Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 378 คู่แข่งทางธุรกิจ !
TXV –
TXV– 378 คู่แข่งทางธุรกิจ !
ใช้เวลาไม่นานทั้งเถียนจุนและทหารติดตามของเขาก็หายไปจากโกดังสินค้าจนหมด
“ลูคัสคุณโอเคไหม?” อเลน่ารีบถามทันทีเพราะเธอกังวลว่าเซี่ยเหล่ยจะได้รับบาดเจ็บจากการโดนรุมทำร้ายก่อนหน้านี้
เซี่ยเหล่ยตบไหล่ของอเลน่าเบาๆก่อนจะพูดขึ้นว่า “ผมไม่เป็นไร ผมสบายดี คุณกลับไปทำงานของคุณเถอะ ไม่ต้องห่วงผม”
“อืม” อเลน่าตอบพร้อมกับเดินออกจากโกดังสินค้าไปและตรงไปยังออฟฟิศทันที จังหวะที่เธอสวนกับถ่างหยูเหยี่ยเธอก็พยักหน้าให้กับถ่างหยู่เหยี่ยหนึ่งครั้ง ถ่างหยู่เหยี่ยเองก็พยักหน้าให้เธอหนึ่งครั้งเช่นกัน
หลังจากอเลน่าเดินออกไปแล้ว เซี่ยเหล่ยก็พูดขึ้นทันทีว่า “ผมรู้ว่า…คุณรู้ว่าใครบงการเรื่องนี้ดังนั้นบอกผมได้รึปล่าว ?”
ถ่างหยู่เหยี่ยเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า “มันไม่ใช่ใครแต่เป็น….บริษัท”
“บริษัทงั้นเหรอ?” เซี่ยเหล่ยรู้สึกแปลกใจอย่างมาก
“บริษัทฮั่น” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดและพูดต่ออีกว่า “บริษัทที่ผลิตอาวุธที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเราทั้งผลิตอาวุธ กระสุน เครื่องป้องกัน เรียกได้ว่าครบวงจรเลยก็ว่าได้”
หลังจากฟังถ่างหยู่เหยี่ยพูด เซี่ยเหล่ยก็เข้าใจทันที เขาสร้างโรงงานผลิตอาวุธขึ้นมาหลังจากนั้นก็สร้างปืนไรเฟิลที่ดีที่สุดขึ้นมาเหมือนกันแน่นอนว่าเรื่องนี้จะทำให้ผู้คนทั่วทั้งโลกหันมาสนใจมากมายนี่ถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเขาแต่ถ้าให้พูดอีกนัยหนึ่งก็คือเรื่องนี้จะเป็นการขัดแข้งขัดขาบริษัทอื่นที่ตีตลาดด้านการผลิตอาวุธและส่งขายมาก่อนบริษัทเขาอย่างแน่นอน
ถ้าปืนไรเฟิลซุ่มยิง XL2500 ของเซี่ยเหล่ยได้ไปจัดแสดงที่งานนิทรรศการอาวุธแล้วด้วยประสิทธิภาพที่มีมากกว่าปืนไรเฟิลทุกชนิดบนโลกจะทำให้มันมีชื่อเสียงขึ้นมาได้อย่างแน่นอนสิ่งที่จะตามมาคือคำสั่งซื้อจำนวนมหาศาลดังนั้นเรื่องนี้อาจจะทำให้ บริษัทฮั่น กลัวจึงต้องส่งเถียนจุนมาจัดการเรื่องนี้ก่อนที่เซี่ยเหล่ยจะได้นำปืนไรเฟิลไปจัดแสดง
การปรากฏตัวของเถียนจุนอาจจะเป็นสัญญาณการเริ่มสงครามทางการค้าระหว่างทั้งคู่ในธุรกิจด้านอาวุธก็เป็นได้!
