Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 345 เสียงปริศนา ?
TXV –
TXV– 345 เสียงปริศนา ?
”คุณนี่ฉลาดจริงๆ” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมเลื่อนดวงตาของตัวเองไปมองใบหน้าของเธอแม้ว่าจะมีผ้าโพกหัวสีดำผูกไว้แถมมีอุปกรณ์สำหรับการมองเห็นในที่มืดด้วยก็ไม่ทำให้สามารถปกปิดใบหน้าไว้ได้จากการมองของเขา หลังจากเห็นใบหน้าของเธออย่างชัดเจน เขาก็ยิ้มออกมาพร้อมกับพูดออกไปว่า “คุณคิดว่าจะการที่ปกปิดใบหน้ารวมถึงร่างกายของตัวเองแล้วผมจะไม่รู้อย่างนั้นเหรอว่าคุณคือใคร?”
ร่างกายของผู้หญิงคนนั้นชะงักเล็กน้อยแต่เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้นหลังจากนั้นเธอก็คิดว่าเซี่ยเหล่ยเป็นคนที่น่าสนใจไม่ใช่น้อยและก็อยากรู้ว่าเขาจะรู้จริงๆหรือไม่ว่าตัวเองคือใคร
”ฉันไม่ได้มีความอดทนมากนักหรอกนะดังนั้นฉันจะให้โอกาสอีกครั้งส่งกระเป๋ามาให้ฉันเดี๋ยวนี้ไม่อย่างนั้นฉันจะยิงคุณซะ!” ผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้นอีกครั้งในขณะที่มองไปยังเซี่ยเหล่ย
บนใบหน้าของเซี่ยเหล่ยไม่มีความกลัวแม้แต่น้อย เขากลับพูดท้าทายกลับไปเบาๆว่า “คุณต้องการให้ผมพูดชื่อคุณมั้ย? เยเลน่า”
ผู้หญิงคนนั้นตะลึงอย่างมาก เธอแทบจะไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินเลยว่าเขาจะรู้ว่าตัวเองเป็นใครได้ยังไงในเมื่อปกปิดทุกส่วนของร่างกายไว้แล้ว
ปฏิกิริยาของเยเลน่าทำให้เซี่ยเหล่ยรู้ว่าเธอไม่รู้ความสามารถของดวงตาข้างซ้ายว่ามันทำอะไรได้บ้าง เรื่องนี้ก็อาจจะเกิดขึ้นกับพ่อของเขาเช่นกัน เซี่ยฉางห่ายเองจริงๆแล้วก็อาจจะไม่รู้ว่ามีอะไรบ้างที่เปลี่ยนแปลงในร่างกายของเขา
เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นต่อว่า “เยเลน่า แม้ว่าคุณจะปิดบังใบหน้าของตัวเองเอาไว้หมดอย่างมิดชิดแต่น้ำเสียงของคุณไม่ได้เปลี่ยนไปหรอกนะ? ผมรู้ว่าคุณรู้ว่าผมมาทำอะไรที่นี่และผมก็รู้ว่าคุณต้องการช่วยผม ดังนั้นผมเชื่อว่าคุณจะไม่ยิงผมหรอกนะ”
สิ้นเสียงพูดของเซี่ยเหล่ยก็มีเสียงปืนดังขึ้นในอุโมงค์
เยเลน่ายิงออกไปหนึ่งนัด กระสุนมันตรงไปด้านหลังของเซี่ยเหล่ย ทันทีที่กระสุนกระทบเข้ากับกำแพงหินก็เกิดประกายไฟออกมา
เยเลน่าพูดอีกครั้งว่า “ฉันจะพูดอีกครั้ง….. ”
เซี่ยเหล่ยขัดจังหวะในขณะที่เธอกำลังพูดและตัวเองก็พูดขึ้นว่า “คุณต้องการสิ่งที่อยู่ในในกระเป๋าของผมเพื่อนำมันไปให้พ่อของผม ถูกไหม?“
”คุณคิดว่าฉันมาโดยไม่ได้มีคำสั่งจากพ่อของคุณงั้นเหรอ?” เยเลน่าพูด
เซี่ยเหล่ยขยับมือเล็กน้อยเพื่อหยิบมีดบินของเขาออกมาพร้อมพูดว่า “เห็นนี่หรือไม่? ถ้าคุณมาตามคำสั่งของพ่อผม คุณก็วางปืนลงแต่ถ้าไม่ว่ายังไงคุณก็จะนำมันไปให้ได้ก็คงต้องผ่านผมไปให้ได้ซะก่อน คุณต้องการลองไหม?”
