Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 355 - ทดสอบ XL2500
TXV
อันซูฮยอนยังไม่ได้ทำให้เรื่องมันบานปลายไปจนกลายเป็นข้อพิพาทระหว่างประเทศแม้ว่าเขาจะมีอำนาจมากพอให้ทำได้แต่มันก็ไม่ถึงขั้นกำจัดคนๆนั้นไปได้อยู่ดีตอนนี้เซี่ยเหล่ยมั่นใจแล้วยิ่งไปกว่านั้นถึงอะไรๆมันจะดูเป็นเรื่องใหญ่ไปบ้างแต่อย่างมากพวกเขาก็แค่ต้องต่อสู้กับกฎหมายซึ่งจากสถานะของเซี่ยเหล่ยแล้วสำนักงานลับ 101 จะต้องอยู่ข้างเขาแน่
เซี่ยเหล่ยไม่รู้สึกเสียใจกับเรื่องนี้เลยนอกเหนือจากเรื่องความขัดแย้งพวกนั้นแล้ว ก็มีแค่เรื่องที่อันซูฮยอนกับ CIA รวมหัวกันพยายามจับตัวเขาที่เกาหลีใต้นี่แหละ ตอนนี้อันซูฮยอนกลายเป็นศัตรูของเซี่ยเหล่ยไปแล้วเพียงแต่ไม่ใช่ศัตรูหัวใจแย่งผู้หญิงอะไรแบบนั้น
ในช่วงเวลาที่เหลือไม่มีอะไรเกิดขึ้นมากนัก อันซูฮยอนกับคนของสถานทูตก็ไม่ได้สร้างปัญหาอะไรอีก เซี่ยเหล่ยจึงใช้เวลาและแรงกายไปกับการปรับปรุงเครื่องจักรของเขา
ช่วงนี้เฉินตูเทียนหยินไม่ได้โทรศัพท์มาหาเซี่ยเหล่ยและเขาเองก็ไม่ได้โทรไปหาเธอเลยเช่นกัน การจูบที่ครึ่งๆกลางๆในออฟฟิศของเฉินตูเทียนหยินวันนั้นดูเหมือนจะเป็นเพียงความรู้สึกชั่ววูบ ควบคุมตัวเองไม่ได้นิดหน่อยและหลังจากสงบอารมณ์ได้แล้วก็ไม่รู้สึกอะไรเลย
บางครั้งเซี่ยเหล่ยก็แอบถามตัวเองว่าเขากับเฉินตูเทียนหยินจะพัฒนาไปเป็นคนรัก แต่งงานและมีลูกได้รึเปล่า
ซึ่งมีสองคำตอบนั่นคืออาจเป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้เลย
ถ้าเขาไม่ได้คบกับเฉินตูเทียนหยิน เขาก็จะไปกับอเลน่าอย่างแน่นอนซึ่งนั่นหมายถึงเขาจะไม่ไปหาแคนลามี่ที่อิสลามาบัดหรืออัฟกานิสถานด้วย เซี่ยเหล่ยไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะเป็นคนเหยียบเรือหลายแคมหรือเป็นผู้ชายที่มีผู้หญิงรออยู่ทุกที่แบบนี้ เรื่องแคนลามี่จริงๆแล้วเขาไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้นเลย มันเป็นเพราะงานทั้งสิ้น…..