ถ่างหยู่เหยี่ยยิ้มอย่างขมขื่นก่อนจะพูดขึ้นว่า “ฉันเพิ่งได้ยินเรื่องนี้จากพ่อเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน ฉันจึงรีบมาที่นี่ทันที”
เซี่ยเหล่ยตอบกลับไปว่า “ไม่เป็นไร ว่าแต่…ใครเป็นผู้บริหารของ บริษัทฮั่น หล่ะ?”
“เขาชื่อ เย่คุน” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดต่ออีกว่า “เขาเป็นลูกศิษย์ที่มู๋เจียนเฟิง ที่เขาภาคภูมิใจมาก”
เซี่ยเหล่ยขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า “มู๋เจียนเฟิงมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยงั้นเหรอ?”
ถ่างหยู่เหยี่ยตอบกลับไปว่า “เรื่องนี้ก็ยังไม่แน่ใจแต่ที่แน่ๆคือเราในตอนนี้ไปขัดผลประโยชน์ของพวกเขาเข้าแล้วสำหรับเรื่องความสัมพันธ์ของมู๋เจียนเฟิงและเย่คุน นั้น …… อืม….มันก็เป็นเรื่องยากที่จะพูด” พูดเสร็จก็ยังพูดต่ออีกว่า “แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนที่ฉันมาจริงๆในวันนี้ก็เพราะจะมาบอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เราจะบินไปกรุงมอสโคในวันพรุ่งนี้”
“เข้าใจแล้ว แต่เรื่องที่ผมไม่เข้าใจตอนนี้ก็คือพวกเขาต้องทำถึงขนาดนี้ด้วยงั้นเหรอ? พวกเขาควรจะไปพัฒนาประสิทธิภาพของอาวุธตัวเองไม่ดีกว่างั้นเหรอ?” เซี่ยเหล่ยพูดออกมาด้วยความโกรธ
“ที่คุณพูดมามันก็ถูกแต่อย่างไรก็ตามบริษัทของคุณที่เพิ่งจะเปิดตัวใหม่ขึ้นในอุตสาหกรรมการผลิตอาวุธ คู่แข่งของคุณที่อยู่มาก่อน เมื่อพวกเขารู้ว่าคุณจะเข้ามาแข่งขันด้วย เขาจะต้องทำทุกวิธีทางให้คุณล้มเหลวอยู่แล้ว มันเป็นวิธีที่ง่ายกว่าการจะไปลงทุนพัฒนาประสิทธิภาพปืนของตัวเองให้ดีขึ้นดังนั้นไม่มีทางที่พวกเขาจะเฝ้าดูคุณกอบโกยผลประโยชน์มหาศาลโดยไม่ทำอะไรหรอกนะ แต่ยังไงซะบริษัทของคุณก็ยังมีจุดแข็งที่พวกเขาไม่มีอยู่” ถ่างหยู่เหยี่ยพูด
เซี่ยเหล่ยหัวเราะเบาๆก่อนจะพูดว่า “ คุณจะบอกว่าเรื่องนี้เป็นความผิดของผมงั้นเหรอ?”
“ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดและพูดต่ออีกว่า “ ฉันรู้ว่าคุณโกรธมากแต่ฉันอยากจะบอกคุณว่าต่อให้คุณโกรธไปก็ไม่มีประโยชน์ คุณควรจะคิดหาทางป้องกันใช้สติและตอบโต้กลับกับพวกเขาจะดีกว่านะ”
“ใช้สติและตอบโต้พวกเขางั้นเหรอ…” เซี่ยเหล่ยคิดในใจ
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ต้องการเห็นโรงงานผลิตอาวุธของเซี่ยเหล่ยเติบโต แต่เซี่ยเหล่ยในตอนนี้ต้องการจะผลักดันบริษัทของตัวเองให้เติบโตเทียบเท่ากับ Lockheed Martin ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอาวุธของประเทศเยอรมันเลยทีเดียวเพื่อให้พวกเขาได้เห็นจุดยืนของเซี่ยเหล่ยอย่างชัดเจน!