ทันใดนั้นเยเลน่าก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นแม้ว่าเธอจะถือปืนอยู่ในตอนนี้ ส่วนเซี่ยเหล่ยก็มีแค่มีดบินอยู่ในมือแต่เธอก็รู้สึกกลัวไม่น้อยเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถาการณ์ในตอนนี้ !
เซี่ยเหล่ยยังพูดต่ออีกว่า “ถ้าเข้าใจแล้ววางปืนลง”
เยเลน่าได้วางปืนลงเพราะเธอไม่มีทางเลือกอื่นจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “พ่อของคุณส่งฉันมา เพื่อให้ฉันนำมันกลับไปให้เขานี่ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเราดังนั้นส่งมันให้กับฉัน ฉันไม่ได้ทำเพื่อตัวเองแต่ฉันทำเพื่อพ่อของคุณ ”
”ถ้าเขาต้องการมันจริงๆ เขาต้องมาด้วยตัวของเขาเอง” เซี่ยเหล่ยยังคงพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
เยเลน่าขมวดคิ้วพร้อมกับพูดไปว่า “คุณเป็นอะไรของคุณเนี๊ย ? ฉันเคยบอกเหตุผลกับคุณแล้วนี่! ”
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “อันลอยด์โบราณนี้ เป็นสิ่งที่ประเทศของเราต้องการมีหลายคนที่ต้องตายไปเพราะของที่อยู่ในกระเป๋าของผมตอนนี้นอกจากนี้การที่คุณมาพบผมคนเดียว ผมจะมั่นใจได้อย่างไรว่าคุณจะนำมันกลับไปส่งให้พ่อของผม? หรือจะมั่นใจได้อย่างไรว่าคุณจะไม่ใช้มันเพื่อหาผลประโยชน์ให้กับตัวเอง”
”คุณไม่เชื่อฉันงั้นเหรอ?” เยเลน่าถาม
”อย่างน้อยที่สุด ผมก็ไม่เชื่อผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าในตอนนี้” เซี่ยเหล่ยตอบ
”ฮ่าฮ่าฮ่า…..” เยเลน่าที่โกรธได้หัวเราะออกมาเสียงดัง
เซี่ยเหล่ยมองไปที่เธอในขณะที่กำลังหัวเราะอยู่ในตอนนี้เขายังไม่คิดที่จะปามีดบินออกไปแม้ว่าความจริงเยเลน่าจะนำมันกลับไปให้พ่อของเขาก็ตามแต่เมื่อไม่มีความชัดเจนถึงเจตนาที่แท้จริงจึงไม่สามารถให้เธอไปได้เพราะเธออาจจะนำไปใช้เพื่อหาผลประโยชน์ให้กับตัวเอง
”ถ้าพ่อของคุณมาด้วยตัวเอง คุณจะมอบมันให้กับเขาหรือไม่?” เยเลน่าหยุดหัวเราะและหันไปถามกับเซี่ยเหล่ยอีกครั้ง
เซี่ยเหล่ยคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบกลับไปว่า “ก่อนอื่นก็ให้เขามาที่นี่ให้ได้เสียก่อน ”
เยเลน่าไม่ได้พูดตอบอะไร เธอหันหลังและเดินกลับไป
เซี่ยเหล่ยถามต่อว่า “เขาจะมาเมื่อไหร่?”
