Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 359 หมดหนทางช่วย !
TXV –
ในตอนนี้มีกลุ่มคนเดินเข้ามาหลายคน ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับหลี่หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่นๆก็ไม่สามารถหยุดกลุ่มคนเหล่านั้นไม่ให้เข้ามาไม่ได้นั่นก็เพราะมีคนใหญ่คนโตของสถานทูตเกาหลีและเจ้าหน้าที่ระดับสูงมากันหลายคน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไม่อาจออกตัวและทำอะไรผลีผลามได้
อย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยไม่ได้คาดหวังเอาไว้ว่าอันซูฮยอนจะอยู่ในกลุ่มคนเหล่านี้ แต่ในความเป็นจริงไม่เป็นอย่างที่คาดไว้เพราะอันซูฮยอน ชูคูรีและคิมจียอนก็มากับพวกเขาด้วย
อันซูฮยอนเดินออกมาด้านหน้ากลุ่มคนอย่างสง่าและองอาจพร้อมกับมองไปที่เซี่ยเหล่ยด้วยสายตาที่กำลังดูถูกและเหยียดหยามเขา
เซี่ยเหล่ยเองก็มองไปที่อันซูฮยอนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปมองชูคูรีและคิมจียอน เพียงแค่แว๊บแรกเขาก็สัมผัสได้ว่าทั้งสองคนไม่ใช่คนธรรมดาแม้ว่าจะไม่เห็นรังสีของการฆ่าฟันแต่สัญชาตญาณก็บอกได้ว่าต้องคอยระวังพวกเขาเอาไว้ให้ดี
”คุณทำอะไรของคุณ?” ทูตของเกาหลีพูดตะคอกพร้อมพูดต่ออีกว่า “ทำไมคนเกาหลีใต้ของเราถึงต้องคุกเข่าอยู่กับพื้น? ใครก็ได้อธิบายมาเดี๋ยวนี้! ”
คิ้วของหลงบิงย่นเล็กน้อย เธอเดินมาด้านข้างของเซี่ยเหล่ยพร้อมกระซิบกับเขาสั้นๆ “จำคำเตือนของผู้บริหารฉือได้มั้ย ว่าจะไม่ทำให้เขาเดือดร้อน”
เซี่ยเหล่ยพยักหน้าเล็กน้อย เขาเองก็รู้ว่าถ้าหากมีปัญหาเกิดขึ้นกับคนระดับนี้ มันจะทำให้ฉือโบเหยินมีปัญหาได้
”พวกเขาทำร้ายผม!” อันซูจุนรีบตะโกนขึ้นทันทีและยังพูดต่ออีกว่า “ผมได้รับบาดเจ็บและผมต้องการจะฟ้องพวกเขา!”
กงสุลราชทูสถานทูตเกาหลีใต้ถามขึ้นว่า “พวกเขาบังคับให้คุณคุกเข่าใช่มั้ย?”
”พวกเขาบังคับให้ผมคุกเข่าลงและยังเตะ …เอ่อ…ด้านล่างของผมด้วย!” อันซูจุน พูด
”โอเค!” กงสุลสถานทูตเกาหลีพูด เขายิ่งโกรธมากขึ้นไปอีกและเขายังพูดต่ออีกว่า “คุณต้องอธิบายมาเดี๋ยวนี้ ถ้ามันไม่สมเหตุสมผลละก็ เราจะได้ไปเจอกันในศาล!”
