Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 382 ชุดเรืองแสง !
TXV –
ภายใต้ความมืดมิดในตอนนี้ก็ยังมีแสงไฟจากโคมไฟตามท้องถนนที่ช่วยให้แสงสว่างกับเมืองเมืองป๋ายลู่ที่เงียบสงบ
ขณะนี้แม้ว่าผู้คนภายในเมืองจะหลับกันไปแล้วแต่ที่โรงงานผลิตอาวุธของเซี่ยเหล่ยเหล่าคนงานยังคงทำงานอย่างกระตือรือร้น มันไม่ใช่ว่าพวกเขามีจิตสำนึกในการทำงานหรือมีความแน่วแน่ในการทำงานแต่เป็นเพราะพวกเขาได้รับเงินโบนัสจากเซี่ยเหล่ยมากมายโดยไม่มีข้อแม้เลย
เงินที่ใช้จ่ายโบนัสให้กับบรรดาคนงานของเขาก็มาจากเงินที่เขาชนะการเดิมพันของอันซูฮยอนและเย่คุนนั่นเองซึ่งวิธีนี้ถือว่าได้ประโยชน์ทั้งสองทางคือไม่ต้องสูญเสียคนงานให้กับเย่คุนและไม่ต้องออกเงินของตัวเอง
ทั้งหมดนี้เป็นการเตรียมการให้พร้อมทุกอย่างก่อนที่เขาจะเดินทางไปประเทศรัสเซียด้วยเครื่องบินในวันพรุ่งนี้
ในเวิกร์ช็อปเซี่ยเหล่ยได้จัดเก็บของทุกอย่างให้เข้าที่และเรียบร้อย ก่อนจะหยิบปากกาขึ้นมาและเขียนอะไรบางอย่างลงไป มันเป็นข้อความที่เซี่ยเหล่ยเห็นจากหนังสือสำริดในตอนที่เขาอยู่กองทัพทหาร
ข้อความในหนังสือสำริดนั้นแปลกมาก เซี่ยเหล่ยต้องใช้เวลาหนึ่งนาทีต่อการเขียนตัวอักษรหนึ่งตัว เมื่อเขียนเสร็จเซี่ยเหล่ยก็มองตัวหนังสือซ้ายทีขวาที สุดท้ายเขาก็ส่ายหัวเพราะไม่เข้าใจความหมายของมัน
“เดี๋ยวก่อนนะ…..” เซี่ยเหล่ยคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ในหัวก่อนจะคิดต่อว่า “หนิงจิงเคยบอกว่าผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาษาเคยเห็นข้อความพวกนี้แล้วแต่พวกเขาก็ไม่สามารถตีความได้ หรือว่า…มันจะไม่ใช่ข้อความ?”
ความคิดนี้บันเจิดมาก…
เมื่อคิดได้ดังนั้น เซี่ยเหล่ยจึงมองกลับไปที่ข้อความนั้นอีกครั้งพร้อมพยายามใช้จินตนาการของตัวเองให้มากที่สุด เขาพยายามมองผ่านๆก็จะเห็นถึงความแตกต่าง ถ้ามองวงกลมเล็กๆตรงนั้นให้สร้างสรรค์มันก็จะคล้ายๆกับหัวมนุษย์ ส่วนเส้นต่างๆที่อยู่ด้านข้างก็เป็นแขนขา ส่วนลายเส้นอื่นๆก็กลายเป็นอวัยวะอื่นๆ มันก็อาจจะเป็นไปได้
หลังจากมองไประยะเวลาหนึ่ง เซี่ยเหล่ยก็คิดในใจพร้อมกับขมวดคิ้วว่า “ถ้ามันไม่ใช่ข้อความ ทำไมต้องมาเขียนในหนังสือสำริดด้วย มันมีความเกี่ยวข้องกันยังไงนะ?”