เยเลน่าหันกลับไปมองที่เซี่ยเหล่ยพร้อมพูดด้วยความกลัวว่า “เรื่องนั้นฉันไม่สามารถตอบคุณได้ เขาจะปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าคุณเองในตอนที่ทุกอย่างเรียบร้อย”
หัวใจของเซี่ยเหล่ยรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาต้องการใช้สิ่งที่อยู่ในกระเป๋าของเขาเพื่อล่อให้เซี่ยฉางห่ายปรากฏตัวขึ้นแต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ พ่อของเขาก็ยังไม่ยอมปรากฏตัว
จู่ๆหัวใจของเซี่ยเหล่ยก็ตระหนักได้ว่าบางทีพ่อของเขาอาจจะต้องการสิ่งนี้เพื่อเคลียร์เงื่อนไขในการมาเจอเขาก็เป็นได้เมื่อคิดได้เช่นนี้เขาก็มองขึ้นไปตามทางอุโมงค์เพื่อมองหาเยเลน่าแต่ดูเหมือนเธอจะเดินหายไปแล้ว
เซี่ยเหล่ยรีบเดินกลับออกไปเมื่อออกมาภายนอกอุโมงค์ เขาก็รีบมองหาตัวเยเลน่าทันทีแต่ก็ไม่พบ….
เซี่ยเหล่ยรีบขึ้นมาจากหลุมและมองไปรอบๆอีกครั้งเพื่อมองหาเยเลน่ารวมถึงพ่อของเขาด้วยแต่น่าเสียดายที่เขาไม่พบกับใครเลย หัวใจของเขาพบกับความผิดหวังและเสียใจแต่ก็เพียงครู่หนึ่งเท่านั้นเมื่อไม่ได้ดังที่หวังไว้ เขาก็พร้อมจะเดินทางกลับไปยังชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์
จู่ๆในขณะที่เขากำลังเดินออกจากซากปรักหักพัง ก็มีเสียงดังมาจากด้านหลังว่า “ฉันจำใบหน้าของคุณได้”
มันเป็นเสียงที่อ่อนโยนและแผ่วเบาลอยออกมาจากด้านหลังของเขา
ด้วยเสียงที่เขาได้ยินนั้นทำให้เขารู้สึกขนลุกในทันที เขามองกลับไปยังซากปรักหักพังเพื่อมองหาต้นตอของเสียงแต่กลับไม่พบอะไรเลยนอกจากกองซากหินที่กองไว้อย่างกระจัดกระจาย
เสียงที่แผ่วเบาและอ่อนโยนที่ได้ยินนั้นดังขึ้นแค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้นเพราะหลังจากนั้นเซี่ยเหลี่ยก็พยายามเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจแต่ก็ไม่ได้ยินอะไรอีก
เซี่ยเหล่ยส่ายหัวและพูดกับตัวเองว่า “หรือว่าจะใช้ความสามารถในการมองมากเกินไปจนทำให้เกิดภาพหลอนและหูแว่ว?”.Aileen-novel.
ในใจของเขาก็คิดไปว่าในครั้งแรกๆที่เขาใช้ความสามารถ เขามักจะมองเห็นภาพหลอนอยู่บ้างแต่ครั้งนี้ต่างออกไปเขาคิดว่าตัวเองได้ยินเสียงแว่วๆอีกด้วย เขาคิดว่ามันอาจจะเป็นผลกระทบหลังจากใช้ความสามารถมาหลายครั้งแต่อีกความคิดหนึ่งก็คิดไปว่าภาพหลอนที่เคยเกิดขึ้นนั้นมันก็ไม่ได้เกิดขึ้นมาตั้งนานแล้วแต่ทำไมถึงเพิ่งจะมาเกิดขึ้นใหม่ในตอนนี้?
ด้วยความสงสัยปนความไม่แน่ใจทำให้เซี่ยเหล่ยลองตะโกนออกไปดูก่อนว่า “ใครหน่ะ?”