อันซูฮยอนหัวเราะเยาะก่อนจะพูดว่า “คราวนี้พยานหลักฐานชัดเจนอย่างมาก ถ้าเขายังไม่โดนจับประเทศจีนจะยังเป็นประเทศที่ปกครองด้วยกฏหมายได้อย่างนั้นเหรอ? ”
อันซูจุนในตอนนี้ก็ฉลาดมาก เขาเริ่มจะร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดแต่มันไม่ใช่การแสดงทั้งหมดเพราะในความเป็นจริงนั้น เขาก็รู้สึกเจ็บมากจริงๆ เพียงแค่ร้องออกมาเพื่อเพิ่มความเห็นใจ
เซี่ยเหล่ยจับไหล่ของอันซูจุนพร้อมกับบีบและพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ไม่มีใครทำร้ายคุณ ไม่มีใครบอกให้คุณคุกเข่า มันเป็นสิ่งที่คุณทำเองเพราะรู้สึกผิดนี่”
”คุณพูดอะไรไร้สาระ!” อันซูจุนพูดพร้อมลุกขึ้นยืนความกลัวที่มีก่อนหน้านี้ได้หายไปแล้ว
จังหวะนี้เซี่ยเหล่ยก็ไม่ได้สนใจอันซูจุนแล้ว เขาเดินออกไปด้านหน้ากลุ่มคนและเผชิญหน้ากับอันซูฮยอนซึ่งๆหน้า
”คุณต้องการจะทำอะไร?” อันซูฮยอนพูดและยังพูดอีกว่า “ถ้าคุณกล้าที่จะแตะต้องตัวผมที่นี่ล่ะก็ ก็เตรียมรับผลที่จะตามมาได้เลย”
เมื่ออันซูฮยอนพูดจบเซี่ยเหล่ยก็ยกมือขึ้นและจับไปที่ไหล่ของเขาพร้อมกับพูดว่า “แบบนี้หรือเปล่าที่เรียกว่าแตะต้อง?”
”คุณ …… ” พูดแต่ก็พูดออกมาไม่หมด เขากลืนคำพูดลงไปในคอเรียบร้อยแล้ว
เซี่ยเหล่ยตบไหล่ของอันซูฮยอนหนึ่งครั้งก่อนจะพูดว่า “อันซูฮยอน ในความเป็นจริงแล้วพวกเราก็ไม่ได้ลงรอยกันซักเท่าไหร่แต่เรื่องนี้คุณล้ำเส้นเกินไป จริงๆแล้วคนๆนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องกับคุณหรือไม่? ”
”แล้วยังไงหล่ะ?” อันซูฮยอนพูดพร้อมผลักมือของเซี่ยเหล่ยออกจากไหล่ตัวเอง และยังพูดต่ออีกว่า “คุณบอกว่าผมล้ำเส้นเกินไป ผมไม่รู้ว่าคุณหมายความว่ายังไงแต่ที่ผมบอกได้เลยก็คือมันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด จากเรื่องราวที่ผมได้ยินมาคือลูกพี่ลูกน้องของผมกำลังมีความรักกับน้อสาวของคุณ พวกเขารักกันมากและอาจจะเกิดเรื่องโรแมนติกขึ้นบนเตียง แต่จะว่ายังไงดีผมก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่า….. ”
เซี่ยเหล่ยขัดจังหวะพูดของอันซูฮยอนด้วยคำพูดว่า “ต้องการยั่วให้ผมโกรธงั้นเหรอ? มันยังไม่พอหรอกนะ และผมจะบอกอะไรคุณไว้ก่อนเลยว่า ลูกพี่ลูกน้องของคุณได้กระทำผิดทางอาญา และตอนนี้ก็กำลังรอการลงโทษจากกฎหมาย คุณคิดว่าจะพาเขาไปได้งั้นเหรอ? ตลกจริงๆ คุณคิดว่าที่นี่คือที่ไหนกันหล่ะ? ”
”คดีอาญาอะไร?” กงสุลสถานทูตเกาหลีใต้พูดขัดจังหวะและยังพูดต่ออีกว่า “คุณอย่ามาพูดอะไรไร้สาระ ผมจะพาเขาไปจากที่นี่และเดี๋ยวนี้”
