Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 353 บังเอิญ.....
TXV –
ในตอนนี้มีเจ้าหน้าที่เดินพาเซี่ยเหล่ยไปยังทางเข้าออฟฟิศของเฉินตูเทียนหยินตรงทางเข้ามีฟู่หมิงเหม่ยยืนอยู่ พวกเขาเห็นซึ่งกันและกัน
เซี่ยเหล่ยมองไปที่ฟู่หมิงเหม่ย เขารู้ได้ทันทีว่าเธอต้องการจะพูดอะไร เขายักไหล่พร้อมทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ให้กับเธอ
”คุณ…คุณไม่เคยโทรศัพท์มาเลยซักครั้ง” ฟู่หมิงเหม่ยพูดและพูดต่อว่า “ระวังไว้หน่อยก็ดี ฉันเตือนไว้ก่อน”
เซี่ยเหล่ยตอบกลับไปว่า “ผมไม่ได้อยู่ที่ประเทศจีน ผมจึงโทรหาเธอไม่สะดวกได้ ”
ฟู่หมิงเหม่ยมองไปที่เซี่ยเหล่ยอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดว่า “งั้นก็อย่าทำอะไรผลีผลามค่อยๆเป็นค่อยไปพยายามเกลี้ยกล่อมเธอให้ได้” พูดเสร็จเธอก็เปิดประตูเพื่อให้เขาเข้าไป
เมื่อประตูเปิดเซี่ยเหล่ยก็เดินเข้าห้องไป…..
ที่นี่คือออฟฟิศที่มีความหรูหราอย่างมากทุกการตกแต่งล้วนคิดคำนวณถึงความสวยงามและความหรูหราไว้จนหมดแล้วภายในห้องเฉินตูเทียนหยินกำลังนั่งทำงานอยู่ เธอมองไปที่จอคอมพิวเตอร์ยี่ห้อแอปเปิ้ลเหมือนว่ากำลังดูอะไรอยู่…..
ในขณะที่เซี่ยเหล่ยเข้าห้องไปในห้องเธอก็เห็นเขาทันทีตั้งแต่เปิดประตู เธอโบกมือทักทายและยิ้มให้กับเขา ซึ่งไม่มีท่าทีโกรธหรือไม่พอใจแสดงออกมาเลย
นั่นทำให้เซี่ยเหล่ยค่อนข้างจะแปลกใจจึงรีบพูดขึ้นก่อนว่า “เทียนหยิน ผมขอโทษ ที่ผ่านมาผม…..”
เฉินตูเทียนหยินยกนิ้วชี้ขึ้นมากระหว่างกลางริมฝีปาก ท่านี้แสดงให้เห็นว่าเธอต้องการให้เซี่ยเหล่ยหยุดพูดก่อน
เซี่ยเหล่ยคิดว่าเธอคงจะอยู่ในระหว่างการประชุมผ่านวีดีโอแต่ไม่ใช่อย่างนั้น เพราะเมื่อเซี่ยเหล่ยเดินเข้าไปใกล้เธอและดูว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ ก็พบว่าเธอกำลังดูวีดีโอที่เขากำลังจัดการอันซูฮยอนและใช้เท้าเหยียบหน้าอกของเขาซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้
เฉินตูเทียนหยินยิ้มและพูดขึ้นว่า “ฉันดูมันเป็นรอบที่สามแล้ว”
เซี่ยเหล่ยตะลึงในทันทีที่นี่คือตึกที่เป็นสำนักงานใหญ่ของกลุ่มเหวี้ยนเทียนในเมืองชิงตูแน่นอนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงบริเวณล็อบบี้เมื่อซักครู่นี่เธอจะต้องได้รับรายงานและสามารถตรวจสอบได้ในทันที มันง่ายมากสำหรับเธอที่จะหยุดเหตุการณ์ในช่วงเวลานั้นแต่เธอก็ไม่ทำ แถมยังดูวีดีโอเป็นรอบที่สามแล้วด้วย ในตอนนี้เซี่ยเหล่ยไม่สามารถเดาได้เลยว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
”นั่งก่อนสิฉันจะไปหาอะไรมาให้ดื่ม” เฉินตูเทียนหยินพูดพร้อมเดินไปที่ตู้ไวน์
เซี่ยเหล่ยนั่งลงที่โซฟาพร้อมมองเฉินตูเทียนหยินที่กำลังเทไวน์แดงให้กับเขา เซี่ยเหล่ยรู้สึกว่าเธอมีท่าทีที่แปลกไปจากเดิมแม้จะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เขาก็ไม่ได้ถามออกไป
เฉินตูเทียนหยินเทไวน์ลงไปสองแก้ว แน่นอนว่าแก้วหนึ่งเป็นของเธอส่วนอีกแก้วหนึ่งเป็นของเซี่ยเหล่ยหลังจากนั้นเธอก็ยิ้มและพูดกับเขาไปว่า “ดื่มนี้สำหรับการพบกันอีกครั้ง”
”สำหรับการพบกันอีกครั้งงั้นเหรอ?” เซี่ยเหล่ยยิ้มแล้วพูดต่อว่า “ทำไมพูดแบบนี้หล่ะ?”