ดังนั้น ตอนนี้จึงถือว่าเขายังไม่มีแฟนสาวอย่างเป็นทางการที่จะแต่งงานกันในอนาคต
สุดท้ายแล้ว เซี่ยเหล่ยก็ไม่ได้คิดเรื่องพวกนี้ต่อ พวกเรื่องอารมณ์ก็ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติของมันเท่านั้น
เวลา 1 เดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เดือนนี้เซี่ยเหล่ยและอเลน่าพัฒนาเครื่องจักรในโรงงานกองทัพอาชาสายฟ้าจนครบหมดแล้ว ประสิทธิภาพของมันถือได้ว่าเกือบเทียบเท่าเครื่องจักรอัจฉริยะตัวต้นแบบของโจเซฟเลย
เครื่องจักรต่างๆแสตนด์บายอยู่ในตำแหน่งของตัวเองและผลิตภัณฑ์ต่างๆของโรงงานกองทัพอาชาสายฟ้าก็เริ่มถูกลำเลียงไปตามสายพานแล้วของพวกนั้นไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์ธรรมดา หากแต่เป็นชิ้นส่วนสไนเปอร์ไรเฟิล รวมถึงกระสุนปืนด้วย
ในวันที่สามหลังจากโรงงานกองทัพอาชาสายฟ้าเริ่มทำงาน เซี่ยเหล่ยก็ได้รับข่าวดีนั่นคือสาขาย่อยที่เมืองชู่เองก็เริ่มการผลิตแล้วเช่นกัน จูเสี่ยวหงโทรมาหาเขาและบอกว่ารัฐบาลท้องถิ่นช่วยดูแลออเดอร์บางส่วนด้วย สถานการณ์ภาพรวมก็ค่อนข้างมั่นคงแล้ว เซี่ยเหล่ยคุยกับเธออยู่พักใหญ่และได้ถามอะไรเธอไปบางอย่าง
การมีจูเสี่ยวหงคอยดูแลโรงงานสาขาย่อยที่เมืองชู่นั่นทำให้เซี่ยเหล่ยไม่รู้สึกกังวลเลยแม้แต่น้อย เขาไม่ห่วงว่าสาขาเมืองชู่จะขาดออเดอร์เพราะเขาสามารถแบ่งออเดอร์จากสาขาห่ายจูไปยังที่นั่นได้แม้กระทั่งให้สาขาย่อยผลิตส่วนประกอบปืนที่ไม่ต้องใช้ความแม่นยำอย่างพวกอุปกรณ์เสริมเช่นส่วนท้ายปืน กระสุนและอื่นๆก็ยังได้
การเติบโตของอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าในตอนนี้ดูเหมือนจะมาถูกทางแล้ว และเซี่ยเหล่ยก็ไม่ใช่บอสของบริษัทเอกชนเล็กๆที่พยายามรับออเดอร์จากหลายๆที่เพื่อเลี้ยงบริษัทอีกต่อไปแล้ว
ถ้าดูจากแนวโน้มในปัจจุบัน อุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าเพียงแต่ต้องใช้เวลาเพื่อให้บริษัทเติบโตและมั่นคงขึ้นเท่านั้น
เมื่อมีได้ ก็ต้องมีเสียเป็นธรรมดาเป็นเวลามากกว่า 1 เดือนแล้วที่เซี่ยเหล่ยขลุกตัวอยู่ในโรงงานโดยไม่ได้ออกไปไหนเลย ผู้คนต่างก็เหนื่อยล้ามากจนน้ำหนักลดลงไป 2-3 ปอนด์แล้วเช่นกัน
ไม่เว้นแม้แต่อเลน่า เธอเองก็คอยสู้เคียงข้างเซี่ยเหล่ยมาตั้งแต่ต้นเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น อเลน่าก็พลอยน้ำหนักลดลงไปด้วย
”อเลน่า วันนี้ผมจะพาคุณไปขับรถเล่นนะแล้วก็หาอะไรอร่อยๆกินกัน โอเคมั้ย?” เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นเมื่อออกมานอกเวิร์คช็อปพร้อมกับเธอ
อเลน่าตอบด้วยน้ำเสียงมีความสุขล้นใจ “ดีเลย ฉันอยากออกไปสูดอากาศข้างนอกตั้งนานแล้ว ช่วงก่อนหน้านี้มันหนักสุดๆไปเลย”
เซี่ยเหล่ยพูดยิ้มๆ “งั้นผมจะพาคุณไปกำแพงเมืองจีนแล้วก็กินเป็ดย่างเยอรมันกันนะ”
”ขอบคุณนะลูคัส ทุกวันที่มีคุณอยู่ด้วยนี่มีความสุขจริงๆ” อเลน่าเดินเข้าไปหาเซี่ยเหล่ยแล้วจุ๊บแก้มเขาไปหนึ่งที
ฝ่ายเซี่ยเหล่ยเองก็ชินกับอะไรแบบนี้แล้วเหมือนกัน
ฉิงเสวียงเดินตรงไปยังคนทั้งคู่แล้วกระแอมขัดขึ้น “นี่ พวกคุณจะประมาทกันไปหน่อยแล้วนะ พวกคนอายุน้อยๆในโรงงานยังไม่มีแฟนกันเลย นี่คุณสองคนตั้งใจทำพวกเขาอิจฉารึไง? ถ้าทิชชู่เมืองป๋ายลู่ขายดีก็เพราะพวกเขาซื้อนี่แหละ”
เซี่ยเหล่ยถึงกับหัวหมุนกับคำพูดนั้นแต่ก็ตอบออกไป “เราจะออกไปเดินเล่นข้างนอกหน่อยน่ะ อยากไปด้วยกันมั้ย?”