เซี่ยเหล่ยหัวเราะเยาะเย้ยก่อนจะตอบกลับไปว่า “เขาอยู่ในสถานที่ที่เป็นสาธารณะพร้อมกับเปลือยกายและข่มเหงผู้หญิงอย่างไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด มันเป็นการกระทำที่อุกอาจและถือเป็นการกระทำที่ดูหมิ่นศักดิ์ศรีของพวกผู้หญิงเหล่านั้น หากไม่มีใครเข้าไปห้ามมันอาจจะร้ายแรงถึงขึ้นข่มขืนก็ได้ โชคดีที่ตำรวจได้เข้ามาจับกุมตัวเขาได้ทันเวลาและอีกอย่างเราก็พบว่าในตัวเขามียาเสพติดชนิดใหม่จำนวนหนึ่ง คุณรู้หรือไม่ว่าประเทศของเราเข้มงวดกับเรื่องนี้มากขนาดไหนและที่สุดแล้วแม้ว่าในชั้นศาลจะให้ความเห็นใจบ้าง แต่ผมเองก็ไม่รู้ว่าบทสรุปของเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปหรอกนะ ”
จู่ๆใบหน้าของอันซูจุนก็ซีดทันทีนั่นก็เพราะว่าเขาเองรู้ดีว่าตัวเองได้ใส่ยาเสพติดลงไปในแก้วไวน์ ซึ่งถ้าตรวจสอบก็จะพบอย่างแน่นอน
”คุณโกหก!” กงสุลสถานทูตเกาหลีพูดต่อว่า “ผมเตือนไว้ก่อนเลยว่า ถ้าหากไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดและมาพูดลอยๆแบบนี้ ผมจะฟ้องคุณในข้อหาหมิ่นประมาท! ”
”เจ้าคนโง่ ผมขี้เกียจเกินกว่าที่จะอธิบายให้คุณฟัง” เซี่ยเหล่ยพูดอย่างเฉยชาและหันไปพูดกับอันซูจุนต่ออีกว่า “คุณอาจจะกลบเกลื่อนเรื่องที่เกิดขึ้นกับพวกผู้หญิงเหล่านั้นได้ แต่คุณไม่มีทางที่จะกลบเกลื่อนเรื่องยาเสพติดชนิดใหม่ที่คุณใช้ได้หรอกนะ ผลที่ตามมามันจะทำให้คุณไม่สามารถไปที่ไหนได้อีกเหลยหล่ะ!!”
คนเหล่านี้ที่มาพร้อมกับอันซูฮยอนก็เพราะพวกเขาเล็งเห็นถึงผลประโยชน์ที่จะตามมาในอนาคตหากให้ช่วยเหลือเขาไว้ในตอนนี้แต่ถ้าหากเรื่องนี้มีความเสี่ยงที่จะพลอยโดนร่างแหไปด้วย พวกเขาก็ไม่อยากที่จะให้ความช่วยเพราะจะทำให้ตัวเองเสี่ยงไปด้วย
อันซูฮยอนเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดเสียงเข้มออกไปว่า “เรากลับกันก่อน!”
“พี่! ช่วยผมออกไปด้วย! ” อันซูจุนพูด
จังหวะนี้หลงบิงก็ได้ใช้ท้าเตะไปที่ข้อพับขาของอันซูจุน ทำให้เขาล้มลงไปกับพื้นอีกครั้ง
เมื่อเห็นถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นอันซูฮยอนและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆที่ติดตามมาด้วยก็ถอยกลับไปก่อนเหลือไว้เพียงแค่อันซูจุนที่ตอนนี้เขามีความรู้สึกกลัวขึ้นอีกครั้ง
อันซูฮยอนกระพริบตาเล็กน้อยก่อนจะพูดออกไปว่า “ซู ทำใจให้สบาย ผมจะพาคุณออกไปจากที่นี่ให้ได้แต่ในสองสามวันนี้คุณจะต้องอยู่ที่นี่ก่อนและอย่าพูดอะไรเป็นอันขาด ”
”ผม…… ” อันซูจุนกัดริมฝีปากล่างและพยักหน้า
อันซูฮยอนมองไปที่เซี่ยเหล่ยหนึ่งครั้งด้วยความโกรธแค้นและหันหลังกลับพร้อมกับเดินออกไป
”เดี๋ยวก่อน” เซี่ยเหล่ยตะโกนเรียกให้อันซูอยอนหยุดหลังจากนั้นเขาก็เดินเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของอันซูอยอนว่า “บอดี้การ์ดของน้องสาวผมอยู่ที่ไหน?”
