Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 339 เมืองรุ่งอรุณสู่แสงสว่าง !
TXV –
ขณะที่กำลังนอนอยู่บนเตียง เซี่ยเหล่ยก็แกล้งปิดตาและทำเสียงกรนสิ่งที่เขาทำเพื่อแสร้งให้ดูเหมือนว่าตัวเองได้หลับไปแล้วแต่จริงๆแล้วไม่ใช่แต่อย่างไรการกระทำของเขาในตอนนี้ก็สมจริงอย่างมาก
แต่แคนลามี่ไม่ได้สนใจว่าเซี่ยเหล่ยจะอยู่ในสภาวะไหน เมื่อเธอเดินมาจนถึงตัวเขาแล้วก็ล้มลงไปทับตัวเขาพร้อมเอามือลูบไล้ไปทั่วร่างกาย ในเวลาแค่ไม่ถึงหนึ่งนาทีเซี่ยเหล่ยก็ทนไม่ได้จึงได้จับมือเธอออกไปพร้อมกับพูดขึ้นว่า “คุณเมาแล้ว ไปนอนดีกว่า”
แคนลามี่ยิ้มก่อนพูดว่า “ท่าทางของฉันดูเหมือนคนเมาอย่างนั้นเหรอ?”
”นี่คุณคิดว่าตัวเองไม่ได้เมางั้นเหรอ?” เซี่ยเหล่ยพูด
”ฮ่าฮ่า…ที่จริงแล้วฉันก็ไม่ได้อยากดื่มเหล้าซักเท่าไหร่ ฉันอยากดูดดื่มคุณมากกว่า” แคนลามี่พูด
เซี่ยเหล่ย “…… ”
จังหวะนี้แคนลามี่ก็ยื่นมือออกไปจับคางของเซี่ยเหล่ยพร้อมมองไปในดวงตาของเขาอย่างอ่อนโยนและพูดออกมาว่า “ไม่มีใครสามารถหยุดและแยกเราไม่ให้อยู่ด้วยกันได้แล้ว คุณเป็นของฉันจะไม่มีใครจะพรากคุณไปจากฉันได้”
”หัวของผมก็ค่อนข้างที่จะมึนมากแล้วด้วย อาจเป็นเพราะผมเองก็ดื่มไปมาก ตอนนี้ผมอยากที่จะนอนพักผ่อน” เซี่ยเหล่ยแกล้งทำเป็นมึนเมาและเริ่มปิดตาลงจนในที่สุดก็แกล้งหลับอีกครั้ง
แคนลามี่ไม่ยอมแพ้ เธอพยายามเขย่าตัวของเซี่ยเหล่ยอยู่สองสามครั้งแต่เซี่ยเหล่ยก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง เขาหวังให้เธอยอมแพ้และกลับไปนอนแต่มันไม่ได้ผล แคนลามี่ในตอนนี้ได้กระโดดขึ้นไปคล่อมอยู่บนตัวของเซี่ยเหล่ย ท่าทางของเธอเหมือนกับการกระโดดขึ้นม้าไม่มีผิด เซี่ยเหล่ยสะดุ้งตื่นทันที เขาพยายามจะขัดขืนและสะบัดเธอออกไปแต่ด้วยความกลัวว่าจะทำเธอบาดเจ็บจึงไม่ได้ทำอะไรรุนแรงเกินไป สุดท้ายเธอจึงยังอยู่บนตัวของเขา…..
แม้ว่าหน้าตาของเธอจะยังเด็กและดูไร้เดียงสาแต่ร่างกายและเรี่ยวแรงของเธอกลับแข็งแรงอย่างไม่น่าเชื่อเพราะถึงแม้เซี่ยเหล่ยจะไม่ได้ลงมือขั้นรุนแรง แต่เขาก็ออกแรงไปไม่น้อย แคนลามี่ก็ยังไม่หลุดออกไปซึ่งถ้าเขาออกแรงมากกว่านี้อาจจะทำให้เธอได้รับบาดเจ็บได้
สุดท้ายเซี่ยเหล่ยก็ปล่อยเลยตามเลย…..
