Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 384 แผนร้าย !
TXV –
“สาวน้อย คุณดูน่าสนใจจริงๆ” เซี่ยเหล่ยพูดกับพนักงานสาวชาวรัสเซียที่ยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์โรงแรมด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
หญิงสาวชาวรัสเซียยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “ท่านต้องการให้ฉันช่วยอะไรไหม?”
“คุณสามารถบอกผมได้หรือไม่ว่าผู้พักที่ชื่อเย่คุนพักอยู่ห้องไหน ?” เซี่ยเหล่ยถาม
หญิงสาวชาวรัสเซียแสดงท่าทางผิดหวังเล็กน้อยก่อนจะตอบไปว่า “ต้องขอโทษด้วย ทางเรามีนโยบายที่จะไม่เปิดเผยข้อมูลของแขกท่านอื่น”
เซี่ยเหล่ยยิ้มก่อนจะหยิบธนบัตรจำนวนหนึ่งร้อยยูโรขึ้นมาพร้อมกับยื่นให้เธอ
หญิงสาวรัสเซียเอื้อมไปหยิบธนบัตรใบนั้นพร้อมตรวจสอบว่าเป็นของจริงหรือไม่ จนเมื่อมั่นใจแล้วจึงพูดออกไปว่า “ชั้น 5 ห้อง 418”
“ขอบคุณ” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมเดินออกไป
“ได้โปรดหยุดก่อน…” หญิงสาวชาวรัสเซียเรียกเซี่ยเหล่ยและพูดต่ออีกว่า “ฉันเลิกงานเวลาเที่ยงคืน”
เซี่ยเหล่ยหันกลับไปพร้อมยิ้มและพยักหน้าให้กับเธอแต่ในใจเขาคิดว่า “เธอจะบอกเราทำไมกันนะ”
เซี่ยเหล่ยเองก็พักที่ชั้นห้าเย่คุนเองก็พักที่ชั้นห้าเห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นการจงใจของเขาอย่างแน่นอน
หลังจากได้ข้อมูลมาแล้ว เซี่ยเหล่ยก็ขึ้นลิฟต์และตรงไปยังชั้นห้าทันทีเมื่อถึงแล้วเขาก็เดินไปทางห้องของตัวเองซึ่งก็คือห้อง 410 แต่เขาไม่หยุดแค่นั้น เขายังเดินต่อไปและไปหยุดอยู่ที่หน้าห้อง 418
เซี่ยเหล่ยกระตุกตาข้างซ้ายเล็กน้อยหลังจากนั้นก็มองเข้าไปภายในห้อง 418
ภายในห้องมีเย่คุน ผู้ติดตามจากบริษัทอีกเล็กน้อยและยังมีบอดี้การ์ดของเขา ซึ่งหนึ่งในนั้นคือคนที่เซี่ยเหล่ยขว้างสเต็กเนื้อแกะใส่หน้านอกจากนั้นก็ยังมีผู้หญิงอีกคนหนึ่งอยู่ด้วย เธอดูอายุยังน้อยซึ่งน่าจะเป็นเลขาของเขา
เซี่ยเหล่ยมองไปที่พวกเขาและพยายามจะอ่านฝีปาก
“ไอบ้านั่นถ้าไม่เห็นโรงศพคงไม่หลั่งน้ำตาสินะ” เย่คุนพูดอย่างไม่พอใจและพูดต่อว่า “และไม่ว่ายังไง ผมก็จะไม่ให้พวกมันนำปืนไรเฟิลซุ่มยิง XL2500 เข้าร่วมในงานนิทรรศการได้หรอกนะ”
“งั้นประธานเย่ ท่านรู้หรอว่าตอนนี้ปืนอยู่ที่ไหน?” ผู้หญิงคนนั้นถาม
“ผมคิดว่ามันน่าจะอยู่ในห้องของเซี่ยเหล่ย” บอดี้การ์ดบางคนพูด
บอดี้การ์ดคนอื่นพูดว่า “หากเป็นแบบนั้น ผมว่าเราควรส่งใครที่ฝีมือดีไปขโมยมันมานะ”
เย่คุนขมวดคิ้วก่อนจะพูดว่า “มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก ทั้งเขาและคนของเขาต่างเป็นคนของสำนักงานลับ101 ถ้ามีแค่เซี่ยเหล่ยก็ว่าไปอย่างนี่มีคนของตระกูลถ่างอยู่ด้วย ฝีมือของพวกเขาเป็นที่รู้กันดีว่าสามารถฆ่าคนได้แค่เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น เซี่ยเหล่ยมีคนเหล่านั้นคอยคุ้มกันอยู่ เมื่อฟังแบบนี้แล้วยังคิดที่จะเป็นศัตรูกับพวกเขาอีกรึปล่าวล่ะ ?”
