Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่– 392 เริ่มดำเนินธุรกิจ !
ในงานนิทรรศการอาวุธนานาชาติกรุงมอสโก
หลังจากความพยายามอย่างหนัก ปืนไรเฟิล XL2500 ของเซี่ยเหล่ยยังคงถูกวางไว้ในบูธศูนย์แสดงสินค้านานาชาติกรุงมอสโกแม้ว่าตอนนี้ทั้งรัสเซียและประเทศแถบตะวันตกจะอยู่ภายใต้สถานกาณ์ที่ตึงเครียดจากปัญหาการขัดแย้งซึ่งกันและกัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผู้เข้าร่วมในงานลดน้อยลงแม้แต่น้อย
ในครั้งนี้ประเทศจีนได้ส่งบริษัทเข้าร่วมสองบริษัท หนึ่งคือบริษัทบริษัทฮั่นและสองคือบริษัทอาชาสายฟ้า
บริษัทฮั่นได้รับความนิยมเป็นอันดับสามของโลกและยังเป็นที่ชื่นชอบในแถบแอฟริกา ละติน อเมริกาใต้ หรือแม้แต่ตะวันออกกลางในการแสดงอาวุธครั้งนี้บริษัทฮั่นก็ยังนำปืนมาแสดงมากมาย ทำให้บูธของเขายังคงได้รับความนิยม
ส่วนบริษัทอาชาสายฟ้าของเซี่ยเหล่ยถือว่าไม่ค่อยดีนักด้วยยังไม่เป็นที่รู้จัก ไม่ว่าจะเป็นทั้งแถบยุโรบแถบอเมริกา ในการจัดแสดงปืนครั้งนี้ยังมีปืนมาแสดงเพียงแค่สี่กระบอกเท่านั้น รวมไปถึงสถานที่จัดบูธยังอยู่ในจุดที่ไม่ค่อยจะมีผู้คนเดินผ่านอีกต่างหาก
ถ่างหยู่เหยี่ยขมวดคิ้วพร้อมกับพูดว่า “ทำไมถึงไม่มีใครสนใจกันเลยนะ ปืนไรเฟิลของเรามีประสิทธิภาพออกขนาดนี้?”
ถ่างหยู่เหยี่ยรู้สึกไม่พอใจอย่างมากในตอนแรกเธอคิดว่าจะมีผู้คนมากมายให้ความสนใจแต่อย่างไรก็ตามความจริงนั้นแตกต่างไปจากสิ่งที่เธอจินตนาการเอาไว้มาก
เซี่ยเหล่ยยิ้มก่อนจะพูดอย่างไร้ความกังวลว่า “นี่เป็นครั้งแรกสำหรับโรงงานและบริษัทของเราสำหรับการเปิดตัวต่อโลกภายนอก ผมไม่คิดว่าจะมีผู้คนรู้จักและให้ความสนใจกับเรามากหรอกนะ ดังนั้นนี่จึงถือเป็นปกติ” “เป้าหมายของคุณคือการใช้งานนิทรรศการเป็นตัวสร้างชื่อเสียงให้กับบริษัทและโรงงานแต่ถ้าคุณยังไม่สนใจและคาดหวังเอาไว้น้อยอย่างนี้ ฉันจะบอกไว้เลยว่าแม้งานนิทรรศการจะจบไปแล้ว คุณก็จะไม่ได้อะไรตามที่ต้องการเลย” ถ่างหยู่เหยี่ยพูด
“ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องกังวล” เซี่ยเหล่ยพูด
ถ่างหยู่เหยี่ยแปลกใจอย่างมากจึงถามออกไปว่า ”ในสถานการณ์แบบนี้การที่เจ้าของบริษัทไม่กังวลอะไรเลย นี่มันคืออะไรกันแน่? ฉันที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลย กลับกังวลแทนเจ้าของบริษัทแทนซะได้”
เซี่ยเหล่ยยังคงยิ้มและแสดงท่าทางที่ไร้ซึ่งความกังวลออกมา เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เพราะเขาคิดไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าสถานการณ์จะต้องเป็นแบบนี้