ฉิงเสวียงส่ายหน้า “ฉันจะลืมๆมันไปก็แล้วกันนะ เกรงว่าคุณจะลำบากเอาได้ ฉันจะอยู่ที่นี่แหละ ทำไมน่ะเหรอ? เพราะฉันไม่อยากไปเป็นก้างขวางคอไงล่ะ”
เซี่ยเหล่ยถึงกับพูดไม่ออก
”อเลน่า ขอฉันยืมตัวประธานเซี่ยไปหน่อยได้มั้ย?” ฉิงเสวียงมองอเลน่าพร้อมรอยยิ้ม
เธอไหวไหล่ “ไปคุยกันก่อนก็ได้ค่ะ ฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย”
หลังจากอเลน่าแยกออกไป ฉิงเสวียงก็เดินไปยืนข้างๆเซี่ยเหล่ยกระซิบข้างหูเขา “คุณออกไปข้างนอกได้นะ แต่ระวังตัวด้วยล่ะครั้งก่อนที่อันซูฮยอนพาคนมาระรานคุณ คุณจำพวกเขาได้รึเปล่า? ”
เซี่ยเหล่ยนิ่งคิด ภาพของคนทั้งสองย้อนกลับเข้ามาในหัวอย่างชัดเจน เพียงแต่เขาไม่รู้ชื่อของทั้งคู่เท่านั้น
”สองคนนั้นมีปัญหาอะไรเหรอ?”
”ปัญหาใหญ่เลยแหละ สองคนนั้นน่ะมีกลิ่นอายของนักล่า คุณรู้ใช่มั้ยว่ากลิ่นอายมันเป็นยังไงมีแค่คนที่ฆ่าคนมาเยอะมากแล้วเท่านั้นแหละที่จะมีกลิ่นอายแบบนั้นได้” ฉิงเสวียงตอบ “ตอนที่พวกเขาเข้าใกล้ฉัน ฉันรู้สึกได้เลยว่าถ้าเราไปเจอกันที่อื่น ที่ที่มีแค่ฉันกับพวกเขา ทั้งสองคนต้องฆ่าฉันไปแล้วแน่ๆ ฉันว่าฉันกลัวพวกเขานิดหน่อยก็เลยมาเตือนคุณ อันซูฮยอนน่ะเป็นคนที่ต้องคอยจับตารายงานความเคลื่อนไหวให้รู้เลยล่ะ เขาวางแผนจะฆ่าคุณอยู่ตลอดเวลาเป็นไปได้เหรอว่าเขาจะไม่แก้แค้นคุณน่ะหรือบางทีเขาอาจจะกำลังรอให้คุณออกไปข้างนอกอยู่ก็ได้”
เซี่ยเหล่ยพยักหน้า “ถ้าคุณพูดขนาดนี้ ผมจะระวังตัวนะ”
”เอาสไนเปอร์ติดตัวไปแล้วบอกว่าจะทดสอบปืนสิ” ฉิงเสวียงเสริม
”โอเค มันก็พอมีอยู่กระบอกหนึ่งนะ” เซี่ยเหล่ยกล่าว “สไนเปอร์ไรเฟิลรุ่นนี้เคยทดสอบแค่ในอาคารดูการใช้งานพื้นฐานและพลังของมันเท่านั้น แต่ยังไม่เคยทดลองนอกสถานที่เลย ตอนนี้แหละเหมาะที่สุด”
”เดี๋ยวฉันไปเอามาให้”
”เดี๋ยว……” เซี่ยเหล่ยขัด “คุณบอกว่าคนที่ฆ่าคนมามากแล้วจะมีกลิ่นอายใช่มั้ย งั้นลองมองผมหน่อย ผมมีกลิ่นอายอะไรแบบนั้นรึเปล่า?”
”ก็ได้กลิ่นอยู่นะ” ฉิงเสวียงก้าวเข้าหาเซี่ยเหล่ยนิดหน่อยแล้วทำจมูกฟุดฟิดไปตามคอของเขา
เซี่ยเหล่ยรีบถอยออกพลางพูดว่า “ผมจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้านะ”
ฉิงเสวียงมองแผ่นหลังของเซี่ยเหล่ยที่เดินไป ก่อนจะเม้มปากเล็กน้อย “กลิ่นอายมรณะ”
หลังจากนั้น เซี่ยเหล่ยก็ขับรถ Chevrolet Suburban ของเขาไปยังทางไปกำแพงเมืองจีนพร้อมกับปีนสไนเปอร์ไรเฟิลที่บรรจุอยู่ในกล่องเก็บปืนบนรถ.ไอรีนโนเวล.