เฉินตูเทียนหยินเดินไปนั่งบนโซฟาตรงข้ามกับเซี่ยเหล่ยจากนั้นก็ดื่นไวน์ในแก้วจนหมดเมื่อหมดแล้วก็มองไปที่เซี่ยเหล่ยเหมือนต้องการให้เขารีบดื่มมันให้หมดซะก่อน
”โอเค…สำหรับการพบกันอีกครั้งของเรา” เซี่ยเหล่ยพูดเพราะรู้ว่าทำไมเธอถึงมองมาพูดเสร็จก็ดื่มจนหมดแก้ว
เฉินตูเทียนหยินพูดว่า “คุณรู้ไมว่าทำไมฉันจึงไม่หยุดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่บริเวณล็อบบี้เมื่อกี้นี้?”
เซี่ยเหล่ยส่ายหัว แม้ว่าเขาจะพยายามหาเหตุผลมากมายเพื่อตอบคำถามนี้ แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่าทำไม ในตอนนี้ดูเหมือนความคิดของเฉินตูเทียนหยินค่อนข้างที่จะคาดเดาได้ยาก
”นั่นก็เพราะในเกาหลีใต้ เขาสร้างความวุ่นวายให้กับคุณในทุกวิถีทางที่เขาสามารถจะทำได้ ไม่เว้นแม้แต่ตอนที่อยู่ในร้านกาแฟ เขายังคงคิดว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่นๆ และฉันคิดว่ามีเพียงคุณเท่านั้นที่สามารถสั่งสอนเขาให้รู้สำนึกได้” เฉินตูเทียนหยินพูดพร้อมรอยยิ้มและพูดต่ออีกว่า “ก็อย่างที่พูดไป ดังนั้นฉันเลยไม่ทำอะไรและดูวนซ้ำถึงสามรอบ”
”คุณไม่ได้ชอบเขางั้นเหรอ? ถ้างั้นทำไมต้องทำร่วมมือทำธุรกิจโทรศัพท์มือถือกับเขาหล่ะ” เซี่ยเหล่ยถามด้วยความสงสัย
”ปัจจัยที่สำคัญทางธุรกิจก็คือการร่วมมือธุรกิจ” เฉินตูเทียนหยินพูด
เซี่ยเหล่ยยิ้มอย่างขมขื่นและพูดกลับไปว่า “ผมเคยพูดไปแล้วในเรื่องที่ไม่อยากให้คุณไปร่วมลงทุนหรือร่วมมือกันทางธุรกิจกับบริษัทก็อดโดเมนดูเหมือนว่าความห่วงใยของผมจะไม่มีความสำคัญเลยสินะ ”
”ทำไมพูดแบบนั้นหล่ะ?” เฉินตูเทียนหยินพูด
”ถ้าคุณจะทำธุรกิจในด้านนี้ คุณควรมาร่วมมือกับผมมากว่า ผมกังวลจริงๆในการที่คุณตกลงร่วมมือกับบริษัทก็อดโดเมน ผมกลัวว่าอันซูฮยอนจะหลอกลวงคุณ” เซี่ยเหล่ยพูด
“ในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ผู้หญิงคนหนึ่งต้องพบเจอกับการต่อสู้ที่ยากลำบากสำหรับการเป็นผู้บริหารของเธอแต่จนถึงตอนนี้การแข่งขันของเธอได้ลดลงไปมากแล้ว แถมเธอยังขยายธุรกิจได้มากถึงหนึ่งในสามเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ดังนั้นผู้หญิงคนนั้นจะต้องกังวลว่าใครจะหลอกลวงเธอได้ยังงั้นเหรอ?” เฉินตูเทียนหยินพูด
