Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่– 386 เก็บสะสมความแค้น !
ตำรวจมอสโกได้นำศพที่กองเกลื่อนกลาดอยู่ตรงบริเวณทางเดินออกและย้ายไปห้องดับจิตของโรงพยาบาลพร้อมกับรีบนำตัวมือปืนที่ยังมีลมหายใจอยู่ส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษาโดยด่วนเช่นกัน หลังจากจัดการเบื้องต้นแล้ว ตำรวจมอสโกก็ได้ตรงเข้ามาหาเซี่ยเหล่ยถ่างหยู่เหยี่ยและหลิงฮั่นเพื่อสอบปากคำ
เซี่ยเหล่ยไม่ได้รายงานอะไรที่เป็นประโยชน์ซักเท่าไหร่ เนื่องจากเขาเองก็ไม่รู้แน่ชัดว่าใครเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังมือปืนเหล่านี้
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเรื่องนี้จะถือเป็นเหตุการณ์ที่ร้ายแรงแต่ด้วยความสัมพันธ์อันดีในปัจจุบันของรัสเซียกับจีนถือว่าแน่นแฟ้นอยู่จึงทำให้เรื่องไม่เลยเถิดไปมาก อีกส่วนหนึ่งก็มาจากการที่หลิงฮั่นได้ยื่นเอกสารสำคัญบางอย่างให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจมอสโกดูทำให้พวกเขาเข้าใจสถานการณ์ภาพรวมมากขึ้นไปอีก มันทำให้การสอบปากคำพวกเขากลายเป็นการตอบคำถามง่ายๆเท่านั้น
อย่างไรก็ตามเมื่อรู้ว่าเซี่ยเหล่ยได้ฆ่ามือปืนไปถึงเจ็ดคนด้วยความจริงที่ว่านี้ก็อดที่จะทำให้ตำรวจมอสโคมองเซี่ยเหล่ยด้วยสายตาที่หวาดกลัวไม่ได้เลย ตอนนี้พวกเขามองว่าเซี่ยเหล่ยนั้นเหมือนกับสัตว์ประหลาด
ด้านหลิงฮั่นและถ่างหยู่เหยี่ยยังคงให้การสอบปากคำและทำแผนประกอบการเบื้องต้นกับตำรวจอยู่ ส่วนเซี่ยเหล่ยที่ให้ปากคำเสร็จแล้ว จู่ๆก็เดินออกไปและตรงไปยังลิฟต์
“คุณจะไปไหน?” ถ่างหยู่เหยี่ยถาม
เซี่ยเหล่ยไม่ได้หันกลับมาแต่เขาพูดขึ้นว่า “ผมจะขึ้นไปดาดฟ้าเพื่อรับลมซักหน่อย”
“รับลมงั้นเหรอ?” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพร้อมแสดงท่าทางที่อยากจะไปด้วยแต่เธอก็ทำไม่ได้เพราะต้องให้ปากคำเบื้องต้นกับตำรวจมอสโคให้เสร็จเรียบร้อยเสียก่อน ในความเป็นจริงเซี่ยเหล่ยไม่ได้ขึ้นไปที่ดาดฟ้าตามที่เขาบอกเพราะที่จริงเขาต้องการไปยังชั้นที่หก
อันที่จริงหากแผนการลอบฆ่าและขโมยปืนไรเฟิลล้มเหลว มีความเป็นไปได้อย่างมากที่ตอนนี้เย่คุนจะต้องติดต่อกับคนกลางที่หามือปืนให้เขา นี่จึงเป็นเวลาที่ดีที่สุดที่เซี่ยเหล่ยคิดว่าจะค้นหาความจริง
เซี่ยเหล่ยรีบตรงไปที่ทางเดินและรีบเดินไปยังห้อง 452 ก่อนจะเคาะประตูสามครั้ง
แน่นอนว่าห้องนี้คือห้องที่อยู่ด้านบนห้องขอเย่คุน !