คำถามและความสงสัยทั้งหมดดูเหมือนจะตอบยากเกินไปสำหรับตอนนี้
“ฮ่าฮ่า…” จู่ๆก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นภายในห้องทำงาน
เซี่ยเหล่ยตกใจก่อนจะหันไปมองรอบๆห้องแต่ก็ไม่พบว่ามีใครอยู่ด้วยกับเขาเลย เขาจึงคิดไปว่าอาจจะหู่แว่วก็ได้
“ฮ่าฮ่า….” เสียงหัวเราะของผู้หญิงยังคงหัวเราะขึ้นอีกครั้ง
ครั้งนี้ชัดเจนแล้วว่าเซี่ยเหล่ยไม่ได้หู่แว่วไป
เสียงของผู้หญิงคนนี้ดูเด็กและใสมากและเนื่องจากเซี่ยเหล่ยไม่รู้ว่าต้นเสียงมาจากไหน มันทำให้เซี่ยเหล่ยรู้สึกแปลกใจอย่างมาก!
แต่จู่ๆเซี่ยเหล่ยก็นึกได้ว่าเสียงนี้มันคับคล้ายคับคลากับเสียงที่เขาเคยได้ยินตอนที่อยู่ที่ซากปรักหักพังของชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์ ด้วยความคิดนี้ทำให้ร่างกายของเซี่ยเหล่ยแข็งทื่อในทันที
ทันใดนั้นโคมไฟภายในห้องก็ดับ ภายในห้องมิดสนิท
ประตูทางเข้าห้องทำงานของเซี่ยเหล่ยค่อยๆเปิดออกพร้อมกับมีผู้หญิงคนหนึ่งสวมกระโปรงยาวสีขาวปรากฏตัวขึ้น รอบตัวเธอมีแสงออร่าสีขาวส่องสว่าง
“!” เซี่ยเหล่ยตกใจจนไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้เลย เขาสะดุ้งจนเกือบจะตกเก้าอี้
เนื่องจากแสงออร่าที่ส่องสว่างทำให้เซี่ยเหล่ยเห็นใบหน้าของเธอไม่ชัด
ผู้หญิงคนนั้น เธอเดินเข้ามาหาเซี่ยเหล่ยอย่างช้าๆ ระหว่างทางที่เดินเข้ามามีลมพัดไปโดนกระโปรงของเธอมันพัดขึ้นมาจนทำให้เห็นต้นขาของเธอ มันขาวและยาวสวยเหมือนกับตะเกียบงาช้าง
เซี่ยเหล่ยเลื่อนสาวตาขึ้นไปมองหน้าของเธอ ทันใดนั้นเขาก็ต้องกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจสุดขีด
เธอไม่ใช่ปีศาจที่ไหน แต่เป็นอเลน่า
“ฮ่าฮ่าฮ่า…” อเลน่าหัวเราะเสียงดังมาก
มุมปากของเซี่ยเหล่ยยิ้มเล็กน้อยอย่างขมขื่นก่อนจะพูดว่า ”คุณเล่นอะไรของคุณเนี่ย!”
“ฮ่าฮ่า…ฉันซื้อมันมาจาก Taobao ฉันต้องการใส่ให้คุณดู” อเลน่าพูดพร้อมเดินไปที่เซี่ยเหล่ยและพูดต่ออีกว่า “มันน่าสนใจใช่ไหมหล่ะ?” (คิดว่าเป็นเดรสยาวสีขาวที่เรืองแสงได้ในที่มืด อะไรทำนองนั้น)
เซี่ยเหล่ยยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “คุณชอบอะไรแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ?”
อเลน่าเดินไปนั่งบนขาของเซี่ยเหล่ยก่อนจะพูดว่า “มันน่าสนใจดี ว่าแต่คุณไม่ชอบงั้นเหรอ?”