”ตอนนี้เข้าใจไหม ฉันจะต้องกลัวถูกหลอกไปทำไม ฉันรู้ว่าตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ ดังนั้นคุณลองมองในมุมมองของฉันดู” เฉินตูเทียนหยินพูดต่อ
เซี่ยเหล่ยตอบกลับไปว่า “คุณและบริษัทก็อดโดเมนมีการร่วมมือกันทางธุรกิจในเกาหลีใต้ ซึ่งมันอยู่นอกเหนือการควบคุมของคุณ ดังนั้นคุณจึงร่วมลงทุนในการพัฒนาและสร้างโทรศัพท์มือถือขึ้นที่ประเทศของเรา ซึ่งมันทำให้คุณสามารถควบคุมบริษัทก็อดโดเมนได้ เพราะอันซูฮยอนที่ขาดพ่อของเขาที่เป็นคนฉลาดในการบริหารงานคอยบริหารอยู่ที่นี่ คุณจึงใช้จุดนี้หาผลกำไรที่สูงมากอย่างนั้นใช่ไหม?”
เฉินตูเทียนหยินยิ้มและพูดว่า “คนที่เข้าใจฉันมากที่สุดก็คือคุณนี่แหละ”
หลังจากเข้าใจทุกอย่างแล้วเซี่ยเหล่ยก็ตระหนักได้ทันทีว่าความสามารถด้านการตลาดของเขานั้นอ่อนมากเปรียบเทียบได้กับกระดาษเปล่าเลยก็ว่าได้ หากจะเทียบกันแล้วความสามารถในสนามรบของเขาดูจะมีมากกว่าเสียอีก
ในตอนนี้จู่ๆเฉินตูเทียนหยินก็ถอนหายใจเบาๆพร้อมพูดขึ้นว่า “เหล่ย คนอื่นจะมองฉันว่าเป็นคนยังไงฉันไม่สนใจหรอกนะ ที่ฉันสนใจก็มีแค่เรื่องของคุณเรื่องที่เกี่ยวกับตัวคุณ ฉันอยากจะรู้จักคุณให้มกกว่านี้ แต่มันก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย หลายๆครั้งคุณมักจะหลีกเลี่ยงฉัน ดูเหมือนคุณจะมีความลับมากมายที่ซ่อนเอาไว้ ทุกๆครั้งก็ลงเอยด้วยการที่ฉันรู้สึกว่าฉันยังรู้จักคุณไม่เพียงพอ”
เธอรู้อะไรกันแน่ นี่เป็นสิ่งที่เซี่ยเหล่ยคิดอยู่ในหัวตอนนี้แม้ว่าเขาจะเริ่มลนลานภายในใจแต่เขาก็พยายามข่มตัวเองให้แสดงท่าทางเหมือนคนปกติมากที่สุดพร้อมพูดออกไปว่า “คุณต้องการจะพูดอะไรกันแน่?”
เฉินตูเทียนหยินตอบกลับไปว่า “คุณไม่ได้ถามฉันก่อนหน้านี้หรอว่าทำไมฉันถึงบอกว่าดีใจที่ได้พบคุณอีกครั้ง ซึ่งนี่แหละจะเป็นคำตอบสำหรับคำถาม “.ไอลีนโนเวล.