ผู้หญิงคนนั้นพูดด้วยความกังวลว่า “แต่เราเหลือเวลาไม่มากแล้ว ภายในสองวันนี้เราต้องทำอะไรซักอย่าง”
บอดี้การ์ดคนหนึ่งพูดว่า “ถ้าการขโมยไม่สามารถทำได้ แล้วเราจะใช้วิธีไหนหล่ะ?”
“ว่าแต่ทั้งเซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยมีผู้ชายคนหนึ่งสวมแว่นดำตามมาด้วย เขาเป็นใครกัน?” ผู้หญิงคนนั้นถาม
เย่คุนส่ายหน้าก่อนจะพูดว่า “ผมเองก็ไม่รู้ แต่รู้ไปแล้วจะได้อะไร”
จังหวะเดียวกันนี้เซี่ยเหล่ยก็คิดในใจว่า “เย่คุน เองก็ไม่รู้จักเขางั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นหลิงฮั่นเป็นใครกันแน่นะ?”
ภายในห้องเย่คุนยังคงพูดต่อว่า “เอาหล่ะ เรื่องนี้ผมจะจัดการเอง คุณไปจัดการเรื่องการเข้าร่วมนิทรรศการดีกว่า”
ตอนนี้สถานะของคนภายในห้องก็ชัดเจนแล้ว พวกเขาล้วนแต่เป็นคนของบริษัทฮั่นและบอดี้การ์ดส่วนตัวของเขา ไม่อย่างนั้นเย่คุนคงไม่เอาเรื่องสำคัญแบบนี้มาพูดและปรึกษาด้วยอย่างแน่นอน
ในตอนนี้เย่คุนได้เดินออกไปที่ระเบียง พร้อมกับหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดเบอร์และโทรออกส่วนผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหมดของเขาก็เรื่มพูดคุยเกี่ยวกับรายละเอียดการจัดงานนิทรรศการต่อ
เซี่ยเหล่ยไม่สนใจเหล่าพนักงานของเย่คุน เขาเอาแต่จ้องไปที่เย่คุนอย่างเดียวเพื่อที่จะอ่านริมฝีปากของเขาขณะที่คุยโทรศัพท์
แต่เวลาในการโทรศัพท์ของเย่คุนนั้นสั้นมาก เซี่ยเหล่ยสามารถจับใจความได้แค่สองสามคำเท่านั้นเย่คุนก็วางหูไปซะแล้ว อย่างไรก็ตามหลังจากคุยโทรศัพท์แค่เพียงครู่เดียวเท่านั้นท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปมาก เขาเดินกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่นพร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มแย้มก่อนจะพูดขึ้นว่า “วันนี้ถือเป็นวันที่ดี เอาหล่ะ พวกคุณกลับห้องของตัวเองได้แล้ว”
“ประธานเย่ ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วงั้นเหรอ?” ผู้ใต้บังคับบัญชาถาม
เย่คุนตอบกลับว่า “ไม่ต้องสนเรื่องนี้หรอก พวกคุณดำเนินการเรื่องงานนิทรรศการของพวกคุณต่อไป ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง”
เมื่อได้ยินที่เย่คุนพูดก็ไม่มีใครถามอะไรอีกเลย ทุกคนต่างพากันเดินออกจากห้องทันที
เมื่อเห็นว่าคนอื่นๆกำลังจะเดินออกมา เซี่ยเหล่ยก็หยุดใช้ความสามารถพร้อมกับรีบวิ่งกลับไปที่ห้องของตัวเองก่อนจะรีบเปิดประตูเข้าไปในห้องและปิดประตูอย่างรวดเร็ว การกระทำของเขารวดเร็วมากจนคนอื่นๆภายในห้องของเย่คุนที่กำลังเดินออกมาไม่ทันสังเกต อย่างไรก็ตามเมื่อกลับเข้าไปในห้องเรียบร้อยแล้ว เซี่ยเหล่ยก็ไม่ได้ใช้ความสามารถในการมองทะลุมองไปที่พวกเขาอีก