อันซูฮยอนหัวเราะเยาะเย้ยก่อนพูดว่า “ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร”
”คุณสามารถแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้แต่สิ่งที่ผมจะบอกก็คือถ้าหากตอนนี้เขาตายไปแล้ว คุณเองก็จะมีชะตากรรมแบบเดียวกับเขา” เซี่ยเหล่ยกระซิบ
”คุณขู่ผมงั้นเหรอ?” อันซูฮยอนถาม
”มันเป็นคำเตือนและก็อีกอย่าง…อย่ามายุ่งกับน้องสาวผมอีกไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าผมไม่เตือน” เซี่ยเหล่ยกระซิบ
อันซูฮยอนต้องการที่จะแก้แค้นเซี่ยเหล่ยแต่หลังจากได้ฟังคำพูดท่าทางและดวงตาของเขาในตอนนี้ เขาไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้เลย…….ไอรีนโนเวล.
สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ตอบอะไรและพากลุ่มคนที่ติดตามมาด้วยกลับออกไปอย่างผู้แพ้
แต่ก่อนที่จะออกไปจนหมดชูคูรีและคิมจียอนก็หันกลับมาพร้อมกันเพื่อมองไปที่เซี่ยเหล่ยหนึ่งครั้ง
นี่ดูเหมือนจะเป็นสัญญาณอะไรบางอย่าง การที่ลู่เชิงหายตัวไปมันอาจจะเกี่ยวข้องกับสองคนนี้ก็เป็นได้
เซี่ยเหล่ยเดินกลับไปยังห้องขัง
”คุณทำถูกแล้ว” หลงบิงพูดต่อว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ฉันคิดว่าอันซูฮยอนต้องการทำให้คุณโกรธมากแต่เมื่อคุณต้องเผชิญหน้ากับเขา คุณกลับใจเย็นกว่าที่คิด !”
เซี่ยเหล่ยยิ้มเจื่อนๆพร้อมพูดว่า “แม้จะอยากจัดการเขามากแค่ไหนแต่เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับชีวิตของลู่เชิง ผมจึงต้องอดทนเอาไว้ก่อน ”
”เมื่อกี้ที่คุณไปคุยกับอันซูฮยอนคุณ…..” หลงบิงพูด
แต่ยังไม่ทันที่หลงบิงจะพูดจบเซี่ยเหล่ยก็พยักหน้าเสียก่อนเพราะรู้ว่าเธอจะพูดอะไรต่อ
หลงบิงยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยพร้อมพูดขึ้นว่า “ฉันจะรีบเตรียมการให้เร็วที่สุด แต่ตอนนี้คุณยังพอมีเวลาเหลืออยู่ จะทำอะไรก็รีบทำ”
เซี่ยเหล่ยพยักหน้าพร้อมกับดูหลงบิงที่เดินออกไป ในตอนที่เซี่ยเหล่ยเดินไปกระซิบกันอันซูฮยอน เขาได้แอบใส่เครื่องดักฟังขนาดเล็กเท่าเมล็ดข้าวลงไปในกระเป๋าเสื้อของเขานี่เป็นครั้งที่สองที่เขาใช้เทคโนโลยีและเทคนิคของฉิงเสวียงกับอันซูฮยอน
เมื่อหลงบิงออกไปแล้ว เซี่ยเหล่ยก็เดินกลับไปหาอันซูจุนพร้อมพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า “ตอนนี้คุณอายุยังน้อย ถ้าถูกตัดสินจำคุกก็คงจะราวๆ 10 ปี 20 ปีแต่ผมจะให้โอกาสคุณ บอกมาว่าตอนนี้บอดี้การ์ดของน้องสาวผมอยู่ที่ไหน? ”
อันซูจุนหลบหน้าของเซี่ยเหล่ยและไม่ได้ตอบคำถาม
เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นอีกว่า “โทษของคุณอาจสูงถึงประหารชีวิตได้เลยนะ”
”เหอะ! ผมไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น!” อันซูจุนพูดอย่างเย่อหยิ่งและยังพูดอีกว่า “ผมจะได้ออกไปจากที่นี่ อีกไม่นานเขาก็จะช่วยผมให้ออกไป!”