เซี่ยเหล่ยยิ้มเพราะไม่รู้ว่าจะทำหน้าอย่างไรดี เพราะเขากำลังลุ้นว่าเธอจะพูดอะไรต่อ
ในตอนนี้เฉินตูเทียนหยินได้ใช้นิ้วจุ่มลงไปในแก้วไวน์พร้อมเขียนตัวเลขสามหลักขึ้นบนโต๊ะรับแขกว่า 101
เซี่ยเหล่ยตกใจมาก ภายในหัวของเขากำลังคิดหาคำตอบว่าเธอรู้ชื่อนี้ได้อย่างไรเมื่อคิดอยู่ครู่หนึ่งจู่ๆชื่อของกู๋เค่อเหวินก็ลอยเข้ามาในหัว ถ้าคิดไม่ผิดการที่เฉินตูเทียนหยินรู้จักคำนี้ได้น่าจะเป็นเพราะเธอ
”ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่าคุณจะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับประเทศของเรา” เฉินตูเทียนหยินพูดต่ออีกว่า “ฉันรู้ว่าขณะนี้คุณมีสถานะพิเศษซึ่งมันสามารถช่วยฉันแก้ข้อสงสัยภายในใจได้หลายอย่าง ฉันเดาว่าหลังจากที่คุณกลับมาจากเกาหลีใต้แล้วหายตัวไปอยู่พักใหญ่ คุณได้ไปปฏิบัติภารกิจอยู่ใช่ไหม? ”
เซี่ยเหล่ยพยักหน้านั่นก็เพราะดูเหมือนตอนนี้เธอคงจะรู้จักสำนักงานลับ 101 แน่นอนแล้ว ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องปิดบังอะไรต่ออีก
”ดังนั้นฉันจึงพูดว่าสำหรับการพบกันอีกครั้งนั่นเพราะมันเป็นความรู้สึกจริงๆของฉันที่รู้สึกเหมือนกับว่าเพิ่งได้พบกับคุณ” เฉินตูเทียนหยินพูด
เซี่ยเหล่ยยิ้มแห้งๆพร้อมพูดขึ้นว่า “กู๋เค่อเหวินบอกคุณใช่ไหม?”
เฉินตูเทียนหยินไม่ได้พูดอะไรเลย
ดังนั้นเซี่ยเหล่ยจึงถามต่อว่า “ในความเป็นจริง เรื่องบางเรื่องไม่ใช่ว่าผมอยากจะปิดบังหรอกนะ แต่ถ้าคุณรู้น้อยเท่าไหร่มันก็จะยิ่งเป็นผลดีมากกับคุณเท่านั้น ”
เฉินตูเทียนหยินยิ้มพร้อมกับหัวเราะจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ฉันรู้ ฉันเคยได้ยินประโยคนี้บ่อยๆในหนังสายลับของภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด ดังนั้นฉันเองก็มีเรื่องจะบอกคุณเหมือนกัน ความจริงแล้วฉันไม่ได้เป็นผู้บริหารบริษัทของนะ ฉันเองก็เป็นสายลับหญิงแถมมีความสามารถเหมือนแองเจลิน่าโจลี่ในหนัง Agent Shuart อีกด้วย” พูดเสร็จก็ทำท่าทางเหมือนกับแองเจลิน่าโจลี่ที่ทำในหนัง
เมื่อได้ยินที่เฉินตูเทียนหยินพูดและแสดงท่าทางออกมา เขาก็นึกไปถึงเจ้าหน้าที่ที่ต้องตายไปในอัฟกานิสถานทำให้เขาพูดออกไปว่า “เชื่อผมเถอะ คุณไม่อยากมีชีวิตแบบนั้นแน่ๆ ”
เฉินตูเทียนหยินพูดขึ้นว่า “ฉันรู้ว่าคุณจะต้องพูดแบบนี้แน่ๆ”
นี่เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งสำหรับการหยอกล้อของเฉินตูเทียนหยิน มันแสดงให้เห็นด้านที่อ่อนโยนและน่ารักของเธอ ในตอนนี้เฉินตูเทียนหยินที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเซี่ยเหล่ย เขามองไปที่เธอก็รู้สึกถึงความเซ็กซี่ที่ออกมาจากตัวของเธอ นี่เป็นความรู้สึกที่เหมือนกับครั้งแรกที่เขาเจอเธอ เธอสวยราวกับนางฟ้าที่ออกมาจากภาพวาด ถึงแม้ว่าในความเป็นจริงแล้วเธอจะไม่ใช่แต่เธอก็น่าสนใจและชวนให้นึกจินตนาการไปไกล