ภายในห้องมีเสียงดังแปลกๆเป็นจังหวะพร้อมด้วยเสียงร้องที่ฟังดูคลายเสียงสวดมนต์ที่บางครั้งก็เป็นโทนเสียงต่ำ บางครั้งก็เป็นโทนเสียงสูง บางครั้งก็มีเสียงออกมาพร้อมกัน
ภายนอกห้องก็มีผู้หญิงมากมายกำลังพยายามหาช่องหรือรูของประตูหน้าต่างเพื่อพยายามจะมองเข้าไปดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายในห้องฉากนี้ให้ความรู้สึกเหมือนพวกเธอเป็นแฟนเพลงที่พยายามเกาะขอบเวทีคอนเสิร์ตยังไงยังงั้น
”ผู้ชายคนนี้ดุดันจริงๆ เทียบกับผู้ชายที่บ้านของฉันแล้ว…เห้อ…เหมือนกับหมาที่ตายด้าน” ผู้หญิงคนหนึ่งพูด
”รู้สึกว่าพรุ่งนี้แคนลามี่ต้องเดินทางไม่ใช่เหรอ?” ผู้หญิงคนนหนึ่งพูด
”เรียกแคนลามี่เฉยๆงั้นเหรอ? ตอนนี้ต้องเรียกเธอว่าหัวหน้าแล้ว!” ผู้หญิงคนแรกพูด
”แม่…พี่แคนลามี่กำลังร้องมีใครกำลังทำร้ายเธออย่างนั้นเหรอ?” เด็กผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างไรเดียงสา
”ไม่ เธอเข้าใจผิดแล้ว แคนลามี่ไม่ได้ร้องเพราะมีคนทำร้ายเธอหรอกนะ” ผู้หญิงคนหนึ่งพูด
”ไม่…เธอต้องกำลังร้องไห้อยู่แน่ๆ ให้ฉันดูเดี๋ยวนี้!” เด็กผู้หญิงพูด
”ไม่…เด็กน้อย ตอนนี้มันยังเร็วเกินไป รอให้เธอโตกว่านี้แม่ของเธอก็จะหาผู้ชายมาให้ เมื่อถึงตอนนั้นเธอก็จะเข้าใจเองว่า แคนลามี่ในตอนนี้ไม่ได้ร้องเพราะมีคนทำร้ายแต่กำลังร้องเพราะกำลังมีความสุขอยู่… ”
”จริงเหรอ? แต่ยังไงฉันก็ต้องขอดูให้เห็นด้วยตาของตัวเองก่อน” เด็กผู้หญิงยังคงดื้อรั้น
”ไปให้พ้น!” ผู้หญิงคนหนึ่งพูดไล่เธอ
ปังปังปัง! จู่ๆก็มีเสียงปืนดังขึ้น.Aileen-novel.
ดูเหมือนจะมีใครบางคนยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อเฉลิมฉลองให้กับเธอ
ในคืนนี้ ดูเหมือนจะมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างจากเด็กผู้หญิงก็กลายเป็นผู้หญิงอย่างเต็มตัว จากที่เป็นผู้ชายอยู่ดีๆก็ถูกเปลี่ยนสถานะให้เป็นหมาที่ตายด้าน….
ค่ำคืนที่มืดมิดได้ผ่านพ้นไป มันถูกขับไล่ด้วยแสงแห่งรุ่งอรุณที่ส่องประกายราวกับอยู่บนสรวงสวรรค์ บนภูเขาโดยรอบมีหมอกจาง แม่น้ำก็ยังคงไหลตลอดเวลาไม่เคยหยุดพัก มันพัดผ่านไปชนกับโขดหินเสียงดังซู่ซ่าฉากที่เกิดขึ้นในตอนนี้สวยงามอย่างมาก มันเหนือจินตนาการจริงๆ
เช้านี้ดูเหมือนว่าแคนลามี่จะตื่นขึ้นมาก่อน เธอลุกขึ้นไปทำอาหาร เซี่ยเหล่ยลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือในขณะที่มองไปที่เธอแต่อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมาสิ่งที่เขาสังเกตได้จากตัวของเธอคือสะโพกที่ดูโดดเด่น เขาก็รู้สึกผิดทันที ความรู้สึกของเขาคือไม่อยากจะโกหกและหลอกลวงเธอเลย
เช้านี้ท่าทางการเดินของแคนลามี่ดูแปลกไป
เซี่ยเหล่ยลุกขึ้นจากเตียงและพูดขึ้นว่า “ผมจะไปเตรียมอาหารเอง คุณไปนอนพักผ่อนเถอะ”
แคนลามี่มองไปที่เซี่ยเหล่ยแล้วก็ยิ้มก่อนพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไรมันใกล้จะเสร็จแล้ว” เมื่อพูดจบเธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงพูดต่ออีกว่า “อย่างไรก็ตามหากคนอื่นถามถึงเรื่องอาหาร ก็บอกไปว่าคุณเป็นคนทำมันเอง เข้าใจนะ”