หลังจากเคาะไม่นานประตูก็เปิดออก ตรงหน้าเป็นหญิงชาวรัสเซียผมบลอนด์มองมาที่เซี่ยเหล่ยด้วยท่าทางสงสัยเพราะทั้งคู่ไม่เคยเจอกันมาก่อนแต่เขาดันมาเคาะประตูห้องของเธอ แต่อย่างไรก็ตามความคิดแรกของเธอคือเซี่ยเหล่ยอาจจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ก็ได้เพราะตอนนี้ทั้งโรงแรมรู้แล้วว่าเมื่อครู่นี้เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น
“เอ่อ…คุณ…. ” หญิงชาวรัสเซียมองไปที่เซี่ยเหล่ยและถามอย่างระมัดระวังเนื่องจากคิดว่าเขาเป็นตำรวจ
เซี่ยเหล่ยไม่ได้แนะนำตัวอะไร เขารีบหยิบเงินในกระเป๋าออกมาหลายร้อยยูโรก่อนจะยื่นให้กับหญิงชาวรัสเซียพร้อมกับพูดว่า “ต้องขอโทษด้วย แต่ผมขอยืมห้องน้ำคุณหน่อยนะ”
เซี่ยเหล่ยไม่รอให้หญิงชาวรัสเซียตอบอะไรกลับมาเพราะเมื่อเขาพูดจบเขาก็ตรงเข้าไปยังห้องน้ำทันทีโดยไม่รอให้เธออนุญาติด้วยซ้ำ
หญิงชาวรัสเซียมองไปที่ประตูห้องน้ำที่ตอนนี้เซี่ยเหล่ยอยู่ภายในจากนั้นก็มองกลับไปที่เงินหลายร้อยยูโรซึ่งอยู่ในมือนานพอสมควร เธอค่อนข้างตกใจและงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้ขัดขืนการยืมใช้ห้องน้ำของเซี่ยเหล่ยแถมยังดูพอใจเล็กน้อยอีกด้วยเนื่องจากเธอมองว่าเซี่ยเหล่ยเป็นผู้ชายที่หล่อและดูดี
ภายในห้องน้ำ เซี่ยเหล่ยได้กระตุกตาซ้ายเล็กน้อยพร้อมมองทะลุพื้นห้องน้ำไปยังห้องที่อยู่ชั้นล่าง
ภายในห้องชั้นล่างซึ่งเป็นห้องของเย่คุนในตอนนี้มีสมาชิกของบริษัทฮั่นรวมถึงบอดี้การ์ดของเขากำลังคุยและถกเถียงกันในเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นแต่มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่กำลังถกเถียงกันอยู่ส่วนเย่คุนตอนนี้ยืนสูบบุหรี่อยู่ที่ระเบียงหลังจากสูบบุหรี่ได้ครู่หนึ่งแล้วเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและอ่านข้อความอยู่ครู่หนึ่งก่อนโบกมือไล่และพูดขึ้นว่า “พวกคุณทั้งหมดออกไปก่อน”
เจ้าหน้าที่ของบริษัทฮั่นทั้งหมดออกจากห้องไปแต่โดยดี
หลังจากเจ้าหน้าที่ออกไปกันหมดแล้วเย่คุนก็ได้เดินกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่นพร้อมกับโทรศัพท์ออกไปหาใครบางคน
จังหวะนี้เซี่ยเหล่ยก็จ้องไปที่ริมฝีปากของเย่คุนอย่างตั้งใจ ”คุณอัน นี่มันอะไรกันแน่?” เย่คุนพูดในลักษณะที่ค่อนข้างไม่พอใจและยังพูดต่ออีกว่า “ผมเพียงต้องการปืนไรเฟิลเท่านั้น อีกอย่างคุณก็สัญญาแล้วว่าจะไม่ทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่แต่ดูตอนนี้สิ? มีมือปืนสิบเอ็ดคนปรากฏตัวขึ้นที่โรงแรมและเปิดฉากยิงอย่างบ้าคลั่ง…… ”