ในเวลานี้มีชายชาวตะวันออกกลางสองคนเดินเข้ามาใกล้กับบูธของบริษัทอาชาสายฟ้าอย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้แวะดูบูธของเซี่ยเหล่ยแม้แต่น้อย พวกเขาเพียงแค่เดินผ่านและเข้าไปในฮอลเท่านั้น
เป็นที่รู้กันดีว่าชาวตะวันออกกลางทั้งมั่งคั่งและกว้างขวาง
จังหวะที่ชาวตะวันออกกลางทั้งสองคนกำลังจะเดินผ่านไป ถ่างหยู่เหยี่ยที่เห็นโอกาสจึงได้ยิ้มและพูดขึ้นว่า “สุภาพบุรุษทั้งสองท่าน โปรดแวะชื่นชมบูธของพวกเราก่อน พวกเรา…… ”
ถ่างหยู่เหยี่ยยังพูดไม่ทันจบตรงหน้าประตูทางเข้าเลขาสาวของเย่คุน เฉียนเหม่ยก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับพูดแทรกขึ้นทันทีว่า “สวัสดีคุณเฟตส์และคุณแลชแมน มาถึงแล้ว อย่ารอช้าดีกว่า ประธานเย่กำลังรอพบพวกคุณอยู่”
น่าประหลาดใจอย่างมากที่เฉียนเหม่ยพูดภาษาอาหรับได้อย่างคล่องแคล่วดูเหมือนเธอจะสามารถจัดการทุกอย่างแทนเย่คุนได้หากเขาไม่อยู่จัดการเรื่องต่างๆเอง
ชายชาวตะวันออกกลางทั้งสองคนเดินตามเฉียนเหม่ยไปทันที
ก่อนจะเดินเข้าไปเฉียนเหม่ยได้หันมามองเซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยอย่างช้าๆหนึ่งครั้ง หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปพร้อมกับชายชาวตะวันออกกลาง
“เกลียดนัก! ไอบ้านี่!” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดอย่างไม่พอใจพร้อมมองไปที่เฉียนเหม่ย ตลอดเวลาพร้อมกับมีท่าทีที่จะเดินตามเธอไปแต่ก็ถูกเซี่ยเหล่ยดึงตัวไว้ก่อน
“เธอเป็นใครและคุณเป็นใครรู้อย่างนี้แล้วคุณยังอยากไปทะเลาะกับเธออีกงั้นเหรอ? ไม่ต้องกังวลไปหรอก เดี๋ยวทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง” เซียเหล่ยพูด
“คุณ …… เอ่อ โอเค ถ้าคุณไม่กังวล ฉันก็ไม่รู้ว่าจะกังวลไปทำไม” ถ่างหยู่เหยี่ยพูด
ภายในห้องโถงสำหรับงานนิทรรศการในตอนนี้คึกคักมากแตกต่างกับบูธของเซี่ยเหล่ยลิบลับหลังจากที่ชายชาวตะวันออกกลางทั้งสองคนได้เดินจากไปแล้ว ก็ไม่มีใครสนใจจะแวะชมบูธของเซี่ยเหล่ยอีกเลย ถ่างหยู่เหยี่ยที่ทนไม่ไหวกับสถานการณ์ในตอนนี้จึงพูดขึ้นมาว่า ”แม้ว่าสถานการณ์จะไม่เป็นไปตามที่หวังแต่คุณยังดูสงบและยังหัวเราะได้ ตอนนี้ฉันละอยากให้หลิงฮั่นมาช่วยแก้สถานการณ์จริงๆ ฉันเชื่อว่าเขาจะช่วยได้แน่นอน”
จังหวะนี้หู่ฮั่วก็เดินเข้ามาพร้อมกับพูดว่า ”หัวหน้าถ่าง ผมไม่รู้ว่าคุณหลิงเดินหายไปไหนแล้ว”
ถ่างหยู่เหยี่ยพูดว่า “เห้อ…จริงๆเลย เขาเป็นคนยังไงกันแน่นะ?”