“ใครซ่อนตัวอยู่?” เขาตะโกนออกไปด้วยความลังเลและยังตะโกนต่ออีกครั้งว่า “ออกมาเดี๋ยวนี้!”
เขาคิดว่าบางทีอาจจะมีใครซ่อนอยู่หลังกองซากหินก็เป็นได้
แต่ที่สุดแล้วก็ไม่มีใครออกมาหรือมีเสียงตอบรับคำถามของเขา
เซี่ยเหล่ยส่ายหัวเล็กน้อยพร้อมพูดกับตัวเองว่า “ดูเหมือนจะหูแว่วไปจริงๆ”
กึบ กึบ กึบ…. เสียงฝีเท้าของม้าดังสนั่นไปทั่วและไม่ช้าทหารหญิงของชนเผ่าเฮ็มตาไลท์พร้อมกับแคนลามี่ก็เดินทางมาที่ซากปรักหักพัง
กองทหารหญิงของเธอควบม้ามาอย่างรวดเร็วโดยรวมแล้วดูน่าเกรงขามและยิ่งใหญ่โดยมีผู้นำคือแคนลามี่ใบหน้าของเธอยิ้มอย่างสดใส เธอในตอนนี้ดูงดงามและมีสเน่ห์อย่างมาก
แคนลามี่ควบม้ามาอย่างรวดเร็วและตรงไปยังเซียเหล่ย เธอปล่อยมือจากบังเหียนข้างหนึ่งและผายมือข้างเดียวกันนั้นออกเป็นวงกว้างดูเหมือนเธอต้องการที่จะจับตัวของเซี่ยเหล่ยให้ขึ้นมาในขณะที่ม้ากำลังวิ่งอยู่
น้ำหนักของแคนลามี่อยู่ที่ประมาณหนึ่งร้อยปอนด์และความเร็วของม้าอยู่ที่ประมาณหกสิบ60กิโลเมตรต่อชั่วโมงแต่ด้วยความเร็วขนาดนี้จะทำให้ตัวของเธอมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นไปอีกซึ่งแรงปะทะนี้เซี่ยเหล่ยจะต้องปะทะโดยตรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แคนลามี่ใช้มือข้างที่ผายออกโอบเอวของเซี่ยเหล่ยพร้อมพยายามยกตัวเขาขึ้นมาบนหลังม้า!
เนื่องจากการที่แคนลามี่ต้องโน้มตัวลงไปในขณะที่จะโอบเอวของเซี่ยเหล่ยทำให้เมื่อพยายามจะยกเขาขึ้นมา ใบหน้าของเขาก็สัมผัสเข้ากับหน้าอกของแคนลามี่อย่างจังแม้ว่าจะไม่มีความเจ็บปวดเกิดขึ้นแต่ด้วยขนาดที่ใหญ่โตของเธอก็ทำให้การหายใจของเขาค่อนข้างจะลำบาก
”หัวหน้าของเรานี่เก่งจริงๆ ดูเหมือนว่าเซี่ยเหล่ยคงจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานหรอกนะ ฮ่าฮ่า…” ทหารหญิงที่ขี่ม้าตามแคนลามี่อยู่ในขณะนี้ได้พูดขึ้น
คำพูดเหล่านี้เซี่ยเหล่ยได้ยินชัดเจน เขาไม่รู้ว่าจะต้องหัวเราะหรือร้องไห้ดี…
”เราจะกลับชนเผ่ากัน ฉันมีอะไรจะให้คุณดู วันนี้ในตอนที่เราไปซ้อมใช้ปืนที่เพิ่งได้รับมาใหม่ เราสามารถจับกระต่ายกลับมาได้ด้วย ฉันคิดว่าจะนำมันไปปรุงเป็นอาหารให้คุณ ” แคนลามี่พูดในขณะที่ยังคงกอดเอวของเซี่ยเหล่ยเอาไว้
เซี่ยเหล่ยหันไปมองที่เอวของเธอก็เห็นมีกระต่ายถูกผูกอยู่ติดกับเอวเธอแต่ตอนนี้เขาไม่ได้สนใจเรื่องกระต่ายซักเท่าไหร่ เขาพูดกับเธอไปว่า “วันนี้คุณจะไม่ถามหน่อยเหรอว่าผมขุดเจออะไรไหม?