ภายในห้องของเซี่ยเหล่ย เขาเดินไปที่เตียงพร้อมกับหยิบเอากล่องพลาสติกที่ทำขึ้นพิเศษใต้เตียงออกมา จากนั้นก็เปิดกล่องเพื่อเช็คความเรียบร้อยของปืนไรเฟิลซุ่มยิง XL2500 เพราะอีกไม่กี่วันต่อจากนี้มันจะเป็นปืนที่ทั่วโลกจะต้องให้ความสนใจ เขาไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้นก่อน
ในระหว่างการเดินทางมายังรัสเซีย เซี่ยเหล่ย ถ่างหยู่เหยี่ยและหลิงฮั่นได้ตัดสินใจแบ่งปืนไรเฟิลซุ่มยิง XL2500 โดยให้ถ่างหยู่เหยี่ยเก็บไว้สองกระบอกและเซี่ยเหล่ยกับ หลิงฮั่น คนละกระบอก นี่เป็นวิธีการรักษาความปลอดภัยของพวกเขา มันทำให้พวกเขาไม่ต้องกังวลว่าหากมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแล้วจะไม่มีปืนไรเฟิลสำหรับจัดแสดงในงานนิทรรศการ
เมื่อเซี่ยเหล่ยเช็คความเรียบร้อยเสร็จ เขาก็เก็บปืนไรเฟิลซุ่มยิง XL2500 กลับเข้าไปในกล่องและดันกลับไปไว้ใต้เตียงเหมือนเดิม
“ว่าแต่เมื่อกี้นี้ เย่คุน กำลังคุยกับใครนะ?” เซี่ยเหล่ยพยายามหาคำตอบ “จากปฏิกิริยาของเย่คุนที่แสดงออกมาหลังคุยโทรศัพท์เสร็จแล้ว เขาอารมณ์ดีอย่างมาก นั่นแปลว่าเขาแน่ใจว่าจะหยุดการจัดแสดงนิทรรศการของเราได้อย่างนั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นเขายืมมือของใครเข้ามาช่วยกันนะ?”
หรือว่าจะเป็น CIA แต่ความคิดนี้ก็ถูกปฏิเสธอย่างรวดเร็ว เนื่องจากสถานะของ เย่คุนแม้ว่าเขาจะมีความกล้าได้กล้าเสียอยู่แต่คงไม่มากถึงขนาดจะไปร่วมมือกับพวกเขาได้แต่นอกเหนือจากนี้แล้วเซี่ยเหล่ยก็คิดไม่ออกเลยว่า เย่คุน จะไปขอความช่วยเหลือจากใครได้อีก
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูดังขึ้น
ตาซ้ายของเซี่ยเหลี่ยกระตุกเล็กน้อยก่อนจะมองทะลุออกไปพบว่าหลิงฮั่นเป็นคนเคาะประตู
“คุณหลิง มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?” เซี่ยเหล่ยเดินไปเปิดประตูพร้อมพูดอย่างสุภาพ
หลิงฮั่นตอบกลับไปว่า “คุณเซี่ย ให้ผมเข้าไปได้มั้ย ?”
“แน่นอน เข้ามาสิ” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมเปิดทางให้เขาเดินเข้าไปภายในห้องพร้อมกับคิดในใจว่าเขาจะทำอะไรกันแน่
หลิงฮั่นเดินเข้าไปในห้องและตรงไปนั่งที่โซฟาก่อนจะพูดขึ้นว่า “คุณเซี่ย ก่อนหน้านี้คุณไปหน้าห้องของเย่คุนมาใช่ไหม?” Aileen-novel
เซี่ยเหล่ยรู้สึกแปลกใจมาก เขาคิดในใจว่า “เขารู้ได้อย่างไรว่าก่อนหน้านี้เราไปหน้าห้องของเย่คุน?”