“เข้าใจหรือเปล่า?” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพร้อมมองไปที่เซี่ยเหล่ยด้วยความสงสัยว่าเข้าใจที่พูดจริงๆหรือเปล่า
เซี่ยเหล่ยยิ้มและหัวเราะอย่างเป็นธรรมชาติพร้อมกับพูดว่า ”ขอบคุณสำหรับคำเตือนและความคิดเห็น ผมเข้าใจแล้วไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครหรือต้องการจะทำอะไร ผมก็ไม่กลัวทั้งนั้น ผมจะไม่ทำอะไรนอกเกมส์เด็ดขาดเพราะผมเชื่อว่าประเทศของเราไม่ใช่ประเทศที่มีผู้มีอิทธิพลอยู่เหนือกฏหมายที่จะสามารถเปลี่ยนจากดำให้เป็นขาวได้ ”
ถ่างหยู่เหยี่ยได้ยินเซี่ยเหล่ยตอบก็ยิ้มก่อนจะพูดว่า “ถ้าคุณเข้าใจก็ดีแล้ว ตอนนี้พาฉันไปดูโรงงานได้หรือไม่ ฉันสงสัยว่าปืนไรเฟิลพวกนี้มันผลิตขึ้นมาได้อย่างไร?”
“ผมจะให้ฉิงเสวียงพาคุณไปดูก็แล้วกันเพราะพรุ่งนี้ผมก็ต้องไปประเทศรัสเซียแล้ว ผมต้องทำความเข้าใจบางอย่างกับอเลน่าก่อน” เซี่ยเหล่ยพูด
“อืม งั้นตามสบาย” ถ่างหยู่เหยี่ยพูด
เซี่ยเหล่ยโทรไปเรียกให้ฉิงเสวียงมาที่โกดังสินค้าและพาถ่างหยู่เหยี่ยเดินชมการผลิตปืนไรเฟิล ส่วนเขาก็รีบกลับไปที่ออฟฟิศทันที
อเลน่าที่อยู่ในห้องและกำลังดูพิมพ์เขียวอยู่เมื่อเห็นว่าเซี่ยเหล่ยเดินเข้ามาก็พูดขึ้นว่า “ลูคัส…ฉันค่อนข้างกังวล”
“คุณกังวลเรื่องอะไร?” เซี่ยเหล่ยถาม
“คุณทำร้ายทหารพวกนั้น ดังนั้นคุณอาจจะเดือนร้อนจากเรื่องนี้ได้” อเลน่าพูดอย่างไม่สบายใจ
เซี่ยเหล่ยยิ้มก่อนตอบไปว่า “เรื่องนี้งั้นเหรอ? ไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องใส่ใจ”
”แต่……” อเลน่าพูดด้วยความกังวล
จังหวะเดียวกันนี้เซี่ยเหล่ยก็จับมือของเธอก่อนจะพูดขัดจังหวะเธอว่า ”อย่าลืมว่าความฝันของพวกเราคือการสร้างบริษัทผลิตอาวุธที่มีชื่อเสียงระดับโลก ปืนไรเฟิลซุ่มยิง XL2500 ของเราเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น”
อเลน่าเองก็จับมือของเซี่ยเหล่ยเช่นกันจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “อื้ม… ถ้าคุณพูดแบบนั้นฉันก็รู้สึกสบายใจ บริษัทที่มีคุณเป็นผู้บริหารจะต้องเติบโตจนกลายเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงระดับโลก เวลาที่ฉันมีปัญหาหรือทุกข์ใจ ฉันจะนึกถึงคำพูดนี้ของคุณและจะให้มันกลายเป็นแรงผลักดันสำหรับฉัน เราจะสร้างฝันนี้ให้เป็นจริงขึ้นด้วยกัน!” ไอลีนโนเวล