“เป็นอันซูฮยอนนี่เอง!” เซี่ยเหล่ยคิดในใจ
สาตาของเซี่ยเหล่ยเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นและเต็มไปด้วยความโกรธ
”อะไรนะ? คุณถามว่าเขาตายหรือยังงั้นเหรอ? ถ้าเขาตายแล้ว คุณคิดว่าผมจะโทรหาคุณตอนนี้ไหมหล่ะ?” เย่คุนพูดในขณะที่ควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้และยังพูดต่ออีกว่า “เขาคนเดียวฆ่ามือปืนไปถึงเจ็ดคน! อ้อใช่…ยังมีมือปืนที่ยังรอดชีวิตอยู่ด้วย แน่นอนว่าเขาจะต้องถูกกันตัวไว้เป็นพยาน ดังนั้นคุณควรจะทำให้มั่นใจว่ามือปืนคนนั้นจะไม่พูดอะไรออกมา เอาหล่ะ…ที่เหลือค่อยคุยกันพรุ่งนี้”
เย่คุนพูดจบก็วางสายทันที
เมื่อเห็นว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องอยู่ต่อเซี่ยเหล่ยก็หยุดความสามารถพร้อมกับเดินออกจากห้องน้ำ
หญิงชาวรัสเซียยืนอยู่ตรงทางเข้าห้องน้ำพอดี เธอมองไปที่เซี่ยเหล่ยด้วยความสงสัย
“ขอบคุณ” เซี่ยเหล่ยพูดอย่างสุภาพ
จู่ๆหญิงชาวรัสเซียก็ได้ถอดชุดนอนของเธอออกจนหมดต่อหน้าเซี่ยเหล่ย…
เซี่ยเหล่ยตกใจมากจึงทำให้เขาเร่งฝีเท้ารีบเดินออกจากห้องทันที
หลังจากออกจากห้องแล้วเซี่ยเหล่ยก็กลับไปที่ชั้น5
ในตอนนี้ตำรวจกรุงมอสโคก็ได้ทำการสอบสวนและสอบปากคำเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขาจึงกำลังจะเดินทางกลับและเป็นเวลาพอดีกับที่เซี่ยเหล่ยเดินมาทำให้พวกเขาเดินสวนกัน ระหว่างทางพวกเขาพยักหน้าให้กันอย่างสุภาพ
“คุณไม่ไปที่ดาดฟ้าเพื่อรับลมแล้วงั้นเหรอ?” ถ่างหยุ๋เหยี่ยพูดและพูดต่อว่า “ฉันกำลังจะไปหาคุณอยู่พอดี”
เซี่ยเหล่ยตอบกลับว่า “อืม…ไม่แล้วหล่ะ ผมต้องไปตรวจสอบปืนไรเฟิลก่อนว่าตอนนี้ยังอยู่ในสภาพที่พร้อมจัดแสดงหรือเปล่า?”
หลิงฮั่นพูดว่า “ผมว่าเราควรย้ายที่อยู่เพื่อความปลอดภัยนะ”
“ก็ดีนะ แต่เราจะไปอยู่ที่ไหนกัน?” เซี่ยเหล่ยถาม
“สถานทูตที่เหลือผมจะจัดการเอง พวกคุณไปเก็บข้าวของได้แล้ว” หลิงฮั่นพูดเสร็จก็เดินกลับห้องตัวเองทันที
เซี่ยเหล่ยเองก็กลับไปที่ห้องด้วยเช่นกัน สิ่งแรกที่เขาทำคือการตรวจเช็คปืนไรเฟิลซุ่มยิง XL2500 เขาดึงกล่องออกมาจากใต้เตียงก็พบว่าตัวกล่องมีรอยกระสุนปืนหลายนัด แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากตัวกล่องถูกสร้างขึ้นเป็นพิเศษจึงทำให้ภายในไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย
ปืนไรเฟิลที่นำมาด้วยในครั้งนี้ ในความเป็นจริงมันจะต้องถูกยึดไว้เป็นของกลางแต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากหลิงฮั่นได้แสดงเอกสารสำหรับงานนิทรรศการให้พวกเขาได้ดู จึงทำให้เหล่าตำรวจมอสโคไม่นำปืนไรเฟิลพวกนี้ไปด้วย ไอลีนโนเวล
เซี่ยเหล่ยใช้เวลาเก็บสัมพาระเพียงแค่หนึ่งนาทีเท่านั้นเพราะเขาไม่มีอะไรต้องจัดมาก หลังจากจัดทุกอย่างเรียบร้อยเขาก็เดินออกจาห้องไป
ในเวลานี้ตรงทางเดินก็มีพนักงานเสิร์ฟของโรงแรมคนหนึ่งเดินมา เธอมีผมสีบลอนด์และดวงตาสีฟ้า
เซี่ยเหล่ยหันไปเห็นเธอเข้าพอดี เขาตกใจมากเพราะผู้หญิงคนนั้นคือเยเลน่า เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าเธอจะกล้าปรากฏตัวขึ้นที่นี่แต่เมื่อลองคิดดูให้ดีแล้วเซี่ยเหล่ยก็พบว่าการที่พบกันที่นี่ ตอนนี้ คงจะปลอดภัยที่สุดแล้ว
เซี่ยเหล่ยมองไปที่ประตูของ หลิงฮั่น และถ่างหยู่เหยี่ยโดยไม่รู้ตัวแต่โชคดีที่ประตูห้องของพวกเขายังปิดอยู่ พวกเขายังคงจัดกระเป๋าไม่เสร็จ
ถือเป็นเรื่องดีที่เยเลน่ามีความเฉลียวฉลาด เธอแกล้งทำแก้วแตกและกำลังเก็บกวาด ระหว่างนั้นเธอก็พูดขึ้นว่า “เขาวางแผนว่าจะพบคุณในวันพรุ่งนี้ จากเรื่องที่เกิดขึ้นเขาเป็นห่วงคุณมาก ดังนั้นเขาจึงส่งฉันมา”
“ตอนนี้เขาอยู่ไหน?” เซี่ยเหล่ยถาม
“ด้านนอกของโรงแรม” เยเลน่าพูดและพูดต่อว่า “ไม่จำเป็นต้องรีบไป วันนี้เขาให้ฉันมาบอกคุณเท่านั้น ว่าแต่…นี่คุณกำลังจะไปที่ไหน?”
“สถานทูต” เซี่ยเหล่ยตอบ
“โอเค งั้นพรุ่งนี้ในช่วงบ่าย คุณหาทางออกมาให้ได้ก็แล้วกัน” เยเลน่าพูด เซี่ยเหล่ยถามว่า “เขาจะมาพบผมใช่ไหม?”
“อยู่ที่โอกาส” เยเลน่าพูดพร้อมกับสายตาที่หันไปเห็นกล่องสีดำในมือของเขา จากนั้นเธอก็พูดต่อว่า “นั่นคือปืนไรเฟิลที่คุณสร้างใช่ไหม?”
เซี่ยเหล่ยพยักหน้าพร้อมพูดว่า “ใช่ แต่ตอนนี้สถานกาณณ์เปลี่ยนไปแล้ว ผมไม่สามารถให้มันกับคุณได้”
จังหวะนี้เซี่ยเหล่ยก็ได้ยินเสียงฝีเท้าตรงบริเวณหน้าประตูห้อง ทำให้เขารีบพูดว่า “พรุ่งนี้ตอนบ่ายผมจะหาทางออกจากสถานทูต” พูดเสร็จก็เดินออกไปทันที
ส่วนเยเลน่ายังคงแสดงต่อไป เธอยังคงทำความสะอาดและเก็บกวาดเศษแก้วต่ออย่างมืออาชีพ ด้วยความสามารถในการแสดงของเธอทำให้ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่คนเดียว
ตรงทางเดินถ่างหยู่เหยี่ยเห็นถึงสภาพกล่องพลาสติกพิเศษของเซี่ยเหล่ย จึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “เซี่ยเหล่ย ปืนไรเฟิลยังคงสภาพใช้งานได้ใช่ไหม? ภายในไม่มีอะไรเสียหายใช่ไหม?”