ถ้าฉิงเสวียงไม่ได้มาเตือนเขา เขาก็คงไม่เอาปืนมาด้วย เซี่ยเหล่ยไม่คิดด้วยซ้ำว่าอันซูฮยอนจะตอบโต้แบบนี้เพราะที่นี่คือประเทศจีน เขาจึงไม่ได้สนใจอันซูฮยอนเลยแม้แต่น้อย
ต่างกับฝ่ายอเลน่าที่กำลังมีความสุขมาก เธอหาหัวข้อสนทนาน่าสนใจมากมายมาพูดได้ตลอดทาง เสียงหัวเราะของเธอแทบไม่ขาดช่วงไปเลย
เมื่อมาถึงกำแพงเมืองจีน เซี่ยเหล่ยหยิบกล่องอุปกรณ์ที่มีสไนเปอร์ไรเฟิลรุ่นใหม่อยู่ภายในขึ้นมาถือและเดินนำอเลน่าไปยังจุดที่ห่างไกลจากนักท่องเที่ยว
เนื่องจากวันนี้ไม่ใช่วันหยุด นักท่องเที่ยวที่กำแพงเมืองจีนจึงไม่พลุกพล่านนัก แต่ถึงอย่างนั้นเซี่ยเหล่ยก็ยังคงระวังตัวมากอยู่ดี เขาสังเกตแทบทุกคนที่มาเที่ยวจนกระทั่งเขาเดินมาถึงจุดที่ไม่มีใครแล้วก็ยังไม่พบคนเกาหลีสองคนที่ฉิงเสวียงบอก
เซี่ยเหล่ยคิดในใจ “เยี่ยม เราเพิ่งจะออกมาข้างนอกนี่ อันซูฮยอนจะไปรู้ได้ยังไงกัน? บางทีฉิงเสวียงคงระแวงเกินไปเอง”
”ลูคัส เราต้องไปต่ออีกนานแค่ไหนคะ?” อเลน่านั่งยองๆลงนวดข้อเท้าตัวเอง “ทางเดินหินทั้งนั้นเลย เท้าฉันจะไม่ไหวแล้วนะ”
เมื่อรู้ว่าจะออกมาที่กำแพงเมืองจีน สิ่งที่อเลน่าใส่มาคือกระโปรงสุดสั้นและรองเท้าส้นสูง ถ้าไม่เหนื่อยก็แปลกแล้ว
แต่เพราะเธอนั่งลงไปแบบนั้น กระโปรงสั้นกุดที่ไม่มีซิปจึงเปิดขึ้นมา เผยให้เห็นผ้าลูกไม้สีดำ รอยสีผิวที่ตัดกันและจุดที่ค่อนข้างส่วนตัว
อเลน่าไม่ได้มีท่าทีเขินอายใดๆ แต่เป็นฝ่ายเซี่ยเหล่ยที่รู้สึกอายแทนหน่อยๆเมื่อคิดว่าเขากำลังมองตรงไหนของเธออยู่ เซี่ยเหล่ยจึงเบือนหน้าไปมองรอบๆแทน “แค่ตรงนี้นะ”
”อื้ม” อเลน่าตอบก่อนจะถอดรองเท้าส้นสูงออกและหยิบผ้าปิกนิกในกระเป๋าเป้ออกมาปูบนพื้นอิฐจากนั้นก็เอาของกินมากมายลงวางบนผ้า เนื้อตากแห้ง เครื่องดื่ม ผลไม้ ถั่วแมคคาเดเมีย และถั่วพีแคนกองพะเนิน
เซี่ยเหล่ยเองก็วางกล่องอุปกรณ์ลงเปิดกล่องออกหยิบปืนสไนเปอร์ไรเฟิลขึ้นมา
สไนเปอร์ไรเฟิลรุ่นนี้มีชื่อว่า XL2500 ซึ่งย่อมาจากชื่อของเซี่ยเหล่ยและต่อท้ายชื่อด้วยระยะการยิงของมัน
ปืนรุ่นนี้ไม่ใช่ปืนที่เซี่ยเหล่ยดัดแปลงด้วยมือของเขาเองและแม้ว่ามันจะเป็นแค่ตัวต้นแบบ แต่ระยะการยิงของมันก็ไกลกว่าระยะยิงขั้นต่ำของปืนสไนเปอร์ไรเฟิลถึง 1 กิโลเมตร ดังนั้น XL2500 ที่เซี่ยเหล่ยดัดแปลงควรชื่อว่า XL3500 มากกว่า
ตามทฤษฎีแล้ว XL2500 ควรมีระยะยิง 2500 เมตรแต่ว่าระยะยิงของมันจริงๆยังคงระบุแน่ชัดไม่ได้ วันนี้จึงเป็นการทดสอบครั้งแรก