“ใช่…ผมต้องไปประเทศรัสเซียในวันพรุ่งนี้แล้ว” เซี่ยเหล่ยพูดและพูดต่ออีกว่า “ ก่อนไป ผมมีเรื่องต้องทำความเข้าใจกับคุณก่อน”
“เรื่องอะไรงั้นเหรอ?” อเลน่าพูดพร้อมตั้งใจฟัง
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “ผมคิดว่าเมื่อผมไปแล้ว คนพวกนั้นจะต้องกลับมาที่นี่อีกแน่นอนดังนั้นคุณต้องระวังให้ดีอย่างให้พวกเขาเอาอะไรไปได้แม้แต่ข้อมูลในฮาร์ดดิส”
อเลน่าพยักหน้าก่อนตอบว่า “อืม ฉันเข้าใจ”
“แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือเหล่าเครื่องจักรสำหรับผลิตปืนไรเฟิลของเรา” เซี่ยเหล่ยพูดและพูดต่ออีกว่า“ เครื่องจักรทั้งหมดที่ใช้ในการสร้างปืนไรเฟิลของเราถือเป็นความลับระดับสุดยอด อย่าให้ใครรู้ข้อมูลเกี่ยวกับมันได้เด็ดขาด”
“ชิ้นส่วนเหล่านั้นคุณเป็นคนออกแบบเองแล้วแต่ละชิ้นไม่มีความเหมือนกันเลย” อเลน่าพูดพร้อมยิ้มก่อนจะพูดขึ้นอีกว่า “ลูคัส จริงๆเราทำลายพิมพ์เขียวของเครื่องมือและเครื่องจักรเหล่านี้เลยก็ได้นะ เพราะต่อให้คนอื่นจะมาเห็นถึงรูปร่างหรือลักษณะหน้าตาและการทำงานของมันแต่พวกเขาก็จะไม่รู้ถึงเคล็ดลับการทำงานด้วยชิ้นส่วนที่ผลิตพิเศษขึ้นมาอย่างแน่นอน และเมื่อเป็นเช่นนั้นก็จะไม่มีใครสามารถผลิตเครื่องจักรเลียนแบบเราได้”
“’งั้นเรามาเริ่มทำลายข้อมูลกันเลยดีกว่า” เซี่ยเหล่ยพูด
“อื้ม มันง่ายมาก” อเลน่าเปิดคอมพิวเตอร์พร้อมกับลบไฟล์ในฮาร์ดดัสทั้งหมด
ส่วนเซี่ยเหล่ยก็หยิบพิมพ์เขียวไปเผาในเตาเผาเช่นกัน
สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดของเหตุการณ์ก่อนหน้านี้คือเถียนจุนสามารถนำปืนไรเฟิลกลับไปได้ยี่สอบกระบอกแน่นอนว่าเขาจะต้องนำไปให้บริษัทฮั่นที่นั่นจะมีทีมนักวิจัยคอยแยกชิ้นส่วนเพื่อสร้างชิ้นส่วนใหม่ที่เลียบนแบบขึ้นมาแต่อย่างไรก็ตามพวกเขาจะทำได้เพียงลอกเลียนแบบเฉพาะหน้าตาเท่านั้นเพราะไม่มีทางที่จะทำให้ปืนไรเฟิลให้มีประสิทธิภาพเทียบเท่าปืนไรเฟิลที่ผลิตออกมาจากโรงงานของเซี่ยเหล่ยที่ผ่านเครื่องจักรที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยเฉพาะได้อย่างแน่นอน
เมื่อได้จัดการกับเรื่องนี้เรียบร้อยแล้วเซี่ยเหล่ยก็สามารถไปประเทศรัสเซียได้อย่างโล่งใจ
กริ๊งงง กริ๊งงง…..
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น….