เซี่ยเหล่ยยิ้มอย่างขมขื่นพร้อมกับพยักหน้าในชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์ ผู้หญิงจะมีสถานะที่สูงส่งกว่าผู้ชายหากรู้ว่าเธอต้องมาทำอาหารให้ผู้ชายกินแล้วละก็ มันจะเป็นอันตรายต่อสถานะของเธอ
แคนลามี่ก็ยังคงทำอาหารต่อไป ส่วนเซี่ยเหล่ยก็ลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปใส่เสื้อผ้าหลังจากนั้นเขาก็เดินไปที่โต๊ะแล้วเปิดลิ้นชักเพื่อหยิบหนังสือโบราณขึ้นมาดู เขาเปิดมันไปเรื่อยๆ ทุกๆหน้าในส่วนที่ยังไม่ได้เปิดเมื่อคืนที่ผ่านมาอย่างไรก็ตามทุกหน้าที่เขาเปิดก็จะมีภาษาฮั่นโบราณเขียนเอาไว้ ด้วยความสามารถของเขาในตอนนี้ไม่สามารถที่จะอ่านและเข้าใจความหมายที่เขียนไว้ในหนังสือเล่มนี้ได้เลย
”เสร็จแล้ว มากินอาหารกัน” แคนลามี่พูดในขณะที่เธอกำลังถือด้วยเซรามิกสีดำและกำลังจะเดินไปที่โต๊ะ เมื่อวางเสร็จเธอก็หันไปดูทีเซี่ยเหล่ยและเห็นว่าในมือของเขากำลังถือหนังสือโบราณอยู่ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นจึงถามออกไปว่า “นั่นคืออะไร?”
ครั้งนี้เขาไม่ได้ซ่อนหนังสือเหมือนเมื่อคืน เขาก็เดินไปหาแคนลามี่พร้อมพูดขึ้นว่า “ผมเจอหนังสือเล่มนี้อยู่ภายในลิ้นชัก ดูเหมือนว่ามันจะเป็นของทีน่า ภายในมีข้อความมากมาย แต่มันเป็นภาษาฮั่นโบราณผมไม่เข้าใจความหมายของมันเลย คุณพอจะรู้บ้างหรือไม่?”
”ฉันก็พอจะเข้าใจภาษาฮั่นโบราณอยู่บ้าง ขอฉันดูหน่อย” แคนลามี่พูดพร้อมพูดต่ออีกว่า “ส่วนคุณรีบไปกินอาหารเช้าก่อนดีกว่า ก่อนที่มันจะเย็น”
เซี่ยเหล่ยเดินไปดูในหม้อเซรามิกสีดำพบว่าสิ่งที่เธอเตรียมไว้ให้ก็คือมันหวานต้มสุก นี่เป็นอาหารเช้าสำหรับคนในชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์ ในตอนนี้เซี่ยเหล่ยรู้สึกอึดอัดในใจอย่างบอกไม่ถูกเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ แม้ว่ารสชาติที่แท้จริงของมันจะหวานซักเพียงใด แต่หากกินเข้าไปในตอนนี้ก็คงจะไม่รู้สึกถึงรสชาติของมันอยู่ดี
แคนลามี่ที่เห็นว่าเซี่ยเหล่ยยังไม่ได้กินอาหารที่เธอเตรียมให้ เธอจึงพูดขึ้นว่า “ถ้าคุณต้องการที่จะกินเนื้อสัตว์ละก็ มื้อเที่ยงฉันจะเตรียมเนื้อแกะไว้ให้ ”
”ไม่ไม่ไม่… ไม่เป็นไร… ของพวกนี้ล้วนมีประโยชน์ต่อสุขภาพ” เขาหยิบมันหวานขึ้นมาและพยายามจะปอกเปลือก ในใจก็คิดว่าแม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นอาหารที่ดีอะไรมากมาย แต่มันก็ดีกว่าถ้าหากต้องไปกินอะไรที่แปลกประหลาด และเขาก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่ออาหารที่เธอตั้งใจทำไว้ไห้ได้