เซี่ยเหล่ยมองไปที่อเลน่าก่อนจะพูดว่า “เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนแต่ก่อนอื่นวันนี้คุณไม่ใส่กางเกงในอีกแล้วนะ”
เซี่ยเหล่ยพูดเพราะเห็นก่อนหน้านี้ ในช่วงที่ลมพัดจนกระโปรงเธอเปิดขึ้นมา
“ฉันรู้ว่าคุณชอบฉัน” อเลน่าพูด
เซี่ยเหล่ย “…… ”
อเลน่าเอาหน้าเข้าไปใกล้กับเซี่ยเหล่ยก่อนจะกัดไปที่ริมฝีปากของเขาด้วยริมฝีปากที่อ่อนนุ่มของเธอ
จนมันกลายเป็นค่ำคืนที่ยาวนานสำหรับพวกเขาคู่….
เช้าวันรุ่งขึ้นถ่างหยู่เหยี่ยได้ขับรถมาที่โรงงานผลิตอาวุธ หลงบิงและถ่างปั่วฉ่วนเองก็มาเช่นกัน
ตอนนี้ปืนไรเฟิลทั้งสี่กระบอกได้จัดเตรียมสำหรับขนส่งเรียบร้อยแล้ว รอแค่เซี่ยเหล่ยพร้อมเท่านั้น
อเลน่าเดินไปกอดเซี่ยเหล่ยพร้อมกับกระซิบว่า “ระวังตัวด้วยหล่ะ ไปถึงแล้วโทรหาฉันด้วย”
“อื้ม ไปถึงที่โน่นแล้วผมจะโทรกลับมา” เซี่ยเหล่ยตอบ
ในระหว่างที่อเลน่าและเซี่ยเหล่ยกำลังกอดและกระซิบกันอยู่นั้น ถ่างหยู่เหยี่ยที่เห็นพวกเขาอยู่ตลอดเวลาได้พูดขึ้นว่า “เซี่ยเหล่ยกับอเลน่ามีความสัมพันธ์ยังไงกันแน่นะ?”
“ถามฉันงั้นเหรอ?” หลงบิงพูดเพราะเธอยืนอยู่ใกล้กับถ่างหยู่เหยี่ย
“ก็คุณน่าจะรู้เรื่องของพวกเขาดีที่สุด คุณอยู่ที่เยอรมันกับพวกเขาด้วยนี่” ถ่างหยู่เหยี่ยพูด
หลงบิงตอบกลับอย่างไม่แยแสว่า “ถ้าจะให้เล่าอย่างรายละเอียดก็ประมาณหนึ่งหมื่นคำ คุณจะฟังไหม?”
ถ่างหยู่เหยี่ยมองตาโตไปที่หลงบิงก่อนจะพูดว่า “ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคุณถึงยังไม่มีแฟนจนถึงตอนนี้”
หลงบิงเองก็มองไปที่ถ่างหยู่เหยี่ยก่อนจะพูดว่า “ตอนนี้คุณมีแฟนงั้นเหรอ?”
ถ่างหยู่เหยี่ยยักไหล่ก่อนจะตอบว่า “เรื่องอะไรจะต้องบอกด้วยหล่ะ?”