หลิงฮั่น พูดต่ออีกว่า “ในตอนที่คุณและถ่างหยู่เหยี่ยไปรับประทานอาหารที่ห้องรับประทานอาหารนั้น ผมได้ติดกล้องวงจรปิดเอาไว้ตรงทางเดินสองตัว เพื่อให้แน่ใจว่าภารกิจของเราจะไม่มีปัญหาอะไรตามมา ผมไม่มีความคิดที่จะคอยติดตามและตรวจสอบคุณหรอกนะ ไม่อย่างนั้นผมคงแอบเข้ามาติดกล้องในห้องของคุณไปแล้ว”
หลิงฮั่นเป็นคนที่ให้ความรู้สึกที่ไม่อาจจะหยั่งรู้ได้
“ดูเหมือนคุณเซี่ยจะไม่สะดวกที่จะตอบคำถามผมใช่ไหม?” หลิงฮั่นยังคงพูดต่อ การที่เขาพูดแบบนี้ออกมาก็เพราะสังเกตปฏิกิริยาตอบสนองของเซี่ยเหล่ยที่ยังนิ่งอยู่
อย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยพูดขึ้นในที่สุดว่า “บริษัทฮั่นและบริษัทของผมเป็นคู่แข่งกัน ก่อนหน้านี้เย่คุนได้มาหาผมและยื่นข้อเสนอในการซื้อโรงงานผลิตอาวุธของผมไป แน่นอนว่าเขาพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้โรงงานของผมแม้กระทั่งเล่นนอกเกม แต่ยังดีที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดังนั้นการที่เขามาที่นี่คงไม่ต้องบอกหรอกนะว่าเพราะอะไร ว่าแต่คุณรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างหรือไม่?”
หลิงฮั่นพยักหน้าพร้อมพูดว่า “ผมรู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้น”
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “การที่เย่คุนปรากฏตัวขึ้นที่นื่ ผมค่อนข้างแน่ใจเลยว่าเขาต้องการทำลายการจัดแสดงนิทรรศการของเราเพราะผมได้ยินพวกเขาคุยกันในห้องถึงวิธีที่น่ารังเกียจที่จะหยุดการจัดแสดงของเรา”
หลิงฮั่นพูดว่า “คุณได้ยินอะไรมา?”
“มีหนึ่งในพวกเขาบอกให้มาขโมยปืนไรเฟิลในห้องของผม” เซี่ยเหล่ยพูด
เมื่อได้ยินหลิงฮั่นก็ขมวดคิ้วทันที
เซี่ยเหล่ยยังพูดต่ออีกว่า “และคนที่แนะนำวิธีนี้ยังบอกว่าอีกว่าสามารถจ่ายเงินเพื่อหาคนมาขโมยปืนไรเฟิลของผมได้ไม่ยาก”
อันที่จริงคำพูดที่เซี่ยเหล่ยเพิ่งจะพูดไปนี้ไม่มีใครพูดขึ้นมาแต่ที่เซี่ยเหล่ยพูดออกไปนั้นเพราะเขาต้องการจะดูปฏิกิริยาตอบสนองของหลิงฮั่น
อย่างไรก็ตามไม่มีปฏิกิริยาที่แสดงพิรุธออกมาจากหลิงฮั่น เขายังคงขมวดคิ้วอยู่บนโซฟาและพูดว่า “เอาหล่ะ ผมเข้าใจแล้ว คุณพักเถอะ”
”เดี๋ยวนะ แค่นี้งั้นเหรอ?” เซี่ยเหล่ยถามด้วยความสงสัย
”ใช่ แค่นี้แหละ” หลิงฮั่นตอบ
นี่คือบทสนทนาสุดท้ายสำหรับพวกเขา
หลิงฮั่นพูดจบก็เดินออกจากห้องพร้อมกับปิดประตูให้เซี่ยเหล่ยด้วย
เซี่ยเหล่ยมองตามหลังของหลิงฮั่นในขณะที่เขาเดินออกไปพร้อมกับคิดในใจว่า “ผู้ชายคนนี้เข้าใจยากกว่าหลงบิงซะอีก”