ขณะที่ถ่างหยู่เหยี่ยกำลังกังวลอยู่นั้น เซี่ยเหล่ยหันไปมองเธอก่อนจะยิ้มออกมา
ถ่างหยู่เหยี่ยมองกลับไปที่เซี่ยเหล่ยพร้อมพูดว่า “คุณยิ้มทำไม? มีอะไรน่าขำงั้นเหรอ?”
เซี่ยเหล่ยยิ้มพร้อมพูดว่า “ดูคุณเป็นห่วงผมมาก ผมรู้สึกดีนะ แต่อย่างไรก็ตามผมเองก็กำลังหาทางแก้ปัญหาอยู่เหมือนกัน ตอนนี้ผมพอจะคิดอะไรออกแล้ว คุณช่วยผมหน่อยได้ไหม?”
ถ่างหยู่เหยี่ยถามด้วยความอยากรู้ว่า “หมายความว่าไง? ให้ช่วยอะไร?”
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “เดี๋ยวคุณก็รู้เอง”
พูดจบเซี่ยเหล่ยก็เดินเข้าไปภายในห้องโถงพร้อมเดินไปที่บูธ Barrett Company
ถ่างหยู่เหยี่ยมองตามหลังของเซี่ยเหล่ยไป แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาจากนั้นก็หันไปหาหู่ฮั่วพร้อมพูดว่า ”หู่ฮั่ว คุณคิดว่าเขาจะทำอะไรงั้นเหรอ?”
หู่ฮั่วส่ายหน้าพร้อมพูดว่า “ผมไม่รู้หรอกหัวหน้าถ่างแต่ผมสงสัยว่าคุณจะกังวลมากเกินไปหรือเปล่า?” พูดจบก็ยิ้มและพูดต่ออีกว่า “หัวหน้าถ่าง คุณชอบเขางั้นเหรอ?”
ถ่างหยู่เหยี่ยมองหู่ฮั่วด้วยความตะลึงพร้อมพูดขึ้นว่า “คุณกำลังพูดล้อเล่นกับหัวหน้าของคุณใช่ไหม? ยืนขึ้นเดี๋ยวนี้!”
หู่ฮั่วที่ก่อนหน้านี้กำลังนั่งอยู่ได้ยืนขึ้นทันที “ยืนต่อไป ห้ามนั่ง จนกว่าฉันจะบอก” ถ่างหยู่เหยี่ยออกคำสั่ง ไอลีนโนเวล
เซี่ยเหล่ยมองไปรอบๆในห้องโถงที่จัดแสดงงานนิทรรศการหลังจากนั้นก็หันไปมองที่บูธของบริษัทฮั่นซึ่งเป็นบูธของเย่คุน ตอนนี้มีผู้ให้ความสนใจมากมาย เย่คุนกำลังยืนอยู่หน้าบูธพร้อมกับแนะนำปืนไรเฟิลซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทเขาให้กับชายชาวตะวันออกกลางทั้งสองคน
จังหวะเดียวกันนี้บอดี้การ์ดของเย่คุนหันมาเห็นเซี่ยเหล่ยพอดี เขาจึงรีบเดินไปกระซิบข้างหูของเย่คุน ด้านเย่คุนเมื่อรู้ว่าเซี่ยเหล่ยกำลังมองมา เขาก็หันไปมองเซี่ยเหล่ยพร้อมยิ้มเยาะเย้ย
“เฮ้ นั่นคือเซี่ยเหล่ย เขาเป็นเจ้าของและผู้บริหารโรงงานผลิตอาวุธอาชาสายฟ้าที่มีชื่อเสียงใช่ไหม? ดูเหมือนคุณคงจะว่างจนเบื่อเลยมาเดินรอบๆงานสินะ?” เย่คุนพูดเยาะเย้ยเซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยไม่ได้สนใจคำพูดเยาะเย้ยของเย่คุนเขากลับตอบออกไปอย่างไม่แยแสว่า “ใช่ ตอนนี้ผมว่างมากจึงเดินดูบรรยากาศภายในงานพร้อมกับเรียนรู้ทักษะของบริษัทใหญ่ที่ใช้ในงานนิทรรศการนี้”