หลงบิงและถ่างหยู่เหยี่ยมองหน้าซึ่งกันและกันทันที
ในโลกนี้ ความสัมพันธ์บางอย่างไม่สามารถแก้ไขได้เช่นเดียวกับถ่างหยู่เหยี่ยและหลงบิงทั้งสองคนต่างก็เป็นสหายร่วมรบในกันสงครามแต่ในชีวิตประจำวันพวกเขาทั้งสองคนชอบมีความเห็นที่ต่างกัน
จังหวะนี้เซี่ยเหล่ยก็เดินเข้าไปหาทั้งคู่ก่อนจะพูดว่า “เอาล่ะ เราไปกันได้แล้ว”
รถของสำนักงานลับ101หลายคันออกตัวเพื่อไปยังสนามบินแม้ว่าหลงบิงและถ่างปั่วฉ่วนจะมาด้วยแต่พวกเขาก็แค่มาส่งเท่านั้นคนที่จะไปมีเฉพาะเซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ย ไอลีนโนเวล
หลังจากขับรถเป็นเวลานานพวกเขาก็ถึงสนามบินของกองทัพ
“ระวังตัวด้วยหล่ะ” หลงบิงพูดกับเซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยพยักหน้าก่อนจะพูดว่า “ขอบคุณนะ และก็ฝากดูแลเซี่ยเสวียด้วยนะ ช่วงที่ผมไม่อยู่ผมค่อนข้างจะกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเธอ”
หลงบิงตอบกลับว่า ”คุณสบายใจได้ ฉันจะคอยดูแลเธอย่างดี” พูดเสร็จก็พูดต่อว่า ”และเมื่อไปยังประเทศรัสเซียแล้วอย่าไปสร้างปัญหาอะไรขึ้นหล่ะ”
เซี่ยเหล่ยยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “เข้าใจแล้ว”
จังหวะนี้ถ่างหยู่เหยี่ยที่เดินไปจนจะขึ้นเครื่องบินอยู่แล้วได้หันกลับมาและเห็นว่าเซี่ยเหล่ยยังไม่เดินตามมาก็ตะโกนขึ้นว่า “เซี่ยเหล่ย มาได้แล้ว”
”โอเค ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ” เซี่ยเหล่ยตะโกนกลับไปพร้อมเดินไปขึ้นเครื่องบินทันที
บนเครื่องบินตอนนี้นอกจากลูกเรือทั้งหมด กัปตัน ถ่างหยู่เหยี่ยและเซี่ยเหล่ยแล้วก็ยังมีคนอีกสองคน คนหนึ่งคือผู้ใต้บังคับบัญชาของถ่างหยู่เหยี่ยที่ชื่อว่าหู้ฮ่าว ส่วนอีกคนคือหลิงฮ่าน เขาอายุราวๆสามสิบต้นๆผิวของเขาขาวมากแถมยังดูไม่เหมือนทหารอีกด้วยแต่อย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยตระหนักได้ว่าเขาคนนี้จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
”คุณเซี่ย ผมได้ยินเรื่องของคุณมานานแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสได้พบคุณเลย” หลิงฮ่านพูดและยังพูดต่ออีกว่า “ครั้งนี้ผมต้องเดินทางไปกับพวกคุณด้วย ถือว่าโชคดีอย่างมากเลยที่ได้พบคุณที่นี่”
เซี่ยเหล่ยตอบกลับอย่างสุภาพว่า “คุณหลิง ยินดีที่ได้พบว่าแต่คุณทำงานอะไรงั้นเหรอ?”
หลิงฮ่านหันไปถามถ่างหยู่เหยี่ยว่า “หัวหน้าถ่าง คุณยังไม่ได้บอกเซี่ยเหล่ยไปงั้นเหรอ?”
ถ่างหยุ่เหยี่ยตอบกลับว่า “โทษที……เซี่ยเหล่ย คุณหลิงเป็นเจ้าหน้าที่ที่จะไปร่วมงานนิทรรศการในครั้งนี้กับเราด้วย เขามีหน้าที่รับผิดชอบการเจรจากับพ่อค้าชาวต่างชาติและอนุมัติคำสั่งซื้อของพวกเขาเหล่านั้น”
ถ้ามองจากคำพูดของถ่างหยู่เหยี่ยตำแหน่งของเขาคือผู้บังคับบัญชาอย่างแน่นอน
เซี่ยเหล่ยคิดในใจว่า “หลิงฮ่าน คนนี้ยังมีอายุน้อยมากถ้าเทียบกับตำแหน่งของเขาในตอนนี้ ตำแหน่งของเขาน่าจะสูงกว่ากว่าถ่างหยู่เหยี่ยเสียอีก”