ในตอนแรกเซี่ยเหล่ยต้องการจะออกไปหาถ่างหยู่เหยี่ยเพื่อพูดคุยถึงสิ่งที่เพิ่งจะได้ยินมาแต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจ เขาเลือกที่จะเดินไปอาบน้ำและเข้านอนแทนอย่างไรก็ตามเมื่อเข้านอนแล้วเซี่ยเหล่ยก็ไม่สามารถหลับได้ เนื่องจากสมองของเขากำลังใช้ความคิดตลอดเวลาและภายในใจก็รู้สึกกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก”
ไม่รู้ว่าทำไมภายในใจถึงกระวนกระวายแบบนี้เพราะร่างกายภายนอกก็ดูสงบและดูเป็นปกติทุกอย่างและที่น่าแปลกไปกว่านั้นคือแม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนความรู้สึกนี้ก็ไม่ได้หายไป แต่กลับมีมากขึ้นกว่าเดิม
หลังจากนั้นในค่ำคืนนี้ที่ยาวนานเขาก็ไม่สามารถนอนต่อได้อีกดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นมาและกำลังจะเอื้อมไปหยิบกล่องพลาสติกสีดำที่สั่งทำพิเศษขึ้นมาวางบนเตียง
จังหวะเดียวกันนี้ก็มีเสียงเกิดขึ้นตรงทางเดินใกล้ๆกับหน้าห้องของเซี่ยเหล่ย มันเป็นเสียงรถเลื่อนส่งอาหารและเสียงฝีเท้าของคนเดินซึ่งมีมากกว่าหนึ่งคนกำลังเดินวนอยู่
เซี่ยเหล่ยกระตุกตาซ้ายพร้อมกับมองออกไปนอกห้องทันที
เพียงแค่ครู่เดียวหลังจากที่เซี่ยเหล่ยมองทะลุออกไป จู่ๆประตูห้องก็โดนกระแทกอย่างแรงจนเปิดออก พร้อมกับมีชายร่างสูงผมสีบลอนด์พุ่งเข้ามาในห้อง เขายกปืน AK-12 ขึ้นและกราดยิงไปที่เตียงอย่างบ้าคลั่ง
ตรงปากกระบอกปืน AK-12 นั้นมีที่เก็บเสียงอยู่จึงทำให้เสียงปืนไม่ดังมาก กระสุนที่ถูกยิงออกไปนั้นพุ่งไปโดนทั้งหมอนทั้งผ้าหุ่มและเตียงจนขนเป็ดฟุ้งกระจายเหมือนเกล็ดหิมะทั่วทั้งห้อง
นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ชายร่างสูงคนนั้นต้องการฆ่าผู้ที่นอนอยู่บนเตียงอย่างเห็นได้ชัด!
โชคดีที่เซี่ยเหล่ยไปซ่อนตัวอยู่ก่อนแล้วเนื่องจากการมองทะลุของเขาทำให้เขารู้ว่าหน้าห้องตัวเองมีกลุ่มมือปืนพร้อมอาวุธครบมือรออยู่มากมาย เขาจึงเลือกที่จะลุกจากเตียงและซ่อนตัวอยู่ในเงามืดตรงกำแพงก่อนที่ชายร่างสูงผมบลอนด์จะพังประตูเข้ามา
เมื่อชายร่างสูงผมบลอนด์ไม่เห็นใครนอนอยู่บนเตียง เขาจึงหยุดยิงและมองไปรอบๆห้องทันทีจังหวะเดียวกันเซี่ยเหล่ยที่ซ่อนตัวอยู่ได้ใช้เท้าเตะไปที่ปลายกระบอกปืนจากนั้นก็เตะไปที่ข้อพับเข่าของเขาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
ชายร่างสูงผมบลอนด์ที่ไม่ทันระวังตัวจึงถูกเซี่ยเหล่ยเตะและล้มลงไปคุกเข่าอยู่ที่พื้น ปืนของเขาก็หล่นจากการโดนเตะครั้งแรกเช่นกัน
หลังจากปืนหลุดมือ เซี่ยเหล่ยรีบไปเก็บปืนขึ้นมาไว้ในมืออย่างรวดเร็ว
“ตุ ตุ ตุ” เสียงของปืนที่ใส่ที่เก็บเสียงดังขึ้น เป็นเสียงของปืนที่ยิงจากนอกห้อง
เซี่ยเหล่ยรีบหลบกลับไปที่เดิมพร้อมผลักชายร่างสูงผมบลอนด์ออกไป ทำให้กระสุนชุดใหญ่ที่ถูกยิงออกมาพุ่งตรงไปยังหน้าอกของช่ายร่างสูงผมบลอนด์ทันที….
ติดตามตอนต่อไป……