แคนลามี่อ่านหนังสือโบราณคร่าวๆอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนหันไปหาเซี่ยเหล่ยแล้วพูดขึ้นว่า “นี่คือหนังสือของชนเผ่าของเรา ฉันเคยได้ยินยายของฉันเล่าให้ฟังว่า ประวัติศาสตร์ของชนเผ่าฮั่นจะได้รับการจดบันทึกเอาไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ประวัติศาสตร์ของเรายาวนานมาก แม้ว่าสถานการณ์ในบางช่วงจะดูไม่ราบรื่นซักเท่าไหร่ แต่มันก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่สวยงามสำหรับพวกเรา ”
”นอกเหนือจากประวัติศาสตร์แล้ว มีอะไรอย่างอื่นอีกมั้ย?” เซี่ยเหล่ยถาม
แคนลามี่หันกลับไปมองภาพวาดเมืองโบราณที่ถูกวาดขึ้นด้วยมือจากนั้นเธอก็พูดขึ้นว่า “มันยังบันทึกเมืองของบรรพบุรุษของเราเอาไว้ ดูนี่สิ พวกเราเคยเห็นมันมาแล้วนี่ มันมีชื่อว่า ‘เมืองรุ่งอรุณสู่แสงสว่าง’ ตำนานเล่าว่ามันมีสมบัติมากมายถูกซ่อนเอาไว้แต่พวกเราก็เคยไปค้นหากันบางพื้นที่แล้วแต่ก็ยังไม่พบอะไร”
“ซากปรักหักพังนี้มีชื่อเรียกว่า เมืองรุ่งอรุณสู่แสงสว่างมันเป็นชื่อที่แปลกจริงๆ” เซี่ยเหล่ยพึมพำเบาๆ
“คุณพูดว่าไงนะ?” แคนลามี่ถามเพราะได้ยินไม่ชัด
เซี่ยเหล่ยตอบกลับไปว่า “ไม่มีอะไร อ่านต่อเถอะ”
แคนลามี่ยังคงอ่านหนังสืออยู่ พร้อมกับพูดไปด้วยว่า “เรื่องราวในอตีด บางครั้งก็มีการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ คุณดูนี่สิ” หลังจากนั้นเธอก็ยื่นหนังสือออกไปให้เซี่ยเหล่ยดูพร้อมกับชี้ไปที่จุดๆหนึ่งแล้วพูดขึ้นต่อว่า” นี่คือเจ้าหญิงหยงเหม่ยในตำนานซูเสวียเหยี่ยดูเหมือนชื่อของเธอจะคล้ายๆชื่อของคุณนะ ฉันไม่แน่ใจว่าเธอเป็นคนจีนหรือคนฮั่นกันแน่? ฮ่าฮ่า… ตอนฉันยังเด็ก ยายของฉันชอบเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเธอให้ฟังบ่อยๆ ยายฉันชอบเธอมาก ”
“นามสกุลซู นี่ไม่ใช่นามสกุลของจักรพรรดิแห่งราชวงศ์หมิงอย่างนั้นหรอกเหรอ? นอกจากนี้เธอยังเป็นเจ้าหญิงอีกต่างหาก” จู่ๆในตอนนี้เซี่ยเหล่ยก็คิดไปถึงเข็มทิศสมองของเราเริ่มทำงานอย่างเงียบๆ มันพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวที่สำคัญต่างๆเข้าด้วยกัน สมองของเขาพยายามวาดเป็นแผนภาพเพื่อเชื่อมโยงลำดับและความสำคัญในเหตุการณ์และข้อมูลต่างๆ แต่ในตอนนี้ภาพเหล่านั้นยังคงคลุมเคลือ มันจำเป็นจะต้องมีข้อมูลมากขึ้นกว่านี้เพื่อปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด
”นี่…คุณกำลังคิดอะไรอยู่?” แคนลามี่เห็นปฏิกิริยาที่ดูคล้ายเหม่อลอยของเซี่ยเหล่ยจึงได้ถามออกไป
”ไม่มีอะไร” เซี่ยเหล่ยตอบเธอไปและพูดต่ออีกว่า “หนังสือโบราณเล่มนี้ยังบอกอะไรอีกบ้าง? เกี่ยวกับเจ้าหญิงหยงเหม่ยหรือยายของคุณได้เล่าอะไรเกี่ยวกับเธออีกหรือไม่? บอกผมหน่อย ผมต้องการรู้มากกว่านี้ ”
”ท้องของฉันเริ่มร้องแล้ว” แคนลามี่ไม่ได้ตอบคำถามเซี่ยเหล่ย เธอขมวดคิ้วพร้อมจับไปที่ท้องตัวเองแล้วทำท่าทางเหมือนคนกำลังหิว
เซี่ยเหล่ยไม่ได้คาดคั้นเธอต่อ เขาหยิบมันหวานขึ้นมาหนึ่งลูกแล้วก็ปอกเปลือกออกจากนั้นก็ส่งมันให้กับเธออย่างอ่อนโยนแม้ว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญที่ได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากปากของเธอและหนังสือโบราณเล่มนี้ แต่ก็ถือว่าโชคดีอย่างมากเพราะข้อมูลพวกนี้ค่อนข้างจะสำคัญและเป็นประโยชน์ไม่น้อยเลย ในตอนนี้แม้ว่าจะต้องรอเธออาบน้ำ เขาก็พร้อมที่จะรอเธอ