หลิงฮ่านพูดว่า “ใช่แล้ว ผมรับผิดชอบงานเหล่านี้และผมคงต้องขอความร่วมมือจากคุณเซี่ยด้วยนะ รบกวนด้วย”
“แน่นอน บางอย่างเอง ผมก็ต้องขอความร่วมมือจากคุณหลิงด้วยเช่นกัน” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมยื่นมือออกไปเพื่อจับมือกับเขา
หลิงฮ่านเองก็ยื่นมือออกมาพร้อมกับจับมือกับเซี่ยเหล่ย
หลังจากทักทายกันเสร็จ ทั้งคู่ต่างก็แยกกันไปนั่งในที่นั่งของตัวเอง
แม้ว่าบนเครื่องบินจะมีที่นั่งอยู่มากมายแต่ถ่างหยู่เหยี่ยในตอนนี้ก็เลือกที่จะไปนั่งข้างเซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยหันไปมองหลิงฮ่านก่อนจะหันไปหาถ่างหยู่เหยี่ยและกระซิบว่ากับเธอว่า “จริงๆแล้ว หลิงฮ่าน คือใครกันแน่”
ถ่างหยู่เหยี่ยตอบกลับว่า “ฉันเองก็ไม่ค่อยแน่ใจ”
“คุณเองก็ไม่แน่ใจงั้นเหรอ?” เซี่ยเหล่ยถามอย่างแปลกใจพร้อมกับทำท่าทางไม่เชื่อ
ถ่างหยู่เหยี่ยโน้มตัวไปหาเซี่ยเหล่ยก่อนจะพูดข้างหูเขาว่า ”ฉันพูดจริงๆ ฉันเองก็ไม่แน่ใจ ฉันเพิ่งจะรู้จักชื่อของเขาก่อนหน้าคุณไม่นานนี้เอง ก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้บอกคุณเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่พิเศษที่จะร่วมเดินทางไปงานนิทรรศการกับเราในครั้งนี้ เรื่องนี้ผู้ใหญ่เป็นคนจัดการให้ ฉันจึงไม่มีข้อมูลอะไรมากแต่อย่างไรก็ตามเขาก็ถือว่าเป็นคนสำคัญสำหรับพวกเราในการไปร่วมงานนิทรรศการ”
เซี่ยเหล่ยขมวดคิ้วก่อนจะพูดว่า “เขาเป็นคนของบริษัทฮั่นหรือเปล่านะ?”
ถ่างหยู่เหยี่ยตอบกลับไปว่า “ไม่มีทาง ไม่น่าจะใช่คนของบริษัทฮั่น ไม่ต้องการให้พวกเราประสบความสำเร็จในงานนิทรรศการ พวกเขาจะส่งคนมาทำไมกันหล่ะ?”
แม้ว่าจะยังสงสัยแต่เซี่ยเหล่ยก็เงียบและไม่ถามอะไรต่อ
ในระหว่างที่นั่งอยู่เงียบๆ เซี่ยเหล่ยก็แอบคิดในใจว่า “การที่หลิงฮ่านมีส่วนร่วมในการเดินทางครั้งนี้ด้วย มันเหนือความคาดหมายจริงๆเมื่อเป็นแบบนี้แล้วเราจะส่งปืนไรเฟิลสองกระบอกให้กับพ่อได้ยังไง? และอีกอย่างพ่อที่ต้องการเจอเราในประเทศรัสเซียเป็นแบบนี้แล้ว เราจะหนีไปเจอพ่อได้ยังไง ทำยังไงดีนะ?”
แม้ว่าตอนนี้จะยังเดินทางไม่ถึงกรุงมอสโคประเทศรัสเซียแต่เซี่ยเหล่ยก็มีเรื่องให้กังวลและกลุ้มใจเสียแล้ว
หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมง เครื่องบินที่เซี่ยเหล่ยใช้สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ก็ได้เริ่มเทคออฟ เซี่ยเหล่ยเอี้ยวตัวไปมองที่หน้าต่างเพื่อมองออกไปข้างนอกก็พบว่าถึงสนามบินแล้ว ตอนนี้มีเครื่องบินมากมายจอดอยู่ที่พื้นดิน
และหลังจากมองลงไปที่สนามบินแค่เพียงครู่เดียวเท่านั้น จู่ๆเซี่ยเหล่ยก็มีลางสังหรณ์ว่าการเดินทางในครั้งนี้ของเขาจะต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน…..
ติดตามตอนต่อไป……..