เซี่ยเหล่ยหัวเราะก่อนจะถอนหายใจและพูดว่า “โอเค ผมจะทำให้โทษเรื่องใช้ยาเสพติดของคุณเพิ่มเข้าไปอีก และผมจะคอยดูว่าเขาจะช่วยคุณได้หรือไม่? ”
”คุณกล้าทำงั้นเหรอ!” อันซูจุนพูดอย่างเย่อหยิ่ง
เซี่ยเหล่ยใช้เท้าเตะไปที่ระหว่างขาของอันซูจุน
”อ๊ากกกกก” อันซูจุนร้องด้วยความเจ็บปวดและล้มลงไปนอนตัวงอเหมือนกับกุ้ง
”ผมจะให้โอกาสสุดท้ายกับคุณบอกมาเดี๋ยวนี้ว่าบอดี้การ์ดของน้องสาวผมอยู่ที่ไหน?” เซี่ยเหล่ยพูด
”ผม …… ไม่รู้ …… อย่าเตะผมอีกเลยนะ …… มันคงใช้การไม่ได้หากคุณเตะมันอีกครั้ง…… ” อันซูจุนพูดพร้อมน้ำตาและน้ำมูกที่ไหลออกมาด้วยความเจ็บปวด
”ฮ่าฮ่า…ทำตัวดีๆเอาไว้หล่ะเพราะหลังจากเข้าไปอยู่ในคุกแล้วเหล่านักโทษในนั้นคงจะหลงรักคุณมากเลยหล่ะ!” เซี่ยเหล่ยทิ้งคำพูดสุดท้ายไว้ให้เขาพร้อมกับเดินออกจากห้องขัง
อันซูจุนยังคงน้องร้องไห้อยู่ที่พื้นในหูของเขายังได้ยินและสะท้อนคำพูดสุดท้ายของเซี่ยเหล่ยอยู่ตลอดเวลา
เมื่อออกมาจากสถานีตำรวจ รถของหลงบิงก็จอดอยู่ริมถนนด้านหน้าพอดีบนคอนโซลมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พร้อมหน้าจอแสดงผลที่แสดงจุดสีแดงๆอยู่ จุดสีแดงๆนั้นกำลังเคลื่อนที่แน่นอนว่าเป็นตำแหน่งของอันซูฮยอน
มันเป็นเครื่องระบุตำแหน่งของสำนักงานลับ101
เมื่อเซี่ยเหล่ยขึ้นรถเรียบร้อยแล้วเธอก็เริ่มออกรถทันที จังหวะเดียวกันนี้เธอก็ถามเซี่ยเหล่ยว่า “เป็นยังไงบ้าง ได้อะไรเพิ่มเติมหรือไม่?”
เซี่ยเหล่ยส่ายหัวพร้อมพูดว่า “ดูเหมือนเขาจะไม่รู้”
”ไม่ต้องกังวล ลู่เชิงจะต้องไม่เป็นอะไร” หลงบิงพูดปลอบใจและยังพูดต่ออีกว่า “ที่นี่คือประเทศจีน ฉันคิดว่าอันซูฮยอนคงไม่กล้าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าแน่นอน”
เซี่ยเหล่ยถอนหายใจเบาพร้อมพูดว่า “หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะ”
”อ้อใช่….ฉันมีเรื่องจะบอกคุณ ” หลงบิงพูด
”เรื่องอะไร?” เซี่ยเหล่ยถาม
”ได้ยินมาว่าเหล่านักวิจัยดูเหมือนตอนนี้จะมีปัญหากันอยู่ ” หลงบิงพูด
เซี่ยเหล่ยสนใจทันทีและพูดขึ้นว่า “คุณกำลังพูดถึงกลุ่มนักวิจัยที่มีหนิงจิงอยู่ในกลุ่มด้วยใช่ไหม?”
”ใช่” หลงบิงตอบ
”พวกเขามีปัญหาอะไรงั้นเหรอ?” เซี่ยเหล่ยถาม
”ฉันเองก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ เพียงแต่ได้ยินข่าวลือมา” หลงบิงตอบ
ไม่รู้ว่าทำไมพอพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาในหัวของเซี่ยเหล่ยก็จะมีภาพของเจ้าหญิงหยงเหม่ยลอยเข้ามาในหัวทุกที
ตอนนี้เครื่องส่งสัญญาณบอกว่าตำแหน่งรถของพวกเขาห่างจากตำแหน่งรอของอันซูฮยอนอยู่ประมาณสองกิโลมเมตรแล้ว…….
ติดตามตอนต่อไป……….