จังหวะนี้เซี่ยเหล่ยมองไปที่ใบหน้าของเฉินตูเทียนหยิน เขามองไปที่ริมฝีปากของเธอมันเป็นสีแดงและดูละมุน ความคิดที่อยากจะจูบเธอก็ผุดเข้ามาในหัวอย่างกะทันหันหลังจากนั้นเขาก็ยังจินตนาการต่อในเรื่องการสร้างครอบครัวกับเธอซึ่งเรื่องนี้มันเคยเกิดขึ้นกับเขามาแล้วก่อนหน้านี้ แต่ก็เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้นที่เซี่ยเหล่ยจินตนาการไปไกลเพราะหลังจากนั้นเขาก็กลับมามีสติและอยู่กับปัจจุบันอีกครั้ง
เฉินตูเทียนหยินที่รู้สึกได้ว่าถูกมองอยู่ก็ก็มองกลับไปที่เซี่ยเหล่ย จังหวะนี้พวกเขาก็บังเอิญสบตากัน
”ฉัน ……ฉันจะรินไวน์ให้คุณ” เฉินตูเทียนหยินพูดพร้อมหลีกเลี่ยงการสบตากับเขา เธอจึงหันไปมองที่ขวดไวน์แทน
”ผมรินให้เอง” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมยื่นมือออกไปจะจับขวดไวน์
จังหวะนี้มือของพวกเขาก็ไปทับกันอยู่ที่ขวดไวน์อย่างบังเอิญ ทันทีที่มือของพวกเขาสัมผัสกัน พวกเขาก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีไฟช็อตไปทั่วร่าง พวกเขาสะดุ้งกันเล็กน้อยแต่อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้ผละมือออกจากกัน แต่กลับหันมาสบตากันอีกเป็นครั้งที่สองแทน….
เมื่อสบตากันอยู่พักหนึ่ง หัวของพวกเซี่ยเหล่ยก็เริ่มขยับเข้าหาหัวของเฉินตูเทียนหยินอย่างช้าๆ
จู่ๆประตูก็ถูกเปิดออก พร้อมกับฟู่หมิงเหม่ยที่เดินเข้า
สถานการณ์ภายในห้องตอนนี้ริมฝีปากของเซี่ยเหล่ยและเฉินตูเทียนหยินอยู่ห่างกันเพียงแค่สองถึงสามเซนติเมตรเท่านั้น แต่เมื่อเห็นว่าฟู่หมิงเหม่ยเดินเข้ามาภายในห้องพวกเขาก็รีบแยกตัวออกจากกันทันที ซึ่งใบหน้าของเฉินตูเทียนหยินในตอนนี้กลายเป็นสีแดงอย่างเห็นได้ชัด
เซี่ยเหล่ยเองก็ถอยมานั่งในท่านั่งปกติ และทำตัวเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
”อะแฮ่ม” ใบหน้าของฟู่หมิงเหม่ยเต็มไปด้วยรอยยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ขอโทษด้วย ฉันมารบกวนอะไรหรือป่าว?”
เฉินตูเทียนหยินจ้องตาโตไปที่ฟู่หมิงเหม่ยทันที
แต่ฟู่หมิงเหม่ยกลับพูดอย่างจริงจังออกมาว่า “ตอนนี้หัวหน้ารักษาความปลอดภัยบอกกับฉันว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมกับเจ้าหน้าที่จากกงสุลของเกาหลีกำลังจะมาที่นี่”
คิ้วของเฉินตูเทียนหยินเหี่ยวย่นพร้อมพูดว่า “อันซูฮยอน เขาต้องการให้เรื่องมันกลายเป็นข้อพิพาทระหว่างประเทศเลยงั้นเหรอ?