”คุณขุดเจออะไรหล่ะ?” แคนลามี่ถาม
”ผมขุดเจอสุสานของเจ้าหญิงหยงเหม่ยภายในมีสมบัติล้ำค่ามากมายไม่ว่าจะเป็นเหรียญทอง เครื่องประดับหรือแม้แต่พวกภาชนะโบราณ” เซี่ยเหล่ยพูด
แคนลามี่ยิ้มพร้อมพูดกลับไปว่า “อย่ามาล้อเล่นกันหน่อยเลย เรารีบกลับไปกินกระต่ายกันดีกว่า”
เซี่ยเหล่ยตบไปที่สะโพกของแคนลามี่หนึ่งครั้งจากนั้นก็พูดต่อว่า “แต่ที่ผมพูดไป คือเรื่องจริง!”
จังหวะนี้ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรต่อกันเลย ทำให้เสียงฝีเท้าของม้าดังขึ้นชัดเจนดูเหมือนแคนลามี่กำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่และเซี่ยเหล่ยก็รอคำตอบจากเธออยู่เช่นกัน
ทหารหญิงที่ขี่ม้าตามแคนลามี่และเซี่ยเหล่ยมานั้น พวกเธอตกใจเป็นอย่างมากเพราะพวกเธอเพิ่งจะเห็นคนที่กล้าแตะต้องแคนลามี่ที่ขึ้นเป็นหัวหน้าเผ่าเป็นครั้งแรก!
แต่เมื่อเวลาผ่านไปเพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น ทหารหญิงเหล่านั้นก็ต้องตกใจขึ้นอีกครั้งเพราะแคนลามี่ไม่ได้มีท่าทางโกรธหรือโมโหเซี่ยเหล่ยเลย เธอเพียงพูดตอบเขากลับไปว่า “คุณ…..” แค่นั้น
เซี่ยเหล่ยคว้าไหล่ของแคนลามี่จากนั้นก็พูดเสียงดังออกไปว่า “ชนเผ่าของคุณจะรวยเลยนะ! เชื่อผมสิมันมีสมบัติมากมาย ผมจะนำทางให้เอง เราจะไปกันตอนนี้เลย! ”
จู่ๆแคนลามี่ก็สั่งให้ม้าหยุดเคลื่อนที่ พร้อมกับให้ทุกคนลงจากหลังม้ากันก่อน
แคนลามี่กลับมาให้ความสนใจพร้อมถามเพื่อความชัดเจนอีกครั้งว่า “ที่คุณพูดมาเป็นเรื่องจริงเหรอ?”
เซี่ยเหล่ยยิ้มและพูดต่ออีกว่า “ดูเหมือนคุณจะเชื่อผมแล้วแต่ผมจะบอกคุณไว้ก่อนว่าภายในสุสานมีกกับดักถูกติดตั้งเอาไว้มากมาย ดังนั้นผมจะเป็นคนเข้าไปนำมันออกมาหลังจากนั้นค่อยให้คุณเป็นคนจัดการเรื่องขนย้าย”
”ใครหนะ!” จู่ๆทหารหญิงคนหนึ่งก็ตะโกนขึ้นเพราะเห็นเงาของใครบางคน
ปังปัง ปังปัง ปังปัง ……
ปัง ปัง ปัง ……
ด้วยความตกใจทำให้พวกเธอเริ่มเปิดฉากสุ่มยิงออกไปในทิศทางที่พวกเธอเห็นเงาปริศนา !
ติดตามตอนต่อไป………