แคนลามี่ยิ้มตลอดเวลาในขณะที่กินมันหวานที่เซี่ยเหล่ยปอกให้
”ว่าแต่ บอกผมมาอีกได้มั้ย? คุณรู้อะไรอีกบ้าง” เซี่ยเหล่ยพูดกระตุ้น
”ที่จริงแล้ว …… ” แคนลามี่พูด แต่ในปากของเธอยังเคี้ยวไม่เสร็จในขณะที่พูด ทำให้เธอสำลักก่อนจะทันได้พูดจบ
เซี่ยเหล่ยเห็นอาการของเธอก็รีบใช้มือกระแทกเข้าไปที่หน้าอกเธอหนึ่งครั้ง และมันก็มันช่วยได้ เธอรู้สึกดีขึ้นพร้อมกับแสดงท่าทางที่เหมือนจะหัวเราะและร้องไห้ในเวลาเดียวกัน
เมื่อเธอรู้สึกดีขึ้นจึงพูดขึ้นต่อว่า “ในหนังสือบอกอีกว่าเมืองรุ่งอรุณสู่แสงสว่าง ถูกสร้างขึ้นโดยเจ้าหญิงหยงเหม่ย มันใช้เวลาถึงสิบปีกว่าจะสร้างเสร็จสมบูรณ์ เธอใช้ชีวิตอยู่ในเมืองนี้หลายปี หนังสือได้บอกเรื่องราวในช่วงที่เธอยังมีชีวิตอยู่อีกหลายอย่างแต่เมื่อเธอตาย มันกลับไม่มีบันทึกเอาไว้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลยแม้แต่สถานที่ฝังศพของเธอ”
”แล้วเจ้าหญิงหยงเหม่ยมาที่นี่เพื่อสร้างเมืองได้อย่างไรกัน?” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมกับความรูสึกแปลกใจ
แคนลามี่ส่ายหัวพร้อมกับพูดขึ้นอีกว่า “ก่อนหน้านี้ฉันเคยถามยายของฉันในเรื่องนี้ ได้คำตอบมาว่าเธอตกหลุมรักเจ้าชายฮั่นของเราในสมัยนั้นแต่ไม่รู้ว่าทำไมสุดท้ายแล้วพวกเขาไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นมันก็เป็นความรักที่สวยงามสำหรับพวกเขา”
แต่เซี่ยเหล่ยไม่คิดอย่างนั้น เขาคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ที่ได้รับการจดบันทึกไม่จำเป็นจะต้องบันทึกความจริงทั้งหมด มันขึ้นอยู่กับผู้บันทึกว่าอยากให้ผลลัพธ์ออกมาในทิศทางไหน มันก็เหมือนกับตำนานพื้นบ้านในหลายๆชนเผ่า มันไม่จำเป็นจะต้องแต่งเรื่องขึ้นมาเพื่อให้กลายเป็นตำนาน เพราะบางครั้งมันก็คือเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว
”แคนลามี่ ผมมีเรื่องอยากจะขอ คุณช่วยแปลหนังสือเล่มนี้เป็นภาษาพาสโตจะได้หรือไม่? ผมอยากอ่านมันจริงๆ” เซี่ยเหล่ยพูดขึ้น เขารู้สึกไม่ค่อยพอใจที่ได้ข้อมูลที่กว้างจนเกินไป
”ฉันเกลียดการอ่านหนังสือเป็นที่สุดแต่ฉันสามารถหาคนที่จะมาแปลมันให้กับคุณได้ นอกจากนี้เขายังเป็นคนในชนเผ่าเราอีกด้วย” แคนลามี่พูด
”ได้เลย ขอบคุณนะ งั้นผมจะปอกมันหวานให้กับคุณอีกลูกนะ” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมหยิบมันหวานขึ้นมาปอกเพิ่ม
แคนลามี่เปิดตากว้างพร้อมพูดออกไปอย่างอ่อนโยนว่า “ตอนนี้ฉันไม่ได้ต้องการมันหวานหรอกนะ ฉันต้องการคุณ”
ทันทีที่ได้ยิน เซี่ยเหล่ยก็ทำมันหวานตกไปอยู่ที่เป้ากางเกงพอดี ……
เซี่ยเหล่ยรีบเก็บมันขึ้นมาและปอกมันต่อทันทีพร้อมทำท่าเหมือนว่าไม่ได้ยินที่เธอพูด
ติดตามตอนต่อไป…………..