เซี่ยเหล่ยรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมกับรับสาย
เป็นเสียงของยามเฝ้าประตูพูดว่า “ผู้อำนวยการเซี่ย มีผู้หญิงคนหนึ่งต้องการพบคุณ”
“เธอบอกหรือไม่ว่าเป็นใครหรือชื่ออะไร” เซี่ยเหล่ยถาม
จู่ๆเสียงของผู้หญิงคนนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “ฉันมีเรื่องจะพูดกับคุณ”
มันเป็นเสียงของฟู่หมิงเหม่ย เซี่ยเหล่ยจำได้ในทันที
ในเวลานี้ ฟู่หมิงเหม่ยมาทำไมกันนะ?
ด้วยความอยากรู้ เซี่ยเหล่ยจึงออกจากออฟฟิศและตรงไปยังทางเข้าทันที
ฟู่หมิงเหม่ยยืนรออยู่ตรงประตูทางเข้าโรงงานด้านนอกโรงงานตรงถนนมีรถยนต์ส่วนตัวของเฉินตูเทียนหยิน Rolls-Royce Phantom สีเงินจอดอยู่
ในขณะที่เดินเข้าไปหาฟู่หมิงเหม่ย เซี่ยเหล่ยก็ได้พูดนำขึ้นมาก่อนว่าหมิงเหม่ย มีอะไรงั้นเหรอ?” พูดเสร็จก็มองไปที่รถแต่เขาไม่เห็นว่าเฉินตูเทียนหยินอยู่ภายในนั้น
“ไม่ต้องมองหรอก เธอไม่ได้อยู่ข้างในแต่เธอขอให้ฉันมารับคุณ” ฟู่หมิงเหม่ยพูด
“เทียนหยินต้องการเจอผมงั้นเหรอ? เรื่องอะไรหล่ะ เกิดอะไรขึ้นกับเธอหรือเปล่า?” เซี่ยเหล่ยถาม
ฟู่หมิงเหม่ยตอบกลับไปว่า “แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ดี มันไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรหรอกนะ”
“คุณช่วยพูดให้ชัดเจนหน่อยได้ไหม” เซี่ยเหล่ยตอบก่อนจะพูดขึ้นอีกว่า “ตอนนี้ผมยุ่งมากพรุ่งนี้ผมก็ต้องไปประเทศรัสเซียอีก ผมมีงานต้องเคลียก่อนจะไปด้วย ดังนั้นถ้าไม่มีอะไรสำคัญผมขอตัวก่อน”
ฟู่หมิงเหม่ยทำหน้าบึ้งก่อนจะพูดว่า “เดี๋ยวนี้คุณคงจะยุ่งมาก จนไม่มีเวลาไปหาเธอเลยสินะ”
เซี่ยเหล่ยยิ้มอย่างขมขื่นก่อนจะพูดว่า “คุณก็รู้ว่าผมไม่ใช่คนแบบนั้น ตกลงมีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?”
“มีใครบางคนต้องการพูดคุยกับคุณเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจ” ฟู่หมิงเหม่ยพูด
“ใคร?” เซี่ยเหล่ยถาม
“เป็นชายร่างใหญ่ แต่ฉันไม่รู้จักชื่อเขา” ฟู่หมิงเหม่ยยังพูดต่ออีกว่าแต่อย่างไรก็ตามการที่เทียนหยินให้ฉันออกมารับคุณไปพบกับเขาแสดงว่าเขาต้องเป็นคนที่มีอืทธิพลหรือไม่ก็มีอำนาจมาก ฉันอยากให้คุณไปพบเขาหน่อยคิดดูสิว่าขนาดเทียนหยินยังขอให้ฉันมารับคุณเองเลย เป็นแบบนี้แล้วคุณจะไปหรือไม่ไปหล่ะ?”
เซี่ยเหล่ยคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบไปว่า “เอาล่ะ ผมจะไปเจอเขาแต่ผมจะขับรถไปเอง”
“อืม ฉันจะรอคุณ” ฟู่หมิงเหม่ยพูดพร้อมยิ้มให้เซี่ยเหล่ย
ติดตามตอนต่อไป…….