผมมีปัญหากับเธอมานานแล้วความรู้สึกของผมต่อเธอมันคลุมเครือไม่ชัดเจน คุณจะใช้เธอเพื่อยึดครองสมบัติของตระกูลกู้ใช่มั้ยล่ะ?”
“ฉันลงทุนไปเยอะแล้ว ความดื้อด้านของเธอมีประโยชน์ด้วยงั้นเหรอ?”
” เทียนหยิน ทรัพย์สมบัติเหล่านั้นจริงๆแล้วมันตกเป็นของรัฐโดยชอบธรรมที่จริง แล้วดึงชานฉ้อโกงเพื่อให้ได้มาคุณ…”
เฉินตูเทียนหยินขัดจังหวะคําพูดของเซี่ยเหล่ย “ฉันซื้อมันมาอย่างถูกกฎหมายไม่ต้อ งกังวล ตอนนี้เป็นโอกาสของคุณแล้วที่จะขยายการเติบโตกิจการของคุณ ทําไมคุณถึงไม่คว้าเอาไว้ล่ะ คุณเป็นผู้ชายนะ มีความทะเยอทะยานอย่างผู้ชายหน่อยสิ”
เซี่ยเหล่ยถอนหายใจเงียบๆ เธอเป็นผู้หญิงที่กล้าได้กล้าเสียจริงๆ และเธอก็ไม่ฟัง เสียงคัดค้านเลยด้วยซ้ํา เขาขัดคําเธอไม่ได้เลย เขาพยายามโน้มน้าวเธออย่างเต็มที่ แต่มันก็ไม่เป็นผลแล้วมันจะมีคําแนะนําไหนที่จะใช้กับคนอย่างเธอได้อีกล่ะ?
บรรยากาศระหว่างพวกเขาสองคนเริ่มอึดอัดขึ้นมา ทันใดนั้นประตูของคาเฟก็ถูกเปิดออกด้วยกลุ่มคนจํานวนหนึ่ง ตํารวจในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบ คนที่เดินนําอยู่ข้างหน้านั้นจะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากอันซูฮยอน
เมื่อเห็นร่างของอันซูฮยอนที่นี่กับตํารวจกลุ่มใหญ่ เซี่ยเหล่ยก็ตกอกตกใจ
“เขามาที่นี่ได้ยังไง?” เฉินตูเทียนหยินขมวดคิ้ว
ในตอนนั้น อันซูฮยอนมองเห็นเฉินตูเทียนหยินและเซี่ยเหล่ยที่ข้างกระจกบานยาว ในคาเฟ่แล้วก็รีบเดินสาวเท้าเดินเข้าไป ตํารวจและบอดี้การ์ดกลุ่มใหญ่ที่มากับเขาด้วยพากันกระจายตัวออกไปโอบล้อมเซี่ยเหลียและเฉินตูเทียนหยินเอาไว้
พวกเขาไม่ได้มาดีแน่!
ติดตามตอนต่อไป..