“ประสบการณ์แบบนี้ไม่ใช่ว่าจะเรียนรู้กันได้ง่ายๆขนาดนั้นหรอกนะ รากฐานต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญ” เย่คุนพูดสบประมาทพร้อมกับหัวเราะเยาะก่อนจะพูดต่ออีกว่า “ผมมองว่าโรงงานขนาดเล็กของคุณคงจะใช้เวลาซักราวๆสามสิบปีกว่าจะตามความยิ่งใหญ่ของบริษัทผมได้”
นี่คือคำพูดยั่วยุให้เซี่ยเหล่ยโกรธ
เซี่ยเหล่ยตอบกลับอย่างเรียบง่ายว่า “ที่คุณพูดมาก็ถูกนะ บริษัทผลิตอาวุธของผมตอนนี้ยังเป็นบริษัทขนาดเล็กแต่ผมเองก็คิดว่าบริษัทฮั่นไม่ใช่คู่แข่งของบริษัทผมเหมือนกัน เพราะคุณมีคุณสมบัติไม่เพียงพอที่จะเป็นคู่แข่ง”
“ฮ่าฮ่าฮ่า…. ” เย่คุนหัวเราะเสียงดังมากก่อนจะพูดว่า “นี่เซี่ยเหล่ย อาจารย์ของผมเคยบอกไว้ว่าคุณเป็นคนที่หยิ่งยโสมาก มาตอนนี้ผมรู้แล้วว่าสิ่งที่อาจารย์เคยพูดไว้นั้นเป็นความจริง อย่างไรก็ตามความหยิ่งยโสของคุณตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นความโง่ซะมากกว่า คุณบอกว่าบริษัทของผมไม่ใช่คู่แข่งของบริษัทคุณอย่างนั้นเหรอ? ผมว่าไม่ใช่หรอกนะเพราะบริษัทของคุณนั้นเทียบไม่ได้กับบริษัทของผมเลยด้วยซ้ำ”
เซี่ยเหล่ยยิ้มพร้อมกับพูดว่า “ผมว่าสิ่งที่ผมพูดนั้นมีส่วนจริงอยู่นะ คุณลองมองดูสิ ผมหมายถึงลองมองคู่แข่งในงานนิทรรศการครั้งนี้ดูสิ บริษัทของคุณนั้นมีชื่อเสียงมากในประเทศก็จริงแต่ก็เทียบไม่ได้กับ Barrett Company หรือ FN Herstal หรือแม้แต่ Heckler&Koch ที่เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลก ดังนั้นผมจึงบอกว่าคุณไม่ใช่คู่แข่งของผม”
เย่คุนตอบกลับอย่างเย็นชาทันทีว่า “คุณเป็นคนที่มีเป้าหมาย ผมรู้ว่าคุณวางแผนจะใช้งานนิทรรศการครั้งนี้เพื่อเพิ่มความนิยมและชื่อเสียงให้กับบริษัทและโรงงานของคุณ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ผลลัพธ์จากเป้าหมายของคุณมันจะออกมาแล้ว ดูอย่างตอนนี้สิไม่มีใครสนใจบูธของคุณเลย ดังนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดของคุณคือขายมันให้กับผมซะ”
“เอาหล่ะ ผมลืมไปว่ามีเวลาไม่มากพอที่จะมาเสวนากับคุณ และอีกอย่างผลลัพธ์ของบริษัทผมที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ผมจะแสดงให้คุณเห็นเอง” เซี่ยเหล่ยพูดเสร็จก็ตรงไปยังบูธของ Barrett Company ทันที
เย่คุนได้ตะโกนตามหลังเซี่ยเหล่ยไปว่า “ผมจะรอดูว่าคุณจะบรรลุเป้าหมายของคุณได้ยังไง !”