เซี่ยเหล่ยใส่ซองกระสุนและติดตั้งกล้องปืนกำลังซูม 22 เท่าอย่างรวดเร็ว แม้ว่าเขาจะไม่จำเป็นต้องใช้กล้องปืนช่วยมองแต่ยังไงนี่ก็คือการทดสอบเขาต้องการข้อมูลประสิทธิภาพที่แท้จริงของมัน
”ลูคัส คุณค่อยทดสอบมันก็ได้นี่นา กินอะไรก่อนสิ” อเลน่าตัดแอปเปิ้ลด้วยมีดพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
”ผมใส่ซองกระสุนเข้าไปแล้วน่ะสิ” เซี่ยเหล่ยยกปีนขึ้นเล็งอย่างแรกก็ประมาณระยะทางด้วยตาซ้ายแล้วล็อคเป้าไว้ที่ต้นไม้ซึ่งห่างออกไป 2500 เมตรด้วยกล้องปืน ก่อนจะเริ่มยิง
ปัง! XL2500 สั่นจนเกิดเสียงเบาๆ กระสุนถูกยิงออกไปแล้ว เพียง 2 วินาทีต่อมามันก็เจาะเข้าเป้าต้นไม้อย่างแม่นยำ เมื่อมองจากกล้องปืนจะเห็นได้ว่าต้นไม้นั่นฉีกกระจายความเสียหายของมันรุนแรงเลยทีเดียว
”เป็นไงบ้าง?” อเลน่าวางแอปเปิ้ลลงแล้วเดินไปใกล้ๆเซี่ยเหล่ย คุกเข่าลงพิงไหล่เขาและทิ้งน้ำหนักหน้าอกมหึมาลงบนแผ่นหลังแข็งแรง
ท่านั่งแบบนี้ ใครมันจะไปมีสมาธิยิงปืนกัน?
ปัง! ปัง! ปัง!
เซี่ยเหล่ยยิงปืน 3 นัดติดกันโดยไม่เว้นจังหวะในแต่ละนัดเลยแม้วินาทีเดียว ความเร็วในการยิงของ XL2500 นับว่าน่าทึ่งมากหลังจากสามนัดนั้นผ่านไป ต้นไม้ที่ระยะห่าง 2500 เมตรก็โค่นลงในป่าด้วยแรงกระสุน เกิดเสียงดังอึกทึก
”ยิงได้ไกลแค่ไหนเหรอ?” อเลน่าถามอย่างอดใจไม่ได้
”อาจจะ 2500 เมตร แต่น่าจะไกลได้อีก” เซี่ยเหล่ยพยายามอดทนกับความเขิน เขาล็อคเป้าในป่าใหม่อีกครั้งก่อนจะเหนี่ยวไกปืน
ปัง! กระสุนเข้าเป้าอีกครั้งแต่ก็เบนออกไปเล็กน้อย
เซี่ยเหล่ยยิงออกไปอีก กระทั่งกระสุน 10 นัดในซองกระสุนหมดไปเพียงแต่ครั้งนี้ต้นไม้ไม่ได้โค่นลงมาอย่างครั้งที่แล้ว
ซองกระสุนร่วงลงมา ผลการทดสอบปืนออกมาแล้ว ระยะการยิงของ XL2500 อยู่ที่ 2600 เมตร ถือว่าความสามารถในการเพิ่มระยะยิงของปืนยังต่ำอยู่ แต่ถึงอย่างนั้น ข้อมูลเพียงแค่นี้ก็พอให้โดดเด่นกว่าใครในโลกได้แล้ว!
“ลูคัส ฉันอยากยิงบ้างจัง” อเลน่ากระซิบข้างหูเซี่ยเหล่ยเบาๆ
เซี่ยเหล่นผู้ซึ่งโดนกระซิบเป็นต้องรู้สึกจั๊กจี้หูขึ้นมา “งั้นผมไปเติมกระสุนให้คุณนะ ซองกระสุนก็ด้วย”
แต่อเลน่ายังคงตัวติดกับเซี่ยเหล่ยไม่ปล่อยให้เขาไปไหน “ฉันไม่อยากได้กระสุนแบบนั้นสักหน่อย ฉันอยากได้กระสุนของคุณต่างหาก”
เซี่ยเหล่ย “……”
ติดตามตอนต่อไป……….