เซี่ยเหล่ยตอบกลับว่า “สบายใจได้ ทุกอย่างเรียบร้อย”
จังหวะนี้หลิงฮั่นเองก็ได้เดินออกมาจากห้องพักเช่นกันหลังจากออกมาแล้วเขาก็หันไปพูดกับเซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยว่า ”เบื้องต้นผมแจ้งไปยังสถานทูตเรียบร้อยแล้ว เราจะไปพักกันที่นั่นเอาหล่ะ…หู้ฮ่าว ก็รอเราอยู่ด้านล่างแล้ว ตอนนี้ก็ไปกันเถอะ”
จังหวะเดียวกันนี้เย่คุนเองก็เดินออกมาจากห้อง เขาหันไปเห็นทั้งสามคนกำลังถือกระเป๋าและตรงไปยังลิฟต์จึงได้ถามออกไปว่า “พวกคุณกำลังจะไปไหนกันงั้นเหรอ?”
ถ่างหยู่เหยี่ยหันไปมองเขาด้วยท่าทางหยิ่งยโสและไม่ตอบอะไรทั้งสิ้น
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตอบ เขาจึงหันไปถามหลิงฮั่นแทนว่า “คุณหลิง กำลังจะไปที่ไหนงั้นเหรอ?” หลิงฮั่นเองก็มองไปที่เย่คุนพร้อมกับไม่ได้ตอบอะไรเลยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยได้ยิ้มก่อนพูดว่า “คุณเย่ ทำไมไม่ถามผมหล่ะ?”
เย่คุนเลือกที่จะถามทุกคนยกเว้นเซี่ยเหล่ยคนเดียว
ในเวลานี้ผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกจากห้องของเย่คุนจากนั้นก็ยื่นโทรศัพท์ให้กับเขาหลังจากรับโทรศัพท์แล้วเขาก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากพูดอืมแค่สองครั้งเสร็จแล้วก็วางหูทันที
หลังจากวางสายแล้ว เย่คุนก็หันมาพูดกับถ่างหยู่เหยี่ยว่า “หยู่เหยี่ย คุณนี่จริงๆเลยนะ ถ้าจะไปสถานทูตทำไมไม่บอกผมหล่ะ? ผมสามารถไปส่งพวกคุณได้นะ ยังไงเราก็คนจีนเหมือนกันมีอะไรก็ต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้ว ใช่ไหม?”
ถ่างหยู่เหยี่ยถอนหายใจก่อนจะพูดเบาๆกับตัวเองว่า “ผู้ชายคนนี้จริงๆแล้วเป็นผีหรือแมลงวันกันแน่นะ?” หลิงฮั่นเองมองไปที่เซี่ยเหล่ยก่อนจะพูดว่า “เขาเองจะต้องตามไปสถานทูตด้วยอย่างแน่นอน คุณคิดว่ายังไง? ครั้งนี้ผมให้คุณตัดสินใจ”
เซี่ยเหล่ยตอบกลับไปว่า “ไปสิ ทำไมจะไม่ไปหล่ะ?”
เซี่ยเหล่ยคิดมาอย่างดีแล้ว การที่ต้องไปอยู่ที่สถานทูตถือเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้วเพราะหากไปอยู่ที่โรงแรมอื่นยังมีความเสี่ยงจากการเจอมือปืนในรัสเซียได้อีกแต่หากไปอยู่ที่สถานทูตต้องคอยระวังแค่บริษัทฮั่นเท่านั้น ซึ่งมันเป็นเรื่องง่ายกว่าที่จะรับมือ
“เอาล่ะ งั้นเราไปกันเถอะ” หลิงฮั่นพูดพร้อมเดินออกไป
ก่อนเดินไปเซี่ยเหล่ยหันกลับไปมองที่เย่คุนหนึ่งครั้งด้วยสายตาที่เยือกเย็น
“นี่!” เย่คุนพูดพร้อมพูดทิ้งท้ายต่อว่า “พวกเราขอเวลาเก็บของแล้วจะรีบตามไปนะ” นิทรรศการอาวุธใกล้เข้ามาเรื่อยๆแล้วตอนนี้จึงมีเวลาไม่มากสำหรับเย่คุน เขายังไม่ยอมแพ้ที่จะขัดขวางการแสดงปืนไรเฟิลของเซี่ยเหล่ย เขาจึงยอมทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้แม้กระทั่งไปอยู่ที่สถานทูตด้วยและเขาไม่ยอมแพ้จนกระทั่งวินาทีสุดท้าย!
ติดตามตอนต่อไป………….