ฟู่หมิงเหม่ยพูดต่อว่า “เรื่องนี้ฉันเองก็ไม่ทราบ”
”แต่พวกเขาคิดว่าที่นี่เป็นที่ไหน ไปหยุดพวกเขาไว้” เฉินตูเทียนหยินพูด
”ตกลง ฉันจะไปจัดการเดี๋ยวนี้” ฟู่หมิงเหม่ยพูดพร้อมเดินออกจากห้องไป
แต่จังหวะที่ฟู่หมิงเหม่ยจะเดินออกไปนั้น กู๋เค่อเหวินก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตูทางเข้าเธอปิดกั้นทางเดินของฟู่หมิงเหม่ยจนหมดพร้อมพูดขึ้นว่า “คุณไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้หรอกนะ”
แม้ว่ากู๋เค่อเหวินจะปรากฏตัวขึ้นอย่างกระทันหัน แต่เซี่ยเหล่ยก็ไม่ตกใจเท่าไหร่
ฟู่หมิงเหม่ยที่ท่าทางไม่พอใจได้พูดออกไปว่า “ผู้ช่วยกู๋ ทำไมคุณพูดแบบนั้นหล่ะ?”
สถานะของกู๋เค่อเหวินคือเป็นผู้ช่วยของเฉินตูเทียนหยิน เมื่อเซี่ยเหล่ยได้ยินก็ทำให้เขาประหลาดใจเล็กน้อย
”เค่อเหวิน พูดมาว่าทำไม” เฉินตูเทียนหยินพูด
กู๋เค่อเหวินตอบกลับไปว่า “คุณเซี่ยได้ทำร้ายคนไปหลายคนหนึ่งในนั้นคืออันซูฮยอน พ่อของเขาเป็นนักการเมืองของเกาหลีใต้ทำให้เขามีอำนาจอย่างมาก แถมตอนนี้เจ้าหน้าที่กงสุลกำลังจะมาที่นี่อีกต่างหาก ถ้าเราหยุดเขาเอาไว้เท่ากับว่าเราจะกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด นั่นจะทำให้เรื่องแย่ไปกว่านี้อีกนะ ”
เฉินตูเทียนหยินมองไปที่เซี่ยเหล่ยด้วยความรู้สึกละอาย
ตอนนี้เซี่ยเหล่ยเองก็ได้พูดขึ้นว่า “ถ้างั้นผมจะยอมไปกับพวกเขา”
เฉินตูเทียนหยินตอบกลับไปว่า “งั้นฉันจะไปกับเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมคุณเอง”
กู๋เค่อเหวินพูดแทรกขึ้นมาว่า “ทำแบบนั้นไม่ได้”
เมื่อเธอพูดเสร็จ เซี่ยเหล่ยและเฉินตูเทียนหยินก็มองไปที่กู๋เค่อเหวินเป็นตาเดียวเพื่อต้องการจะฟังว่าทำไมเธอถึงพูดแบบนั้น
กู๋เค่อเหวินพูดต่ออีกว่า “แบบนั้นมันจะเสี่ยงเกินไป ทางที่ดีที่สุดคือให้คุณเซี่ยรีบหนีออกไปตอนนี้ จากนั้นก็กลับไปโรงงานผลิตอาวุธของคุณซะ ที่นั่นมีทหารคอยคุ้มกันอยู่เมื่อเจ้าหน้าที่กงสุลไปที่นั่นพวกเขาจะไม่สามารถเข้าภายในได้ ”
จู่ๆเซี่ยเหล่ยก็ยิ้มออกมาอย่างกระทันหันหลังจากที่สูญเสียพ่อและพี่ชายไปจนต้องอยู่ตัวคนเดียวทำให้เธอกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ฉลาดมากขึ้น…..
ติดตามตอนต่อไป……….