เซี่ยเหล่ยไม่สนใจ เขาไม่หันกลับมามองเลยด้วยซ้ำ
ในห้องโถงสำหรับจัดแสดงนิทรรศการ บูธของ Barrett Company ได้รับความนิยมและสนใจอย่างล้มหลาม เนื่องจากพวกเขานำปืนไรเฟิลที่มีเชื่อเสียงมาจัดแสดงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น M90, M95 และ M99 ซึ่งเป็นปืนที่มีประสิทธิภาพอย่างมากและเป็นที่รู้จักกันดีทั่วทั้งโลก
แม้ว่าเซี่ยเหล่ยจะเดินเข้าไปใกล้กับบูธของ Barrett Company แต่ก็ไม่มีพนักงานของบริษัทเรียกเขาเข้าไปแนะนำหรือเชิญชวนให้ซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัทเลย เนื่องจากพนักงานมองเซี่ยเหล่ยไม่มีเงินพอจะซื้อ พวกเขามองเซี่ยเหล่ยว่าเป็นเพียงคนที่ชื่นชอบปืนและมาชมผลิตภัณฑ์ด้วยตาตัวเองเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่มีพนักงานคนไหนคุยกับเซี่ยเหล่ยเลย
เซี่ยเหล่ยมองอยู่พักหนึ่ง หลังจากนั้นก็รู้สึกว่าเพียงพอสำหรับการเก็บข้อมูลแล้วจึงเดินไปยังบูธถัดไปซื่งเป็นบูธของบริษัท FN Herstal ของเบลเยี่ยม Heckler&Koch ของเยอรมัน และสุดท้ายก็เดินไปยังออฟฟิศของ Moscow International และได้พบกับห้องๆหนึ่งซึ่งเป็นของผู้จัดการที่ชื่อ เชคส์ออฟ
เซี่ยเหล่ยเดินเข้าไปพร้อมเปิดประตูและพูดทักทายว่า ”คุณ เชคส์ออฟ สวัสดี ผมเป็นคนจีน ซึ่งเป็นเจ้าของและผู้จัดการของโรงงานผลิตอาชาสายฟ้า ผมสนใจอยากจะคุยกับคุณเรื่องธุรกิจ”
เชคส์ออฟมองไปที่เซี่ยเหล่ยด้วยความงุนงงพร้อมกับพูดว่า “โรงงานอาชาสายฟ้างั้นเหรอ? ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน ว่าแต่คุณบอกว่าจะคุยเกี่ยวกับธุรกิจ เป็นธุรกิจอะไรหล่ะ?”
เซี่ยเหล่ยตอบกลับอย่างเรียบง่ายว่า “แน่นอน เป็นธุรกิจที่ดีและน่าสนใจ”
เชคส์ออฟยิ้มพร้อมพูดว่า “คุณ…ถ้าคุณคิดจะขายปืนของบริษัทคุณให้กับผม ผมขอพูดก่อนเลยว่ากลับไปซะ ผมไม่มีเวลามากพอจะพูดเรื่องนี้ และคุณก็คงมองหาคนผิดซะแล้ว”
จังหวะนี้เซี่ยเหล่ยได้ปิดประตูสำนักงานด้วยหลังมือโดยไม่หันกลับไปมอง
เชคส์ออฟขมวดคิ้วทันทีพร้อมพูดว่า “คุณต้องการจะทำอะไร?”
เขาไม่ได้ให้เวลาเซี่ยเหล่ยตอบเลยด้วยซ้ำ พอเขาพูดจบก็เอื้อมมือไปที่โทรศัพท์ทันทีเพื่อต้องการโทรเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
เซี่ยเหล่ยเดินเข้าไปและจับมือของเขาที่กำลังกดเบอร์โทรออกอยู่พร้อมกับพูดว่า “50,000 ยูโร ผมขอซื้อเวลาของคุณครึ่งชั่วโมง”
เชคส์ออฟ เงียบครู่หนึ่งก่อนมองไปที่เซี่ยเหล่ยด้วยความประหลาดใจและพูดว่า“ คุณ …… ”
เซี่ยเหล่ยยิ้มและพูดว่า “อย่าเพิ่งเข้าใจผิด ผมหมายถึงต้องการเวลาคุณครึ่งชั่วโมงเพื่อพูดคุยและจ่ายเงินจำนวน 50,000 ยูโรเป็นค่าเสียเวลา”
เชคส์ออฟ ยิ้มออกมาทันทีพร้อมกับพูดว่า “เอาหล่ะ คุณจะดื่มอะไรก่อนไหม?”
ติดตามตอนต่อไป…..